Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
xxxซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจในควันปืน : ไฟซ่อนรัก..บทที่๑๓ xxx (กรณ์ วรรณกานต์) ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๑๒

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12327617/W12327617.html

..................................................

“พี่ทัช! ”

เสียงกังวานใสตะโกนลั่นจากระเบียงบ้านในยามสาย ให้เจ้าของชื่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือบนเก้าอี้ในสนามหญ้าชะงักงัน ก่อนเหลียวสายตาไปตามเสียงเรียกเห็นร่างเล็กๆของอรดีกำลังโบกไม้โบกมือพร้อมตะโกนมาอีกครั้ง

“พี่ทัช เดี๋ยวพาแอ้มไปหาพี่โม้นาหน่อยสิ”

ใบหน้าที่แหงนเงยตอบทันควัน “เรื่องอะไรล่ะ อยากไปหาก็ไปเองสิ มาวุ่นวายอะไรกับพี่เล่า”

และคนที่ก้มหน้ามาคุยก็โอดครวญอ้อนวอน
“ก็แอ้มไม่อยากนั่งแท็กซี่ไปนี่นา ที่บ้านก็ไม่เหลือคนขับรถสักคน แอ้มเลยมาขอให้พี่ทัชช่วยพาไปไงล่ะ..นะพี่ทัชคนดี้ คนดี” พร้อมยกมือไหว้ปลกๆ

“แล้วเราไม่คิดจะถามเลยเหรอว่าพี่ว่างรึเปล่า”

หญิงสาวโบกมือว่อน “โอ้ย ถ้าพี่ทัชไม่ว่าง ป่านนี้แอ้มก็ไม่เห็นหัวพี่แล้วล่ะ..ตกลงไปกันเลยนะ” พูดมัดมือชกเสร็จก็ผลุบหายไปจากระเบียง ไม่สนใจเสียงโวยวายของญาติผู้พี่ที่ตะโกนไล่หลังขึ้นมา

“เฮ้ย! ยัยแอ้ม พี่ยังไม่ตกลงเลยนะ”

และไม่กี่นาที อรดีก็มายืนฉีกยิ้มหน้าแป้น ดวงตาใสแจ๋วตรงหน้า ในมือหิ้วกระเป๋าสะพายเตรียมพร้อมเดินทางเสร็จสรรพ ส่วนมืออีกข้างกำลังยื่นกุญแจรถยนต์ของญาติหนุ่มที่หยิบมาจากจานเซรามิคข้างประตูบ้าน ซึ่งเขาชอบวางกุญแจไว้ในนั้น และแม้ว่าฉันทัชจะยืนเท้าเอวเพ่งสายตาดุใส่ เธอก็ทำเป็นไม่เห็น ได้แต่ส่งยิ้มใสซื่อให้เท่านั้น..และไม่กี่นาทีต่อมา ฉันทัชก็พ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยอกเหนื่อยใจก่อนคว้ากุญแจจากมือเธอหันเดินไปยังโรงเก็บรถ

“ให้ตายเถอะ! ทำไมเราไม่ขอพ่อเราซื้อรถให้สักคันล่ะ จะได้เลิกวุ่นวายกับพี่เสียที”

อรดีก้าวยาวๆเพื่อเดินเคียงข้างเขา
“แอ้มขอแล้ว แต่พ่อไม่ให้ บอกว่าสิ้นเปลือง” นอกจากจะไม่ให้แล้ว บิดาของเธอยังพูดว่า “ถ้าอยากได้นักก็ไปขอกับอาชัชสิ เผื่อเขาจะให้”  ซึ่งเธอรู้ดีมาโดยตลอดว่า หนี้บุญคุณที่ชนาธิปมีต่อเธอและบิดานั้นมากมายเกินพอแล้ว เธอคงไม่กล้าเรียกร้องขออะไรมากไปกว่านี้หรอก แค่ที่ได้รับทุกวันนี้ก็เกินพอแล้ว..

