Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Fiction LOL " Legend of IRON BLOOD แค้นเลือดวีรบุรษทรชน" ติดต่อทีมงาน

เป็นFiction ดัดแปลงจากนิยายของเกม Leage of Legendนะครับ

ช่วยวิจาร์ณหนัก หนักด้วยฮะ
นิยายต้นฉบับ
http://www.playlol.in.th/champions/
Rate 18+






เรื่องย่อ เรื่องราวของการแก้แค้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวทะเลเลือด ของเด็กหนุ่มไร้นาม บนทวีปแห่ง Varolan
แต่ต้องไปพัวพันกับเรื่องราวสงครามและเหล่า แชมเปี้ยนชื่อดัง ในตำนานในโลกของรูนเธร่า
เขามีความเชื่อว่านรกยังไม่ต้องการเขา จนกว่าเขาจะมาทวงความยุติธรรมคืน.......................


ตอนที่ 1 ลำนำเลือด

ก่อนจะเริ่มยุคทองแห่ง แห่ง ลีก ออฟ เลเจนด์ ในปีศักราช ที่20CLE
ซึ่งเป็นปีที่เหล่านักวิจัย และจอมขมังเวทย์ทั่วทวีปValoran คัดสรรหาและทดสอบเหล่านักรบทั่วดินแดนต่าง ต่าง
มาเป็นแชมเปี้ยน มีเหล่านักรบหรือนักสู้ที่ให้ความสนใจจากเหล่าประเทศและดินแดนต่าง ต่าง มาอย่างไม่คาดสาย เพื่อหาข้อยุติหรือพิพาท ความขัดแย้งปมปัญหาสงคราม ปัญหาการรบที่ชายแดนและการบุกเบิกทัรพยากรธรรมชาติระหว่างอาณาจักรหรือประเทศทั้งหลายแหล่
และในปัจุจบันยังมีผู้ที่พลังเหนือมนุษย์และธรรมชาติมากมาย ที่นำมาซึ่งปัญหาและความไม่สงบในทวีปแห่งนี้

เมื่อเหล่านักสู้หรือนักรบที่มีความอันตรายสูงเหล่านี้ปรากฎกายออกมา สถาวิจัยบันสงครามที่จำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทเกี่ยวกับผลกระทบของเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ลุกลามหรือเป็นปัญหาต่อไป ในอนาคต

เหตุการ์ณสำคัญในปีศักราช 11 CLE
ได้มีวีรกรรมห้าวีรชนที่ปราบป้อมปราการแห่งบึง “สวอมป์ เกท”เป็นที่ได้รับการยอมรับอย่างมากมาย

ในเวลาเก้าปีที่ผ่านมานั้นในอดีต เส้นทางระหว่างดินแดนที่เชื่อมต่อระหว่างงภูมิภาคทางเหนือ ได้ถูกกีดกั้นด้วย ดินแดนปริศนาอย่าง Howling March มันมีชื่อกล่าวเล่นเล่นว่าแดนไม่หวนกลับ แม้แต่สถาบันวิจัยสงครามหรือที่เป็นฐานศูนย์กลาง ขององค์กร ลีก ออฟ เลเจนด์เอง ก็ยังทำได้แต่เฝ้ามองอย่างเงียบ เงียบด้วยความกังวลลึกลึก ทั้งเหล่านักปราชญ์ จอมเวทย์ หรือนักวิจัยเวทย์มนต์ทั้งหลาย ได้แต่มีความรู้เกี่ยวกับดินแดนนั้นอย่างผิวเผิน ตามที่มีข่าวลือหรือตำนานปรากฏออกมาในระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมานั้น พวกเขาเพียงแต่ทราบว่า นั่นคือซากแห่งวังวนสงครามในอดีต สงครามที่เกือบจะทำลายโลกใบนี้ สงครามRune War นั่นเอง มันจึงเต็มไปด้วย ความลึกลับและความไม่ได้น่าไว้วางใจ และแน่นอนว่า ในช่วงเลาหลายปีที่ผ่านมา สถาบันวิจัยสงครามได้ส่งคณะลึกลับออกไปสำรวจดินแดนลึกลับที่ว่า แต่ทว่า ไม่มีนักเดินทางหรือจอมเวทย์คนไหนได้กลับมาอีกเลย

