สองอาทิตย์ต่อมา
ฉันอยู่ในร่างของหญิงไฮโซวัยห้าสิบต้นๆ ที่อัลฟ่าสงสัยว่าลูกชายของเธอเป็นผู้สนับสนุนและอยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้ก่อการร้าย ผู้ลักลอบผลิตขีปนาวุธเคมีชีวภาพเพื่อการทำลายล้าง
เมื่อวันก่อน เด็กหญิงแอนแอนตัวแสบได้มีโอกาสเข้าใกล้หญิงไฮโซวัยกลางคนผู้นี้ โดยอาศัยมารยาเด็กหญิงแปดขวบผู้ใสซื่อไร้เดียงสาของเธอ จากนั้นเด็กหญิงได้ฉีดสารเคมีตัวเดียวกันกับที่ชายหน้ากากสีขาวเคยฉีดเข้าร่างกายของฟาเบียน เข้าไปยังร่างกายของหญิงไฮโซ ทำให้สมองของหญิงวัยกลางคนหยุดทำงานกระทันหัน และถูกจูนเชื่อมต่อเข้ากับเครื่อง อิมเปร์-เชเรบรุม ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนที่เครื่องเก่าของดอกเตอร์อิริค ซึ่งฉันเป็นผู้ควบคุมอยู่
ไบรอันบอกฉันว่า ฉันมีเวลาในการสืบหาข้อมูลในร่างของคุณหญิงไฮโซเพียงแค่สามวัน เนื่องจากสารเคมีของชายหน้ากากสีขาวไม่สามารถหยุดการทำงานของสมองที่ถูกกระตุ้นด้วยเครื่อง อิมเปร์-เชเรบรุม ได้นานเกินกว่านี้ ต่างกับสมองที่ได้รับสารเคมีดังกล่าวแต่ไม่ได้ถูกเชื่อมต่อกับเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุม ที่สามารถกลายเป็นสมองนิทราตราบนานเท่าที่ร่างกายจะยังคงสภาพอยู่ได้ หรือจนกว่าหัวใจจะหยุดเต้น
ฉันมองดูไบรอัน ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยสืบหาข้อมูลครั้งนี้โดยการสวมบทบาทเป็นหนุ่มหล่อคนใหม่ของฉัน คุณหญิงโซเฟีย หญิงไฮโซแก่แดดที่ควงหนุ่มๆแรกรุ่นเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้า เขายิ้มให้ฉัน ในขณะเดียวกันพยายามกลั้นหัวเราะ เนื่องจากฉันตัวจริง แอนนามาเรีย ต้องไม่ลืมสั่งให้ร่างกายของคุณหญิงโซเฟียทำท่าทางสะดีดสะดิ้งอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สาวใช้ในบ้านไม่รู้สึกแปลกใจต่อบุคลิกของเจ้านายหญิงที่เปลี่ยนไป ฉันโบกมือให้สาวใช้ทั้งสองไปพักผ่อนตามอัธยาศัย แล้วหยิบค็อกเทลที่เป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของคุณหญิงโซเฟียมาจิบดื่มเล็กน้อย ก่อนที่จะเอนตัวลงนอนบนที่นอนผ้าใบที่กางตั้งอยู่บริเวณขอบสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ในสวนหลังบ้านส่วนตัวสุดหรู
ไบรอันที่นอนอยู่บนเตียงผ้าใบข้างๆ โน้มตัวเข้ามาใกล้ฉัน แล้วส่งเสียงพูดกระซิบที่ข้างใบหูของคุณหญิงโซเฟีย
นี่... คุณช่วยบอกผมหน่อยสิ รู้สึกยังไงบ้างเวลาที่ได้อยู่ในร่างของหญิงวัยกลางคน? เผื่อว่า ผมจะได้เอาไปเป็นความรู้เบื้องต้นก่อนถึงคราวที่ผมแก่ตัวลง...