สองเรียวแขนของหญิงสาวยื่นไปเกาะเกี่ยวแขนญาติหนุ่ม
“เพราะฉะนั้น แอ้มเลยต้องมีเรื่องรบกวนพี่ทัชต่อไปแบบนี้ล่ะ” และฉีกยิ้มทะเล้นใส่ จนถูกเขายื่นมือมาบีบจมูกอย่างหมั่นไส้

“ทีหลังก็หัดอ้อนพี่ภาบ้างสิ”

หญิงสาวผละแขนออกพลางคลำปลายจมูกที่โดนบีบเมื่อครู่ป้อยๆ ขณะเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับ “โอ้ย! รายนั้นน่ะ อ้อนยังไงก็ไม่ยอมใจอ่อนหรอก ต่อให้แอ้มลงไปนอนชักดิ้นชักงอด้วย”เพราะชญาภานั้นค่อนข้างไว้ตัว เวลาพูดคุยเธอก็รู้สึกถึงช่องว่างที่บางครั้งก็สร้างความอึดอัด ไม่ได้รู้สึกสนิทใจเหมือนเวลาอยู่กับฉันทัชหรือราโมน่า

ฉันทัชไม่ได้พูดอะไรอีก เขาสตาร์ทเครื่องพลางถามจุดหมายปลายทาง
“ไปหาที่คอนโดใช่มั้ย”

“เปล่า ไปหาที่สตูดิโอน่ะ วันนี้พี่โม้นามีถ่ายแบบ”

“เฮ้อ งั้นบอกทางมาก็แล้วกัน” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจอีกครั้ง ก่อนขับไปตามเส้นทางที่ญาติสาวบอก



ปริพันธ์นั่งบนเก้าอี้ผ้าแบบพับในมุมห้อง มองร่างงดงามในเสื้อผ้าสวยหรูขยับท่วงท่าต่อเนื่องผสานเสียงกดชัตเตอร์ตามความต้องการของช่างภาพหนุ่มระดับแนวหน้า จนเซ็ตสุดท้ายเสร็จสิ้นด้วยความพอใจของทุกฝ่าย ราโมน่าจึงถูกปล่อยให้เป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง เธอจึงเดินมาหาชายหนุ่มที่นั่งรออยู่นาน

“เห็นมั้ยคะ โม้นาบอกแล้วว่านาน พี่ปอเลยต้องเสียเวลารอโม้นาไปตั้งครึ่งค่อนวันเลย”

ชายหนุ่มอมยิ้ม
“แต่พี่ว่าไม่เสียเวลาเลยนะ เพราะอย่างน้อย พี่ก็ได้เห็นโม้นาตลอด”

“หึ ถ้าพี่คิดแบบนั้นก็ตามใจ งั้นเดี๋ยวโม้นาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ” เธอว่ายิ้มๆ ก่อนหันเดินเข้าห้องแต่งตัว..และไม่กี่อึดใจต่อมา หญิงสาวก็กลับมายืนตรงหน้าเขาอีกครั้งด้วยเสื้อผ้าของเธอเอง

สองหนุ่มสาวเดินออกมาที่นอกสตูดิโอ ราโมน่าก็เหลียวมองหาอรดีเพราะนัดกันไว้ให้มาเจอกันที่นี่ แต่ก็ไม่เห็นจึงโทรศัพท์ถามหา
“ฮัลโหล แอ้มอยู่ไหนแล้วจ๊ะ”

“ถึงแล้วค่า ถึงแล้ว” เสียงอรดีตอบกลับมา พร้อมกับตัวรถของฉันทัชเลี้ยวเข้ามาจอดด้านหน้า และไม่กี่อึดใจ ร่างเพรียวเล็กบอบบางของหญิงสาวอารมณ์ดีก็เปิดประตูปรี่เข้ามายกมือไหว้ทั้งสองหนุ่มสาว ก่อนเอ่ยถาม

“..ถ่ายแบบเสร็จแล้วเหรอพี่โม้นา”

“เสร็จแล้วจ้ะ”

หญิงสาวผู้อ่อนวัยกว่าทำหน้าเสียดาย
“หูย อดดูพี่โม้นาโพสท่าเลย”

“ก็เราทำไมมาช้าล่ะ”

“ก็พี่ทัชน่ะสิ ขับรถหลงไปไหนก็ไม่รู้” หญิงสาวโบ้ยไปให้ญาติหนุ่มที่เดินตามมาและเพิ่งจะไหว้ปริพันธ์เสร็จ ก็รีบหันมาแย้งทันควัน

