Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เก็บใจไว้เพื่อรักเธอ 20...ความจริง ติดต่อทีมงาน

1...สิ่งที่หวนหา
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12291977/W12291977.html

2...ฉากหนึ่งของความรัก
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12299078/W12299078.html

3…ดอกไม้แห่งมิตรภาพ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12308882/W12308882.html

4…รั้วไม้สีขาว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12312586/W12312586.html

5...ช่องว่างของหัวใจ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12324343/W12324343.html

6…รอยด่าง
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12331269/W12331269.html

7...บนความสัมพันธ์ที่มองไม่เห็น
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12340765/W12340765.html

8...รักร้าว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12344758/W12344758.html

9...เมื่อลมหนาวพัดผ่าน
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12354115/W12354115.html

10…ความว่างเปล่าของหัวใจ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12362327/W12362327.html

11...หัวใจหักเห
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12372109/W12372109.html

12...ของขวัญ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12386016/W12386016.html

13…วันอำลา
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12394957/W12394957.html

14…เพื่อนเก่า
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12404555/W12404555.html

15...บนถนนชีวิตฝั่งฟากเดียวกัน
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12416358/W12416358.html

16…ภาพวาดที่เคยสวยงาม
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12425942/W12425942.html

17...เศษกระดาษ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12436592/W12436592.html

18…คำตอบของหัวใจ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12447244/W12447244.html

19...โอกาส
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12458001/W12458001.html

20...ความจริง

บรรยากาศชั้นห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลแห่งเดิมยังคงความเงียบเชียบ
กันต์ธีร์นั่งห่อตัวอยู่บริเวณล็อบบี้ในสภาพเปียกชื้นเล็กน้อย ละอองฝนเย็นยะเยือกโปรยปรายอยู่นอกอาคาร รถราเบื้องล่างยังติดขัดกันเป็นแนวยาว ทิวทัศน์ของเมืองกรุงฉ่ำชื่นมัวหม่นอยู่ท่ามกลางปรอยฝน

ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขานึกถึงปรียา ระลึกถึงความรักและเมตตาอันเปี่ยมอยู่ในดวงตาคู่สวยหวาน น่าเสียดายที่ทั้งเขาและเธอต่างเหยียบย่ำทำลายความรู้สึกอันดีงามเหล่านั้น ชายหนุ่มนึกไม่ออกเลยว่า ปรียารู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องร่วมสายโลหิตกับเธอ

“สวัสดีครับ คุณคงเป็นคุณกันต์ธีร์”

ร่างของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้าง ดึงเขากลับสู่ภาวะปัจจุบัน

“ค..ครับ”

เขารีบลุก เพ่งสายตามองบุรุษร่างสูงเบื้องหน้า ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มตอบกลับมาอย่างเป็นมิตร

“ผมดิเรกครับ ได้รับคำสั่งจากคุณชาร์ลให้มารับคุณ”


รินรดาผินหน้ามองผ่านผนังกระจกห้องนอน  ซึ่งจัดชั่วคราวไว้ที่ชั้นล่าง ทอดมองก้านอ่อนช้อยบนกระถางกล้วยไม้ที่ไหวเอนอยู่ท่ามกลางปรอยฝน

...เงียบกริบไม่ได้ยินเสียงใด ๆ

ความหวาดกลัวและเปลี่ยวเหงาห่อหุ้มเกาะกุมจิตใจ ทั้ง ๆ ที่หลายวันมานี้ชาญนำงานมาสะสางอยู่กับบ้านเพื่อเอาใจเธอ

“ลูกของคุณริน อ...เอ่อ.. เป็นผู้ชายค่ะ แต่...”

เธอยังจำคำนั้นได้ ประโยคที่เจ้าหน้าที่พยาบาลใช้บอกกับเธอ จำได้แม้แต่แรงสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงนั้น

‘เด็กคนนั้นเป็น...ผู้ชาย’ เธอทบทวนกับตัวเอง ...ลูกของเธอเป็นเด็กผู้ชาย

ไม่ใช่ความผิดของชาญเลยที่ปล่อยเธอทิ้งไว้ที่บ้านพักต่างจังหวัดอยู่หลายวันเช่นนั้น ความร้อนรุ่มในใจของเธอเองต่างหากที่ทำให้ฝืนสภาพร่างกายอันบอบช้ำขับรถเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตามหาเขา

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอกับเขาเพียรพยายามมีลูกด้วยกันอยู่หลายครั้ง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าครั้งนี้ความฝันใกล้จะเป็นจริง

