 |
นริศราถอนหายใจยาวอย่างผ่อนคลาย หลังจากวางมือจากข้อสอบวิชาภาษาฝรั่งเศล ซึ่งเป็นการสอบคาบสุดท้ายของภาคเรียนนี้ เหม่อมองบรรดาเพื่อนนักศึกษาที่ต่างทยอยกันเดินออกจากห้อง หญิงสาวทอดกายก้าวตามระเบียงทางเดินอย่างหมดแรง
Hi Noon, How's your exam? เพื่อนสาวชาวเวียดนามก้าวเคียงข้างมาทักทาย
Not bad เธอรับคำอย่างท้อ ๆ ใครจะเชื่อว่าหลักสูตรอินเตอร์เนชั่นแนลของระดับอุดมศึกษาจะทำให้เด็กที่เคยเรียนดีเช่นเธอแทบจะถอดใจ Any way, I think it'd be alright
เฮ้อ... สอบเสร็จเสียที วันนี้เรามีนัดฉลอง
เสียงภาษาไทยพูดปนหัวเราะแว่วดังตามหลัง ร่างผอมบางของพลอยใสก้าวตามมาติด ๆ
I , Nok and her friends're folks will go dancing เธอเอ่ยชวนเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสอง Have fun together Noon, Hun?"
Sorry, I will have a dinner with my dad ฮันห์ปฏิเสธเสียงเรียบ He's always busy; we rarely have a meal together
แล้วนุ่นล่ะ ไปด้วยกันนะ
คนชวนจึงหันมาให้ความสนใจเพื่อนอีกคน แต่แล้วก็ต้องชะงักไปกับท่าทางเหม่อ ๆ ของคู่สนทนา นริศราทอดสายตามองท้องฟ้าสีครามเบื้องหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อ ๆ
สถานที่เสียงเพลงดังอึกทึก
ความทรงจำสุดท้ายที่ได้พบเขา
ทั้งสามหมุนตัวเลี้ยวลงบันไดช่วงสุดท้าย ร่างอันแสนคุ้นตาของชายคนหนึ่งปรากฏอยู่ไม่ห่าง
ไงนุ่น ทำสอบชัวร์ไหม เขาทักทายทันทีเมื่อเห็นเธอ
หญิงสาวได้โอกาสรีบนำเพื่อนหนุ่มมาเป็นเหตุผลปฏิเสธ
พอดีนัดคณิตไว้ คงต้องขอตัวล่ะพลอย
พลอยใสพยักหน้ายิ้มเยื้อนอย่างล้อเลียน
เข้าใจล่ะ งั้นไม่กวนก็ได้ เธอปลีกตัวด้วยการดึงเพื่อนสาวชาวเวียดนามตามกันไป Shall we go Hun? Don't be their third wheel!
คณิตยิ้มให้เพื่อนสาวอย่างเป็นมิตรและสุภาพ ขณะเอ่ยปากถามว่า
พี่ประวิทย์มารับหรือเปล่า
คำนั้นทำให้เธอเพิ่งนึกถึงญาติหนุ่ม เขาเงียบหายไปนับแต่เธอยืนยันความตั้งใจว่าจะขับรถมาเรียนเอง
ไม่รู้สิ... ไม่เจอตั้งนานล่ะ สีหน้าหญิงสาวบอกถึงอาการเซ็งเมื่อนึกถึงเขา จบเทอมแล้ว เค้าจะได้ไปเรียนเมืองนอก เลิกยุ่งกับนุ่นเสียที
คณิตหัวเราะร่า
งั้นวันนี้เราไปขับรถคันใหม่ของนุ่นกัน ฉลองที่พี่ประวิทย์จะไม่อยู่ เอ๊ย ฉลองสอบเสร็จ เขากล่าวกลั่วหัวเราะ เอาใกล้ ๆ เซ็นทรัลบางนาละกัน ให้นุ่นขับ ณิตเป็นคนนั่งบ้าง
อารมณ์ขันของเพื่อนหนุ่มทำเอาเธอยิ้มออกมา หญิงสาวเดินเคียงข้างเขาไปอย่างร่าเริง
ได้สิ ไปหาอะไรทานกันนะ นุ่นเลี้ยง แล้วนุ่นจะเป็นโชว์เฟอร์พาณิตกลับมาส่งที่หอเอง
ชั่วขณะที่ทั้งสองก้าวลงจากตึกเรียน ดวงตาคู่แจ่มใสของคณิตสะดุดเข้ากับภาพหนึ่ง สีหน้าของเขาบอกถึงอาการประหลาดใจอย่างที่สุด
