Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มอนเอราโด ตอนที่ 6 เดคิงิสุเอล ติดต่อทีมงาน

ยามเช้า หมอกจางๆ ชวนหดหู่ล่องลอยอยู่ทั่วไป แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ยังคงไม่อาจทำหน้าที่ของมันได้เต็มที่ เขา ก้าวเดินไปตามเส้นทางที่ไม่คุ้น เขาเคยไปยังจุดหมายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ใช่ด้วยการเดินเท้าแบบนี้ จึงจำเป็นต้องหยุดเพื่อเลือกทางเดินที่ถูกต้องเป็นบางครั้ง

ก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน เคยมีเด็กชายแสนดีที่ชื่อว่า เดคิงิสุ เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่สี่ เขาเป็นเด็กเรียนดี ชอบทำกิจกรรม เก่งกีฬา เป็นที่ชื่นชมของคุณครู และเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆ ทุกคน เขาควรจะมีความสุข อย่างที่ทุกคนเชื่อว่าเขามี แต่น่าเสียดายที่ตัวเขาเองกลับไม่เป็นอย่างนั้น

เขาไม่เคยมีความสุข อย่างน้อยก็ไม่ใช่จากสิ่งที่คนอื่นเห็นว่าเขาเป็น แต่เขาก็รู้วิธีที่จะหาความสุขให้กับตัวเอง เขามีความสุขที่ได้แอบมองเธอคนนั้น แอบย่องติดตามเธอไปตามที่ต่างๆ โดยไม่ให้รู้ตัว แอบค้นดูข้าวของเครื่องใช้ของเธอเมื่อมีโอกาส ทั้งยังแอบลอบมองบางส่วนในร่างกายของเธอผ่านตามช่องของเสื้อผ้าอีกด้วย

มีอยู่หลายครั้งที่ดูเหมือนว่าเธอคนนั้นอาจจะรู้ตัว มีบางครั้งที่ดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะท้าทายเขา มันคือความสุขอันลี้ลับ ความสุขสมสำหรับเด็กดีสมบูรณ์แบบในสายตาของคนทั่วไปอย่างเขา

จนกระทั่งเขาได้แอบติดตามเธอไปยังลานว่าง วันนั้น ทุกย่างก้าวล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในทุกครั้งที่เขาได้แอบจ้องมองเรือนร่างของเธอจากทางด้านหลัง ในทุกครั้งที่เขาสะดุ้งรีบหลบเพราะคิดว่าเธอกำลังจะรู้ตัวแล้วหันกลับมา แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเด็กสามคนกับแมวหนึ่งตัวได้พบกัน

'ไม่' เด็ก แม่มด เทพ และ 'ประตู' ได้มาพบเจอกัน

เด็กชายเดคิงิสุผู้แสนดีพลันหายวับไป 'ไม่ใช่' แต่เป็นตัวเขา เดคิงิสุเอล ได้ 'ตื่น' ขึ้นจากการหลับไหลต่างหาก เขาตื่นขึ้นจากช่วงเวลาในอดีตที่ผ่านมานานแสนนาน ตื่นขึ้นจากช่วงเวลาในอนาคตที่ยังจะต้องก้าวต่อไปไม่รู้จบ ตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาแห่งปัจจุบัน

ตัวตนของเดคิงิสุเอล ทำให้ตัวตนของเดคิงิสุที่ผ่านมากลายเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของอดีต เขาจดจำได้แล้วว่าตัวเองคือ 'เทพ' เทพผู้มีปีกสีขาวโบกโบยบินไปในฟ้ากว้าง เทพผู้มีหน้าที่สำคัญประการหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาชอบแอบเฝ้าติดตามเด็กผู้หญิงที่ชื่อซูชิกะคนนั้น 'หรือบางที มันอาจจะไม่เกี่ยวกันเลยก็เป็นได้'

ประตูบ้านเป้าหมายเปิดอ้าออก ผู้หญิงคนหนึ่งมองดูเขาอย่างสงสัย

“หนูเป็นเพื่อนกับลูกชายของป้าอย่างนั้นหรือ เข้ามาข้างในก่อนสิ”

'เข้ามาข้างในก่อนสิ' นั่นคือคำเชิญที่เขาต้องการ เขาจะไม่อาจสำแดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ หากเจ้าของสถานที่ มิได้ยินยอมให้เขาผ่านเข้าไปโดยสมัครใจ

“เขานอนหลับอยู่ ยังไม่ตื่นเลย”

“จะขอขึ้นไปหาเขาบนห้อง...ก็ได้นะ”

“...เอ๋...”