“อย่ามามั่วนิ่มยัยแอ้ม ตัวเองบอกทางผิดเองแล้วจะมาโทษพี่ได้ไง กะอีแค่ชื่อสตูดิโอนี่ยังจำผิดเป็นชื่อร้านอาหารเลย แล้วนับประสาอะไรจะมาบอกทางคนอื่นได้ถูก เฮอะ”

อรดีหน้ามุ่ยกับความจริงที่ถูกเปิดเผยให้คนฟังอีกสองชีวิตได้อมยิ้มขำ และราโมน่าก็เอ่ยตัดบทให้
“เอาน่า ไหนๆก็มาถึงจนได้แล้ว” และยื่นถุงกระดาษที่ถืออยู่ในมือส่งให้ญาติสาว “นี่จ้ะ ชุดที่แอ้มอยากได้ พี่ซื้อให้แล้ว”

อรดีดีใจจนแทบเต้น เธอรีบยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะคว้าถุงหมับมาเปิดดูของภายใน ซึ่งเป็นชุดกระโปรง     แบรนด์เนมสีสดใสอย่างที่เธอเคยออดอ้อนขอราโมน่าให้ซื้อให้ เพื่อจะใส่ไปงานวันเกิดของเพื่อนสนิท

ฉันทัชนิ่วหน้า
“นี่ยัยแอ้ม อย่าบอกนะว่าให้พี่ขับรถมาตั้งหลายสิบกิโลเนี่ย เพื่อจะเอาเสื้อแค่ชุดเดียวน่ะ”

และหญิงสาวก็พยักหน้ารับตาใส
“ฮื่อ”

ชายหนุ่มถอนใจฟืด
“เฮ้อ! ยัยแอ้ม แค่เสื้อตัวเดียวเนี่ยรอให้โม้นาเอาไปให้เองก็ได้ วันอาทิตย์นี้โม้นาก็กลับไปกินข้าวที่บ้านแล้ว”

“กว่าจะถึงวันอาทิตย์ตั้งอีกสามวัน แต่ชุดนี้แอ้มจะใส่ไปงานวันเกิดลูกหมูพรุ่งนี้แล้วนะ”

ฉันทัชส่ายหน้า ในเมื่อหลวมตัวมาแล้วถึงโวยวายไปก็เท่านั้น
“เออ ๆ งั้นเสร็จธุระแล้วก็กลับกันได้เลย”

“อย่าเพิ่งกลับสิครับ ไปนั่งทานอะไรด้วยกันก่อนดีกว่า ผมกำลังจะไปร้านอาหารพอดี เพราะตั้งแต่เช้าแล้วโม้นาเพิ่งจะทานโยเกิร์ตไปถ้วยเดียวเอง ป่านนี้คงหิวแย่แล้ว” ปริพันธ์เอ่ยชวนอย่างคนคุ้นเคยและคิดว่าถ้ามีคนภายในครอบครัวของหญิงสาวร่วมโต๊ะอาหารด้วย คงทำให้หญิงสาวมีความสุขมากขึ้น

และก็เป็นอรดีอีกครั้งที่รีบรับข้อเสนอด้วยน้ำเสียงเบิกบาน
“อุ๊ย! ก็ดีสิคะ  แอ้มก็กำลังหิวพอดีเลย งั้นเราไปกันเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา แอ้มรู้จักร้านอร่อยใกล้ๆนี้ด้วย เดี๋ยวแอ้มบอกทางให้นะคะ”

ราโมน่าอมยิ้ม และขัดขึ้น
“ถ้าพาหลงทางล่ะก็ พี่จะกินเราแทนนะ”

อรดีหัวเราะคิก “ไม่หรอกน่า” แล้วก็หันมาทางฉันทัช “แอ้มจะนั่งรถพี่ปอไปกับพี่โม้นานะ พี่ทัชขับตามมาก็แล้วกัน” ก่อนจะหันควงแขนญาติสาวพาก้าวเดินพร้อมพูดคุยเจื้อยแจ้วสร้างโลกส่วนตัวสำหรับสาวๆขึ้นมา ในขณะที่ฉันทัชเอียงคอมองตามอย่างเข่นเขี้ยว ด้วยอาการอยากเขกกะโหลกเล็กๆของอรดีสักโป๊ก สองโป๊ก

