Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มอนเอราโด ตอนที่ 5 ไอ้แจน ติดต่อทีมงาน

โบนิตะ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ การเดินผ่านประตูสารพัดสถานที่แบบนั้นเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย เพราะมันทั้งคับแคบ อึดอัด เปลี่ยวเหงา และเดียวดาย แต่มันเป็นหนทางที่จำเป็นต้องก้าวผ่าน เพื่อกลับไปยังบ้านของเขา

เขายืนนิ่งสำรวจดูสิ่งแวดล้อมใหม่ บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆขาวลอยล่องจนมองดูคล้ายกับเป็นท้องฟ้าสีขาว ผืนดินที่ทอดยาวไกลไปจนสุดสายตาก็ปกคลุมไปด้วยของสีขาวที่เขาไม่รู้ว่าเป็นอะไร นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีก นับเป็นโลกสีขาวโพลนอย่างแท้จริง

เขาเอ่ยถามขึ้นลอยๆ

“...ก็ไหนบอกว่าประตูสารพัดสถานที่จะพาฉันกลับบ้าน”

“นายยังต้องเดินต่ออีกนิด เหมียว”

เสียงนั้นดังมาจากข้างกาย ความรู้สึกนุ่มนิ่มของมือข้างนั้นยังคงหลงเหลือติดค้างอยู่ในมือ เขารีบหันไปแต่ไม่พบเห็นใครทั้งสิ้น

“มอนเอราโด นายอยู่ที่ไหน อย่าแกล้งกันแบบนี้สิ”

“ฉันก็อยู่ตรงนี้ไง เหมียว”

เขาก้มลงตามที่มาของเสียง และได้พบกับแมวตัวอ้วน หูแหว่งวิ่น สวมปลอกคอสีแดง ห้อยลูกกระพรวนสีทอง กับขนสีขาวอมฟ้าแปลกตา ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานั้นรวมกันเป็นของเพื่อนเพียงตัวเดียวของเขา

“นาย...กลับเป็นแมวแล้ว”

“น้ำเสียงของนายฟังดูผิดหวังจังเลยนะ เหมียว” มันหรี่ตาจ้องเขา

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย...” เขารีบกลบเกลื่อน ทั้งที่จริงๆ แล้วก็ยังอยากอยู่ใกล้ๆ กับ 'คุณซูชิกะ' ให้นานกว่านี้อีกสักนิด เพราะมันคงเป็นสิ่งที่ไม่อาจเป็นจริงไปได้

“...ว่าแต่ ที่นี่มันเป็นที่ไหนกันอีกล่ะ”

'นายอย่ารู้เลยจะดีกว่า' มันคิดในใจ ความจริงแล้วมันควรจะตอบคำถามของเขา บอกเขาเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่มันเองก็ไม่เข้าใจ ทำให้มันตัดสินใจเงียบไว้แทน

“อย่าไปสนใจเลย เรารีบไปกันเถอะ เหมียว”

“อื้อ” เขาตอบรับ ในขณะที่มองดูประกายแสนงดงามในดวงตาลึกล้ำของมันคู่นั้น 'มันเหมือนกับจักรวาลเลย' จักรวาลคู่แฝดที่ล่องลอยไปด้วยกัน

เขากำลังจะก้าวขา ก่อนพบปัญหาสำคัญ

“แล้ว...จะต้องไปทางไหนล่ะ”

“ก็ตรงไปเรื่อยๆ นั่นแหละ เหมียว”

เขาจึงเริ่มเดินออกไป การเดินตรงนั้นฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อมีเพียงสีขาว สีขาว และสีขาว อยู่รอบกาย เขาจึงบอกไม่ได้เลยว่า ที่จริงแล้ว ตัวเองกำลังเดินไปข้างหน้า วนเป็นวงอยู่ในที่เดิม หรือแม้แต่กำลังถอยหลังกันแน่

“...เราเดินวนหรือเปล่า”

“ไม่ เดินต่อไปเถอะ เหมียว”

เขาก้าวต่อไปอย่างลังเล พร้อมกับก้มลงมองดูพื้น เป็นครั้งแรกที่เขามองเห็นเงาจางๆ บางอย่างบนพื้นสีขาว เงาที่สับสนวกไปวนมา มันดูเหมือนกับรอยเท้าของเขาเอง หากเป็นเช่นนั้นมันก็หมายความว่า เขาเอาแต่เดินย่ำอยู่กับที่มาตั้งแต่แรก เขาหยุดเดินทันที