แม่ยืนงงอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน จำไม่ได้ว่าตัวเองมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ แม่แต่งตัวเรียบร้อย ถือกระเป๋าเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก 'จริงสิ ฉันกำลังจะออกไปซื้อของ' แม่ดูงุนงง แต่สุดท้ายก็เปิดประตูบ้านแล้วก้าวออกไป

'เหมือนกับพึ่งจะมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างเกิดขึ้น' แม่คิด 'มันอาจเกิดซ้ำกันสองรอบแล้วด้วยซ้ำ' มันเป็นเรื่องบ้าๆ แม่จึงเลิกคิดถึงมัน 'ว่าแต่ ฉันจะออกมาซื้ออะไรล่ะ' แม่พยายามนึก 'ช่างเถอะ แค่ซื้ออะไรก็ได้ เพื่อเปลี่ยนแบงค์ปลอมพวกนั้นให้เป็นของจริงแทนก็พอ'

พอกลับมาจากซื้อของ แม่อาจจะชวนโบนิตะไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล 'มันอาจมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น' อย่างเช่น 'เขาอาจจะตายไปแล้ว' มันน่าจะเป็นแบบนั้น 'จะได้จบเรื่องกันเสียที'

นอกจากความทรงจำของการพบเจอกันที่ประตูหน้าบ้านแล้ว ยังมีความทรงจำอื่นๆ บางส่วนของแม่ที่ถูกลบหายไปโดยไม่ตั้งใจอีกด้วย อย่างเช่นเรื่องที่แม่ยังไม่ได้กินอาหารเช้า แม่ยังไม่ได้เตรียมอาหารไว้ให้ลูกชาย รวมถึงเรื่องการใช้ธนบัตรปลอมฉบับหนึ่งไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อเมื่อคืนที่ผ่านมาด้วย

เดคิงิสุเอลก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้น เขาใช้เวลาในระหว่างนั้นขบคิดถึงสิ่งที่ได้รับรู้มา

มนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาของดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ได้ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ขึ้นมามากมายหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นเป็นการสร้างสรรค์อันพิเศษสุดที่พวกเขาไม่เคยรับรู้ พลังความคิดของมวลมนุษยชาติที่แบ่งแยกให้เป็นด้านบวก และด้านลบ ได้ไหลบ่าเข้าไปในห้วงมิติลี้ลับ จนแบ่งแยกมิติที่มีเพียงหนึ่งเดียว ให้กลายเป็นสอง

ก่อเกิดเป็น สวรรค์ และเหล่าเทพ กับ นรก และเหล่าปีศาจขึ้น

โลก ห้วงมิติสวรรค์ กับ ห้วงมิตินรก  เหมือนกับ มนุษย์ เทพ กับ ปีศาจ เป็นสามสิ่งที่ไม่อาจแยกจาก ทั้งไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เป็นความสมดุลที่ตั้งอยู่บนคมดาบอย่างน่าหวาดเสียว และมันก็เป็นเช่นนั้นเรื่อยมา

มนุษยชาติยังคงเดินเหยียบย่ำไปบนคมดาบอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่สำหรับเทพ และปีศาจแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างมีเป้าหมายในเรื่องนี้อย่างไรกัน

เขาเปิดประตูห้องแล้วก้าวเข้าไป ผ้าม่านทั้งหมดถูกดึงลงมาปิดเอาไว้ ภายในห้องจึงค่อนข้างมืดสลัว โบนิตะ กับมอนเอราโด ยังคงนอนหลับอยู่เช่นเดิม แต่เขารู้สึกเหมือนกับเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่าทั้งสองนั้นไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อย่างแท้จริง

เขาคือเจ้าของเงาร่างอ้อนแอ้นเหมือนหญิงสาวที่เคยเกาะอยู่นอกหน้าต่างเมื่อคืนนั่นเอง