ใจ.. ถ้อยคำรำพึงเหมือนเผลอหลุดปากออกมา ขณะที่หญิงสาวซึ่งอยู่ห่างออกไปค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นยืน
นริศรามองตามสายตาเพื่อนหนุ่ม หล่อนเป็นสาวผิวสีน้ำผึ้งร่างสูงเพรียว ผมยาวสยายหยิกเป็นลอนสวย ดวงตาคู่คมเข้มจ้องมองกลับมาไม่วางเช่นกัน
เอ๊ยใจจริง ๆ ด้วย สีหน้าตกตะลึงของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง โผไปจับที่ต้นแขนเพื่อนสาวเขย่าเบา ๆ ราวกับไม่เชื่อสายตา ไม่อยากเชื่อเลย มาได้ไงเนี่ย
สาวผิวสีน้ำผึ้งคลายสีหน้าลง เมื่อเห็นอาการดีอกดีใจของเพื่อนหนุ่ม
นั่งรถไฟมาสิ สอบเสร็จเมื่อวานก็รีบซื้อตั๋วรถไฟขึ้นรถมานี่เลย
ไม่เห็นบอกกันบ้าง เขายังจับมองผู้มาเยือนไม่วางตา
บอกก็ไม่เซอร์ไพร์สสิ เห็นไหมใจทำให้ณิตเซอร์ไพร์สจริง ๆ ด้วย
ท่าทางของทั้งสองเหมือนคู่รักที่ห่างหายกันไปนาน แล้วมีโอกาสได้กลับมาพบกันอีก ช่างเป็นภาพแห่งความประทับใจที่น่า..อิจฉา คนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่แอบคิดเงียบ ๆ ในใจ
ใจเอากระเป๋าไปขอพักบ้านคุณน้าที่อ่อนนุช แล้วก็บึ่งแท็กซี่มาหาณิตเลย กะว่าต้องมาให้ทันก่อนณิตสอบชั่วโมงสุดท้ายเสร็จ ใจมาทวงสัญญาที่ณิตบอกว่าปิดเทอมจะพาใจเที่ยวกรุงเทพฯ ไง จำได้เปล่า หล่อนกล่าวแกมอยอกอย่างอารมณ์ดี ชั่วขณะ สายตาแอบชำเลืองมองไปยังหญิงสาวในชุดนักศึกษาซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างออกไป
อ้อ... คณิตเหมือนเพิ่งคิดได้ รีบแนะนำเพื่อน นั่นนุ่นไงใจ เพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่เคยเล่าให้ฟัง นุ่นนี่ใจทิพย์
สวัสดีค่ะ เคยเห็นรูปคุณในกระเป๋าสตางค์ของคณิตแล้ว บอกไปอย่างที่ใจคิด ชั่วขณะกลับไม่แน่ใจว่าควรพูดเช่นนั้นไหม
สีหน้าของใจทิพย์เจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสุภาพ
ค่ะ ณิตก็เคยเล่าเรื่องที่ได้เจอนุ่นกับใจทางเอ็มฯ เหมือนกัน เธอสวยกว่าที่คาดคิด ดวงหน้าหวานแลดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณขาวเนียนอย่างคนกรุง สาวผิวสีน้ำผึ้งบอกกับตัวเอง ดีใจค่ะที่มีโอกาสได้พบกัน
ค่ะ ยินดีเช่นกัน ความรู้สึกบางอย่างบอกกับเธอว่าควรหลีกหนีออกจากสถานการณ์นั้น งั้นนุ่นไม่กวนแล้วนะคะ คงต้องขอตัวกลับก่อน
ชายหนุ่มฉุกนึกได้ถึงการนัดแนะกับเมื่อซักครู่ หันขวับมาทางเพื่อนสาว
อ้าว เดี๋ยวสินุ่น เมื่อกี้บอกว่าจะไปเซ็นทรัลบางนากัน
หญิงสาวเหลือบมองสีหน้าเรียบเฉยของใจทิพย์ ก่อนจะรีบปฏิเสธว่า
ไว้วันหลังเถอะณิต ใจอุสาห์มาทั้งที ณิต Take Care ใจเถอะ
นริศราโบกมือลาเมื่อเห็นว่าเขาไม่ทักท้วง พวกเขาคงต้องการเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง หญิงสาวครุ่นคิดขณะมุ่งหน้าไปยังอาคารลานจอดรถ แม้จะอยู่ห่างกันแสนไกลแต่หัวใจของทั้งสองยังผูกพัน
