14
“ขอโทษนะที่ต้องรบกวนวิชแบบนี้ วันหยุดแท้ ๆ ยังต้องมาช่วยอีก”
วีรญาบอกขณะที่ทั้งคู่เดินอยู่ด้วยกันในห้างสรรพสินค้า เธอเป็นฝ่ายนัดเขาออกมาเอง ด้วยเหตุผลว่าจะขอเลี้ยงแสดงความยินดีสักมื้อ แล้วก็เลยถือโอกาสให้เขาช่วยเลือกของขวัญสักชิ้นที่ผู้ชายน่าจะชอบ ซึ่งเธอจะให้เพื่อน
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่นัดเช้ามากผมตื่นได้” เขาพูดติดตลก วีรญาอมยิ้ม
เลือกไม่นานก็ได้ของขวัญเป็นกระเป๋าสตางค์หนังอย่างดี ออกจากร้านเสื้อผ้าผู้ชายก็ผ่านแผนกเสื้อผ้าผู้หญิง ชุดที่โชว์หน้าร้านเป็นชุดราตรีเกาะอกสีเปลือกมังคุด จับจีบตรงเอวไปผูกเป็นโบว์ เรียบแต่หรูดูดี ปัญวิชช์หยุดมอง จินตนาการว่าถ้านภัสรินทร์ใส่ชุดนี้ คงจะเหมาะ สีม่วงคงจะขับผิวขาวของเธอให้สวยโดดเด่น
“มองอะไรอยู่” วีรญาถามและมองตามสายตาเขาไป “ชุดนี้เหรอ สวยดีนะ”
ปัญวิชช์ก้าวออกไป “มองแบบนี้คิดจะซื้อให้ใครหรือเปล่า แฟนเหรอ”
“เปล่าครับ ผมแค่เห็นว่ามันสวยดี” เวลาพูดถึงเรื่องคนที่รักทีไร ชายหนุ่มต้องยิ้มแบบเขิน ๆ วีรญาซ่อนความรังเกียจไว้
“ให้พี่ช่วยเลือกไหมล่ะ ตอบแทนที่วิชช่วยเลือกของไง”
ชายหนุ่มนิ่ง รสนิยมของวีรญาจะถูกใจนภัสรินทร์หรือเปล่า แต่คิดอีกที ทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนกัน และประการที่สำคัญเขายังไม่เคยซื้ออะไรให้นภัสรินทร์เลย จึงก้าวเข้าไปที่ร้านนั้น
วีรญาลูบเนื้อผ้า “สีนี้เหมาะกับคนขาวนะ”
“เขาเป็นคนขาวครับ”
อีกฝ่ายพยักหน้า พนักงานประจำร้านเดินมาใกล้ ๆ พลางส่งยิ้มทักทาย “ขาวไม่พอหรอก ต้องดูรูปร่างด้วย ชุดเกาะอกเหมาะกับคนที่มีช่วงไหล่กับช่วงเหนือหน้าอกไม่แคบหรือไม่ผอมเกินไปนะ”
ปัญวิชช์นึกรูปร่างนภัสรินทร์ “ก็หุ่นดี ขาสวย” แก้มของเขาระเรื่อ วีรญาระงับอาการเบะปาก คุยเรื่องช่วงไหล่ดันบอกว่าขาสวย แสดงว่าเคยเห็น หรือไม่นภัสรินทร์ก็จงใจให้เห็น พอคิดขึ้นมามันก็ร้อนวูบวาบ
“ท่าทางจะชอบเขามากนะเนี่ย พูดถึงทีไรทำตาปรอยตลอด ชักอิจฉาซะแล้วสิ”
ในหัวใจวีรญามีมากกว่าความอิจฉา แต่ปัญวิชช์จะไม่มีทางรู้ ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มเขินอย่างเดียว
ขณะเดียวกัน ปัญวิชช์ก็ไม่บอกไปเช่นกันว่า ผู้หญิงคนนั้นคือนภัสรินทร์เพื่อนสนิทของเธอ เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม อาจจะเป็นเพราะเขาไม่มั่นใจในความลึกซึ้งของอารมณ์ผู้หญิง หรือเป็นเพราะท่าทีบางอย่าง สายตาบางคราวที่วีรญาเคยมองอาเมศมันแปลก ๆ ก็เป็นได้
