ปริพันธ์ขับรถมาจอดบริเวณด้านหน้าคอนโดมิเนียมของตระกูลรัตนากรที่ราโมน่าพักอาศัย และหันไปพูดด้วย ก่อนที่หญิงสาวจะเปิดประตูรถลงไป แล้วพี่จะมารับนะครับ
ค่ะ
ราโมน่ารับปากเขาก่อนเปิดประตูรถลงไปและยืนส่งจนรถยนต์ของเขาแล่นจากไป เธอจึงหันเดินเข้าภายในอาคารผ่านสายตาของพนักงานต้อนรับตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้า ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่า การหวาดระแวงของฉันทิกาที่เกรงว่าสามีจะคิดเลยเถิดกับหลานสาวคนสวยคนนี้ นางจึงสั่งการให้พนักงานคอยจับตาทุกการเคลื่อนไหวของราโมน่าและรายงานให้รับรู้ทุกอิริยาบถกันเลยทีเดียว
ไฟภายในห้องพักสว่างไสวทันทีที่เสียบคีย์การ์ด เครื่องปรับอากาศเริ่มทำงานส่งเสียงแผ่วเบาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆให้ราโมน่ารู้สึกผ่อนคลาย หญิงสาวเดินเข้าห้องนอน วางกระเป๋าถือลงปลายเตียงก่อนเดินเข้าห้องน้ำ..และเวลาผ่านไปไม่นานนัก ร่างอวบอิ่มกลมกลึงในชุดคลุมอาบน้ำเดินกลับออกมาจากห้องน้ำ กลุ่มผมยาวถูกรวบสูงทิ้งปอยเปียกชื้นระลำคอระหง ขณะเจ้าของร่างเดินเข้าไปยังห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยสิ่งของแบรนด์เนมมากมาย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า รวมทั้งเครื่องประดับล้ำค่าที่เธอนำออกมาจากเซฟเพียงบางส่วนเพื่อใส่เวลาออกงานสังคมเท่านั้น..และในค่ำคืนนี้ เธอก็ได้รับคำสั่งจากฉันทิกาให้ออกงานร่วมกับปริพันธ์ ซึ่งดูเหมือนว่า ระยะนี้คุณป้าของเธอกำลังเล่นเกมจับคู่ระหว่างเธอกับปริพันธ์ จนบางครั้งก็รู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่อยากจะขัดใจผู้มีพระคุณ จึงได้แต่ปฏิบัติตามคำสั่ง แต่สำหรับปริพันธ์ เธอยังคงรักษาระดับของความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องเช่นเดิม ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ก้าวเข้ามาใกล้ชิดหัวใจของเธอ เพราะไม่อยากให้เขาเสียความรู้สึกในภายหลัง เมื่อรู้ว่า ต่อให้เขาพยายามทำดีแค่ไหนเธอก็ไม่อาจตอบรับความรู้สึกอันสวยงามของเขาได้ ในเมื่อความรักของเธอได้มอบให้กับชายคนอื่นไปนานแล้ว
หญิงสาวเลื่อนเปิดตู้เสื้อผ้าบิลท์-อินขนาดใหญ่เลือกหยิบชุดราตรีสวยหรูออกมาแขวน และเลือกเครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋าใบเล็กให้เข้าชุดกันออกมาวางเตรียมไว้ ก่อนเดินกลับออกมาสวมเสื้อผ้าชุดกางเกงนอนขาสั้นและหันมาล้มตัวลงนอนบนเตียงหวังผ่อนคลายความตึงเครียดจากชีวิตที่ยุ่งวุ่นวายสักหน่อยแล้วค่อยตื่นขึ้นมาเตรียมตัวไปงานเลี้ยง ทว่า..ยามที่ร่างกายของเธออยู่โดดเดี่ยวไร้ความยุ่งเหยิงของผู้คน สมองของเธอดึงมโนภาพของอนาวินให้ปรากฏอย่างแจ่มชัด พาให้หัวใจหดหู่และทรมานด้วยความคิดถึงเขาจับใจ ในที่สุด..เธอก็ต้องลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อนอกของเขามาห่มคลุมร่างเรียกหาความอบอุ่นทางใจอีกครั้ง และไม่รู้ว่า..เมื่อไหร่ ความรู้สึกของเธอจะเข้มแข็งพอที่จะโยนเสื้อตัวนี้ทิ้งไปเสียที
.........................
อนาวินกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเข้มเนื้อดีอย่างเชื่องช้า สายตาจดจ่ออยู่กับจอโทรทัศน์ มองภาพของราโมน่ากำลังตอบคำถามจากบรรดานักข่าวบันเทิงซึ่งรุมถามชีวิตส่วนตัว ทั้งเรื่องงานและเรื่องของหัวใจ ซึ่งในเรื่องหลังนี้ทุกสายตากำลังพุ่งเป้าไปยังหนุ่มหล่อไฮโซ ทายาทของนายธนาคารใหญ่ ที่หญิงสาวไปไหนมาไหนอย่างเปิดเผยและบ่อยครั้ง และไม่เพียงแต่นักข่าวเท่านั้นที่ต้องการรู้ อนาวินเองก็แทบกลั้นใจฟังคำตอบเช่นกัน และถึงแม้ว่าเธอจะยืนกรานกับบรรดานักข่าวว่าระหว่างเธอกับปริพันธ์เป็นเสมือนพี่น้องเท่านั้น แต่ใบหน้าคมเข้มของคนที่ตั้งใจฟังอยู่เบื้องหน้าจอโทรทัศน์นั้นก็ยังไม่คลายความขุ่นมัว และมันกำลังสะสมก่อตัวเป็นความหงุดหงิดงุ่นง่าน ซึ่งจะรู้สึกขวางหูขวางตาไปเสียทุกครั้งที่เขาอ่าน หรือได้ยินข่าวของราโมน่าตามหน้าสื่อบันเทิงต่างๆระหว่างเธอกับปริพันธ์หรือผู้ชายคนอื่นๆ หรือแม้แต่นักแสดงชายที่มีบทละครเดินเรื่องคู่กับเธอ และทั้งๆที่รู้เต็มอกว่าสิ่งที่ปรากฏออกมาทางหน้าจอมันเป็นเพียงการแสดง แต่เขาก็ไม่ชอบที่จะเห็นผู้ชายคนไหนมาส่งสายตาหวานกรุ้มกริ่มสบดวงตาคู่สวยที่เธอเคยมองเขาด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ไม่อยากให้ใครได้แตะต้องร่างกายอ่อนนุ่มหอมละมุนที่เขาได้เคยโอบกอด หรือแม้แต่ริมฝีปากหวานล้ำที่เคยได้ครอบครอง เขาก็ไม่อยากให้ใครได้สัมผัสหรือแม้แต่เฉียดใกล้ เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกทุรนทุรายจนแทบคลั่ง
และความรู้สึกร้อนรนนี้มันก่อกำเนิดมาจากความ อิจฉา..ผู้ชายที่ใครๆในแวดวงสังคมต่างมองว่าเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างเช่นเขา จนหลายคนอยากจะเกิดมาเป็นตัวเขาเสียด้วยซ้ำไป แต่ใครจะรู้บ้างว่า ขณะนี้ภายในใจนั้นเขากำลังเก็บซ่อนความอิจฉาริษยาไว้อย่างสุดกลั้น..อิจฉา..บรรดาผู้ชายพวกนั้นที่ได้พูดคุย ได้หัวเราะ ได้สัมผัสแตะต้องตัวตนของราโมน่าได้อย่างอิสรเสรี ในขณะที่เขาถูกเส้นชะตาชีวิตอันหนักอึ้งมาขวางกั้น ถูกตรึงแน่นหนาจนไม่สามารถไขว่คว้าในสิ่งที่หัวใจต้องการ และตอนนี้เขาก็กำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอย่างหนัก เมื่อความคิดถึงแทบขาดใจมันกำลังเรียกร้อง ดิ้นรนเพื่อจะไปหาเธอให้ได้ ทั้งๆที่เขาพยายามตัดใจคิดเสียว่าเธอก็เป็นเหมือนกับผู้หญิงที่ผ่านๆมา..แค่มองหาความสำราญจากผู้หญิงคนอื่นก็สามารถลบเลือนความสนใจจากผู้หญิงอีกคนได้แล้ว..