แต่แล้ว ก็เกิดปั่นป่วนขึ้นในดินแดนช่วงทางเหนือขึ้นจนได้ เมื่อมีกองทัพปริศนา ที่มีกองทัพ พวกซากศพที่สามารถมีชีวิตได้ ตอนแรกพวกมันมีเพียงจำนวนน้อย แต่จู่ จู่ พวกมันได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ และรวมตัวขึ้นเป็นกองทัพ เหล่าจอมเวทย์ยังไม่ได้ให้คำจำกัดความพวกที่เหมือนปีศาจร้ายเหล่านี้ ที่ไร้ซึ่งความคิดเป็นของตัวเองพวกนี้ได้ แต่ชาวบ้านสามัญเรียกพวกมันด้วยความหวาดกลัวว่า พวกWalker
เหล่าพวกวอคเกอร์ หรือกองทัพอมนุษย์ ได้เข้ารุกรานและโจมตีเหล่าคณะเดินทา งพ่อค้า อัศวิน ที่กำลังเดินทางไปมา ระหว่างเมืองทางเหนือหรือดินแดนทางใต้ อยู่เรื่อย เรื่อย ในทางตอนเหนือของ Howling March ซึ่งทอดผ่านระหว่างเทือกเขาIronspike และแม่น้ำSerpentin ในดินแดนเหล่านี้ ยังมีเหล่าหมู่บ้าน หรือชุมชนอาศัยอยู่ทั่วไป แต่ไม่ได้รวมตัวกันเป็นอาณาจักรหรือประเทศ เหมือนดินแดนอื่น อื่นเท่านั้นเอง แต่แล้วความน่ากลัวของกองทัพวอคเกอร์ได้เข้ามากรำกาย และเข้าโจมตีพวกมนุษย์ที่อาศัยเหล่านี้ บ้างจับมาเป็นทาส หรือฆ่าทิ้งและเพื่อการขยายอำนาจของมัน การสร่างป้อมปรารการหน้าด่านของ Howling March จึงเริ่มขึ้น ด้วยความไม่รู้สึกเหนื่อยหรือมีชีวิต พวกวอคเกอร์ จึงสามารถสร้างป้อมการมืดแห่งนี้ ขึ้นจากซากป้อมเก่าสมัยก่อน อย่างรวดเร็ว คนทั่วไปเรียกมันว่าป้อมมรณะ แต่พวกมันเรียกป้อมนี้ด้วยชื่อว่า The Swamp Gate ปราการแห่งอมตะชน


ในศักราชที่ 11 CLE เหล่าชาวบ้านในดินแดนนั้นอยู่อย่างหวาดกลัว การติดต่อกับดินแดนอื่นเริ่มถูกตัดขาดมากขึ้นเรื่อย เรื่อย เพราะทางเหนือเองก็มีสงครามมากกว่าร้อยปีที่ดินแดนหิมะอย่าง สงครามไตรภคินิ ดำเนินอยู่อย่างไม่หยุด แต่พวกเขาสามารถอยู่ได้เพราะมีอีกเส้นทางที่ได้ไปส่งเสบียงได้ คือเส้นทางอ้อมเทือกเขา Ironspikeทางเหนือสุดของทวีปนั่นเอง
แต่อนิจจาชาวบ้านทั่วไปจะสามารถไปได้ยังไง เพราะสภาพอากาศอันเลวร้ายสุดขีดของดินแดน Freljord
เพราะการสร้างป้อมประการสกัดทางผ่านระหว่างช่องแคบของIronspike นั้น ทำให้เหล่าพวกคนหลายหลายแค้วนบริเวณรอบนั้นได้ผลกระทบไม่หยุดหย่อน
ในที่สุด ทางสถาบันสงครามได้ส่งเรื่องให้ทาง ประเทศเดเมียเชีย และเหล่าประเทศต่าง ต่างรวมถึงNoxus มาปรึกษาหารือกัน ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ทีท่าแรกของ Noxus ดูเหมือนจะนิ่งเฉย แต่แล้วการคัดเลือกผู้กล้าที่จะไป ปราบปรามป้อมปราการ The swamp Gate จึงเริ่มขึ้น ในที่สุดในการคัดเลือกและเสียเวลา หลายเดือน ภายในปลายปีนั้น

คณะผู้กล้าที่เก้าคนที่เดินทางจากสถาบันสงคราม สามารถทำลายป้อมปราการมืด The swamp Gate ล้มลงสำเร็จ
ชัยชนะเหนือต่อ ผู้นำของมัน Dead Walker ล้มลงได้ กองทัพวอคเกอร์ถุกทำลายกระจัดกระจายหมด เพราะสูญเสียผู้นำ
แต่ทว่าผู้กล้าทั้งเก้าคนนั้น ตายไปหนึ่งคนระหว่างการเดินทางและ มีสามคนทรยศเปลี่ยนไปอยู่สังกัดอมนุษย์แห่งความมืด ได้ขนานนามวีกรรมนี้ว่า
“ห้าวีรชนแห่ง ภาคีดาบ” ส่วนสามคนที่ทรยศเรียกว่า “สามทหารเดนตาย”
จนล่วงเลย มาเป็นเวลา เก้าปีแล้ว.....................