แต่ในที่สุดชายหนุ่มก็เลือกชุดนี้ พนักงานบรรจงพับใส่กล่องให้อย่างดี พอชำระเงินและรับใบเสร็จพร้อมบัตรเครดิตคืน พนักงานขายก็มีอาการกระมิดกระเมี้ยน
“เอ่อ หนู...ขอลายเซ็นต์ เอ่อ ขอถ่ายรูปกับคุณปัญวิชช์หน่อยได้ไหมคะ”
ในร้านอาหาร วีรญายังแซวปัญวิชช์ไม่เลิก
“เสน่ห์แรงสมคำร่ำลือจริง ๆ ไม่เห็นกับตาไม่เชื่อนะเนี่ย พี่นึกว่าตัวเองเดินกับดาราแน่ะ” คนเสน่ห์แรงทำจมูกย่น “ผมไม่เห็นจะชอบเลย”
“ไม่ชอบแล้วมาเป็นสส.ทำไมล่ะ รู้ว่าจะต้องเป็นคนของประชาชน เรื่องแบบนี้ธรรมดาจะตาย”
เขานิ่ง ก่อนตอบเลี่ยง ๆ ไปว่า มีเหตุผลนิดหน่อย แต่วีรญารู้มากกว่านั้น
การเลือกที่จะมีตำแหน่งหน้าที่ให้ทัดเทียมปรเมศ ไม่ใช่เพราะเจริญรอยตามทางของตระกูล แต่เพียงเพื่อที่จะได้ไม่เป็นคนธรรมดาในสายตานภัสรินทร์ ปัญวิชช์ใช้เส้นทางที่เดินไปสู่หัวใจนภัสรินทร์เหมือนกันคนเป็นอา ซึ่งทำให้วีรญาเกลียดได้พอ ๆ กัน เธอกำมือแน่น ถ้าไม่เห็นข่าววันนั้นเธอก็คงไม่เลือกกลับประเทศไทยอย่างกะทันหัน และผู้ชายพวกนี้จะก้าวไปใกล้แค่ไหน ยิ่งคิดก็เหมือนอกจะระเบิด
“วิช พี่ไปห้องน้ำหน่อยนะ”
“ครับ” ปัญวิชช์คิดอย่างขำ ๆ ก่อนจะกินข้าวผู้หญิงต้องเข้าห้องน้ำเดี๋ยวกินเสร็จก็ต้องเข้าอีกรอบเพื่อไปเติมหน้าแต่งตัว วีรญาคงเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้ว
เขานิ่งเล็กน้อย คิดถึงนภัสรินทร์ขึ้นมาได้ เขาไม่ได้บอกเธอว่าจะไปไหน ป่านนี้คงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ส่งข้อความไปหาเล่น ๆ ดีกว่า เขายิ้มพลางพิมพ์อักษร
‘วันนี้ไม่ไปหานะ กินข้าวกับสาวสวยอยู่’
อาหารจานแรกมาเสิร์ฟตอนที่นภัสรินทร์ตอบข้อความกลับมา
‘ดีใจด้วยนะที่มีสาวมากินข้าวด้วยแล้ว ฉันจะได้ว่างซะที’
เขาหัวเราะชอบใจ ส่งข้อความกลับไปอีกครั้ง ‘ไม่อยากรู้เหรอว่าใคร บอกให้ก็ได้นะพี่วีไง’ วีรญาเดินเข้ามา “อาหารน่าทานจัง”
ปัญวิชช์เก็บโทรศัพท์ “ลุยเลยครับ”
หญิงสาวตักแกงคั่วเห็ดเผาะ ส่วนเขาเลือกปลาช่อนผัดพริกไทยดำ เริ่มกินกันได้ไม่กี่คำเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดัง เขากดรับ
“ครับผม”
“อยู่ที่ไหนน่ะวิช กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เสียงนภัสรินทร์ออกแนวตวาด เขาเหลือบมองคนร่วมโต๊ะแว่บหนึ่ง “กำลังกินข้าว เดี๋ยวก็กลับ ไม่ต้องห่วง ผมมีของ...อ้ะ รู้แล้ว หึงใช่ไหมล่ะ”
“ไม่ต้องมาพูดเล่นเลย กลับมาเดี๋ยวนี้ ให้เวลาสิบนาที ออกมาเลยนะ
“แต่...”