แต่ความคิดนี้กลับใช้ไม่ได้ผลสำหรับราโมน่า ยิ่งเขาพยายามผลักดันให้เธอพ้นจากใจเท่าไหร่ ภาพของเธอกลับสะท้อนฝังลึกลงในใจมากขึ้นเท่านั้น และนอกจากนั้น เขาก็ไม่สามารถแสวงหาความสุขจากผู้หญิงคนอื่นได้อย่างแต่ก่อน จนถึงขั้นรู้สึกรำคาญยามที่มีพวกเธออยู่ข้างกายเสียด้วยซ้ำไป..นับวัน ความรวดร้าวจากการร่ำร้องหาแต่ราโมน่ามันเพิ่มทวีขึ้นมาทุกขณะ โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ และไม่รู้ว่าเขาจะสามารถต่อต้านความรู้สึกนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน
และหากถึงวันที่ความอดทนอดกลั้นมันถึงขีดสุดแล้ว เขาจะทำอย่างไร..และอนาคตของสองตระกูลจะเปลี่ยนแปลงไปตามทิศทางที่เขาคาดหวังได้หรือเปล่า หรือความสัมพันธ์มันจะย่ำแย่หนักกว่าเดิม
ยิ่งคิด ก็ยิ่งมืดมน
ให้ตายเถอะ! เกลียดชีวิตที่มันเป็นแบบนี้ชะมัด
โมรียายืนหน้ากระจกขณะกำลังหยิบต่างหูทับทิมล้อมเพชรมาใส่จนครบทั้งสองข้าง และยืนสำรวจภาพลักษณ์ของเธอที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาอย่างถี่ถ้วนในชุดราตรีซีทรูยาวสีแดงเพลิง ซึ่งโชว์ผิวเนื้อขาวละเอียดให้ผู้คนได้เห็นไม่หวือหวามากนัก เส้นผมยาวอ่อนนุ่มถูกจัดแต่งเพียงเล็กน้อยให้เห็นดวงหน้าสวยกระจ่างชัดเจน ก่อนหวีไปด้านหลังจนเรียบสลวยดำขลับสะท้อนแสงไฟเป็นมันระยับ เพียงครู่..เรียวปากอิ่มที่บรรจงระบายลิปสติกสีแดงสดหยัดยิ้มพึงใจ ก่อนหันร่างงดงามเฉิดฉายเดินออกจากห้องนอนลงมาชั้นล่างเพื่อออกงานเลี้ยงกับพี่ชาย ซึ่งในระยะนี้เธอมักจะได้ออกงานสังคมกับพี่ชายบ่อยครั้ง เพราะดูเหมือนว่า พี่ชายกำลังเบื่อคู่ขาคนล่าสุดแล้ว ส่วนพิมพ์ศิรินั้นก็ต้องไปร่วมงานอื่นแทบไม่ว่างเว้น ตำแหน่งคู่ควงให้พี่ชายจึงตกมาเป็นของเธอแทน และส่วนตัวของเธอแล้วก็ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะหน้าที่ของเธอคือแต่งตัวสวยๆเดินเคียงข้างพี่ชาย ส่งรอยยิ้มให้กับคนที่รู้จัก และบางครั้งที่ต้องร่วมวงสนทนากับกลุ่มนักธุรกิจ เธอก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่พยักหน้าเออออไปกับบทสนทนา บางครั้งถ้าถูกถามมาเธอตอบไปแค่ในส่วนที่รู้เท่านั้น แต่ถ้าเรื่องไหนที่เธอไม่รู้พี่ชายก็จะออกตัวตอบให้แทน
และเหตุผลอีกอย่างของการได้ออกงานสังคม คือ เธออยากให้ใครอีกคนได้เห็นความสวยงามทั่วเนื้อตัวที่อุตส่าห์บรรจงสร้างสรรค์นานนับชั่วโมงทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ก็เพียงเพื่อให้เขาได้ชื่นชมและมองเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งทุกครั้ง เธอก็จะคาดหวังว่าจะเห็นปฏิกิริยาของความพึงพอใจออกมาจากสีหน้าและแววตาของเขา..รวมถึงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