ฉันมองดูไบรอันผ่านดวงตาคู่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงสีสันจัดจ้านตามแบบที่คุณหญิงโซเฟียโปรดปราน แล้วกระพริบตาหนึ่งข้างให้กับเขาเป็นเชิงยั่วยวนแกมหยอกล้อ ก่อนที่จะกล่าวตอบคำถามทีเล่นทีจริงของเขา
รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่าตอนวัยยี่สิบอีกแหน่ะ...
ไบรอันหัวเราะ อีกครั้งที่ฉันรู้สึกถึงความน่ารักของเขา...
ไบรอันขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น จนฉันสามารถสัมผัสลมหายใจอุ่นๆของเขาที่หายใจออกเป็นจังหวะถี่ๆที่ข้างใบหูของคุณหญิงโซเฟีย เขากล่าวด้วยเสียงกระซิบอีกครั้ง ทำให้ฉันต้องรู้สึกขนลุก...
แอนนามาเรีย... ถ้าผมอยากจะจูบตัวจริงของคุณ คุณต้องไม่ยอมแน่ๆ... แต่ถ้าผมจะขอจูบคุณในขณะที่อยู่ในร่างของคนอื่นหล่ะ... คุณพอที่จะรับพิจารณาบ้างไหม?
ฉันรู้สึกเขินอายและหน้าแดงขึ้นมาทันที... ให้ตายเถอะ... เขาช่างเป็นผู้ชายที่โรแมนติกและมีเสน่ห์จริงๆ...
คุณหญิงคะ! เสียงเรียกของสาวใช้ดังขึ้นด้วยความกระวนกระวาย เธอเดินตรงรี่เข้ามาหาฉันด้วยอาการเหนื่อยหอบ ไบรอันส่งสายตาเบื่อหน่ายไปยังสาวใช้ที่เข้ามาขัดจังหวะ แล้วโน้มตัวกลับไปนอนบนเตียงผ้าใบของตนตามเดิม
มีอะไรยะ? ฉันถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแดกดัน ตามบุคลิกพฤติกรรมปกติของคุณหญิงโซเฟีย
คือ... เมื่อสักครู่นี้คุณชายโรเบิร์ตโทรมาหน่ะค่ะ บอกว่า อยากให้คุณหญิงไปที่บริษัทของคุณชายโดยด่วน! คุณชายมีอะไรอยากจะให้คุณหญิงเห็นหน่ะค่ะ!
ฉันมองดูสาวใช้ที่พูดด้วยอาการกระวีกระวาด ทั้งๆที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องลุกลี้ลุกลนขนาดนี้ คงเป็นเพราะกลัวที่ถูกคุณชายโรเบิร์ต ลูกชายของคุณหญิงโซเฟีย ใช้ให้มาเร่งฉันหล่ะมั้ง
ต๊าย... เรื่องแค่นี้ ทำเอาซะฉันตกอกตกใจไปเลยซะทีเดียว หล่อนก็ไปเตรียมชุดให้ฉันซิจ๊ะ มัวมายืนหอบแห่กๆโชว์ฉันอยู่ทำไมหล่ะ ฉันพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งตะคอกกึ่งประชดประชันตอบสาวใช้ผู้น่าสงสาร
เมื่อเธอเดินจากไปอย่างลุกลี้ลุกลนแล้ว ฉันหันไปมองไบรอัน เขาพยักหน้าให้ฉันนิ่งๆ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นจริงจัง... ฉันยกแก้วค็อกเทลขึ้นเพื่อดื่มค็อกเทลที่เหลือให้หมด... แหวะ... เครื่องดื่มที่คุณหญิงโซเฟียชอบดื่มนี่ รสชาติห่วยแตกชะมัด...