เขายื่นมือออกไปแล้วก็ต้องชะงัก บนหัวนอนของโบนิตะมีของสิ่งหนึ่งซึ่งไม่เคยมีอยู่ มันเป็นกระจกเงาซึ่งถูกตั้งให้หันหน้ามายังประตูห้อง เงาสะท้อนของเด็กผู้ชายที่มีใบหน้างดงามรับกับผมที่ตัดสั้น รูปร่างอ้อนแอ้นที่ไม่ค่อยจะมีกล้ามเนื้อให้พบเห็น สวมใส่ชุดเรียบๆ แต่ดูดี ฉายชัดอยู่ในนั้น มันคือเงาสะท้อนของตัวเขานั่นเอง

'เสร็จกัน'

มือขวาของเขา 'ความจริงแล้ว ฉันยื่นมือซ้ายออกไปต่างหาก' ปะทะชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น 'ฉันประมาทเกินไป พวกมันล่วงหน้ามาก่อน แถมยังวางกับดักเอาไว้อีกด้วย'

โนเอซค่อยๆ ก้าวออกมาจากความว่างเปล่า มันมีรูปร่างเป็นชายร่างเตี้ยที่มีแววตากลอกกลิ้ง ผมชี้ตั้ง กับปากแหลมยื่นยาวอันเป็นเอกลักษณ์ มันจับจ้องใบหน้า และเรือนร่างของเขา ก่อนแสดงสายตาหื่นกระหายออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ช่างเป็นเทพที่งดงามเหลือเกิน...”

เขาเคยพบเจอกับมันมาก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน มันคือปีศาจที่สิงสู่อยู่ในกระจกของบ้านแม่มดหลังนั้น เมื่อคืนที่ผ่านมา มันเกือบจะจับเขาเอาไว้ได้ และตอนนี้เขาก็หลงกลถูกขังเอาไว้ในกระจกของมันในที่สุด

“...เรามาต่อจากเมื่อคืนนี้ให้สนุกถึงใจกันดีกว่า”

น้ำเสียงเกี้ยวพาของมันทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียน มันเหมือนกับมีน้ำเมือกเหนียวหนืดเหนอะหนะที่มองไม่เห็น ละเลงลงมาบนร่างกายของเขา

มันค่อยๆ เปลี่ยนสภาพจากมนุษย์ กลับคืนสู่ร่างปีศาจ ซึ่งหากยังอยู่ในโลกปกติ มันย่อมไม่อาจทำเช่นนี้ได้ หัว แขน ขา ทั้งหมดหดหายไป ที่บริเวณลำตัวเกิดรอยแยกขนาดใหญ่จากบนลงล่าง กลายเป็นปากน่ากลัวที่เต็มไปด้วยปุ่มปมแทนฟัน ระยางค์จำนวนมากค่อยๆ งอกออกมาจากทั่วร่าง ส่วนปลายของแต่ละอันมีรูปร่างที่แตกต่าง บ้างเป็นดวงตา บ้างเป็นนิ้วมือ บ้างเป็นเข็มแหลม บ้างเป็นปุ่มดูดแบบหนวดปลาหมืก และยังมีรูปร่างประหลาดแบบอื่นๆ อีกมาก

ร่างของมันสามารถลอยตัวอยู่เหนือพื้นเล็กน้อยโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด ระยางค์จำนวนมากพวกนั้นสามารถยืดยาว หรือหดสั้นได้ตามต้องการ มันขยับปากใหญ่โตส่งเสียงพูดที่กรีดแหลม เหมือนกับมีใครใช้ของมีคมขูดลากไปบนผิวกระจก ที่เหนือสุดรอยแยกคือดวงตาโปนตาเพียงดวงเดียว

“ข้าขอ กิน แกแล้วนะ”

ระยางค์หลายสิบอันยืดตัวออก พุ่งจู่โจมเข้าใส่อย่างรวดเร็ว พวกมันปะทะชนเข้ากับเสื้อที่ถูกขว้างออกมาดักเอาไว้ ปีกนกสีขาวขนาดใหญ่กางออก ก่อนที่เงาร่างอ้อนแอ้นของเขาจะบินขึ้นสู่อากาศ

