ต่อค่ะ...
รอบๆ บริเวณชานชาลาแน่นขนัด เสียงจ่อกแจ่กจอแจของผู้คนมากมายที่มารอรถทัวร์เพื่อเดินทางกลับถิ่นฐานบ้านเกิด ลรินดาหยิบตั๋วรถทัวร์เที่ยวสุดท้ายจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่กระบี่ออกมาจากกระเป๋าสะพายเป้สีน้ำเงิน แล้วดูรายละเอียดเกี่ยวกับชานชาลาและเลขที่นั่งของตนเพื่อความมั่นใจอีกรอบ
สาวลูกครึ่งไทย-อิตาเลียนนำเอาหางตั๋วไปแลกกับหมายเลขสำหรับติดกระเป๋าเดินทางที่ต้องนำไปฝากไว้ในช่องเก็บสัมภาระของผู้โดยสารบนรถทัวร์ ถึงที่นั่นแล้วโทรบอกฉันด้วยนะลี่ ว่าแต่แกต่อรถไปบ้านไอ้ฟางเองหรือว่ามันจะมารับ วิลาสินีถาม
ไอ้ฟางมันคงไม่ปล่อยให้ฉันปุเลงๆ นั่งสองแถวไปหามันเองหรอก เดี๋ยวพอฉันไปถึงขนส่งกระบี่แล้ว มันจะขับรถมารับ งั้นฉันไปก่อนนะวิ ร่างบอบบางทั้งสองสวมกอดกัน ต่างฝ่ายต่างน้ำตาที่คลอเบ้าอย่างเช่นทุกครั้งที่ต้องห่างไกล
โชคดีนะลี่ ดูแลตัวเองด้วย แล้วก็ฉันขอให้คนที่นั่งข้างๆแก เป็นเนื้อคู่ของแกแล้วกันนะเพื่อน แกจะได้เลิกกับไอ้พี่ณัฐบ้านั่นได้สักที
ฝ่ายที่ถูกพูดกระทบคลายจากอ้อมกอด นี่คำอวยพรของแกเหรอ เมื่อล่ำลาอาวรณ์กันเป็นที่เรียบร้อย ผู้ช่วยมัคคุเทศก์สาวก็ก้าวขึ้นรถไปนั่งประจำที่ แล้วหย่อนตัวนั่งลงบนเบาะหนานุ่มริมหน้าต่าง ก่อนจะกวาดสายตาหันมองไปรอบกาย ดูเหมือนว่าเป็นเธอคนเดียวที่เดินทางไกลเพียงลำพัง
เบาะด้านหลังเป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงวัยรุ่นมากันประมาณห้าหกคน คงจะเป็นนักศึกษาอยู่ แล้วช่วงนี้ก็เป็นช่วงปิดเทอมปลายฝนต้นหนาวพอดิบพอดี ก็เลยรวมตัวกันกลับบ้านเกิด เพราะเธอได้ยินภาษาพูดคุยกันของเด็กกลุ่มนี้เป็นภาษาใต้ท้องถิ่นล้วนๆ
เสียงผู้โดยสารหลายคนพูดคุยกันรอเวลาไปพลาง บ้างก็แหงนหน้ามองดูทีวีที่กำลังแสดงรายการเกมโชว์สุดฮิตรายการหนึ่งซึ่งมารวบรวมไว้เป็นแผ่นซีดีที่ทางพนักงานบนรถทัวร์นำมาเปิด รายการนั้นนำพาเสียงหัวเราะครึกครื้นมาจากกลุ่มคนส่วนใหญ่ได้ไม่น้อย
มือเรียวแหวกม่านสีน้ำเงินที่บดบังทัศนียภาพด้านนอกออกแล้วมัดรวมไว้ติดขอบหน้าต่าง ดูเหมือนว่าผู้โดยสารจะยังขึ้นรถกันไม่ครบ ดวงตากลมโตก้มมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาสองทุ่มยี่สิบนาที ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบนาที ก่อนที่รถจะออก
ขอโทษนะครับคุณ เพื่อนร่วมทางที่นั่งเบาะข้างเธอ เอ่ยคำขอโทษตามมารยาทก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง
ลรินดาชำเลืองมองเพียงหางตาเล็กน้อย จึงพยักหน้าน้อยๆ ตอบกลับไปตามมารยาท แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างตามเดิม
สักพักใหญ่ พนักงานต้อนรับสาวประเภทสองทาปากแดงแจ๊ด โปะหน้าด้วยเครื่องสำอางสีเข้มจัดสะท้อนกับแสงไฟนีออนจางๆ ก็เดินหอบส้นสูงปรี๊ดขึ้นมาเดินนวยนาดบนรถทัวร์ที่ออกวิ่งปุเลงๆไป มือเกือบเรียวลดเสียงทีวีลง แล้วจึงเปิดไมโครโฟนเพื่อประกาศบอกให้ผู้โดยสารทราบเกี่ยวกับตารางการเดินทางคร่าวๆ ก่อนว่า เมื่อรถออกจากกรุงเทพฯ แล้วจะแล่นไปจนถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อแวะหยุดพักรถให้ผู้โดยสารได้ทานข้าวและซื้อของฝาก หลังจากนั้นรถจะวิ่งยาวไปจอดระหว่างทางเมื่อถึงอำเภออ่าวลึก ก่อนจะสุดสายปลายทางที่ขนส่งกระบี่
ต่อจากนั้นพนักงานต้อนรับสาวประเภทสองทยอยเดินแจกนมกล่องและขนมปังให้กับผู้โดยสารคนละชุด แม้ว่าส้นรองเท้าสูงเลยสองนิ้วแต่ด้วยความเคยชินในหน้าที่การงานจึงทำให้สาวเจ้าสามารถทรงตัวบนรถทัวร์ที่กำลังแล่นอยู่ได้โดยไม่โซซัดโซเซ และทันทีที่สบตากับผู้โดยสารหนุ่มที่นั่งเบาะข้างลรินดา พนักงานต้อนรับสาวเทียมก็ตกใจจนเกือบจะร้องออกมา อ้าว คุณอะ... อรัญชย์รีบขยิบตาเป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายเงียบไว้ แล้วกวักมือเร่งให้ส่งนมกับขนมปังมา เมื่อส่งให้แล้ว เขาก็เปลี่ยนจากกวักมือเป็นโบกมือไล่ให้รีบไป แม้พนักงานต้อนรับจะงุนงง แต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย แล้วเดินแจกอาหารให้ผู้โดยสารคนอื่นต่อ
นมกับขนมปังของคุณครับ ชายหนุ่มเบาะข้างๆ เอ่ย
ขอบคุณมากค่ะ หญิงสาวตอบรับ กำลังจะยื่นมือไปรับ
ไม่เป็นไรครับ คุณเยลลี่
แต่ยังไม่ทันได้รับ มือเรียวก็ชะงักไว้ทันทีที่ได้ยินคำว่า เยลลี่ ออกมาจากปากของชายหนุ่ม ลรินดาจึงเงยหน้ามองคนข้างกายที่นั่งห่างกันเพียงแค่คืบ เพียงเท่านั้นดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วก็ยิ่งเบิกกว้าง
เอ๊ะ! คุณนี่... อีกฝ่ายยิ้มเล็กน้อย ใช่ ผมเอง
ลรินดาอดแปลกใจไม่ได้เลยว่า พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่ ก็มัวแต่นั่งเหม่อมองไปแต่นอกกระจกรถ จนไม่ได้สังเกตเลยว่าเขาคือชายหนุ่มหน้าคม รูปร่างสูงใหญ่คนเดียวกันกับที่ขับรถเร็วจนน้ำกระเด็นใส่จนเสื้อผ้าเปียกโชก บังเอิญจังที่ได้เจอคุณเยลลี่ที่นี่
นี่ คุณ เลิกเรียกฉันว่าเยลลี่ซะที คุณไม่มีสิทธิ์มาเรียกฉันแบบนี้ หญิงสาวต่อว่าอย่างไม่สบอารมณ์