ปริพันธ์อมยิ้มและตบไหล่หนุ่มรุ่นน้องเบาๆ
“แล้วตามมานะครับ” ก่อนเดินไปเปิดประตูรถยนต์ของตนให้สองสาวฝั่งผู้โดยสารตอนหลัง เพราะอรดีนั้นได้ผูกขาดราโมน่าให้นั่งอยู่ด้วยกันอย่างเหนียวแน่น


อาหารมื้อนั้น ราโมน่าทานอย่างมีความสุขสมดั่งที่ปริพันธ์ตั้งใจ และความสดใสเริงร่าของอรดีทำให้ช่วงเวลาอาหารนั้นครื้นเครงเรียกเสียงหัวเราะของคนในวงอาหารได้หลายครั้ง จนกระทั่งมื้ออาหารผ่านไป..ทุกคนจึงเตรียมแยกย้ายกลับ..และเมื่ออรดีกลับขึ้นมานั่งบนรถเคียงข้างฉันทัช สองมือก็ยกขึ้นประกบแนบแก้ม ก่อนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเพ้อฝันของสาวแรกรุ่น

“พี่ปอนี่น่ารักจัง คนอะไรหล่อก็หล่อ แถมยังใจดีอีก อิจฉาพี่โม้นาชะมัดที่มีผู้ชายดีๆอย่างนี้มาหลงรักน่ะ”

ฉันทัชปรายหางตามอง
“เพ้อเจ้ออะไรอีกล่ะยัยแอ้ม” และขับเคลื่อนรถยนต์ของตนมุ่งสู่จุดหมาย ในขณะที่เสียงใสของอรดีก็ยังดังแจ๋วๆ

“ไม่ได้เพ้อเจ้อซะหน่อย แค่ชมพี่ปอว่าเป็นผู้ชายที่น่ารักแล้วก็แสนดีต่างหากล่ะ เพราะแบบนี้ไง คุณป้าถึงได้ปลื้มพี่ปอนักหนา แล้วทางฝั่งแม่ของพี่ปอก็ดูท่าจะชอบพี่โม้นามากเหมือนกันนะ ถึงอยากจะขอหมั้นพี่โม้นาให้พี่ปอเลย”

ฉันทัชนิ่วหน้า
“เว่อร์ล่ะ เรารู้ได้ไงว่าแม่ของคุณปอเขาจะขอหมั้นโม้นาน่ะ”

“ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็เมื่ออาทิตย์ก่อน แอ้มแอบได้ยินคุณป้ากับแม่ของพี่ปอคุยกันในห้องรับแขกน่ะสิ”

“สอดรู้สอดเห็นเรื่องของผู้ใหญ่นี่ นิสัยไม่ดีเลยนะเรา”

คนถูกว่ามุ่ยหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยังเริงรื่น “แหม ก็มันไม่ใช่ความลับอะไรเสียหน่อย อีกอย่างแอ้มก็ไม่ได้สอดรู้สอดเห็นนะ ต้องเรียกว่าแอ้มไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาต่างหากล่ะ” เธอแก้ต่างให้ตนเอง

“แล้วโม้นารู้เรื่องนี้รึยัง”

“ไม่รู้สิ แอ้มก็ไม่ได้ถามพี่โม้นาเสียด้วย”

“หึ! ทีอย่างนี้ล่ะไม่รู้ นักสืบคนนี้นี่ไม่ไหวเลย..แบบนี้ต้องไล่ออก” ฉันทัชแสร้งส่ายใบหน้าที่เจือด้วยรอยยิ้ม

อรดียื่นจมูกให้ ก่อนหันมาหยิบชุดที่ได้มาออกจากถุงกระดาษเพื่อชื่นชมอีกครั้ง พลางพูดออกมาลอยๆ  “เอาน่า เดี๋ยววันอาทิตย์นี้แอ้มจะถามพี่โม้นา..ถ้าไม่ลืมนะ”

เธอย้ำทิ้งท้าย จากนั้นก็ไม่สนใจอะไรอีก นอกจากชุดสวยที่อยู่ในมือเท่านั้น..ส่วนฉันทัชก็ขับรถมุ่งกลับบ้าน โดยไม่ใคร่จะสนใจรู้ในคำตอบมากนัก เพราะเดี๋ยวถึงเวลา มารดาก็คงจะกระจายข่าวให้รู้กันถ้วนทั่วอยู่แล้ว


ต่อค่ะ

จากคุณ : ระรินใจ
เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 17:16:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com