จู่ ๆ ความรู้สึกอ้างว้างก็ก่อตัวขึ้นลึก ๆ ภายในจิตใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ หญิงสาวพยายามตั้งสติทบทวนตัวเอง เธอเชื่อมั่นอย่างชัดเจนว่าไม่ได้ตกหลุมรักคณิต และไม่เคยมีจิตปฏิพัทธ์กับผู้ชายคนไหนเพียงแค่ได้พบเห็นภาพภายนอกของเขา
...หากแต่เป็นความอบอุ่นที่แทรกซึมเข้าสู่ส่วนลึกในหัวใจของเด็กขาดพ่ออย่างเธอ
หญิงสาวส่ายศีรษะขับไล่ความรู้สึกนั้น ความรักไม่มีเหตุผล ไร้คำอธิบาย กันต์ธีร์เข้ามาอยู่กลางใจเธอตั้งแต่เมื่อไหร่สุดจะหาคำตอบ จากวันที่พบกันครั้งแรก จนกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอเหนียวแน่นอยู่ในหัวใจเธอ
...คงไม่มีโอกาสได้พบเขาอีก
หญิงสาวบอกกับตัวเอง
...ไม่มีโอกาสได้กลับไปแก้ไขความผิดพลาดจากความเจ้าทิฐิของตัวเอง
สัญญาณเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หญิงสาวคืนสติรีบควานหาจากกระเป๋าสะพาย
นุ่นจ๋า จะเดินใจลอยไปถึงไหน เสียงหวาน ๆ แว่วดังออกมา
หญิงสาวหมุนตัวมองไปรอบ ๆ แลเห็นเพื่อนสาวร่างสูงกำลังโบกมือโบกไม้อยู่หน้าอาคารเรียน
นก มีอะไรเหรอ น้ำเสียงบอกถึงอาการประหลาดใจ อย่าบอกนะว่าพวกพลอยใสยืนยันจะชวนเธอไปเที่ยวอีก ไหนบอกว่ามีนัดเที่ยวกันไง
ก็ใช่ จ้า กำลังรอเพื่อนอีกสองสามคน นกหยุดนิดหนึ่งขณะสอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ เหมือนกำลังมองหาอะไร พอดีมีคนมาถามหานุ่นกับพวกเราแหละ เห็นหลังนุ่นเดินไปแวบ ๆ ก็เลยรีบโทรมาเนี่ย นั่นไง เค้ากำลังเดินไปหานุ่นแล้ว
หญิงสาวทอดสายตามองไกลออกไป แลเห็นหญิงวัยผู้ใหญ่คนหนึ่งกำลังเดินตรงมา
เค้ามาถามหา นริศรา ตัณธนศิริ กับพวกเรา บอกว่าเป็นญาติ นกขยายความ
นริศราพินิจมองหญิงสาวเบื้องหน้า ตั้งแต่จำความได้ เธอมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักหล่อน หญิงคนนั้นอยู่ในชุดกระโปรงสีสุภาพอย่างคนทำงาน รูปร่างสูงโปร่งค่อนข้างผอม ผมสั้นบ๊อบ หน้ายาว แก้มตอบ
เป็นญาติฝ่ายไหนอ่ะ น่าแปลกนะที่รู้จักชื่อ นามสกุล คณะ เสร็จสรรพ แต่ไม่มีเบอร์มือถือของเธอ
เอ้... ไม่รู้จักเหมือนกัน เธอแผ่วเสียงลงเมื่อเห็นว่าหญิงคนนั้นเดินใกล้เข้ามาทุกที ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวนุ่นถามเอง
เธอบอกก่อนจะวางสาย ผู้หญิงเบื้องหน้าแลสุภาพและสูงวัย เธอตัดสินใจเป็นฝ่ายยกมือไหว้ทักทายก่อน
สวัสดีค่ะ คุณต้องการพบหนูเหรอคะ
สายตาที่มองกลับมาแลพินิจนานจนน่าแปลก
หนูชื่อ นริศรา ตัณธนศิริ หรือว่า นุ่น ใช่ไหมจ๊ะ หล่อนซักเสียงเรียบ
