เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้าห้องพระเพื่อสวดมนต์ขอพรให้สิ่งศักดิ์คุ้มครองแล้วพิมมาดาจึงลงมายังชั้นล่างเพื่อจัดการกับมื้อเช้า ขณะก้าวลงจากบันไดจมูกของเธอก็ได้กลิ่นกาแฟโชยมาจากห้องครัว คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัยและยิ่งเพิ่มความประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเห็นถ้วยที่เธอใช้ประจำวางอยู่บนโต๊ะพร้อมกาแฟที่ชงเสร็จเรียบร้อย ตอนที่กำลังตั้งคำถามว่าใครเป็นคนทำ กลิ่นดอกมณฑาก็อบอวลไปทั่งห้องยังไม่ทันจะมองหาเสียงภูตหนุ่มก็ดังมาจากทางด้านหลัง
อรุณสวัสดิ์
หญิงสาวหันไปมองและยิงคำถามใส่ทันที
นายเป็นคนทำเหรอ
อะไร อีกฝ่ายส่งคำถามกลับและยิ้มเมื่อเห็นเธอชี้มือไปที่ถ้วยกาแฟข้าเห็นเจ้าชอบดื่มมันทุกเช้าเลยเตรียมไว้ให้
ได้ยังไง พิมมาดามองเขาด้วยความแปลกใจนายเป็นภูตที่ไม่มีตัวตน ไม่น่าจะจับต้องอะไรได้เลยนี่นา
จะว่าไม่มีตัวตนก็ไม่ถูกนัก ถึงจะไม่มีร่างกายแบบมนุษย์แต่หากรวบรวมพลังจิตได้มากพอเราก็สามารถจับต้องสิ่งของบางอย่างได้ในบางครั้ง
ภูธราอธิบาย หญิงสาวถึงกับกุมขมับด้วยความคาดไม่ถึงมากกว่าหวาดกลัว
นายนี่มีอะไรให้แปลกใจได้ทุกวัน เธอพูดเบาๆพลางเดินไปหยิบกับข้าวมาอุ่น เมื่อรับประทานมื้อเช้าจนอิ่มหญิงสาวจึงมองกาแฟที่ภูตหนุ่มชงไว้ให้อย่างลังเลเพราะกลัวว่าเขาจะแอบใส่ยาลงไปด้วย
เขาเป็นภูต จะทำแบบนั้นทำไม
พิมมาดาแย้งกับตัวเองและแอบชำเลืองมองภูตหนุ่ม เมื่อพบว่าเขากำลังจ้องเขม็งมาที่เธอเช่นเดียวกัน หญิงสาวจึงรีบตวัดสายตากลับ มือเลื่อนไปหยิบถ้วยกาแฟพลางคิด
มันก็มาจากขวดเดียวกัน คงไม่เป็นไรหรอกน่า
คิดแบบนั้นแล้วเธอจึงยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด เมื่อวางถ้วยลงบนโต๊ะ ภูธราจึงเอ่ยปากถาม
เป็นยังไง
หวานไปนิดแต่ก็อร่อย นายรู้ได้ยังไงว่าจะต้องใส่อะไรลงไปบ้าง
หญิงสาวหันไปถาม ภูตหนุ่มยิ้ม
ดูเจ้าทำทุกวันเลยจำได้
น่าประทับใจจัง พิมมาดาพูดพลางเก็บจานชามไปล้าง เมื่อเก็บข้าวของทุกอย่างแล้วหญิงสาวจึงไปทำงาน
ความที่ไม่อยากกลับบ้านดึกเหมือนทุกครั้งวันนี้หญิงสาวจึงเข้าบริษัทเช้ากว่าปรกติ เมื่อไปถึงสิ่งแรกที่ทำก็คือดูเทปจากกล้องวงจรปิดด้วยเร่งอัตราความเร็วแปดเท่า ดังนั้นจึงใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงกว่าๆเท่านั้นการตรวจดูจึงเสร็จสิ้นซึ่งก็พอดีกับที่พนักงานเริ่มทยอยเข้ามาทำงาน
นิลเนตรที่เพิ่งมาถึงเห็นเพื่อนกำลังสาละวนอยู่กับการจัดเตรียมเทปชุดใหม่จึงเดินเข้ามาถาม
เจออะไรไหม
ไม่ สงสัยจะไม่ใช่ช่วงที่คนร้ายลงมือ
พิมมาดาตอบ นิลเนตรกอดอกทำท่าคิด
หรือมันจะรู้ว่าเราติดกล้อง
ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะการติดตั้งเป็นความลับ นอกจากเราแล้วไม่มีใครู้เรื่องนี้แน่
จะเป็นความลับไปได้ยังไง ก็คุณองอาจสั่งให้เพิ่มกล้องตรงทางเข้าบริษัทอีกตัว ไม่พูดเปล่านิลเนตรยังชี้ไปยังด้านนอกบริเวณบันได้ทางขึ้นอย่าบอกนะว่าเธอไม่เห็นตอนเข้ามา