"ไม่มีลูกก็ไม่เป็นไรนี่จ๊ะ ชีวิตนี้ผมมีคุณอยู่ใกล้ ๆ ก็มีความสุขที่สุดแล้ว"

ชาญไม่ได้ตำหนิเธอเลยกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่มีอะไรเลยที่จะเป็นความผิดของเธอในสายตาเขา

"สุขภาพของคุณสำคัญที่สุด เรื่องลูกเอาไว้พูดกันทีหลัง ถ้ามีไม่ได้จริง ๆ เราก็ไม่ต้องมี"

ชีวิตของชาญเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข เขาไม่ต้องการสิ่งใดมาเติมเต็มความรู้สึกนั้นอีกแล้ว

หากแต่นั่น... ไม่ใช่สำหรับเธอ ลูกเป็นบ่วงโซ่ใหญ่ที่จะคล้องเขาไว้ให้มั่น

หญิงสาวแย้มริมฝีปากน้อย ๆ เมื่อชาญถือจานผลไม้ที่ปอกเปลือกเสร็จมานั่งข้าง ๆ แล้วบรรจงป้อนใส่ปากเธอ โลกนี้จะมีผู้ชายซักกี่คนที่ดีงามเช่นเขา เธอควรภูมิใจที่มีสามีเอาใจใส่และห่วงใยเสียปานนี้

“รินจำน้องผู้ชายคนที่พาคุณไปส่งโรงพยาบาลได้ไหมจ๊ะ”

“คะ” น้ำเสียงอ่อนโยนกับรอยยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีของเขาให้ความรู้สึกไว้วางใจเสมอ “อ๋อ ค่ะ เค้าเคยไปเยี่ยมรินครั้งหนึ่ง ตอนอยู่โรงพยาบาล ทำไมเหรอคะ”

“ผมนัดเค้าให้มาเริ่มงานวันนี้” เขาบอกเสียงราบเรียบแล้วป้อนผลไม้ใส่ปากตัวเอง “ให้ดิเรกขับรถไปรับมาจากโรงพยาบาลแล้ว อีกเดี๋ยวคงมาถึง”

สายตาของรินรดายังไม่ละไปจากสามี

“ให้ทำหน้าที่แทนดิเรกเหรอ อ้าว..ไหนชาร์ลเคยบอกว่า อยากได้...เป็นผู้หญิง”

หนุ่มใหญ่เงยหน้าจากจานผลไม้ ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกได้

“อื่ม ใช่ จริงด้วยสิ” เขาพยักหน้าน้อย ๆ อย่างขบคิด “งั้น...เปลี่ยนคนใหม่ก็ได้ ไว้ผมให้ฝ่ายบุคคลคัดใบสมัครมาให้คุณเลือกดีไหมจ๊ะ”

ดวงตาคู่เรียวของหญิงสาวออกอาการตื่น

“ไม่... ไม่ต้องดีกว่าค่ะ” ผู้ชายนี่แหละดีที่สุดแล้ว หากเป็นไปได้ เธอไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนใดเข้าใกล้เขา “ไหน ๆ ชาร์ลก็เรียกเขามาแล้ว และริน... รินก็ชอบเด็กคนนี้ด้วยค่ะ ท่าทางซื่อ ๆ ดี”

หนุ่มใหญ่ยิ้มกว้าง เมื่อความเห็นของเธอโดนใจเขา

“ใช่ ผมชอบเค้านะ ผมว่าเค้าเป็นคนดีไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร”

พอสิ้นเสียงของผู้เป็นสามี ชายหนุ่มสองคนก็ย่างกรายผ่านประตูไม้สักบานใหญ่เข้ามา หญิงสาวพินิจชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่า ซึ่งแม้เคยพบกันถึงสองครั้งสองครา แต่เธอก็ยังแทบไม่เคยสังเกตมองใบหน้าเขา

“อ้าว นั่นไงมาแล้ว” ชาญเบิกยิ้มกว้างด้วยความยินดี เดินตรงไปทักทายผู้มาใหม่ “ขอโทษทีที่เปลี่ยนสถานที่นัดกะทันหัน พอดีวันนี้ฉันเปลี่ยนใจอยากทำงานอยู่กับบ้าน”

“ไม่เป็นไร มิได้ครับ” เสียงตอบแทบกระซิบ กันต์ธีร์ลดสายตาต่ำลงเล็กน้อย เมื่อผู้เป็นนายจ้างใหม่ตรงเข้ามาโอบบ่า