*******************************************
ฉัน ในร่างของคุณหญิงโซเฟียและไบรอันเดินทางมาถึงบริษัท คไลน์เฟลด์ เมดิซีน บริษัทผลิตยาชื่อดังที่ถูกตั้งชื่อตามเจ้าของผู้ก่อตั้ง โรเบิร์ต คไลน์เฟลด์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณหญิง
ชายวัยกลางคนในชุดนักวิจัยเดินเข้ามาทักทายฉันด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจ พร้อมเดินนำฉันไปยังห้องทดลอง ที่ที่คุณชายโรเบิร์ตบอกว่า มีอะไรที่ฉันต้องเห็น
แล้วลูกชายของฉันอยู่ที่ไหนกันยะ? ฉันอุตส่าห์รีบแจ้นมาตามที่เขาบอก เจ้าตัวกลับไม่โผล่หน้ามาต้อนรับทักทายฉันหน่อยเลยนะ! ฉันพูดด้วยน้ำเสียงดัดจริตเอาแต่ใจตามแบบคุณหญิงโซเฟีย
คุณหญิงอย่าเพิ่งอารมณ์เสียไปเลยครับ คุณชายโรเบิร์ตมีนัดด่วนคุยกับลูกค้าคนสำคัญและเพิ่งจะออกไปเมื่อสักครู่นี้เอง คุณชายฝากให้ผมดูแลและต้อนรับคุณหญิงแทนเขา และที่สำคัญไปกว่านั้น ผมเชื่อว่า หลังจากที่คุณหญิงได้เห็น สิ่งที่ผมกำลังจะให้คุณหญิงดูต่อไปนี้ คุณหญิงจะต้องดีใจจนลืมความโกรธทั้งหมดแน่นอนครับ
ชายนักวิจัยชำเลืองตามองไปยังไบรอันเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวต่อ
คุณหญิงครับ ผมเกรงว่า... คุณชายโรเบิร์ตอยากให้คุณหญิงเห็นเพียงแค่คนเดียว...
ฉันมองดูชายนักวิจัยด้วยท่าทีที่เข้าใจความหมายของเขา ฉันปั้นทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยตามสไตล์คุณหญิงที่เอาแต่ใจ แล้วหันไปยังไบรอันที่เล่นบทเป็นชายหนุ่มที่ไม่สนใจงานทดลองอะไรทั้งนั้นนอกจากเงินของหญิงไฮโซวัยกลางคน
โถ... ไบรอัน... พ่อทูนหัวของฉัน คุณออกไปรอข้างนอกก่อนละกัน เสร็จธุระแล้วฉันจะรีบไปหาคุณทันที... ฉันเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นร่วงโรยตามกาลเวลาของคุณหญิงโซเฟียไปแตะลูบไล้ที่แก้มของไบรอันด้วยความเอ็นดู
ไบรอันแสร้งยิ้มหวานให้คุณหญิงโซเฟียตามบทบาทของเขา แล้วหันหลังเดินออกจากห้องวิจัยไป... ชั่วพริบตาหนึ่ง ฉันสังเกตเห็นแววตาของเขาที่พยายามส่งข้อความเตือนด้วยความเป็นห่วงมายังฉัน ระวังตัวด้วยนะ... แอนนามาเรีย
ฉันยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบคุณหญิงโซเฟีย พยายามใช้สายตาสื่อสารตอบกลับไปเพื่อไม่ให้เขาต้องเป็นห่วง
เมื่อไบรอันเดินออกจากห้องทดลองไปแล้ว ชายนักวิจัยพาฉันไปยังห้องเล็กๆอีกห้องหนึ่งที่เชื่อมต่อจากห้องทดลองเมื่อสักครู่นี้ ภายในห้องฉันมองไม่เห็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์อะไรมากมาย นอกเหนือไปจากตู้กระจกหนาขนาดใหญ่ ที่ข้างในมีมนุษย์ท่าทางอ่อนระโหยอิดโรยถูกขังไว้สี่คน
โดยหนึ่งในสี่คนนั้นเป็นผู้หญิงที่ถูกขังแยกไว้อีกต่างหากในตู้กระจกใบที่เล็กกว่า
ฉันพยายามรักษาทีท่าของคุณหญิงโซเฟียเอาไว้ โดยการพยายามไม่แสดงทีท่าประหลาดใจออกมา...
