Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
๐๐ ... สวนสัตว์สนาน ... ๐๐..(บทที่ 9) ติดต่อทีมงาน

"สวนสัตว์สนาน" (บทที่9)




บทที่ 9





หลายวันต่อมายังไม่เห็นบัสไปโรงเรียน..โจไม่พูดถึง แคร์ที่เคยชื่นชมก็เงียบเช่นกัน


“กระถินอึดนะแม่..” พี่สาวคุยกับแม่ “คุณหมอนึกว่าไม่รอด แต่ตอนนี้อาการดีขึ้น

“อีกเท่าไหร่ล่ะแก..” ไม่ใช่แม่ขี้เหนียวหรือใจไม่เมตตา..พี่สาวผมไม่มีงานทำแน่นอน อาชีพนายหน้าขายบ้านและที่ดิน นานๆ จะได้เงินสักก้อนแต่รายจ่ายประจำมีมากและฟุ่มเฟือย..แมวที่บ้านกินแต่ปลาทูเพียวๆ ไม่คลุกข้าว พี่เขาบรรจงแกะแต่เนื้อให้กิน ก้าง หัว หางทิ้งหมด..ยัง..แกะใส่ชามโฟมหยอดตามรั้วบ้านที่มีแมวอีกต่างหาก..เว่อ..เว่อ

“ไม่เกี่ยวกับแม่หรอก” พาลค้อนผมที่นั่งคุยกับแม่เรื่องจะพาโจอี้ไปให้คุณหมอวิไลดูว่าทำไมไม่ค่อยกินอาหาร

“ให้มันจริง” แม่หน้าคว่ำ..รายการเกี่ยวกับแมวพี่สาวเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็จริง แต่บ่อยๆ ที่ขอยืมเงินแม่แล้วไม่ใช้คืน

“โจ!..” ผมตะโกนขึ้นทางช่องบันได

“เอ้า!..ส่งเสียงเข้าไป” เจอพาลอีกแล้ว



ผมขับจักรยาน โจอุ้มโจอี้ซ้อนท้ายไปร้านคุณหมอวิไล

“คุณบารมีไม่ได้มาด้วยหรือคะ?” คำแรกที่คุณหมอทักทาย

“คุณบารมี!..” ผมงง

“ที่วันก่อนคุณพาหมีมาเข้าเฝือก..” คุณหมอหันไปหาโจอี้ “เข้าห้องตรวจกันนะลูก

“บัสเคยมาที่นี่ด้วยหรือน้ามิว” โจดึงผมไปนั่งโซฟา

“ทำไม..” กำลังจะถามต่อนึกเดาได้ว่า บารมี คงคือชื่อจริงของบัส “อือ..วันที่หมีขาหักบัสอาสาขับรถให้น้ามิวนั่งมาที่นี่”

“อ๋อ..”

“บัสเขาชื่อบารมีหรือ?” ว่าจะไม่ยุ่งอะไรกับนายบัสแล้วพอคุณหมอถามขึ้น และโจต่ออีกผมจึง..น่า..ก็ไม่ได้เสียหายอะไร..เด็กชายคนหนึ่ง..เพื่อนของหลาน

“โรเบิร์ต บารมี” คือชื่อเต็มๆ แต่ที่โรงเรียนเรียกกันแค่บารมีหรือบัส

“ชื่อเล่นน่าจะเป็นเบิร์ตมากกว่า..หายไปนะ..หมู่นี้ไม่เห็นไปโรงเรียนพร้อมโจเลย” ได้โอกาสถามข่าว

“ไม่รู้สิ..โจเห็นเขาครั้งสุดท้ายก็ที่เขานอนกอดน้ามิว” ชำเลืองมองผม

“ทำไม..ฮึ?”

“ปะ..เปล่า..ครับ..” ตะกุกตะกักพูดต่อ “เพื่อนๆ ลือกันว่า..ว่า..”

“คุณมิวคะ..” คุณหมออุ้มโจอี้วางบนเคาน์เตอร์

“ครับ..” ผมไม่อยากสังหรณ์อะไร แค่พาโจอี้มาหาสาเหตุไม่กินอาหาร..ไม่รู้สิ คิดมากไปหรือเปล่า..ถึงมือหมอทีไรเป็นเรื่องทุกที ไม่ว่าใคร

“ดูที่ท้องสิคะ..” คุณหมอจับโจอี้พลิก มือคลำตำแหน่งต้นเหตุ “ท้องเริ่มบวมเป็นก้อน สันนิษฐานว่าถูกใครรังแกจนไส้ห้อยออกมาจากช่องท้อง..” หยุดมองหน้าผมที่คิ้วเลื่อนเข้าหากัน

“เป็นอะไรครับ?” โจลุกจากโซฟามาที่โจอี้

“หมอจะให้ยาแก้อักเสบ ถ้าอาการไม่กำเริบบางทีมันจะหายได้เอง..แต่ถ้าบวมมากขึ้นพามาหาหมออีกแล้วกัน”