“ไม่...เรากำลังเดินวน”

“อย่าหยุด เดินต่อไป เหมียว”

“ไม่ เราไม่ได้ไปไหน เราได้แต่ย่ำอยู่กับที่”

“อย่าสงสัย เหมียว”

“มองดูที่พื้นสิ มันมีรอยเท้าของฉันอยู่เต็มไปหมด”

เขาโวยวาย มันก้มมองดูพื้นสีขาวสะอาดตา บนนั้นไม่มีร่องรอยของสิ่งใดอยู่ทั้งสิ้น มันเงยหน้ามองเขาด้วยความวิตก ไอสีขาวจางๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมี เริ่มลอยออกมาพร้อมกับลมหายใจ และเขาก็พบเห็นมันแล้วเช่นกัน

“...นี่มัน”

เขาอ้าปากพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเป็นไอสีขาวหนา เขามองดูโลกสีขาวโพลนรอบตัวอีกครั้ง เมื่อรวมกับไอของลมหายใจ ทั้งหมดนี้บ่งบอกว่ามีสิ่งหนึ่งขาดหายไป และเมื่อนึกถึง เขาก็รู้สึกถึงมันได้ในทันที เขารีบยกมือขึ้นกอดตัวเองเมื่อถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว

“...หนาว...ช่วย...ด้วย...”

เขาพูดออกมาไม่เป็นภาษา ร่างกายเริ่มสั่นอันเกิดจากการหดตัวอย่างรุนแรงของกล้ามเนื้อเพื่อสร้างความร้อนอย่างไม่อาจควบคุม เส้นเลือดที่ผิวหดเล็กลง พยายามกักเก็บความร้อนเอาไว้ให้กับอวัยวะสำคัญ ร่างกายพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ให้ได้นานที่สุด

“ทั้งหมดเป็นแค่ความคิด ถ้านายเชื่อว่ามันหนาว มันก็จะหนาว เหมียว พยายาม...ควบ...คุม...ความ...คิด...”

เสียงของมอนเอราโดเหมือนดังมาจากที่แสนไกล สติของเขาลางเลือน เขาเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่มันบอก 'แต่ใครจะไปควบคุมความคิดของตัวเองได้ ไม่มีทาง' เลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมองกำลังถูกลดปริมาณลงเรื่อยๆ

ความคิดของเขา ตัวตนของเขา ค่อยๆ จางหายไปภายใต้ความหนาวเย็นของขุมนรกชั้นลึกที่สุด

#####

เจ เป็นชื่อของเขา เป็นชื่อที่เขาตั้งให้กับตัวเอง เขายังมีคำเรียกหาอื่น ที่คนอื่นตั้งให้อีกมาก แต่เขาไม่เคยสนใจ ไม่ว่าใครอยากเรียกเขาว่าอย่างไร เขาก็ยังคงเป็นเจสำหรับตัวเองอยู่เช่นเดิม

เขาไม่มีอดีต ไม่มีใครรู้ว่าอดีตของเขาเป็นอย่างไร รวมถึงตัวเขาเองด้วย เขาเริ่มรู้จักกับโลกใบนี้ พร้อมๆ กับที่โลกใบนี้รู้จักกับตัวเขา ไม่มีใคร หรือสิ่งใดที่จะสามารถบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขาก่อนหน้านั้นได้ เขาอาจเกิดมาจากแม่ที่เป็นวัยรุ่นใจแตก อาจจะเกิดในครอบครัวที่มีปัญหาจนไม่อาจเลี้ยงดู อาจจะพลัดหลง ถูกทิ้ง ถูกขโมย หรือจะอะไรก็ตามที

อย่างน้อยเขาก็ยังมีโอกาสได้เกิดมาบนโลกใบนี้ ซึ่งนับว่าดีมากแล้ว สำหรับโลกที่การทำแท้งเป็นที่รู้จัก และเข้าถึงได้อย่างแพร่หลายแบบนี้