ค่ะ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของผู้เยาว์วัยบอกถึงความคลางแคลง คุณมีธุระอะไรกับหนูเหรอคะ คุณ...เป็นใคร เอ่อ ขอโทษค่ะ คือหนูจำได้ว่า ไม่เคยรู้จักคุณ
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเนือย ๆ
ค่ะ เรายังไม่เคยพบกัน พี่ เอ๊ย.. ฉันต้องขอโทษด้วยที่จู่ ๆ ก็โผล่มา ฉันชื่อ นิดา ค่ะ เธอบอกเรียบ ก่อนจะกล่าวคำต่อไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ นิดา ตัณธนศิริ
หญิงสาวเบิ่งตาโต สายตาถูกตรึงไว้กับภาพของผู้หญิงสูงวัยกว่าเบื้องหน้า น่าแปลกที่หล่อนใช้นามสกุลเดียวกับเธอ
หนู... หนูยังไม่เคยพบกับคนที่ใช้นามสกุลเดียวกันเลยค่ะ แล้ว... แล้วคุณเป็นใครคะ มีธุระอะไร เธอยิงคำถามเป็นชุด ๆ
ค่ะ เราใช้นามสกุลเดียวกัน เธอกล่าวด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็น ฉันต้องขอโทษที่มาหาถึงที่นี่ เพราะที่ผ่านมาฉันพยายามติดต่อคุณยุพินแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ
ความร่วมมือ.. .เรื่องอะไร.... ตั้งแต่จำความได้เธอแน่ใจว่าผู้เป็นมารดาไม่เคยเล่าหรือกล่าวถึงญาติฝ่ายใดของทางบิดามาก่อน
พ่อเค้าเสียไปนานแล้วลูก ทิ้งไว้แต่บ้านหลังนี้ ทรัพย์สมบัติ กับความหวังที่จะส่งให้ลูกได้เรียนเพื่อสร้างอนาคตของตัวเอง นุ่นจะต้องไม่ทำให้ดวงวิญญาณของพ่อต้องผิดหวังนะลูก
เป็นถ้อยคำที่มารดาใช้ตักเตือนเสมอมา น่าแปลกที่เธอเองก็ไม่เคยซักไซ้รายละเอียด
คุณเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพ่อเหรอคะ
สายตาของนิดาไม่ละไปจากหญิงสาวผู้อ่อนวัย ราวกับต้องการใช้นัยน์ตาสื่อแทนคำพูด
ลูกสาวค่ะ ฉันเป็นลูกสาวของคุณพ่อนริศ
ดวงหน้าขาวซีดเผือดลงในฉับพลัน เป็นไปไม่ได้ว่าพ่อจะมีลูกสาวคนอื่นนอกเหนือจากเธอ
ไม่จริงค่ะ คุณพ่อของหนูตายไปนานแล้ว จะมีคุณเป็นลูกสาวอีกคนได้ยังไง
น้ำเสียงแข็งกร้าวปนอารมณ์เกรี้ยวโกรธ ชั่วขณะ เธอเพิ่งฉุกคิดได้ว่า หากเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตกันจริง หญิงคนนี้คงเกิดก่อนเธอร่วมสิบปี
ตาย..หรือค่ะ นิดาหยุดใช้ความคิด แววตาของหล่อนคล้ายไม่มีร่องรอยของการโกหก คุณยุพินอาจจำเป็นต้องบอกไปแบบนั้น ฉัน...เอ่อ...พี่ขอโทษด้วยที่ต้องทำลายเจตนาของคุณแม่ของน้อง ที่พี่มาวันนี้เพราะความรักที่ฉันมีต่อคุณพ่อ พี่ไม่อยากให้ท่านต้องตรอมใจไปจนลมหายใจสุดท้ายของท่าน
เสียงปนสะอื้นหยุดลง เมื่อหล่อนยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เอ่อล้นหน่วยตา หญิงสาวเพิ่งสังเกตเห็นขนตาที่เปียกชุ่มของหล่อน
พี่อยากจะขอร้องให้น้องไปพบกับคุณพ่อที่โรงพยาบาลซักครั้ง ครั้งเดียวก็ได้ค่ะ เพราะนั่นอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตท่าน