พร้อมแล้วหรือยังครับ... คุณหญิง...?
ชายนักวิจัยกล่าวขึ้น ในมือของเขาถือของบางอย่างที่ลักษณะคล้ายรีโมท... หัวใจของฉันเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ...
ชายนักวิจัยยิ้มให้ฉัน แล้วกดปุ่มสีเขียวบนรีโมท...
ทันใดนั้น... ฉันสังเกตเห็นแก๊สสีเขียวจางๆถูกฉีดผ่านหลอดท่อเล็กๆจากด้านบนของตู้กระจกใบเล็กที่ขังแยกหญิงสาวผู้น่าสงสารเอาไว้จากคนอื่นๆ เธอเหลือบตามองดูแก๊สที่พุ่งมาจากด้านบน ปากของเธออ้าออกเหมือนส่งเสียงร้อง แต่ทว่าฉันกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรดังมาจากภายในตู้กระจก
ร่างของหญิงสาวผู้น่าสงสารเริ่มสั่นไหวด้วยความกลัว เธอพยายามเอามือกุมปิดปากและจมูกเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองสูดแก๊สสีเขียวเข้าปอด แต่ความพยายามของเธอนั้นต้องสิ้นเปล่าเมื่อห้องกระจกเล็กที่ขังเธอไว้นั้นถูกเติมเต็มไปด้วยแก๊สสีเขียวอย่างรวดเร็ว ฉันเห็นเธอล้มลงดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น ในขณะที่ผิวหนังของเธอเริ่มเน่าเละเต็มไปด้วยเลือดและหนองจากแผลพุพอง บุคคลอีกสามคนที่เหลือในตู้กระจกมองดูชะตากรรมอันน่ารันทดของเพื่อนผู้น่าสงสาร
ฉันรู้สึกสะเทือนใจกับภาพที่เห็น แต่ต้องพยายามฝืนแสร้งทำตัวเป็นคุณหญิงโซเฟียที่ชื่มชมต่อการเห็นคนถูกทรมาน...
ชายนักวิจัยยิ้มอย่างพอใจในผลงานของตนเองแล้วกดปุ่มสีน้ำเงินบนรีโมทตัวเดิม...
ประตูของตู้กระจกใบนั้นเปิดออก หญิงสาวผู้น่าสงสาร ที่ตอนนี้ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยแผลเน่าพุพอง ค่อยๆเดินออกมา เธอเดินกระโผลกกระเผลกไปยังเพื่อนๆอีกสามคนที่เหลือที่ถูกขังอยู่ในตู้กระจกใบใหญ่ พวกเขามองดูเธอด้วยความพรั่นพรึงหวาดกลัว...
ทันใดนั้น... เธอกระโดดเข้ากัดที่คอของพวกเขาทีละคนอย่างหิวกระหาย...
ชายนักวิจัยหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจในความสำเร็จของเขา เมื่อเขามองมายังฉัน ฉันฝืนยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคุณหญิงโซเฟีย
ดีมาก... เยี่ยมมาก... ฉันฝืนตัวเองให้พูดประโยคที่น่ารังเกียจนี้ออกมา ชายนักวิจัยยิ้มให้ฉันพร้อมพยักหน้าเบาๆให้เหมือนเป็นการขอบคุณสำหรับคำชม
ฉันค่อยๆชำเลืองตามองไปยังปรากฏการณ์อันน่าสะพึงกลัวในตู้กระจกนั้นอีกครั้ง และต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น...
ตอนนี้พวกเขาทุกคนในนั้น มีผิวหนังที่เต็มไปด้วยบาดแผล เลือด และหนอง พวกเขาได้กลายร่างเป็น อมนุษย์ ที่กวาดสายตามองหาอาหารด้วยความหิวกระหาย...
ฉันแสร้งยิ้มอีกครั้ง...