“รินจ๊ะ นี่ไงกันต์ธีร์ มาถึงแล้ว” คนพูดผายมือไปที่ภรรยา “แล้วนั่น รินรดา ภรรยาฉัน นายคงรู้จักแล้ว แต่ขอแนะนำเป็นทางการอีกครั้ง”

หนุ่มใหญ่กล่าวกลั่วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ขณะผู้มาเยือนยังมีสีหน้าเรียบเฉย โน้มตัวลงไหว้หญิงสาวผู้สูงวัยกว่า

“ยินดีที่ได้พบเธออีกครั้งจ้ะ กันต์ธีร์”

น้ำเสียงแห้งแล้ง สีหน้าของรินรดายังคงซีดเซียวดุจเดิม

“เรียกผมว่ากันต์ ก็ได้ครับ” เขาบอกไปพลางแอบมองเธอ รู้สึกประหลาดใจลึก ๆ  นัยน์ตาของเธอราวกับเก็บงำความทุกข์กลัดกลุ้มใจบางประการเอาไว้ ตรงข้ามกับท่าทางเบิกบานร่าเริงใจของผู้เป็นสามี

หนุ่มใหญ่ทิ้งตัวนั่งลงข้างภรรยา แล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้นโอบไหล่เธอ

“รินรู้ไหมจ๊ะ กันต์เค้าฉีกเช็คที่ผมให้ทิ้งไป ไม่รู้คิดยังไง” เขาบอกกลั่วเสียงหัวเราะ

“เหรอคะ” น้ำเสียงของรินรดาบ่งบอกถึงอาการประหลาดใจ ดวงตาคู่เศร้าพินิจมองหนุ่มน้อย “บางทีกันต์อาจจะคิดว่า เงินซื้อบางอย่างไม่ได้...มั้งคะ”

สีหน้าของผู้เป็นสามีเปลี่ยนไปเล็กน้อยกับถ้อยคำอันเยือกเย็นนั้น ก่อนจะปล่อยมือจากคนข้างกายขยับนั่งตัวตรง

“คุณชาร์ลครับ  พี่วัลย์ให้ผมมาเรียนถามว่า วันครบรอบยี่สิบปีของการก่อตั้งโรงพยาบาลเดือนหน้า เราจะมีงานฉลองเหมือนทุกปีหรือเปล่า” เสียงของดิเรกแทรกขึ้นมา โยงทุกคนกลับสู่บรรยากาศของการทำงาน

ชาญได้โอกาส รีบเบนความสนใจมาทางลูกจ้างหนุ่ม

“อ้า ใช่ ต้องจัดอยู่แล้ว” เสียงของเขาฟังดูขัด ๆ “เอ่อ.. แล้วคุณวัลย์ว่าไงบ้างล่ะ”

“พี่วัลย์บอกว่าจะติดต่อโรงแรมใกล้ ๆ มาอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่กับอาหาร และบริการเครื่องดื่มแขกในงาน ส่วนพราหมณ์ที่จะมาทำพิธีก็จะติดต่อสำนักเดิมครับ” ดิเรกรายงานด้วยสุ้มเสียงจริงจัง

“อื่มดี มีอะไรทำได้ก็จัดการกันไปเลย ถ้าได้กำหนดการคร่าว ๆ แล้วค่อยเอามาให้ฉันดูอีกที” เขาตอบกลับอย่างขอไปที

หนุ่มผิวครามพลิกสมุดไดอารี่ในมือ

“แล้วเรื่องอาหารที่จะถวายเพลพระล่ะครับ คุณชาร์ลจะให้แม่บ้านทางนี้จัดเตรียม หรือจะให้พี่วัลย์สั่งทางโรงแรมดีครับ”

ชาญเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวกับไม่เข้าใจคำถามนั้น

“อ้าว แล้วทุกปีเค้าทำกันยังไง”

“ทุกปีป้าสังวาลเป็นคนเตรียมครับ ทั้งของคาวและของหวาน”

“งั้นนายไปบอกเค้าให้จัดการได้เลย” เขาบอกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเบนสายตามาทางลูกจ้างใหม่เหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ ”เอ่อ ใช่ ฉันย้ายนายไปประจำส่วนของออฟฟิศแล้ว งั้นนายพากันต์ไปรู้จักคุณสังวาล กับใครต่อใครในบ้านนี้ได้เลย เค้าจะได้เดินเรื่องต่อจากนาย”