โลกนี้โหดร้าย แน่นอน โลกนี้โหดร้ายกับทุกชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน เพียงแต่มนุษย์ ได้สร้างวิธีการรับมือ หรือความโหดร้ายของตนเองที่แตกต่างออกไปจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ขึ้นมา ซึ่งทั้งแตกต่าง และซับซ้อนจนยากที่จะเข้าใจ สิ่งเดียวที่คนไม่มีอดีต ไม่มีความเชื่อมโยงกับใครแบบเขาจะทำได้ คือ ดิ้นรน พยายามรอดชีวิตต่อไปเหมือนกับสัตว์ตัวหนึ่ง

ทำตัวน่ารัก เพื่อให้รอด ทำตัวโหดร้าย เพื่อให้รอด ทำตัวเมินเฉย เพื่อให้รอด ทุกสิ่งที่ทำลงไปนั้นด้วยเหตุผลสำคัญเพียงหนึ่งเดียว เพียงเพื่อให้รอดชีวิตต่อไปอีกวัน อีกชั่วโมง อีกนาที ไม่มีสิ่งใดไม่เหมาะสม ไม่มีสิ่งใดโหดร้าย ไม่มีสิ่งใดผิด หรือถูกต้อง ในชีวิตของเขา

เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังลงมือทำอะไรบางอย่าง เพื่อสร้างความพึงพอใจในช่วงระยะเวลาแสนสั้นให้กับตนเอง ความพอใจชนิดเดียวที่เขารู้จัก ความรู้สึกชั่วพริบตาที่ตัวตนของเขาถูกปลดปล่อย ระเบิดวาบ แล้วหายวับ ก่อนที่ทุกสิ่งจะจมดิ่งลงเหมือนเช่นเดิม หรือยิ่งกว่าเดิม

มีบางสิ่งบางอย่างกำลังกัดกินตัวเขา ไม่ใช่ร่างกาย แต่หมายถึงความทรงจำ ความคิด ความเป็น 'ตัวตน' ของเขา ค่อยๆ ถูกลดทอนให้เล็กลงไปเรื่อยๆ

ทุกอย่างลางเลือน ภายใต้แสงวับแวมจากเชิงเทียน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ในแจกัน มุมมองของภาพที่เห็นนั้นทำให้ทุกอย่างดูแปลกออกไป เขากำลังเงยมองเด็กสาวที่มีใบหน้างดงาม แต่แสนเย็นชา ซึ่งน่าจะกำลังนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ นั่นหมายความว่าหัวของเขาจะต้องถูกวางอยู่บนโต๊ะอย่างไม่อาจเป็นไปได้

'บางทีอาจจะมีเครื่องเคียงประดับอยู่รอบๆ หัวของฉัน ซึ่งถูกวางอยู่ในจานก็เป็นได้'

ความคิดบ้าๆ นั้นดูเป็นจริงอย่างน่ากลัว 'ไม่หรอก ไม่มีอะไรน่ากลัว' เขารู้มานานแล้ว 'ชีวิตก็เท่านี้เอง' เมื่อเวลานั้นมาถึง ทุกอย่างก็จบ ชีวิตก็จบ 'มันก็เท่านั้น'

ซูชิกะ จ้องมองดวงตามืดดำคู่นั้นอย่างสนใจ ในจานตรงหน้าเธอมีอาหารบางอย่างที่ยังกินค้างอยู่ มันเป็นชิ้นหยักๆ นุ่มๆ สีชมพูอ่อน ราดตกแต่งด้วยซอสสีแดงสดเป็นเส้นสาย

“อดีตของเจ้าก็อร่อยดีนะ...”

เธอชวนเขาพูดคุยอย่างเป็นกันเอง

“...แต่พวกมันคงไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว เพราะนับตั้งแต่นี้ เจ้าจะต้องเป็นทาสรับใช้ของข้า”

เธอเขี่ยของเหลือในจานวนเล่นไปมา

“ว่าแต่...จะตั้งชื่อเจ้าว่าอะไรดีนะ”

“...เจ...” เขาตอบออกไปเบาๆ

เธอทำท่าขบคิดก่อนส่ายหน้า ดูเหมือนชื่อนี้จะไม่เป็นที่ถูกใจ หรือไม่เธอก็ไม่เคยถูกใจชื่อที่พวกมันต้องการให้เธอเรียก เหมือนกับโนเอซ ที่เธอจงใจเรียกมันเป็นโนเอซูแทน

“...แจน...เอาเป็น ไอแจน ดีกว่า”

“...ไอแจน...”