*******************************************
หลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์ที่น่าขยะแขยงในห้องทดลองลับนั้นแล้ว... ฉันหาโอกาสปลีกตัวออกจากชายนักวิจัยทันที โดยอ้างว่า ฉันต้องรีบโทรคุยกับโรเบิร์ตเพื่อแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของเขา...
เมื่อออกมาข้างนอกแล้ว ฉันพยายามมองหาไบรอัน แต่ฉันไม่เห็นเขาอยู่ในบริเวณใกล้ๆ จึงต้องละเรื่องการตามหาเขาเอาไว้ทีหลัง สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการรายงานข้อมูลที่ฉันได้เห็นไปยังศูนย์กลางของอัลฟ่า
เพราะว่า ไม่ว่าอัลฟ่าใหม่หรือชายหน้ากากสีขาวจะเป็นคนดี หรือคนไม่ดีก็ตาม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด แผนการก่อการร้ายอันน่าสะพรึงกลัวของบริษัทคไลน์เฟลด์ เมดิซีน จะต้องถูกยับยั้ง!
ในขณะที่ฉันกำลังพิมพ์ข้อมูลบนเครื่องมือเล็กๆที่ได้รับจากอัลฟ่าอยู่นั้น ฉันเห็นรถแลมโบจินี่สีเหลืองของไบรอันขับผ่านใกล้ๆบริเวณที่ฉันแอบซ่อนตัวอยู่ ท่าทางของเขาดูเร่งรีบ...
ฉันจึงเก็บเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋าเสียก่อน แล้วเรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาให้ขับตามไบรอันห่างๆ เมื่อนั่งอยู่ในรถแท็กซี่แล้ว ฉันรีบหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาอีกครั้ง พิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทคไลน์เฟลด์ เมดิซีน ที่เหลือลงไป แล้วจัดการส่งข้อมูลไปยังศูนย์กลางของอัลฟ่า...
รถแท็กซี่ที่ฉันนั่งยังคงขับตามรถแลมโบจินี่สีเหลืองของไบรอันอยู่ห่างๆ จนกระทั่งเขาขับมาจอดยังบริเวณด้านหน้าของตึกร้าง เมื่อฉันเห็นไบรอันลงจากรถและวิ่งเข้าไปในตึกร้างอย่างมีพิรุธ ฉันบอกให้แท็กซี่จอดบริเวณใกล้ๆกันแล้วโยนแบงค์ร้อยยูโรสองใบจากกระเป๋าเงินหนังสุดหรูของคุณหญิงโซเฟียให้คนขับโดยไม่สนใจเลขบนมิเตอร์ ฉันเปิดประตูลงจากรถแท็กซี่แล้วรีบวิ่งตามไบรอันเข้าไปในตึกร้างทันที...
ฉันแอบตามเขามาเรื่อยๆ และเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องทางด้านซ้าย ที่มีสภาพทรุดโทรมและมีประตูเปิดแง้มอยู่... ฉันเดินย่องเข้าไปหลบหลังประตูบานนั้น แล้วแอบมองดูเหตุการณ์ภายในห้องผ่านช่องว่างเล็กๆระหว่างประตูและบานพับ
ไบรอันไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว... มีบุคคลอีกคนหนึ่ง รอเขาอยู่ที่นั่นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว...
บุคคลผู้นั้นก็คือ... ฟาเบียน ฮาร์เดนเบิร์ก...
และที่น่าตกใจไปยิ่งกว่านั้น... ทั้งไบรอัน และ ฟาเบียน ต่างก็มีปืนสั้นอยู่ในมือ...
ฉันพยายามควบคุมเสียงหายใจของตนเองให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วเงี่ยหูฟังบทสนทนาของสองพี่น้อง...
ฟาเบียนเริ่มกล่าวขึ้นก่อน... ฉันยังคงจำน้ำเสียงทุ้มห้าวที่ครั้งหนึ่งในช่วงระยะเวลาสั้นๆเคยเป็นเสียงพูดของฉันได้...