ฉันเห็นแล้ว แต่มันเป็นระบบรักษาความปลอดภัยปรกติ คนร้ายคงไม่คิดว่าเราจะเพิ่มกล้องในโกดังด้วย
รู้ทุกเรื่อง ตอบได้ทุกคำถาม ฉันล่ะยอมแพ้เธอจริงๆนิลเนตรพูดพร้อมกับทำท่าเหมือนกับเบื่อหน่ายเสียเต็มประดาแต่ก็เดี๋ยวเดียวเท่านั้นเพราะสีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันควัน
แล้วเรื่องภูตครามล่ะเป็นยังไง
นิลเนตรกระซิบถาม พิมมาดายักไหล่
เขาก็ยังอยู่เหมือนเดิม
การตอบแบบทองไม่รู้ร้อนของเพื่อนสร้างความแปลกใจต่อนิลเนตรเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อวันก่อนพิมมาดายังดูหวาดผวาจนนั่งแทบไม่ติดแถมยังอ้อนวอนขอไปนอนค้างบ้านเธอด้วยซ้ำ แต่วันนี้กลับมีท่าทางสบายอกสบายใจชนิดที่พูดได้ว่าผ่อนคลายมากกว่าเดิม
ไม่กลัวเขาแล้วเหรอ
นิลเนตรซักไซ้ด้วยความสงสัย พิมมาดาส่งยิ้มให้กับเธอ
ก็มีบ้างแต่ไม่มากเท่ากับที่เจอกันวันแรกพูดพลางหยิบเอกสารมาไล่ตรวจดูทีละแผ่นอย่างที่บอก เมื่อต้องอยู่ร่วมกันมันก็ต้องทำใจและปรับตัว
สุดยอดเลยนะเธอเนี่ย เป็นฉันป่านนี้ได้วิ่งแจ้นไปหาหมอผีหรือไม่ก็พระมาทำพิธีขับไล่ให้กระเจิงไปแล้ว
เขาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่มีประโยชน์พิมมาดาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย นิลเนตรตั้งท่าเตรียมจะแย้งแต่ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงร้องถามดังมาจากด้านนอก
นิลเนตรมาหรือยัง
นายองอาจถามฤทธิ์ที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เขาชี้ไปที่ห้องทำงานของพิมมาดาพร้อมกับพูดอย่างสุภาพ
มาแล้วครับ
ผู้เป็นนายหันมามองทันที นิลเนตรขยับเตรียมจะเดินเข้าไปหาแต่นายองอาจกลับสั่งเสียงห้วน
ขอกาแฟผมแก้วนึง
พูดจบก็ก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่รอคำตอบรับจากเลขานุการสาว นิลเนตรกลืนน้ำลายและหันไปส่งยิ้มแหยกับเพื่อน
สงสัยจะอารมณ์ไม่ดี
งั้นก็รีบไปเตรียมกาแฟสิ เดี๋ยวก็โดนดุอีกหรอก
พิมมาดาเตือนเมื่อนิลเนตรเดินออกไปจากห้องแล้วเธอจึงเริ่มลงมือทำงาน หลังจากตรวจเอกสารไปได้ครู่ใหญ่หญิงสาวก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อพบว่าใบเบิกชุดหนึ่งขาดไป หลังจากตรวจดูอย่างละเอียดแล้วเธอจึงรู้ว่ามันมาจากแผนกสินค้า ตอนแรกหญิงสาวต่อโทรศัพท์สายตรงไปยังห้องทำงานของสิทธิศักดิ์แต่ไม่มีคนรับ ความที่อยากไม่อยากให้งานคั่งค้าง เธอจึงตัดสินใจลงไปทวงถามด้วยตัวเอง ระหว่างที่ลงจากบันไดพิมมาดาต้องถอนใจอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นนงนภัสกำลังเดินสวนขึ้นมาพอดี ความที่ไม่อยากให้มีเรื่องเธอจึงแสร้งทำเป็นไม่มองแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่คิดแบบนั้นเพราะทันทีที่เห็นพิมมาดา นงนภัสก็เริ่มเปิดศึกด้วยการพูดลอยๆ
ตัวซวย
หญิงสาวเม้มปากแน่นและพยายามเดินเลี่ยงแต่นงนภัสกลับขยับมายืนขวางและจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง
กล้าดียังไงถึงได้มาแส่กับเรื่องของฉัน
ไม่ทราบว่าคุณนงนภัสกำลังพูดเรื่องอะไรพิมมาดาตอบอย่างใจเย็น อีกฝ่ายมองเธอด้วยดวงตาวาว
อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสาน้ำเสียงที่แม้จะไม่ดังเท่าไหร่นักแต่ก็เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดแกไม่ใช่เหรอที่ใส่ไฟจนคุณองอาจไม่ยอมซื้อรถคันใหม่ให้ฉัน
นั่นเป็นการตัดสินใจของท่าน ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
อย่ามาโกหก ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร นังนิลเนตรน่ะเหรอ เฮอะ มันก็ดีแต่ชงกาแฟกับคอยรับคำสั่งเท่านั้น ในบริษัทนี้คนที่พูดให้คุณองอาจเชื่อได้น่ะมีแค่แกเพียงคนเดียว
คุณกำลังเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ฉันไม่ได้...
พอทีฉันไม่อยากฟัง นงนภัสตัดบทและยื่นหน้าเข้าไปหาพิมมาดา ฉันจะทำให้แกรู้ว่าคนที่มากล้าตอแยกับฉันน่ะจะมีผลลัพท์ยังไง
พูดจบนงนภัสก็เอาหัวโขกกำแพงและส่งเสียงกรี๊ดออกมาดังลั่นตามด้วยแกล้งทำเป็นหงายหลังล้มกลิ้งขลุกๆลงจากบันได เสียงของเธอทำให้คนทั้งบริษัทรีบวิ่งออกมาดู นิลเนตรเบิกตากว้างเมื่อเห็นนงนภัสกำลังนอนร้องครวญครางอยู่ที่พื้นในขณะที่พิมมาดายืนตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ด้านบน
มีอะไร เสียงนายองอาจร้องถามและอุทานด้วยความตระหนกเมื่อเห็นสภาพของนงนภัส เขารีบวิ่งลงไปประคองและมองหน้าผากที่บวมปูดของเธอเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้
นงนภัสแสร้งบีบน้ำตาและกอดนายองอาจแน่น
คุณพิมผลักนงค่ะ
ว่าไงนะ นายองอาจเงยหน้าขึ้นมองพิมมาดาที่ยืนหน้าซีดทำไมคุณถึงทำแบบนั้นพิมมาดา
คุณองอาจกำลังเข้าใจผิด พิมไม่ได้...
เข้าใจผิด ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่านงนอนกองอยู่กับพื้น หรือคุณจะบอกว่าเธอโกหก
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ นงนภัสแอบยิ้มมุมปากก่อนจะเอียงใบหน้าซบไหล่ของนายองอาจพร้อมกับพูด
อย่าไปโกรธคุณพิมเลยค่ะ นงผิดเองที่เข้าไปขอโทษเธอถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนโดยไม่สังเกตให้ดีว่าคุณพิมกำลังหงุดหงิด เธอมองพิมมาดาและพูดด้วยใบหน้าที่น่าสงสาร
ขอโทษนะคะคุณพิม
พิมมาดายืนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกเพราะคิดไม่ถึงว่านงนภัสจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้ เธอหันไปมองเพื่อนร่วมงานที่กำลังยืนตกตะลึงกับเหตุการณ์ก่อนจะหันกลับไปที่เจ้านายของตัวเอง
แต่ฉันไม่ได้ทำ คุณนงเขาตกลงไปเอง
เธอหลุดปากพูดออกมาในที่สุด แต่ในเวลานี้คำอธิบายจะไม่เป็นผลเพราะนายองอาจเห็นว่ามันเป็นเพียงแค่คำแก้ตัว
คุณกำลังจะบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะนงกระโดดลงมาเอง พูดพลางพยุงให้นงนภัสยืนขึ้นคุณกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะพิมมาดา
แต่มัน