โนเอซกำลังรอคอยจังหวะนี้อยู่แล้ว

มันรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่า เทพรูปงามผู้นี้ ยามเมื่อกางปีกออกจะบินได้รวดเร็วเพียงใด ระยางค์อีกชุดหนึ่งซึ่งซุกซ่อนรอไว้ จึงสามารถคว้าจับเงาสีขาวนั้นไว้ได้ทันที พวกมันรัดร่างของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา ก่อนหดตัวเพื่อลากเหยื่อเข้ามาสู่ปากรูปร่างประหลาดที่กำลังเต็มไปด้วยน้ำลายที่ไหลย้อยออกมาเป็นจำนวนมาก

“ไม่ต้องกลัว ข้าจะค่อยๆ กลืนกินอย่างนุ่มนวล พวกเราจะได้มีความสุขร่วมกัน...ก่อนที่แกจะหายไปตลอดกาล”

มันส่งเสียงกระซิบกระซาบ กลั้วไปกับเสียงหัวเราะอันแสนชั่วช้าลามก ร่างของเดคิงิสุเอลค่อยๆ ถูกส่งเข้าไปในปากอันเต็มไปด้วยปุ่มปม โดยเริ่มจากส่วนขาก่อน

ซูชิกะ เลิกสนใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในกับดักกระจก 'ดูเหมือนเทพจะไม่ได้เก่งกาจอย่างที่กลัวเลยสักนิด' ตอนนี้เธอหันมาสนใจอีกปัญหาหนึ่งที่ยังรออยู่ โบนิตะกับแมวอ้วนหน้าตาน่าเกลียดของเขา เธอรู้ว่าทั้งสองไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ในแบบที่ควร โนเอซเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องทำอย่างไร

'คงต้องพาพวกเขา หรืออย่างน้อยก็มันกลับมาให้ได้เสียก่อน ข้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร...แต่ข้ามั่นใจ ว่านายหญิงแสนงามของข้าจะต้องคิดหาวิธีได้แน่'

ตอนนี้เธอคิดออกอยู่วิธีหนึ่ง เธอรีบนำของที่ติดตัวมาวางลงบนร่างที่เย็นเฉียบตรงหน้าแมวอ้วน มันคือขนมครกสูตรพิเศษนั่นเอง ร่างที่ยังแน่นิ่งของมันทำจมูกย่น ส่วนตัวมันที่ยังคงเดินวนเวียนอยู่รอบๆ ร่างของเพื่อนรักที่ถูกแช่แข็ง เมื่อได้กลิ่นหอมชวนกินฟุ้งกระจายอยู่ตรงหน้า มันก็เริ่มน้ำลายไหล พร้อมๆ กับร่างที่เคยนอนนิ่งพยายามจะลืมตาตื่นขึ้น

“เมี้ยว เมี้ยว รีบมากินขนมเสียดีๆ เจ้าแมวน่ารัก”

มันค่อยๆ ไต่ขึ้นไปนั่งอยู่บนไหล่ของร่างที่ถูกแช่แข็ง กระซิบที่ข้างหูเบาๆ ก่อนกระโดดขึ้นไปบนที่ว่างเหนือศีรษะของโบนิตะ แล้วหายวับไป

มอนเอราโดลืมตา งับขนมครกตรงหน้ากลืนลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหมอบนั่งอย่างระมัดระวัง จับจ้องมองเด็กสาวแปลกหน้า

“เป็นไง อร่อยใช่ไหมล่ะ ไปกับฉันสิ ที่บ้านยังมีขนมแบบนี้อีกเยอะแยะเลยนะ”

“เหมียว ?”

มันเอียงคอ ร้องตอบเบาๆ

“ฉันรู้นะ ว่าเจ้าพูดได้”

เธอยิ้ม รอดูท่าทีของมันอย่างใจเย็น มันถอนหายใจ ก่อนขยับเปลี่ยนเป็นการนั่งด้วยสองขาหลัง ซึ่งแสดงว่าลดการระวังป้องกันลงจากเดิม

“เธอต้องการอะไรกันแน่ เหมียว”

“ฉันต้องการทำสัญญากับเจ้า แทนที่เด็กคนนี้”