อธิบายเหตุผลของนายมา... ไบรอัน... ฟาเบียนกล่าวด้วยเสียงที่พยายามปกปิดซ่อนความสั่นเครือเอาไว้
ไบรอันดูเหมือนจะเงียบไปสักครู่ใหญ่ ก่อนที่จะกล่าวขึ้นช้าๆด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด...
นายเป็นหมายเลขหนึ่งเสมอมา... ฟาเบียน... สำหรับดอกเตอร์อิริคแล้ว... ฉันไม่มีค่าอะไรมากไปกว่าหมายเลขสอง...
ฉันสังเกตเห็นใบหน้าของฟาเบียนที่ดูเหมือนพยายามเก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ เขากล่าวขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าครั้งแรก...
เพราะเหตุนี้... นายถึงขั้นต้องทำลายอัลฟ่า และวางแผนฆ่าฉันอย่างนั้นเหรอ ไบรอัน!?
ฉันไม่ได้อยากฆ่านาย ฟาเบียน! ไบรอันสวนกลับทันทีด้วยเสียงตะคอก ฉันสังเกตเห็นน้ำตาของเขาเริ่มคลอที่เบ้าตา...
แต่ฉันจำเป็นต้องกำจัดนายให้พ้นทาง... ฟาเบียน... ฉันจำเป็นต้องกลายเป็นผู้ปฏิบัติการหมายเลขหนึ่งเพื่อเข้าถึงข้อมูลลับต่างๆของอัลฟ่า... เพราะนอกจากดอกเตอร์อิริค และ ผู้ปฏิบัติการหมายเลขหนึ่งแล้ว ไม่มีใครสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้... ฉันจำเป็นต้องช่วยให้อัลฟ่าที่เหนือกว่าอัลฟ่าเก่าก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ฟาเบียน... เพราะฉันรู้ว่า... นี่คือสิ่งที่นายจะไม่มีวันทำ...
ฟาเบียนดูเหมือนจะนิ่งอึ้งไปสักครู่... ก่อนที่จะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ่มห้าวที่เย็นลงแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น...
ฉันไม่มีวันทรยศเพื่อน... ไบรอัน... ฉันสังเกตเห็นน้ำตาของฟาเบียนเริ่มซึมออกมาเช่นกัน...
เสียงของไบรอันดังขึ้นอีกครั้ง
ฟาเบียน... หรือนายมองไม่เห็นผู้ก่อการร้ายที่อยู่ข้างนอก... ที่คิดวางแผนเพื่อทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ ถ้าผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ปกป้องพวกเขาไม่ใช่ผู้ที่เข้มแข็งที่สุด พวกเรายังจะมีหน้ามองดูตัวเองในกระจกแล้วไม่รังเกียจตัวเองได้อีกเหรอ!?
ไบรอันกล่าวขึ้นด้วยเสียงแข็ง... ใบหน้าของเขาตอนนี้อาบไปด้วยน้ำตา...
ฟาเบียนกระชับปืนกล็อก 19 ที่ถือแน่นอยู่ในมือ... เขาเล็งชี้ไปที่น้องชายของเขา...
นายไม่มีสิทธิ์ตัดสินอัลฟ่าเก่า ไบรอัน... อัลฟ่าเก่าเข้มแข็งพอและไม่มีทางถูกโค่นล้มลงหากนายไม่คิดที่จะทรยศพวกเขา... ดอกเตอร์อิริคไว้ใจนาย เขาได้เลือกนายขึ้นมาเป็นผู้ปฏิบัติการหมายเลขหนึ่งแทนที่ฉัน... เขาไว้ใจนายมากพอที่จะให้นายเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างของอัลฟ่า... แต่นายกลับตอบแทนเขาด้วยการหักหลังและทรยศ...
ฉันสังเกตเห็นนิ้วชี้ของฟาเบียนแตะเบาๆที่ไกปืน ฉันรีบผุดลุกออกจากที่ซ่อนแล้ววิ่งเข้าไปห้ามทันที...