เวลา ปัจจุบัน

-ปลายเดือนกรกฎาคม ปี ศักราช 20 CLE -
ภูมิภาคทางเหนือของทวีป Valoran
ห่างไกลลงไปทางทิศใต้ของดินแดน Freljord
ดินแดนทีทอดคั่นกลางระหว่างแม่น้ำ Serpentin และภูเขายอดเหล็ก
มีหมู่บ้านเล็ก เล็ก ที่ทำการเกษตรกรรมอยู่ ในดินแดนแถบนี้ หมู่บ้านนั้นมีชื่อว่า ธรันมิล

ที่ห่างออกไปจากหมู่บ้าน มีแม่น้ำสายเล็ก เล็กที่แยกผ่านออกมาจากแม่น้ำธาราใหญ่ Serpentine อยู่

เด็กหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งมาอย่างกระตือรือร้น เขานั้นวิ่งผ่านทุงหญ้าและฟาร์มแกะ มาจนถึงที่ต้นไม้ริมแม่น้ำ

“แฮ่ก แฮ่ก ไนยู ไนยู นายอยู่แถวนี้ใช่ไหม ออกมาเถอะน่า” เด็กหนุ่มนัยย์ตาสีดำกล่าวขึ้น

“ฮ่า ฮ่า หลอกเจ้าไม่ได้ด้วยสินะ ชวาร์ส” เด็กหนุ่มอีกคนที่มีนามว่า ไนยูโดดลงมาจากบนต้นไม้
“ไนยู มาตามสัญญาไว้จริงจริงด้วย”
เด็กหนุ่มทั้งสอง ต่างแตกต่างกัน ชวาร์ส เป็นเด็กหนุ่มผู้มีผมสีดำและนัยน์ตาสีดำ ส่วนไนยู มีผมสีทองและนัยน์ตาสีฟ้า
“อืม ที่นี่เป็นต้นไม้ลับที่พวกเรานัดพบกันนี่นา”
ทั้งสองนั่งมองดูที่ริมแม่น้ำ ท่ามกลางยามบ่ายคล้อย

“เจ้าโดดงานของพ่อเจ้าจากการเลี้ยงแกะ แอบมาที่นี่ได้ด้วยรึ วันนี้น่ะ” ไนยูถาม
“อืม ข้าเบื่อจะแย่อยู่แล้ว วันนี้ขอข้าพักบ้างเถอะ” เขาพูดจบแล้วปาหินลงไปในแม่น้ำ ให้เป็นระลอกคลื่น

“อืม เมื่อเช้า ข้าเจอขบวนคาราวานใหญ่มุ่งไปที่ ดินแดนหิมะทางเหนือด้วยนะ” ไนยูกล่าว

“อีกแล้วหรอ รอบที่ ห้าแล้วนะ คราวนี้” ชวาร์ส นับนิ้ว
“แสดงว่า ทางเหนือ มีสงครามใหญ่อีกแล้ว บริเวณรอบ รอบเริ่มมีกองทหารรับจ้างมากด้วย”ไนยูกล่าว
“ข้าไม่เข้าใจ ดินแดนทางเหนือ มีอะไรดี คนถึงแห่ไปกัน” ชวาร์สสงสัย

“ที่ไหน มีสงคราม ที่นั่นมีผลประโยชน์หมดล่ะ ชวาร์สดินแดนทางเหนือกั้นตัวเองมานาน แต่มีทรัพยากรมากมายยังไม่เคยมีการขุดขึ้นมา ถ้ามีคนได้ผลประโยชน์นี้จากการรวมประเทศหรือเปิดดินแดนคงจะไม่แปลกหรอก”

“หมายถึงทำให้เจริญขึ้น เหมือนอย่างประเทศใหญ่ ใหญ่น่ะหรอ แล้วจะทำให้สงครามหมดไป เพราะสามารถไปตกลงกันในสนามรบพิเศษได้ใช่ไหม” ชวาร์ส สนใจหัวข้อนี้มาก