ใบหน้าของคนฟังเผือดซีดลงอีก รู้สึกสับสนและหวั่นใจเกินกว่าจะทนรับฟังคำพล่ามเหลวไหลเหล่านั้น
ไม่จริงหรอกค่ะ... คุณพูดอะไรของคุณ เธอส่ายหน้า ก่อนจะทันตั้งสติหมุนตัวหันหลัง จู่ ๆ ก็มีคนที่ไม่รู้จักมาแจงภูมิหลังที่แตกต่างไปจากคำบอกกล่าวของมารดาเธอ หล่อนต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ
เดี๋ยวสิค่ะ เสียงฝีเท้าก้าวตามมา ได้โปรด...น้องอาจจะไม่เชื่อ แต่พี่มีหลักฐาน พี่มีรูปถ่ายของคุณพ่อกับคุณยุพินตอนที่เรียนอยู่ด้วยกันที่แคลิฟลอเนียร์ แล้วนี่ก็รูปถ่ายสมัยก่อนของครอบครัวพี่
คำนั้นทำให้ฝีเท้าของคนเดินนำหยุดกึกหันมาให้ความสนใจสิ่งที่อยู่ในมือคู่สนทนา นิดาส่งรูปถ่ายสีเหลืองซีดหลายใบให้เธอ ใบแรกเป็นภาพของนริศกับยุพินคล้ายภาพถ่ายเก่า ๆ ของมารดาที่เธอคุ้นเคย ส่วนรูปถ่ายอีกหลายใบต่อมากลับเป็นภาพนริศกับภรรยาอีกคน และลูกชายหญิงทั้งสองในช่วงวัยต่าง ๆ
ไม่จริง ! หญิงสาวโยนภาพถ่ายเหล่านั้นทิ้งลงกับพื้น เป็นไปไม่ได้แน่ที่พ่อของเธอยังไม่ตาย แต่มีชีวิตอยู่กับอีกครอบครัวหนึ่ง คุณกำลังจะบอกว่า คุณพ่อยังไม่ตายแต่อยู่กับพวกคุณ แม่โกหกนุ่นงั้นเหรอคะ ไม่จริงหรอก
ผู้หญิงคนนี้ต้องมีเจตนาร้าย จึงตัดแต่งภาพมาหลอกลวงกันเช่นนี้
นิดาก้มลงเก็บภาพถ่ายเหล่านั้นกลับขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
พี่ขอโทษ ถ้าสิ่งที่พี่บอกไปเป็นการทำร้ายจิตใจของน้อง พี่อาจจะคำนึงถึงข้อนั้นน้อยไป แต่พี่ก็ทำไปเพราะความรักที่มีต่อคุณพ่อของเรา ถ้าน้องไม่เชื่อทำไมไม่ลองไปพบท่านดูซักครั้งล่ะคะ คุณพ่อต้องการพบน้องมากเลย
แววตาวิงวอนของนิดาทำเอาผู้เยาว์วัยกว่าไม่กล้าแข็งใจปฏิเสธ แม้จะไม่เคยเห็นตัวจริงของผู้เป็นบิดามาก่อน หากเพียงจากบรรดาภาพถ่ายหลายใบที่มารดาเธอเก็บไว้ ก็สามารถจดจำลักษณะของพ่อได้อย่างแม่นยำ
ผู้ชายที่อยู่โรงพยาบาลอาจจะไม่ใช่พ่อของเธอ อาจจะเป็นเพียงคนรูปหน้าคล้ายกัน หรือภาพตัดแต่งที่ผู้หญิงคนนี้นำมาหลอกลวง
หากแต่ความรู้สึกบางประการกลับต่อต้านสิ่งที่เธอกำลังบอกกับตัวเอง ท่ามกลางความรักอย่างล้นพ้นของผู้เป็นมารดา หรือว่า... ช่องว่างที่เธอเคยสัมผัสถึงนั้นคือความจริงอันโหดร้ายที่กำลังประจักษ์อยู่ในขณะนี้
........................................ 21...ร่องรอยแห่งรัก http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12479794/W12479794.html
แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 55 10:51:32
แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 55 08:50:11
จากคุณ |
:
วังวน
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ส.ค. 55 08:42:41
|
|
|
|
 |