“ครับ งั้นผมขอตัวเลยนะครับคุณชาร์ล คุณริน”

ดิเรกรับคำอย่างนอบน้อม แล้วเดินนำผู้มาใหม่ออกนอกประตูไป


กันต์ธีร์ก้าวตามชายหนุ่มผู้แก่วัยกว่าออกนอกอาคารไปด้วยกิริยาสำรวม ขณะอีกฝ่ายหันมาชวนคุยอย่างผ่อนคลาย

“คุณชาร์ลก็อย่างงี้แหละครับ เป็นคนง่าย ๆ จริงใจ ไม่ซีเรียสดี ให้สิทธิลูกน้องในการตัดสินใจ”

“ท่านเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเหรอครับ” เขาเดาเอาจากถ้อยคำสนทนาของผู้เป็นนายจ้าง

“ครับ เพิ่งจะมารับตำแหน่งแทนคุณชัชวาลย์ พ่อของท่านที่เพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่ถึงปี”

คนฟังแอบคิดเงียบ ๆ มิน่าล่ะหลายคนในที่นี้จึงรู้เรื่องราวกิจการงานของโรงพยาบาลดีกว่าเขา

“แล้วเมื่อก่อนท่านอยู่ที่ไหนเสียล่ะครับ”

“ออสเตรเลียครับ ท่านกับคุณรินไปเรียนต่อ แล้วก็ทำงานอยู่ที่นั่นเลย เพิ่งกลับมาถึงเมืองไทยได้ก็ปีนี้แหละครับ” ดิเรกว่าไปพลางสังเกตมองผู้อ่อนวัยกว่า “แล้วคุณกันต์ล่ะครับ ไปไงมาไงถึงได้มาทำงานกับท่าน”

กันต์ธีร์สะอึกไปเล็กน้อยกับคำกล่าวยกย่องว่า ‘คุณ’

“เรียกผมว่ากันต์เฉย ๆ ดีกว่าครับ”

ดิเรกหัวเราะเบา ๆ

“ดีครับ งั้นกันต์ก็เรียกผมว่า ดิเรก เฉย ๆ เหมือนกัน” แววตาผู้พูดเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน “ชื่อนี้คุณชัชวาลย์เป็นคนตั้ง พ่อผมเค้าปลื้มมาก เลยไม่ได้ตั้งชื่อเล่นให้ ถ้าเป็นพ่อผมตั้งเอง คงประมาณ สุริยา สายัณห์ อะไรงี้ เพราะพ่อผมชื่อเชย ๆ ว่าอาทิตย์”

ถ้อยคำของคู่สนทนาทำให้เขาต้องหัวเราะตาม ทั้งสองเดินตัดสวนกว้างไปยังอาคารหลังเล็กอีกหลัง ภายใต้ความเขียวขจีของไม้เลื้อยบนหลังคาระแนงไม้ หญิงสูงวัยผู้หนึ่งหยุดหยิบจับงานในมือเมื่อเห็นพวกเขา

“ป้าสังวาลครับ ผมพาพนักงานใหม่มาให้รู้จัก” ดิเรกตะโกนบอกก่อนที่ตัวจะไปถึง

ป้าสังวาลที่เขาเรียกเป็นหญิงรูปร่างเล็ก รูปหน้าเรียวคางแหลม ผิวคล้ำเข้ม แลกระฉับกระเฉงคล่องตัว

“อ้อ เห็นคุณหนูบอกไว้เหมือนกัน ชื่ออะไรล่ะเรา” เธอกล่าวทักทายผู้มาใหม่อย่างเป็นกันเอง

กันต์ธีร์โน้มตัวลงไหว้ผู้สูงวัย

“กันต์ ครับป้า”

“โอ๊ยไม่ต้องว่งไหว้อะไรหรอก ป้าก็เป็นแค่ลูกจ้างเค้า”

“ป้าสังวาลเป็นคนเก่าแก่ของที่นี่” ดิเรกช่วยแนะนำ “งานทุกอย่างของบ้านหลังนี้ ป้าสังวาลจะเป็นคนกำกับสั่งการ”

คนที่ถูกกล่าวถึงยิ้มกว้าง

“ป้าเป็นคนดูแลเรื่องอาหารการกินของคนที่บ้าน อยากทานอะไรก็บอก ป้าจะบอกแม่ครัวให้เค้าจัดการให้”