เขาพึมพำชื่อใหม่ของตนออกมา ในหัวเกือบจะว่างเปล่า หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่อย่าง หนึ่งในนั้น และมีความสำคัญมากที่สุดก็คือ เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า เธอมีชื่อว่าซูชิกะ เป็นเจ้านายเพียงหนึ่งเดียวของเขา คำสั่งของเธอคือสิ่งที่เขาต้องทำตาม

“นายหญิงแสนงามของข้า ทำไมถึงกินของเหลือแบบนั้นเล่า”

เสียงของโนเอซดังออกมาจากกระจกบานหนึ่งภายในห้อง ก่อนที่ปากแหลมยื่นยาว กับดวงตากลอกกลิ้งทั้งคู่ของมันจะเคลื่อนผ่านไปตามกระจกหลายบานที่ถูกวางกระจัดกระจายอยู่ภายในห้อง แล้วไปหยุดลงในกระจกซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับเธอที่กำลังนั่งอยู่

เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนจงใจแยกหัวเข่าให้กว้างขึ้น กระจกบานนี้ถูกวางไว้ในระดับเดียวกับโต๊ะรับประทานอาหาร มันจึงพยายามสอดส่ายสายตาเข้าไปในเงามืดเบื้องล่างอย่างลนลาน

“ข้าเหลือ แต่สิ่งที่ควรจะเหลือเอาไว้เท่านั้น”

มันยังคงพยายามเพ่งมองลอดใต้โต๊ะอย่างไม่ปิดบัง

“...แม้แต่ความเป็นมนุษย์ของมันด้วยอย่างนั้นหรือ”

“ใช่ โดยเฉพาะความเป็นมนุษย์ เพราะหากขาดสิ่งนี้ไปแล้ว มันก็เป็นได้แค่เพียงสัตว์ร้ายเท่านั้น หากไม่ใช่มนุษย์ ก็ไม่อาจโหดเหี้ยมอำมหิต หากไม่ใช่มนุษย์ ก็ไม่อาจชั่วช้าเลวทราม”

มันหยุดคิดครู่หนึ่ง 'จริงด้วย' ก่อนที่มันจะเคลื่อนไปยังกระจกอีกบาน ซึ่งอยู่ใกล้เธอมากกว่า

“นายหญิง ข้ามีบางอย่างต้องรายงาน...”

ท่าทีที่จริงจังของมันทำให้เธอรู้สึกสนใจขึ้นมา

“...ข้ารู้สึกถึงประตู มันต้องถูกเปิดออกแล้วแน่ๆ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น”

'ประตู' เป็นสิ่งที่แม่มดติดตามค้นหามาโดยตลอด หรืออย่างน้อยเธอก็ถูกบอกเล่ามาเช่นนั้น ถึงเธอจะเป็นแม่มด แต่เธอก็ไม่เคยพบเจอกับแม่มดตนอื่นมาก่อนเลย นับตั้งแต่วันที่เธอ 'ตื่น' ขึ้น ข้างกายเธอก็มีโนเอซ ปีศาจในกระจกคอยให้คำแนะนำเรื่อยมา

มันเป็นเพื่อนคุยที่พอแก้ขัด แต่ก็ไม่อาจช่วยเธอทำอะไรได้มากนัก เพราะมันเป็นเพียงเงาที่ไม่มีร่างกาย ดังนั้นเมื่อโอกาสมาเยือนโดยไม่คาดหมาย เธอจึงตกลงใจที่จะสร้าง ไอแจน ทาสรับใช้ที่จะคอยเป็นมือเป็นเท้าให้กับเธอ ร่างกายอวบอ้วน แต่แข็งแรงของมันนั้นคงมีประโยชน์อยู่ไม่น้อย

“เจ้าหมายถึงในบ้านหลังนั้นใช่ไหม”

“ใช่ นายหญิงแสนงามของข้า”

“ถ้าอย่างนั้น ก็หมายความว่าเป็นเจ้าแมวตัวนั้นจริง”

เงาในกระจกพยักหน้า

“รวมถึงผู้ที่ทำสัญญากับมัน ก็ต้องอยู่ที่นั่นด้วย”

เธอทำสีหน้าไม่พอใจ ผู้ที่สมควรจะได้ครอบครองประตูต้องเป็นเธอเพียงผู้เดียวเท่านั้น

“...แล้วจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า หากว่ามันทำสัญญาไปแล้วจริง”