พอที!เสียงนายองอาจดังลั่นจนพนักงานทุกคนสะดุ้ง ถ้าหงุดหงิดมากนักก็กลับบ้านไปซะไม่ต้องมาทำงาน
เขาประคองนงนภัสไปนั่งที่เก้าอี้และหันไปสั่งนิลเนตรที่ยืนนิ่งไม่ยอมขยับ
มัวทำอะไรอยู่ โทร.เรียกรถพยาบาลเร็ว
ค่ะ
เมื่อเห็นเลขานุการสาววิ่งหายขึ้นไปชั้นบนแล้วดวงตาของนายองอาจจึงปรายไปที่พิมมาดา
ยังจะมายืนอยู่อีก เก็บของแล้วกลับบ้านไปซะ ผมไม่ต้องการฟังคำอธิบายอะไรจากคุณ พวกที่เหลือก็กลับไปทำงานได้แล้ว หรือถ้าใครไม่พอใจจะกลับไปพร้อมพมิมมาดาก็ได้นะ
ลงท้ายประโยคเสียงห้วน พนักงานทุกคนจึงรีบกลับไปนั่งประจำที่ มีเพียงพิมมาดาเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่ง หัวใจของเธอร่ำร้องให้เจ้านายหันมาฟังความจริงแต่ท่าทางที่ไม่แยแสของเขาทำให้หญิงสาวสำนึกว่าต่อให้พูดอย่างไรก็คงไม่เป็นผล ยิ่งเมื่อเห็นสายตาเย้ยหยันจากนงนภัสแล้ว พิมมาดาแทบอยากจะกรีดร้องออกมา แต่จิตใจที่เข้มแข็งเตือนไม่ให้กระทำเช่นนั้น เธอจึงจำต้องเดินกลับไปที่ห้องเพื่อหยิบกระเป๋าและก้าวออกจากบริษัทด้วยอาการสงบนิ่งกระทั่งถึงบ้าน หลังจากวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมารินใส่แก้ว ความที่จิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวมันจึงถูกรินไปเรื่อยจนล้นออกจากแก้ว ภูธรายืนมองน้ำที่ไหลนองเต็มโต๊ะด้วยความแปลกใจแต่พอจะขยับปากถามก็ต้องชะงักเมื่อเห็นหยาดน้ำหยดแหมะลงบนหลังมือของเธอ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองภูตหนุ่มจึงรู้ว่ามันคือน้ำตาของหญิงสาวนั่นเอง
พิมมาดา
แม้เสียงจะไม่ดังนักแต่ผู้ถูกเรียกก็สะดุ้งขึ้นสุดตัว เธอมองน้ำที่นองเต็มโต๊ะด้วยความตกใจเมื่อตั้งสติได้จึงรีบหันไปคว้าผ้าขี้ริ้วมาเพื่อทำความสะอาดแต่ต้องหยุดชะงักเพราะลมกลุ่มหนึ่งพัดมาปะทะ ภูธราเลื่อนกายมายืนใกล้เธอพร้อมกับพูด
เจ้าร้องไห้
มือข้างหนึ่งยื่นออกมาหมายจะแตะพวงแก้มของหญิงสาวแต่สิ่งกระทบกลับเป็นเพียงกระแสลม พิมมาดารีบยกมือขึ้นเช็ดหน้าของตัวเอง
แค่ฝุ่นเข้าตาเท่านั้น
ลืมไปแล้วหรือว่าข้าก็อยู่ที่นั่นด้วย ภูตหนุ่มพูดและมองหญิงสาวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยผู้หญิงคนนั้นร้ายกาจมาก หากเจ้าไม่ต้องการเห็นนางอีกต่อไปข้าก็จะจัดการให้
นายจะทำแบบนั้นไมได้นะภูธรา พิมมาดารีบห้าม เมื่อเห็นเขาขมวดคิ้วเหมือนจะไม่เข้าใจแล้วเธอจึงก้มหน้าลง
ฉันไม่อยากให้นายทำร้ายมนุษย์ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม
น้ำตาที่เหือดแห้งไปเมื่อครู่กลับรื้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงสายตาตำหนิรวมทั้งคำพูดเชิงขับไล่อย่างไร้เหตุผลจากนายองอาจ
แต่ผู้หญิงคนนั้นทำให้เจ้าเสียใจ
พิมมาดาส่ายหน้าช้าๆ
นงนภัสไม่มีค่าขนาดนั้นหรอกเธอกลืนก้อนสะอื้นลงคอและทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ที่ฉันเสียใจก็คือ ความเชื่อถือจากคนที่ฉันเคารพมากที่สุด
เจ้าหมายถึงผู้ชายที่ชื่อองอาจ เท่าที่ข้าสังเกตเขาเป็นคนมีเหตุผลและเชื่อใจเจ้ามาก