ถ้าผมไม่เรียก คุณจะหันมามองผมเหรอ มัวแต่นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกมิวสิคอยู่หรือไงครับคุณเยลลี่ ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวน
คุณ... ลรินดากระแทกเสียง แล้วคุณมารู้จักชื่อของฉันได้ยังไง
มันยากตรงไหน กะอีแค่ชื่อของคุณ อีกฝ่ายตอบกวนๆ
วิใช่ไหมที่บอกคุณ ใช่สิ ต้องเป็นยายวิแน่ๆ เพราะไม่มีใครรู้ชื่อนี้ของฉันนอกจากคนสนิทจริงๆเท่านั้น ลรินดาพร่ำกับตัวเอง ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ ฉันขอบอกเลยนะว่า ต่อไปคุณห้ามเรียกฉันว่าเยลลี่อีกเป็นอันขาด หญิงสาวออกคำสั่ง แต่ชายหนุ่มข้างกายไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ
ทำไมถึงเรียกไม่ได้ล่ะครับ ตำรวจจะจับหรือไงถ้าผมจะเรียก
อรัญชย์ยังตอบกวนโทสะ นึกสนุกที่อย่างน้อยก็มีหญิงสาวคนนี้ที่ไม่ได้มีท่าทีเสน่หาในตัวเขาแม้แต่น้อย ต่างจากผู้หญิงหลายคนอย่างสิ้นเชิง แม้แต่สาวๆ นักศึกษาที่นั่งในรถยังพากันซุบซิบและส่งยิ้มให้เขาอย่างออกนอกหน้า แต่อีกไม่นานหรอก... เธอก็จะหลงใหลได้ปลื้มเขาไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงพวกนั้น
ชายหนุ่มรอฟังคำยอกย้อน แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเงียบ จนเขาเอะใจชำเลืองมองหญิงสาวที่มีท่าทีเปลี่ยนไป ดวงหน้างามหันมองไปนอกหน้าต่างราวกับต้องการหลบสายตา ชายหนุ่มจึงชะโงกหน้าไปจนเกือบใกล้กัน และสาบานได้ว่าแว่บหนึ่งเขาแอบเห็นดวงตางามปนรอยเศร้า แม้จะเอะใจอยู่บ้าง แต่ชายหนุ่มก็ยังอดกระเซ้าไม่ได้
อะไรกันคุณ... คุณ... แค่ล้อเล่นแค่นี้ถึงกับจะร้องไห้เลยหรือไง ชายหนุ่มถือวิสาสะเอื้อมมือไปสะกิดที่ไหล่ของเธอ อีกฝ่ายหันขวับและรีบปัดมือเขาออก
นี่! อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ
โธ่ ผมก็แค่ล้อเล่นเห็นคุณทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ถ้าคุณไม่อยากให้เรียกว่าเยลลี่ งั้นผมเรียกคุณว่าที่รักก็แล้วกันนะครับ อรัญชย์ยังไม่เลิกหยอก แต่คำว่า ที่รัก กลับทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นรัว สีหน้าระเรื่อแดงเห็นได้ชัด
อย่ามาเนียนนะ ใครเป็นที่รักของคุณไม่ทราบ เรียกฉันว่าลี่ก็พอ ไม่ต้องเรียกว่าเยลลี่หรอก ลรินดากลบเกลื่อนความเขินอาย ด้วยการพูดกลับไปเหมือนไม่ได้คิดอะไร
ชื่อเยลลี่ แต่ไหงเจ้าของชื่อกลับไม่หวานนุ่มเหมือนกับชื่อเลยน้า... ว่าแต่คุณจะไม่ถามผมสักคำเลยเหรอว่าผมชื่ออะไร
อยากบอกก็บอกมาสิ สาวลูกครึ่งตอบกลับเสียงห้วน