ขนาดไม่ได้สังหรณ์นะ

ไม่ว่าคนหรือสัตว์เมื่ออายุมากขึ้นโรคภัยเริ่มมีมา คนมีเวลามากจึงดูเหมือนความเสื่อมของร่างกายค่อยเป็นไป สัตว์มีช่วงชีวิตสั้น อะไรๆ จึงเกิดขึ้นถี่มากกว่าคน..ผมเคยเลี้ยงสุนัขมาหลายตัว ต้องเห็นมันทุรนทุรายกว่าจะตายโดยไม่สามารถช่วยอะไรได้ (ตอนนั้นยังเด็กไม่มีความรู้ไม่มีเงินเหลือพอที่จะพาสัตว์เลี้ยงเข้าสถานพยาบาล)..ผมจึงปฎิเสธที่จะรับเลี้ยงโจอี้ตั้งแต่แรก

“สองสามวันก่อน..” โจคงจะเล่าต่อเรื่องนายบัส

“ผมเห็น..” ผมหูผึ่ง “โจอี้มันซ่าวิ่งออกไปไล่กัดหมาใหญ่นอกบ้าน..”

“อ้าว!..” ไม่ใช่เรื่องเด็กลูกครึ่ง

“อ้าวอะไรน้ามิว”

“อ้าว..ตัวเล็กกว่าวิ่งกัดตัวใหญ่ได้อย่างไร..” แก้ตัว

“นั่นสิ จะได้อย่างไร..ได้สิ..” โจพูดวกวน “ได้ตืบไง..ดีนะที่หมาตัวนั้นมันเวทนาไอ้เตี้ยแค่หันมาเหยียบสั่งสอนไม่ได้กัด..ฮะ..ฮะ..”

“โดนเหยียบ..มิน่า..” ผมนึกถึงการวิเคราะห์โรคของหมอวิไล..อย่าดูถูกคนสูงวัย “แล้วไง?”

“เอ๋งๆ ลั่นวิ่งแนบเข้าบ้านละสิ..ทำซ่าดีนัก..ฮะ..ฮะ..” ขำของบางคนอาจไม่ขำของอีกหลายคน



สองสามวันต่อมาโจอี้ยังไม่ยอมกินข้าว ทั้งที่ผมป้อนยาแก้อักเสบและวิตามินกระตุ้นให้อยากอาหาร

“ท้องมันบวมเหมือนเม็ดฝีอย่างที่พี่รวยเคยเป็น” แม่ลูบท้องโจอี้

“แม่ก็..ว่าเข้า เดี๋ยวก็ไปอย่างพี่รวยหรอก” เราสองคนเพิ่งเสร็จจากการปล้ำป้อนยา..ยัดเข้าไปทางมุมปาก บีบให้แน่น อุดจมูกเพื่อจะได้ฮึดฮัดกลืนยาเข้าไป แต่โจอี้คายออก ต้องทำอีกหลายครั้งกว่าจะสำเร็จ

ในที่สุดผมตัดสินใจพาโจอี้ไปหาหมออีกครั้ง

คุณหมอวิไลเจาะท้องโจอี้ ดันไส้กลับเข้าที เย็บพังผืดปิดรอยรั่ว และเย็บปิดท้องรั่วอีกชั้น..เล่นเอาผมใจตุ้มๆ ต่อมๆ..กังวลชีวิตของโจอี้ที่อยู่ในมือของคุณหมอสูงวัย กังวลเรื่องค่ารักษา กลัวจะน้องๆ ค่ารักษาของกระถิน..แต่แล้วผมโล่งใจทั้งสองกรณี

การณ์นี้ผมควักกระเป๋าจ่ายเอง..แม่เพิ่งช่วยออกค่าใช้จ่ายของกระถิน ผมไม่อยากรบกวน อีกอย่างโจอี้เป็นลูกของผม



เพราะวุ่นๆ กับโจอี้ผมลืมบางเรื่องสนิท..ไม่สำคัญกับผมนี่นะ?..ที่จริงไม่ใช่โจอี้เรื่องเดียว..ใกล้เวลางานรื่นเริงประจำปีของโรงเรียนหลาน มีหลายอย่างที่ผู้ปกครองต้องกระตือรือร้นตามเด็กๆ

ผมลางานครึ่งวันเพื่อพาแคร์ไปร้านเสริมสวย ทำผมแต่งหน้าตามแพทเทิร์นที่คุณครูระบุมา..พ่อแม่เขาไปไหนหมด..ทำงาน ทำงาน..ผมไม่มีงานทำนี่นะ!..ตอนเย็นพาแคร์ไปส่งที่โรงเรียน และเลยวนเวียนอยู่ที่นั่น รอรับแม่ พี่สาว และโจที่จะมาสมทบกินโต๊ะจีนและดูการละเล่นของนักเรียน

มีการแสดงของนักเรียนทุกห้องทุกชั้นตั้งแต่ประถมที่ 1 ถึง 6..กว่าจะจบทุกรายการ (ปีที่แล้วผมนั่งตบยุงกว่าจะถึงคิวของโจ) ..จบการแสดงของแคร์ พวกเราไปซื้อพวงมาลัยที่ทางโรงเรียนจัดหามาไปคล้องให้..ผู้ปกครองทุกคนต้องซื้อ ไม่อย่างนั้นลูกหลานของตัวจะเสียใจที่ไม่ได้รับอย่างเพื่อนๆ..นโยบายสุดยอดของโรงเรียน

“อ้าวโจล่ะ..” พี่สาวเพิ่งนึกได้ “ไม่ไปเตรียมตัวแสดงหรือ?”