“อา เขาเรียกสนามรบนั้นว่า ฟิลด์ ออฟ จัสติส น่ะ ใช่แล้วล่ะ เพื่อลดปัญหาการเกิดสงครามยิบย่อยระหว่างแคว้นเล็กแคว้นน้อยแบบนี้ สภาลีก ออฟ เลเจนด์ และสถาบันวิจัยสงครามจึงต้องเกิดขึ้นมา ให้ไปตัดสินกันในฐานะตัวแทนของประเทศที่ขัดแย้ง ส่วนตัวแทนนั้น คือนักรบที่เก่งและยอมรับที่สุดของประเทศนั้น จะเรียกหรือขนานนามว่าผู้พิชิตหรือว่า แชมเปี้ยนนั่นเอง”

“นายรู้ละเอียดจริง จริง สมกับเป็นนายเลย ไนยู และหมู่บ้านเราล่ะ สังกัดประเทศไหน มีแชมเปี้ยน หรือเปล่า?”
ชวาร์สถามต่ออย่างสดใส

แต่ไนยู ได้แต่มองท้องฟ้าแล้วตอบว่า
“ขอโทษนะ บ้านนอกอย่างหมู่บ้านเรา และอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลแห่งนี้ เมื่อไม่มีทัรพยากร หรือแร่ธาตุที่น่าสนใจ จึงยังไม่มีใครสนใจจะรวมแคว้นเป็นประเทศหรอก ถ้าบอกจะสังกัดชัดเจน คงจะเป็น สังกัดที่ผู้ปกครองของพวกเราคุม อยู่คือห้าผู้กล้าภาคีแห่งดาบมากกว่านะ”

“อา วีรชนเหล่านั้น ข้าได้ยินตั้งแต่เด็ก เหล่าแคว้นหรือหมู่บ้านเหล่านี้ ต่างยกย่องวีรกรรมที่ปราบกองทัพมารร้ายลงได้ ข้าไม่มีวันลืมเรื่องเล่านี้ เสียดายความสงบสุขอยู่มาได้ ไม่ถึงสิบปี..” ชวาร์สเองพอรู้เรื่องนี้บ้าง

“นั่นสิ พวกโจรแห่งป่าใต้ อาละวาดตลอดเลยกองโจรร้าย หนึ่งในสามจอมทรยศ สามทหารเดนตายนักสู้มารไคจิน
ได้ข่าวว่า มันใช้ป้อมปราการร้างอีกแห่ง เพื่อยึดครองดินแดนทางใต้ ของเราไว้หมดแล้วนะ” ไนยูกล่าว

“อา กลายเป็นว่า พวกเรากำลังจะขาดการติดต่อ จากทางใต้อีกแล้วใช่ไหม” ชวาร์สได้แต่ก้มหน้าและนั่งลงกับพื้น

“ไม่รู้สินะ แต่ข่าวลือว่า เหล่าพวกสามทหารเดนตายที่เขาบอกตายไปแล้วเมื่อเก้าปีก่อน ได้ลุกขึ้นจากความตายขึ้นมาก่อการร้ายเพื่อทำให้โลกวุ่นวาย เพราะยังงี้ล่ะ ถ้าดินแดนทางเหนือสามารถรวมเป็นหนึ่งและก่อตั้งประเทศขึ้นมาเพื่อหยุดยั้งสงครามภายในได้ล่ะก็ ทางเหนือต้องส่งกองทัพมาทำลายพวกโจรและเปิดเส้นทางทิศใต้แน่ หมู่บ้านเราและบริเวณนี้จะได้สงบสุขขึ้นกว่าเดิม” ไนยูอธิบาย

“อา ทำไม นายถึงคิดว่า ทางเหนือจะรวมประเทศได้แล้วล่ะ ในเมื่อนายเคยบอกนี่ ว่าสงครามมันมีมามานานเกือบร้อยปีแล้ว
มันจะมาสงบสุข ในยุคของพวกเรางั้นหรอ หมู่บ้านเราจะโชคดีแบบนั้นเลยหรอ?” ชวาร์สยังถามต่อ

“อืม ตามที่ฉันได้ยินมาจากนักเดินทางนะ ได้ข่าวว่า ขั้วอำนาจทางเหนือได้เปลี่ยนแล้ว เพราะดูเหมือนหนึ่งสามเผ่าที่มีอำนาจในอดีต
จะมีเผ่าหนึ่ง เปลี่ยนตัวผู้ปกครอง ไม่ใช่สามขั้วอำนาจที่ดูเชิงกันไปมา เหมือนในอดีตอีกแล้ว ทางสภาสงครามได้ เตรียมพร้อมเรื่องนี้แล้ว” ไนยูตอบอย่างมีความหวัง