งั้นผมบอกชื่อเล่นของผมแล้วกัน ผมอยากให้คุณเรียกผมด้วยชื่อเล่นมากกว่า จะได้ดูสนิทสนมกันดีด้วย เรียกผมว่าอาร์มสุดหล่อก็ได้ จบคำพูดของชายหนุ่ม ลรินดาก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว
นายเนี่ยนะหล่อ นี่ถ้าฉันไม่กลั้นไว้ป่านนี้เส้นหมี่น้ำในท้องฉันคงกระฉอกออกมาแล้วล่ะ
ในที่สุด ผมก็ทำให้คุณก็หัวเราะได้แล้ว ทำหน้าบึ้งแล้วอย่างกับคนอายุสี่สิบ เดี๋ยวคนอื่นจะนึกว่าผมคุยกับแม่ ฝ่ายที่ถูกค่อนขอดมองค้อน ก่อนจะถามกลับอย่างนึกอะไรได้
ถ้าจำไม่ผิด คุณขับรถมาไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมถึงกลับรถทัวร์ล่ะ ความสงสัยของหญิงสาว พาให้อีกฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ แต่ด้วยนิสัยเดิมทีที่ลื่นราวกับปลาไหล จึงทำให้เขารอดพ้นไปอย่างแนบเนียน
อย่างผมน่ะเหรอจะมีรถขับ นั่นน่ะรถของเจ้านาย ผมขับรถไปส่งท่านที่โรงแรม แล้วผมก็พักอยู่ที่นั่นคืนนึง แล้วท่านก็ให้ผมกลับมาทำธุระให้ท่านก่อน แล้วท่านจะขับรถกลับเอง
ด้วยความที่ลรินดารู้จากเพื่อนแค่ว่า อรัญชย์เป็นแขกมาพักที่โรงแรมเท่านั้น ไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับเขา แต่หญิงสาวก็ยังอดตั้งข้อสังเกตุไม่ได้
เป็นแค่คนขับรถ ทำไมเพื่อนฉันถึงดูนอบน้อมกับคุณขนาดนั้น แล้วเจ้านายคุณเนี่ย ถ้ารู้ว่าจะขับกลับเอง ทำไมต้องให้คุณขับมาส่งด้วยล่ะ ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ เลย
คุณอย่าลืมสิว่าผมก็อยู่ในฐานะลูกค้าของโรงแรม เพื่อนคุณเป็นพนักงานต้อนรับ จะนอบน้อมกับผมมันแปลกตรงไหน ส่วนกับเจ้านาย ผมอยู่ในฐานะลูกจ้าง เจ้านายสั่งอะไรผมก็ต้องทำตาม ตอนแรกผมก็เคืองเจ้านายเหมือนกันที่ให้ผมกลับรถทัวร์เอง แต่ตอนนี้ผมกลับดีใจซะอีกที่ได้นั่งรถคันเดียวกับคุณ แถมยังได้นั่งติดกับคุณอีก อย่างกับพรหมลิขิตเลยนะครับ ชายหนุ่มปั้นเรื่องต่อ ทำหน้าเป็น
แม้คำว่าพรหมลิขิตจะทำให้เธอรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย แต่หญิงสาวก็เปลี่ยนเรื่องไป นี่แสดงว่าวิบอกคุณใช่ไหม ว่าฉันจะลงใต้ คุณถึงได้ตามฉันมา คำถามออกแนวหลงตัวเองของหญิงสาว กระตุกต่อมขำของคนฟังให้หัวเราะร่วน
คุณนี่นอกจากจะเข้าใจยากแล้วยังหลงตัวเองชะมัดเลย ผมเนี่ยนะจะตามคุณมา บ้านผมอยู่ที่กระบี่ ผมก็ต้องมาขึ้นรถที่สายใต้สิ จะให้ผมไปขึ้นรถที่หมอชิตหรือไงคู้ณ... อรัญชย์ลากเสียงยาว
ลรินดาค้อนขวับ ...นายนี่มันกวนประสาทจริงๆ เลย ฉันต้องร่วมทางกับไอ้คนกวนประสาทแบบนี้ไปอีกหลายชั่วโมงเลยหรือเนี่ย...