แต่สายตาในวันนี้มันบอกว่าคุณองอาจจะไม่มีวันเชื่อถือฉันอีกต่อไป หยาดน้ำใสบริสุทธิ์ปริ่มที่ขอบตาพรุ่งนี้ฉันคงไปทำงานไม่ได้แล้วล่ะภูธรา
พูดจบน้ำตาที่เอ่อล้นก็ไหลพรากลงมาบนพวงแก้ม ภูธรายืนตัวแข็งค้างนิ่งเพราะคาดไม่ถึงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้พิมมาดาเศร้าโศกเสียใจถึงขนาดนี้ หัวใจของภูตหนุ่มปรารถนาที่จะเดินเข้าไปหาและโอบกอดหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ส่งสายลมให้ลูบเลื่อนไปตามร่างกาย มือที่หมายจะซับน้ำตาอยู่ห่างกันเพียงปลายนิ้ว มีแค่ลมเท่านั้นที่สามารถสัมผัสพวงแก้มอย่างแผ่วเบา แม้จะไล้อย่างอ่อนโยนแต่ก็ไม่อาจปาดหยาดน้ำที่เปรอะเปื้อนใบหน้าของเธอออกไปได้ ความเจ็บแปลบปะทุขึ้นในอก เป็นครั้งแรกที่ภูธรารู้สึกเจ็บใจที่แม้จะเอ่ยปากปลอบประโลมแต่ก็ไม่อาจเช็ดน้ำตาให้กับคนที่ตนรักได้เลย
เจ้ามีหัวใจที่บริสุทธิ์ ข้าเชื่อว่าไม่ช้าคนพวกนั้นก็คงจะเข้าใจ
ไม่มีวัน พิมมาดาพูดเสียงแห้ง ภูธราจึงถามเสียงนุ่ม
ทำไมจึงคิดเช่นนั้นล่ะ
ก็เพราะ...คำที่ต้องการจะแย้งถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อเห็นใบหน้าที่แสดงความเชื่อถืออย่างจริงจังของภูตหนุ่ม หญิงสาวจึงก้มหน้าลงและถามเสียงแผ่วนายคิดแบบนั้นจริงๆเหรอภูธรา
ข้าเคยเห็นคนไม่ดีเข้าไปอยู่ในป่า ถึงจะซ่อนตัวดีแค่ไหนสุดท้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่ตามจนเจอ
แต่นี่มันไม่เหมือนกัน นงนภัสก็เป็นภรรยาของคุณองอาจ ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องเชื่อเธอ
พิมมาดาพูดเสียงเครือพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ภูธราส่งยิ้มที่แสนอ่อนโยนให้กับเธอ
คำพูดของมนุษย์มักถูกพิสูจน์ด้วยกาลเวลา วันหนึ่งข้างหน้าเขาจะต้องรู้ความจริง เจ้าเป็นคนเข้มแข็งคงไม่ยอมแพ้ด้วยเรื่องแค่นี้ใช่ไหม
น้ำเสียงนุ่มสร้างความสบายใจได้อย่างประหลาด หญิงสาวบีบมือตัวเองพลางคิดตามสิ่งที่เขาพูดและนึกย้อนไปถึงคุณตาคุณยาย ตั้งแต่เล็กจนโตพวกท่านจะพร่ำสอนถึงการทำความดี มีหัวใจที่เข็มแข็งอดทนไม่ย่อท้อต่อสิ่งใด แม้จะมีอุปสรรคหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ให้ยืนหยัดเชิดหน้าขึ้นอย่าได้ยอมแพ้ ที่สำคัญคือสติที่มั่นคง ไม่หวั่นไหวไปกับคำว่าร้ายของพวกนิสัยพาล สีหน้าที่ดูผ่อนคลายของเธอทำให้ภูตหนุ่มยิ้มอย่างยินดี
สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหม
ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย พิมมาดาตอบพร้อมกับระบายลมหายใจค่อนข้างยาวแต่พรุ่งนี้ฉันจะทำยังไงดี คุณองอาจคงเกลียดขี้หน้าฉันไปแล้วล่ะ
เจ้าก็นั่งทำงานอยู่แต่ในห้องไม่ต้องออกมาเจอเขาก็สิ้นเรื่อง
ภูธราแนะนำไปตามตรง หญิงสาวฝืนยิ้ม
พูดน่ะง่ายแต่เอาเข้าจริงคงลำบาก เธอถอนใจออกมาอีกครั้งและลุกขึ้น ตอนนี้กลุ้มไปก็เท่านั้น พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที
เธอเดินไปหยุดที่หัวบันไดและนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ากลับมายังภูตหนุ่ม
ขอบใจมากนะภูธรา
พูดจบก็วิ่งหายขึ้นไปบนห้อง ส่วนภูธรายืนนิ่งเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่งจึงเลื่อนตัวผ่านผนังออกไปด้านนอกและลอยขึ้นไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างห้องของพิมมาดา แม้ตอนนี้จะสามารถเรียกรอยยิ้มของเธอให้กลับคืนมาได้อีกครั้งแต่ภาพใบหน้านองน้ำตาของหญิงสาวบีบคั้นหัวใจของภูธราให้เจ็บปวดจนสุดจะทน เขาก้มหน้าลงมองมือของตัวเองด้วยความรวดร้าวใจ หากมีเลือดเนื้อเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ มือคู่นี้คงประคองกอดและซับน้ำตาให้เธอได้ แต่เพราะเขาเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนซ้ำยังเป็นภูตครามซึ่งไม่อาจสัมผัสหญิงสาวได้แม้ใช้เพียงปลายนิ้ว หากยังคงม่สภาพเช่นนี้ต่อไปเขาคงไม่มีวันทำให้เธอมีความสุขได้เลย
ข้าต้องเป็นมนุษย์
พูดพลางเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์เว้าแหว่งสีซีด ความคิดล่องลอยกลับไปยังผืนป่าอันเป็นถิ่นกำเนิด ถ้าความอัศจรรย์ของพลังธรรมชาติสามารถสร้างภูตครามขึ้นมาได้ก็ย่อมมีหนทางที่จะทำให้เขามีเลือดเนื้อได้เช่นเดียวกัน และผู้เดียวที่จะล่วงรู้วิธีนั้นคือหัวหน้าชนภูตคราม นึกเช่นนั้นแล้วภูตหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะเดินทางกลับป่าแต่ความเป็นห่วงทำให้เขาจำต้องยับยั้งความคิดนั้นเอาไว้เพราะแม้ภูตครามไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็วเหมือนสายลม แต่ภูธราก็ยังไม่อยากทิ้งให้หญิงสาวต้องอยู่ตามลำพัง ดวงตาสีสวยของภูตหนุ่มมองเข้าไปในห้อง ภาพของพิมมาดาที่ยังคงสะอื้นทั้งหลับไหลทำให้เขาต้องระบายลมหายใจออกมาและตัดสินใจว่าจะคอยให้กำลังใจเธออีกสักระยะ เมื่อหญิงสาวดีขึ้นกว่าเดิมแล้วเขาจึงจะกลับป่าเพื่อถามหาวิธีเป็นมนุษย์จากท่านวิษธร
*/*/*/*/*
ช่วงนี้ฝนเริ่มตกอีกแล้ว แถมอากาศก็เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ระวังสุขภาพกันด้วยนะคะ ^^
มาคุยกันค่า ^0^/
ถึงจะทะลึ่งอยู่บ้าง (เรื่องตามสาวเข้าห้องน้ำ) แต่ภาพรวมของภูตครามตัวนี้ก็ดูดีขึ้นทีละน้อยๆ แหม...แตะต้องไม่ได้ แค่มองก็พอแล้ว จากคุณ : Psycho man - แหม เอาแต่มองมันจะออกแนวโรคจิตนะสิคะ แต่คราวนี้ภูธราอยากเป็นมนุษย์ขึ้นมาจริงๆแล้ว
ตอนนี้ยาวดีจัง จากคุณ : scottie - เรื่องนี้แต่ละบทค่อนข้างยาวค่ะ เพราะถ้าตัดแล้วยกไปบทต่อไปเนื้อหามันจะไม่ต่อเนื่องกัน
นางเอกทะลึ่ง แอบคิดไปถึงไหน >///< จากคุณ : Cookies 'n Cream Frappe - นั่นสิคะ (ความจริงที่คิดน่ะ คนเขียนต่างหาก ><)
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของมูนนี่ค่ะ แล้วพบกันใหม่อาทิตย์หน้านะคะ ^^
จากคุณ |
:
moony (Moony_Lupin)
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ส.ค. 55 11:03:41
|
|
|
|