“อา ดูนั่นสิ พวกบ้านสมิธนี่นา”
“พวกเขาคิดอพยพงั้นรึ คงจะไปกับกองพ่อค้าขายม้าศึก ที่ผ่านมาสินะ”

“คนในหมู่บ้าน เราหรือบริเวณแคว้นนี้ เริ่มเดินทางออกไปทีละสองสามคนแล้วนะ รู้สึกใจคอไม่ดีเลย ไนยู หมู่บ้านเราจะเหลือแค่ไม่กี่คนแล้วนะ แถวนี้ก็ยังอุดมสมบูรณอยู่นะ ที่เมืองหลวงมันมีดียังไงหรอ ข้าอยากรู้จริงจริง” ชวาร์สรู้สึกหดหู่นิดหน่อย

“พวกเขาคงไปไม่ถึงเมืองหลวงหรอก คงไปแค่เขตในการปกครองของเจ้าเมืองที่ภายใต้สังกัดวีรชนเบญจภาคีแห่งดาบนั่นล่ะ เพราะแค่นั้น ก็ปลอดพวกเหล่าโจรร้ายแล้วล่ะ”

“อา ดินแดนที่มีเหล่าผู้กล้าปกครอง มันช่างสุขสบายจริงจริง ข้าอิจฉาเจ้านิดนิดนะ ไนยูเจ้าเป็นลูกชายเจ้าของโรงตีดาบ ที่ชื่อดังที่สุดและแห่งเดียวในหมู่บ้านเรา เจ้าได้เจอผู้คนมากมาย และเรื่องราวข้างนอกอีกด้วย ส่วนข้าเป็นเพียงลูกชาวนา ชาวไร่เท่านั้นเอง ในอนาคตข้างหน้า ข้าว่าเจ้าจะต้องเป็นช่างตีดาบที่เก่งกาจแน่เลย”
ไนยู ไม่ตอบกลับพลางมองไปที่แม่น้ำ

“ชวาร์ส พวกเราอายุจะสิบหกแล้วนะเจ้าคิดอนาคตยังไงบ้าง?”

“อา ข้ายังไม่รู้เลย แต่ข้าไม่ชอบการเป็นชาวไร่แบบนี้หรอ แต่ข้าจะให้ทิ้งไร่นี้ ไปพร้อมพ่อแม่ ก็ไม่ได้ เพราข้าเป็นลูกคนเดียว”

“ชวาร์ส เร็วเร็วนี้ ข้าจะไม่อยู่แล้วนะ” ไนยูโพล่งออกมา

“หมายความยังไง? ข้าไม่เข้าใจ เจ้าจะไปที่ไหนน่ะ" ชวาร์สรู้สึกตกใจ

“ข้าไปทำความฝันของข้า ข้าจะเดินทางไปเดเมียเชีย ประเทศและดินแดนแห่งสันติภาพ และความสุข”

"อา ที่นั่นข้าไม่รู้ว่าอยู่ไหน แต่มันไกลมากสินะ"คำว่าไกลของชวาร์ส นั่นคือการมองไปยังทิศตะวันตกดินปลายสุดของแม่น้ำแล้ว
จินตนการว่า มีนครใหญ่โตมโหฬารอยู่แถวนั้น

“ใช่ข้า จะไปเรียนวิชาตีดาบที่นั่น เพราที่นั่นมีความเจริญอย่างมาก ข้าจะฝึกวิชาตีดาบและหวังว่าสักวัน จะมีแชมเปี้ยนสักคนที่ใช้ดาบของข้าเป็นอาวุธก็ได้ ข้าจะมีชื่อเสียงมากมาย กองทหารรับจ้างและพ่อค้าจากประเทศเดเมเชียจะเดินทางกลับ ขากลับพวกเขาบอกว่า จะผ่านมา แล้วเวลานั้นข้าจะเดินทางไปกับพวกเขา อย่างน้อยก็น่าจะข้ามเทือกเขาแห่งนี้”

“อา แปลว่าเจ้าจะจากไปแล้วสินะ”

“เหลือแต่เจ้าแล้ว ชวาร์ส เจ้าจงเลือกเอา จะมากับข้าไหม ? ข้าลองชักชวนเจ้าดู แต่ข้าไม่บังคับเจ้าหรอกนะ เพราะการเลือกครั้งนี้ เป็นหนทางที่ขีดเส้นชีวิตอนาคตทั้งหมดเลย”

จากคุณ : NiteMen 2
เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 23:04:43 A:124.122.172.242 X: TicketID:278249




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com