แล้วที่คุณบอกว่าเจ้านายของคุณให้คุณกลับไปทำธุระให้ ธุระอะไรไม่ทราบ หญิงสาวยังไม่เลิกจับผิด ชายหนุ่มรีบคิดหาคำตอบอยู่ในใจไม่นานก็คิดได้ ก็โน๊ตบุ้กของผมไง ไฟล์งานของเจ้านายผมอยู่ในนั้น โน๊ตบุ้กของผมอยู่ไหน อันที่จริงไม่ใช่งานเจ้านายที่ไหนหรอก แต่เป็นไฟล์งานของเขาเอง เกี่ยวกับข้อมูลการจัดงานนานาชาติที่เตรียมนำไปเข้าที่ประชุม ฝ่ายลรินดาได้ฟังคำถาม ก็ยิ้มเยาะ และบอกตัวเองว่า ...ถึงเวลาเอาคืนแล้ว...
โน๊ตบุ้กของคุณ คุณยังไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหน แล้วมาถามฉัน ซึ่งเป็นคนอื่น ฉันคงจะรู้หรอกนะ
ร่างสูงพรวดพราดลุกขึ้นยืน แล้วร้องถามเสียงดังด้วยความลืมตัว พาให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ หันมองมาเป็นตาเดียว คุณลี่ คุณเป็นคนกระชากกระเป๋าผมไปกับมือ แล้วคุณก็วิ่งหนีไป คุณยังมาบอกว่าไม่รู้ ในนั้นมีไฟล์งานสำคัญมากนะคุณ
ไม่เว้นแม้แต่พนักงานต้อนรับสาวประเภทสองที่รีบปราดมายังเขา แล้วลุกลี้ลุกลนถาม มีอะไรกันหรือคะคุณอะ... ชายหนุ่มรีบขยิบตา ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะเอ่ยชื่อเขา
ลรินดาไม่ได้ตกใจในท่าทีและน้ำเสียงขึงขังของชายหนุ่ม เพียงแต่ประหม่าต่อสายตาคนอื่นที่กำลังจับจ้องมองมา แผนการที่จะเอาคืนจึงขอเลื่อนไปก่อน หญิงสาวเห็นชายหนุ่มมัวแต่เงอะงะอยู่ จึงแก้ต่างแทน
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีฉันแกล้งหลอกเขาว่าฉันทำโน๊ตบุ้กของเขาหายไป เขาก็เลยตกใจเท่านั้นเอง ต้องขอโทษด้วยนะคะ
พนักงานต้อนรับสาวเทียมยิ้มพลางพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม ผู้โดยสารคนอื่นๆ ได้ฟังแล้วเห็นว่าไม่ได้มีเรื่องร้ายแรงอะไร จึงหันกลับไปสนใจกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ก่อนหน้า นั่งลงซะทีสิคุณ ฉันอายคนอื่นเค้านะ
อรัญชย์ทำตามอย่างว่าง่าย โล่งไปเปราะหนึ่งที่ยายพนักงานต้อนรับไม่แสดงพิรุธอะไรมาก เมื่อสติสตังกลับคืนมาก็ซักไซ้เรื่องโน๊ตบุ้กต่อ แล้วตกลงคุณเอาโน๊ตบุ้กของผมไปไว้ที่ไหน
ไม่น่าเชื่อนะว่าคนขับรถอย่างคุณจะมีโน๊ตบุ้กด้วย หญิงสาวย้อนอย่างจับผิด ขอร้องเถอะ บอกผมมาว่าโน๊ตบุ้กของผมอยู่ที่ไหน คุณอยากให้ผมถูกไล่ออกจากงานใช่ไหม
เอาล่ะๆ ฉันบอกก็ได้ โน๊ตบุ้กของคุณอยู่กับวิ ก็ฉันไม่รู้นี่นาว่าเราจะเจอกันที่นี่ ไม่งั้นฉันคงเอามาคืนคุณแล้วล่ะ เห็นวิบอกว่าคุณไปพักที่โรงแรมบ่อย ฉันเลยฝากเพื่อนเอาไว้คืนคุณไงล่ะ
อรัญชย์ได้ฟังก็ยิ้มได้ แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก คุณนี่ ร้ายจริงๆ นะ แต่ยังไงก็ขอบคุณล่ะที่คุณไม่แค้นผมจนทุบมันทิ้งไป
จากคุณ |
:
วันฝัน วันซันเดย์
|
เขียนเมื่อ |
:
วันอาสาฬหบูชา 55 07:00:38
|
|
|
|