“ไม่ต้องแต่ คุณต้องกลับเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะโกรธคุณ” แล้วนภัสรินทร์ก็วางสายไป ปัญวิชช์มองโทรศัพท์ด้วยความงุนงง เคยเห็นเธอเหวี่ยงมาบ้างแต่ไม่เคยได้ยินการยื่นคำขาดแบบนี้ ก็แค่กินข้าว หรือว่าหึงเขาจริง ๆ
“มีอะไรเหรอ”
วีรญาเรียกแทรกความสงสัยด้วยความสงสัยของตัวเอง ปัญวิชช์เล่าไม่ถูก เธอจึงเป็นฝ่ายพูดเอง
“แฟนโทรตามแล้วใช่ไหม”
“ครับ”
หญิงสาวยิ้มระบาย “แสดงว่าไม่ได้บอกก่อนล่ะสิว่ามากับพี่ งั้นวิชกลับไปก่อนก็ได้”
“แต่...” เขามองอาหารที่ยังแทบไม่พร่อง บางอย่างยังไม่ได้เสริ์ฟ และไหนจะเรื่องมารยาทอีก
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ วิชกลับไปก่อนเถอะ พี่ไม่อยากเห็นคนรักผิดใจกัน เรื่องอาหารพี่จัดการเอง”
ปัญวิชช์สบตาอีกฝ่ายเชิงสำนึกผิด “งั้นผมไปก่อนนะพี่วี ขอโทษด้วยครับที่อุตส่าห์จะเลี้ยง เอาไว้คราวหน้าผมจะเลี้ยงพี่เป็นการตอบแทนเรื่องวันนี้นะ”
“ไปเถอะ”
ปัญวิชช์ยกแก้วขึ้นดื่ม ผงกศีรษะเป็นการขอโทษแล้วลุกออกมา วีรญามองตาม เมื่อชายหนุ่มพ้นไปจากสายตา รอยยิ้มของเธอก็หายไป ความโกรธแค้นแทนที่ในสีหน้า เธอกำมือกระแทกลงไปบนโต๊ะ ทำเอาพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านมาถึงกับชะงักด้วยความตกใจ
ปัญวิชช์ออกมายังแทบไม่ถึงสิบนาที และยังขับรถออกไปพ้นเขตร้านอาหาร โทรศัพท์ดังขึ้นอีก
“วิช ออกมาหรือยัง”
“คร้าบ ออกมาตามคำสั่งแล้วคร้าบ” เขาแกล้งล้อ
ได้ยินเสียงถอนหายใจ “แล้วไป แค่นี้นะ”
“อ้าว เดี๋ยวสิริน...” ปัญวิชช์งงหนักกว่าเดิมเพราะหญิงสาววางสายไปโดยง่าย แต่เขาก็ยังยิ้ม ถึงจะไม่แน่ใจอาการของเธอนัก แต่พอแค่คิดถึงคำว่าหึงใจมันก็พองฟูเกินการควบคุม
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ปัญวิชช์ก็มาอยู่หน้าคอนโดเขากดโทรศัพท์ไปหานภัสรินทร์
“มาถึงแล้วครับ”
“ถึงที่ไหน”
“ก็หน้าคอนโดรินไง”
“ไม่ได้ให้มานะ กลับบ้านไปซะสิ”
“อ้าว อะไรกัน ผมอุตส่าห์ออกมาตามคำสั่งแล้วมาลอยแพได้ยังไง รู้ไหมว่าผมยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ”
“มาบอกทำไม ก็ไปหากินสิ”
ปัญวิชช์เม้มปาก “เอ...พี่วีจะออกไปจากร้านหรือยังนะ”
นภัสรินทร์หูผึ่ง “จะกลับไปหาเขาหรือไง”
“ก็ผมยังไม่ได้กินข้าวนี่ หิวนะ”
หญิงสาวถอนใจเฮือก เธอไม่ควรลืมว่าปัญวิชช์มีลูกตื้อที่เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว ตัวเองก็เป็นฝ่ายใจร้อนเร่งเร้าเขาให้กลับออกมาด้วย พอเจอเหตุผลย้อนกลับเลยจนมุม “อยู่ตรงนั้นล่ะ เดี๋ยวลงไปหา”