“ไม่ได้ เหมียว” มันตอบโดยไม่ต้องขบคิด

เธอยิ้มอีกครั้ง 'ต้องให้มันยินยอมเอง' รอยยิ้มที่ทำให้มันรู้สึกเย็นไปจนถึงไขกระดูก น้ำเสียงที่เธอใช้ต่อมานุ่มนวลชวนลุ่มหลง ล่อลวงให้อยากทำตาม ราวกับน้ำเสียงออดอ้อนของหญิงสาวที่กระซิบกับชายผู้เป็นที่รัก ซึ่งเป็นหนึ่งในความสามารถของแม่มด หรือไม่ ก็อาจเป็นความสามารถของผู้หญิงทุกคนอยู่แล้ว แต่เนื้อหานั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“ถ้าเจ้าตกลง ฉันจะช่วยเขา แต่ถ้าเจ้าปฏิเสธ เขาจะต้องตาย แล้วฉันค่อยคิดหาวิธีทำให้เจ้ายอมตอบตกลงในภายหลัง...อาจจะโดยใช้ขนมพวกนี้...”

เธอหยิบขนมครกออกมาอีกชิ้น เมื่อได้กลิ่น มันก็ทำตาวาว มีท่าทางลุกลี้ลุกลนทันที

“...ดูจากท่าทางของเจ้าแล้ว ฆ่าเขาตอนนี้เลยดีกว่า”

“อย่า เหมียว...” เธอเริ่มหัวเราะอย่างยั่วยวน ในขณะที่มันพยายามคิดหาทางออก แต่กลิ่นหอมหวานของขนมก็คอยรบกวนกระแสความคิดของมันตลอดเวลา ในที่สุดมันก็ก้มหน้าคอตก เหลียวมองดูใบหน้าที่ซีดเย็นของเพื่อนรัก

“...ได้...ช่วยเขา แล้วฉันจะยอมทำสัญญากับเธอ เหมียว”

เธอยื่นส่งขนมครกในมือให้กับมัน ซึ่งถึงแม้จะพยายามต่อต้าน แต่สุดท้ายแล้วก็กลืนลงไปอยู่ดี มันไม่เคยเกลียดตัวเองเท่านี้มาก่อน เธอใช้มือนุ่มลูบไล้ไปมาบนหัวของมัน ขนสีขาวอมฟ้านั้นนิ่มกว่าที่คิด ก่อนจะต้องรีบชักมือกลับ เพราะเสียงขู่ในลำคอของมัน

“นั่นไม่น่ารักเลย”

“...เธอจะช่วยเขาได้อย่างไร เหมียว” มันรีบเปลี่ยนเรื่อง

เธอยิ้มยียวน ก่อนยืนขึ้น แล้วค่อยๆ ลงมือทำอะไรบางอย่าง

“เขาตัวเย็นมาก หากปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่รอดแน่ แต่แม่มดมีเวทมนต์บางอย่าง เวทมนต์ที่จะทำให้ผู้ชายทุกคนรู้สึกเร่าร้อนขึ้นมาได้”

เสื้อผ้าชุดสีสดใสน่ารักของเธอค่อยๆ ลงไปกองอยู่บนพื้น จนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า มันจ้องมองดูเรือนร่างนั้นด้วยความอิจฉา 'ถ้าฉันมีร่างแบบนี้บ้าง' ความจริงแล้วมันก็เคยอยู่ในร่างนี้มาก่อน ร่างที่เกิดจากความคิดของโบนิตะ ร่างที่ทำให้เขาหน้าแดง ใจเต้นตุบตับด้วยความตื่นเต้น

มันถอยห่างออกไป นั่งมองเธอค่อยๆ นอนลงเบียดโอบกอดกับร่างที่เย็นเฉียบของเขา 'อา อย่างกับก้อนน้ำแข็งทีเดียวเชียว' เธอส่งเสียงอู้อี้ แต่กลับยิ่งเบียดร่างเข้าไปให้แนบชิดกว่าเดิม 'โอ รู้สึกดีจริง'

“เธอต้องการทำสัญญากับฉันทำไม เหมียว”

มันชวนพูดคุย คล้ายกับพยายามดึงความสนใจของเธอเอาไว้

“มีปีศาจตนหนึ่งบอกกับฉัน ว่าเจ้าคือประตูที่จะใช้ผ่านเข้าสู่นรกชั้นลึกที่สุดได้...”