“ขอบคุณครับ ผมทานได้ทุกอย่าง” ชายหนุ่มยิ้มตอบ สายตาเป็นมิตรของเธอให้ความรู้สึกสนิทใจ

“เอ่อ ป้าครับ งานฉลองครบรอบปีของโรงพยาบาล พี่วัลย์บอกให้ผมมาปรึกษาป้าทีว่า จะจัดเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มาหรือจะเพิ่มเติมอะไรดี เพราะเป็นปีที่ครบรอบยี่สิบปีพอดี” ดิเรกโยงเข้าเรื่องที่ได้รับมอบหมาย

“พื้น ๆ ก็น่าจะเหมือนเดิม ๆ” หญิงสูงวัยขบคิด “ถ้าจะเพิ่มก็มีพิธีพราหมณ์กับพิธีสงฆ์ ดิเรกลองไปปรึกษาพราหมณ์คนที่ทำพิธีให้ปีก่อนดูดีไหม”

“ครับป้า แล้วผมจะลองโทรนัดเค้าดู” ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิดตาม ขณะเปิดไดอารี่ทบทวนความจำ “ส่วนเรื่องอาหารเลี้ยงพระเพล คงต้องให้ป้าช่วยจัดการเหมือนเดิม เรื่องลำดับขั้นตอนในงาน ยังไงป้าช่วยแนะนำกันต์ให้ที จะได้ช่วยเราอีกแรง”

“จะไปยากอะไร๊” หล่อนลากเสียงส่งยิ้มมาทางผู้ถูกกล่าวถึง “เอาซีดีปีก่อน ๆ มาเปิดให้เค้าดูสิ คุณชัชวาลย์ท่านสั่งให้ถ่ายไว้เสียละเอียด ดูซักปีก็ช่วยงานป้าได้คล่องแล้ว”

“ดีครับ” ดิเรกพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นผมไปขอคุณชาร์ลไว้เลย จะได้ให้กันต์เปิดดู”


ห้องทำงานของดิเรกติดบึงใหญ่บริเวณสวนหลังบ้าน บนโต๊ะทำงานมีเครื่องคอมพิวเตอร์ ปริ้นเตอร์และเครื่องโทรสาร ท่ามกลางบรรยากาศสงบเงียบ ชายหนุ่มก้าวออกนอกประตูชะเง้อคอมองหาเจ้าของห้อง บนทางเดินหินกาบที่ทอดยาวออกไปหน้าตึก ดิเรกกับชายอีกคนกำลังอุ้มกล่องกระดาษใบใหญ่เดินตรงมา

“นี่ครับ คุณชาร์ลให้ผมขนมาหมดห้องเลย”

ทั้งสองวางกล่องกระดาษในมือลงเกือบพร้อมกัน ภายในเต็มไปด้วยแผ่นวีซีดีบรรจุอยู่เต็มกล่อง

“มีทั้งงานฉลองครบรอบปีของโรงพยาบาล กับเรื่องอื่น ๆ” เขาว่าพลางส่งสัญญาณมือให้ผู้ช่วยกลับไป “คุณชาร์ลอยากให้กันต์ช่วยแยกให้เป็นหมวดหมู่ บางแผ่นก็ไม่ได้เขียนชื่อเรื่องไว้ กันต์ค่อย ๆ ทยอยเปิดดูแล้วเขียนชื่อกำกับให้ด้วยนะครับ”

กันต์ธีร์พินิจมองวีซีดีแต่ละแผ่น ประมาณครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้เขียนอะไรไว้ ซึ่งหากเปิดดูทั้งหมดคงต้องใช้เวลาหลายวัน

“งั้นผมแยกส่วนที่เป็นงานครบรอบปีของโรงพยาบาลไว้ก่อนนะครับ” เขาสรุป

“ตามสบายครับ” ดิเรกยิ้มรับ “คงไม่มีอะไรแล้ว เห็นทีผมคงต้องกลับออฟฟิศเสียที กลางวันถ้ากันต์หิวไปทานข้าวที่ตึกหลังของป้าสังวาลนะครับ มีอะไรก็ปรึกษาป้าแกได้”

ผู้อ่อนวัยกว่ายิ้มแทนคำกล่าวขอบคุณ ทุกคน ณ ที่นี้ช่างอบอุ่นและมีเมตตา เขาควรจะขอบคุณใครหรือสิ่งใดดีที่นำพาให้พบกับชาญ

จากคุณ : วังวน
เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 55 08:41:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com