“ป้าก็..” อาหารเต็มปาก “ไม่รู้หรือ โจอยู่ชั้นมัธยมไม่ต้องเต้นแล้ว”

“น้ามิว..” แคร์วิ่งมาพร้อมเพื่อนๆ เครื่องแต่งหน้าละลายเยิ้มเพราะเหงื่อ “ไปจับลูกปิงปองกับแคร์เถอะ” ไม่รอคำตอบ ฉุดผมไปทางหน้างาน

ผมซื้อคูปอง 20 ใบให้แคร์ไปจับลูกปิงปองที่ปลิวว่อนอยู่ในตู้..กี่ปีๆ ไม่เคยได้เบอร์รางวัลใหญ่สักที ได้แต่สมุด ดินสอ สบู่ บ๊ะมีสำเร็จรูป ผ้าเช็ดตัว (ค่อยเป็นเรื่องเป็นราวหน่อย) แต่ทีแคร์อยากได้ เช่นรถจักรยาน กีตาร์ ตุ๊กตาหมีตัวโต ไม่ได้..ผมต้องปลอบใจด้วยการสัญญาว่าจะพาไปซื้อให้ในวันหยุด..ทั้งขึ้นทั้งล่องเลย


งานยังไม่เลิกแต่พวกเรากลับกันก่อน..ที่หน้าโรงเรียนมีของขายมากมาย ตลาดนัดย่อมๆ เชียวละ สิ้นค้าส่วนมากสำหรับเด็ก..แคร์เลือกซื้อหลายชิ้น ผมบ้าง แม่บ้าง พี่สาวบ้างเป็นคนซื้อให้..โจไม่อยากได้อะไร..ฮะ..ฮะ..ที่ไหนได้จะให้ผมซื้อมือถือให้เครื่องหนึ่ง..มือถือของโจและอะไรไม่รู้อีกของแคร์ เห็นทีผมต้องขอเบิกจากพ่อแม่ทั้งสองคนแล้ว..แต่ว่า..จะได้ไหม?

“พรุ่งนี้เป็นงานของนักเรียนมัธยมไม่ใช่หรือ” ขณะเดินกลับบ้าน..แม่ พี่สาว และแคร์ขึ้นแท็กซี่ ผมและโจเลือกเดินรับลม

“ครับ” ไม่มีคำอธิบายต่อ

“มีการแสดงอะไรบ้าง?” เผื่อโจจะเล่าอะไรที่ค้างอยู่ตอนพาโจอี้ไปหาหมอ

“ปีนี้อาจารย์ใหญ่เปลี่ยนการแสดงของเด็กโตเป็นการแข่งกีฬา..” หยุดคิด “เอ่อ..” ไม่พูดต่อเสียอย่างนั้น

“น้ามิวต้องลางานมาเป็นเพื่อนโจหรือเปล่า” หวังดี?

“ไม่ต้องหรอกครับ..ผมโตแล้วและเขาจัดเวลากลางวัน”

“อ้าว!..”

“หมู่นี้น้ามิวอ้าวบ่อยนะ” โจพูดเรื่อยเปื่อยหรือแซวผม..เด็กจะรู้เรื่องในใจของผู้ใหญ่ได้อย่างไร คิดมากไปได้

“ก็ดี..ลางานบ่อยๆ เดี๋ยวถูกไล่ออก”

“แต่..” โจเปลี่ยนใจ “โจอยากมีคนมอบช่อดอกไม้ให้ตอนรับเหรียญทอง..” ยิ้มกับหน้าแปลกใจของผม “วิ่งร้อยเมตร..เหรียญทองแน่นอนครับ”

“ตกลงน้ามิวต้องลางานอีกวัน” พูดเนือยๆ

“ถ้าไม่มาน้ามิวจะเสียใจ..” อมยิ้มมีเลศนัย “ผมลืมบอกไป”

“จะบอกอะไรน้ามิว” ถึงหน้าบ้านพอดี..อดมองเข้าไปในซอยไม่ได้

“ขอดอกไม้สองช่อนะครับ”

“จะไปให้สาวที่ไหน?” ผมรู้ทัน



“ฮะ..ฮะ..บัสมาโรงเรียนแล้ว..พรุ่งนี้ลงแข่งยิมนาสติก”

.

 
 

จากคุณ : ดาเรน
เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 13:41:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com