มันกลอกตาไปมา

“อาจจะมี หรืออาจจะไม่ หากผู้ทำสัญญาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เราก็แค่กำจัดมัน แล้วแย่งประตูมาครอบครอง ก็เท่านั้น”

“เจ้าพูดจริงนะ โนเอซู”

เธอยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือลูบไล้ไปบนกระจกบานนั้น เมื่อนิ้วของเธอแตะลงบนผิวที่เย็นเยียบ เงาของมันก็รีบแลบลิ้นลากไปตามนิ้วของเธออย่างไม่รอช้า

'เหมือนกับหมาไม่มีผิด' นั่นคือความคิดของเธอที่มีต่อปีศาจเก่าแก่ตนนี้ 'มันอยู่กับฉันมานานเท่าไรแล้วนะ' อายุที่แท้จริงของเธอนั้น ไม่ใช่เด็กชั้นประถมปีที่สี่อย่างที่ร่างของเธอเป็นอยู่ในตอนนี้ และตลอดเวลาที่ผ่านมา มันไม่เคยมีตัวตนในสายตาของเธอเลยสักครั้ง

ซึ่งมันก็เป็นจริงตามนั้น นั่นยิ่งทำให้เธอชอบกลั่นแกล้งมันในแบบของเธอมากขึ้นไปอีก

“...นั่นใคร”

ใบหน้าของโนเอซบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว ก่อนที่มันจะเคลื่อนผ่านไปตามกระจกอย่างรวดเร็ว เธอรีบลุกขึ้นวิ่งติดตามมันไปอย่างไม่รอช้า ด้านหลังชั้นวางของที่ใช้กั้นแบ่งส่วนรับประทานอาหาร อีกด้านหนึ่งของห้อง มีหน้าต่างกระจกบานหนึ่ง ซึ่งผ้าม่านถูกปิดไว้มืดทึบ

เสียงกรีดร้องของมันดังออกมาจากหลังผ้าม่าน เธอไม่ลังเล เอื้อมมือออกไปกระชากสุดแรงจนผ้าม่านทั้งผืนหลุดลงมา ในความมืดเบื้องนอก เงาของอะไรบางอย่างกางปีกโผบินหายไป ในกระจกหน้าต่าง เงาของโนเอซกำลังโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พวกมัน พวกมันช่างบังอาจนัก กล้ามาเหยียบจมูกกันถึงถิ่น”

เธอมองดูอย่างไม่เข้าใจ ไม่เคยเห็นมันโกรธถึงขนาดนี้มาก่อน มีของสิ่งหนึ่งหลุดลอยออกมาจากในกระจก แล้วหล่นลงบนพื้นในห้อง เธอก้มลงหยิบขึ้นมาดู มันเป็นขนนกสีขาวสะอาดตา สวยงามอย่างที่เธอไม่เคยพบเห็น

จากหลังประตูห้องที่ปิดตาย มีเสียงโหยหวนดังลอดออกมา จากทางโต๊ะรับประทานอาหารเองก็เช่นกัน เสียงทั้งหมดนั้นสอดประสานกันอย่างบาดหู

“ไอ้แจน เงียบเดี๋ยวนี้”

เธอกระซิบเบาๆ แต่เฉียบขาด มันก็เงียบเสียงลงทันที โนเอซใบหน้าเคร่งเครียดส่งเสียงกรีดเสียดหูเหมือนกับใครใช้ของแหลมขูดไปบนกระจก ก่อนพึมพำออกมา

“พวกมันก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”

#####

ร่างของโบนิตะที่อยู่ในโลกสีขาวโพลนเริ่มถูกน้ำแข็งเกาะ เขากำลังจะถูกแช่เย็นอยู่ในขุมนรกเยือกแข็งที่ลึกที่สุด มอนเอราโดได้แต่เดินวนไปมา ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อช่วยเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวของมัน

ภายในห้องของโบนิตะ ทั้งสองยังคงนอนหลับอยู่เช่นเดิม แต่หากมองดูให้ดีจะเห็นได้ว่าลมหายใจของเขาได้กลายเป็นไอสีขาว และร่างของเขาก็ยิ่งเย็นลงไปเรื่อยๆ

หัวใจของเขาเต้นช้าลง จนพร้อมที่จะหยุดได้ทุกเมื่อ

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 55 00:43:49




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com