มันนึกถึงโลกสีขาวโพลนนั้นอีกครั้ง

“...และที่นั่น มีจอมปีศาจซึ่งถูกจองจำเอาไว้พร้อมกับกองทัพของมัน กองทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุด กองทัพที่แม้แต่จอมเทพยังต้องหวาดกลัว”

'ไม่ ที่นั่นไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง มันมีแค่เพียงความเวิ้งว้างว่างเปล่า กับความเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ'

เธอกอดร่างของเขาที่คล้ายกับจะอุ่นขึ้นเล็กน้อย เมื่อในหัวถูกดึงให้คิดเรื่องอื่น ก็ดูเหมือนเธอเพียงกำลังนอนกอดหมอนข้างอยู่เท่านั้น

“ฉันจะปลดปล่อยจอมปีศาจ ให้ออกมาทำลายโลกบ้าๆ ใบนี้ให้ยับเยินลงไป”

ใบหน้าของเธอแสดงความเคียดแค้นออกมาอย่างไม่ปิดบัง เธอมองดูร่างของเขาที่นอนอยู่ข้างๆ ก่อนแสดงท่าทีรังเกียจพร้อมกับยกมือข่วนไปที่ใบหน้าครั้งหนึ่ง

“เธอทำอะไร เหมียว”

รอยบาดเป็นสายสีชมพูจางๆ ก่อนค่อยๆ เข้มขึ้นจนเป็นสีแดง พร้อมกับการขยับตัว และส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ เธอรีบถดถอยห่างออกจากร่างของเขาราวกับรังเกียจเสียเหลือเกิน เธอนั่งกอดตัวเอง ถูมือไปตามร่างกาย เริ่มร้องไห้เบาๆ

มันมองดูท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของเธออย่างไม่เข้าใจ เธอรีบลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้า ก่อนกลับคืนเป็นแม่มดคนเดิมอีกครั้ง

“...เอาล่ะ เขาน่าจะรอดแล้ว จงรีบทำสัญญากับฉัน แล้วเปิดประตูนรกเพื่อปลดปล่อยจอมปีศาจออกมา”

มันเดินเข้ามาเลียที่ใบหน้าของเขา มันอุ่นขึ้นแล้วจริงๆ ตอนแรกมันไม่นึกว่าวิธีการนี้จะได้ผล มันไม่เสียใจที่จะต้องทิ้งเขาไป หรือทำสัญญากับแม่มดตนนี้ แต่ที่มันเสียใจคือความต้องการของซุชิกะนั้นชัดเจน เธอต้องการทำลายโลก ซึ่งนั่นหมายความถึงทุกชีวิต รวมถึงโบนิตะเพื่อนรักเพียงคนเดียวของมันด้วย

'เปรี๊ยะ'

เสียงบาดหูดังขึ้นภายในห้อง ซูชิกะรีบหันไปตามที่มาของเสียง มันคือกระจกบานนั้น กับดักกระจกที่โนเอซกำลังต่อสู้อยู่กับเดคิงิสุเอล เธอคิดว่ามันจบไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น

ตอนนี้บนผิวหน้ากระจกเพิ่มรอยร้าวเล็กๆ ขึ้นมาสายหนึ่ง

ภายในกระจก โนเอซยังคงใช้ระยางค์ของมันยึดร่างของเดคิงิซุเอลเอาไว้ ตอนนี้ร่างของเขาอยู่ภายในปากของมันไปถึงครึ่งตัวแล้ว ขนนกสีขาวปลิวกระจัดกระจาย ปีกเสียหายไปแล้วข้างหนึ่ง มันน่าจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

ร่างของเทพกำลังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ร่างของเขากลายเป็นสีเงินยวง ดวงตาของเขาปูดโปนโตขึ้น พร้อมทั้งส่องประกายสาดแสงเจิดจ้า ในขณะที่ลวดลายสีแดงค่อยๆ วิ่งไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ปีกนกสีขาวที่ยังคงหลงเหลือจากการถูกกัดกินสูญสลายหายไปจนหมดสิ้น

เดคิงิสุเอล ชูมือขวาขึ้นพร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาจากปาก ที่ตอนนี้เห็นเพียงเป็นรอยหยักบนใบหน้าเท่านั้น

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:23:15




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com