เตชิตปรายสายตามองร่างเพรียวบอบบาง ชายกระโปรงยาวเนื้อบางจนเห็นเรียวขาอ่อนรำไร และช่วงลำตัวบดบังด้วยผ้าไหมทึบสีแดงสดกำลังก้มหน้าก้าวลงบันไดอย่างระมัดระวัง และทันทีที่ดวงหน้าของเธอเงยขึ้น เขาก็หันสายตาไปทางอนาวินที่ยืนหันหลังให้บันได จนกระทั่ง หญิงสาวเดินเข้ามาแตะหลังพี่ชายเพียงให้รู้ตัวเท่านั้น ก่อนจะเลยมาทางเขาพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจเขาแกว่งทุกครั้งยามที่เธอยิ้มออดอ้อนเช่นนี้
พี่เต้ หนูเล็กดูเป็นยังไงบ้าง..สวยรึยัง
เตชิตซ่อนความรู้สึกชื่นชมไว้ภายใต้สีหน้าเคร่งขรึมไม่กี่อึดใจ ก็ตอบน้ำเสียงราบเรียบ ครับ
ดวงหน้าสวยของคนที่ตั้งอกตั้งใจฟังคำตอบของเขาพลันงอง้ำ..ใจจริงเธอก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเขาจะตอบแบบไหน แต่ที่เธอหงุดหงิดก็เป็นเพราะไอ้สีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกของเขานี่ล่ะ ที่มันทำให้เขาเหมือนฝืนใจตอบออกมาแบบส่งๆเท่านั้น
หึ! ไอ้ครับของพี่เนี่ย มันสวยรึไม่สวยกัน และกอดอกจ้องคนตรงหน้าตาเป๋ง ซึ่งเขาก็ตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเช่นเดิม เพียงแค่เพิ่มความยาวของประโยคออกมาอีกหนึ่งคำเท่านั้น
สวย ครับ
และมันก็เป็นคำพูดที่คนฟังนึกอยากจะเตะหน้าแข้งเขาเสียหนึ่งพลั่กให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่สิ่งที่เธอแสดงออกมาจริงๆก็เพียงแค่ส่งสายตาขุ่นเคืองให้เท่านั้น ก่อนหันดึงมือพี่ชายฉุดออกมาเสียดื้อๆ
ไปกันเถอะเฮีย
อนาวินยอมก้าวตามการฉุดดึงของน้องสาวออกจากบ้านตรงรี่ไปยังขบวนรถที่บรรดาบอดี้การ์ดเตรียมไว้ และคิดว่าน้องสาวคงจะงอนเตชิตจนนั่งรถคันเดียวไปกับเขา แต่พอเอาเข้าจริง โมรียากลับผละเดินไปขึ้นรถสปอร์ตของตัวเอง โดยเตชิตเป็นผู้ขับเช่นเดิม
ผู้ที่มองตามส่ายหน้าไปมา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น้องสาวของเขาจะเลิกงอแงกับบอดี้การ์ดหนุ่มคนนี้เสียที เพราะขืนน้องสาวของเขายังเป็นเช่นนี้ มีหวังอนาคตของเตชิตคงติดแหง็กอยู่ในอุ้งมือน้องสาวของเขาไปจนตายเป็นแน่..ซึ่งอนาคตที่เสมือนถูกกักขังเช่นนั้น คงไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้ไปตลอดชีวิต และเมื่อความอดทนอดกลั้นถึงขีดสุดก็ไม่มีอะไรจะมาเหนี่ยวรั้งได้..และสักวัน เตชิตก็จะเป็นเช่นนั้น..โบยบินจากไป โดยไม่มีวันหวนกลับมา
ต่อค่ะ
จากคุณ |
:
ระรินใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ก.ค. 55 17:27:20
|
|
|
|