ปัญวิชช์ยิ้มแป้นเมื่อเห็นนภัสรินทร์เดินออกจากลิฟท์ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะอ้าแขนกอดแล้วก็ปลอบว่าแค่ไปกินข้าว ไม่ต้องหึงมากมายขนาดนี้ก็ได้ แต่ความเป็นจริงได้แต่ยืนนิ่ง ๆ แล้วภาพนั้นก็สลายไปเมื่อหญิงสาวทำหน้าตูมใส่
“เราจะไปกินอะไรที่ไหนกันดี”
“ไม่ต้องยิ้มขนาดนั้นเลย” นภัสรินทร์พูดแล้วก็ก้าวยาว ๆ นำหน้าออกไป จนมาหยุดที่ร้านอาหารไม่ไกลจากคอนโดนัก เป็นร้านในอาคารพาณิชย์ขายจำพวกข้าวหมูแดงหมูกรอบ ปัญวิชช์มองอย่างสนอกสนใจว่าหญิงสาวจะพามาร้านธรรมดาแบบนี้ด้วย
“รินกินข้าวหรือยัง”
หญิงสาวส่ายหน้า เขายิ่งอารมณ์ดี ระหว่างรอข้าวมาเสิร์ฟ ปัญวิชช์ยื่นถุงที่มีชุดราตรีสีสวยนั้นให้ นภัสรินทร์มองเล็กน้อยก่อนจะรับ และเปิดออกดู เป็นธรรมดาของผู้หญิงเมื่อเห็นเป็นเสื้อผ้าก็เผยอยิ้ม ใบหน้าคลายความหงุดหงิดลง
“เนื่องในโอกาสอะไร”
“แค่อยากซื้อให้”
นภัสรินทร์ลูบเนื้อผ้า ชายหนุ่มมอง อดตื่นเต้นไม่ได้เพราะกิริยานั้นไม่ผิดจากวีรญาเลย “คิดยังไงซื้อเดรสให้สาว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเลือกให้พอดีหุ่น แล้วไหนจะสไตล์อีก กล้าหาญมากนะ”
“ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ผมมีตัวช่วย ผมเลือกก็จริง แต่พี่วีช่วยรับประกันให้ว่ามันเหมาะกับริน”
รอยยิ้มยินดีหายไปจากหน้าคนรับ ปัญวิชช์ใจหาย
“ไม่ชอบเหรอ” น้ำเสียงเขาทั้งผิดหวังและหวาดหวั่นชัดเจน
นภัสรินทร์รู้สึกมีลมพัดผ่านใจ ที่เธอปฏิเสธคือความคิดที่โหดร้ายของวีรญา เกลียดวิธีการที่กดดันเธอทางอ้อม แต่ปัญวิชช์ที่ไม่รู้เรื่องนี้ติดสอยห้อยตามโดนหางเลขอารมณ์เข้าไปด้วย มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลย
“เปล่าหรอก” เธอส่ายหน้า “เอาเป็นว่าขอบคุณก็แล้วกัน แต่ขออย่างหนึ่ง ต่อไปอย่าไปไหนกับวีอีก รับปากได้ไหม”
ปัญวิชช์เอียงคอ
“ฉันจริงจังนะ ถ้ายังไปไหนกับวีอีก ต่อไปไม่ต้องมาคุยกัน ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก”
ปัญวิชช์ก็ได้แต่ยิ้มลำพอง นภัสรินทร์จะหึงหรือมีอะไรคาใจกับวีรญา แสดงว่าเขาก็คิดถูกแล้วที่ไม่ได้บอกวีรญาว่า ‘แฟน’ ที่พูดถึงนั้นคือใคร
“วิช...”
อาหารมาเสิร์ฟแล้ว ปัญวิชช์ทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง “กินข้าวเถอะ โห น่าทานมากเลย” นภัสรินทร์ถอนหายใจ และเริ่มลงมือรับประทาน เป็นเพราะกำลังหวั่นเกรงอะไรบางอย่างจึงแสดงออกไปมากกว่าที่เคยจนเหมือนว่าเขาจะได้ใจ แต่เธอก็ไม่อาจห้ามหัวใจไม่ให้คิดมากไปได้อยู่ดี
....
จากคุณ |
:
อุธิยา (BabyRed)
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ก.ค. 55 09:39:28
|
|
|
|