อย่า... ฟาเบียน ได้โปรด...
โดยไม่คาดฝัน ฟาเบียนเล็งปืนมาที่ฉัน... ฉัน... ที่เขาเห็นเป็นร่างของคุณหญิงโซเฟีย...
ไบรอันเองก็ดูตกใจไม่น้อยกว่าฟาเบียนที่เห็นฉัน
แต่เขารีบฉวยโอกาสเล็งปืนไปที่ฟาเบียนทันที... ฉันเห็นไบรอันขบฟันแน่น แล้วกดนิ้วชี้ของเขาลงบนไกปืนด้วยความแน่นิ่งชำนาญของนักฆ่า
ปัง!
ไม่... !!!! ฉันร้องตะโกนด้วยเสียงดังลั่น พร้อมวิ่งกระโจนเข้าไปผลักฟาเบียนให้หลบพ้นทางกระสุน...
ลูกปืนที่วิ่งหมุนผ่ากลางอากาศด้วยความเร็วปะทะเข้าเต็มๆที่กลางหัวใจของหญิงสาวที่ยอมเสียสละชีวิตของเธอเพื่อปกป้องชายที่เธอรัก...
ฉันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดวิ่งแผ่ซ่านผ่านทั่วร่างกายอีกครั้ง... ฉันรู้สึกร้อนเหมือนร่างกายกำลังถูกเผาไหม้...
ฉันได้ยินเสียงเรียกของไบรอัน ที่วิ่งเข้ามาประคองร่างกายนั้นเอาไว้... น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสะอื้นเสียใจ...
แอนนามาเรีย...
ฉันพยายามชำเลืองตามองไปยังฟาเบียน... ที่ยืนตกตะลึงกับเหตุการณ์... ริมฝีปากของเขาเผยอออกเล็กน้อย... ฉันได้ยินเสียงทุ้มห้าวของเขาพึมพำที่ลำคอ...
แอนนามาเรีย...อย่างนั้นเหรอ...?
ใบหน้าที่แสนอ่อนหวานของชายที่ฉันรักยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของฉัน... จนกระทั่ง... ฉันยอมพ่ายแพ้ต่อความเจ็บปวดที่ฉันไม่มีทางชนะ...
ความตาย... มีรสชาติเป็นเช่นนี้เอง...
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดดับลง...
*******************************************
เอ บี ซี ดี อี เอฟ จี... เอช ไอ เจ เค คิว เอ็ม เอ็น โอ พี...
เสียงร้องเพลงของเด็กหญิงผมบลอนด์วัยแปดขวบที่ฉันรู้จักดังแว่วขึ้น... ทำให้ฉันเริ่มสงสัยและคิดขำๆขึ้นมาในใจ
นี่เด็กหญิงตามฉันมาจนถึงแดนคนตายเลยหรืออย่างไรกัน...?
แต่ว่า... ฉันกลับค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ฉันลืมตาขึ้น... พบว่าตัวเองยังคงอยู่ในแคปซูลสีฟ้า และถูกต่อเข้ากับเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุมที่ตอนนี้สัญญาณไฟแสดงการทำงานดับลง
เด็กหญิงแอนแอนยิ้มเริงร่าให้กับฉันเหมือนเช่นเคย โดยผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆเธอคือ อลิเซีย สาวสวยเจ้าของใบหน้าไร้ความรู้สึก ผู้ช่วยด้านงานวิจัยของชายหน้ากากสีขาว...
ฉันค่อยๆปลดเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุมออกจากศีรษะที่รู้สึกหนักอึ้ง แล้วเดินออกจากตู้แคปซูลสีฟ้า
ฉันยังไม่ตาย... คนที่ตายคือคุณหญิงโซเฟีย คไลน์เฟลด์...
*******************************************
แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 55 01:42:28
แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 55 01:40:09
แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 55 01:29:51
แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 55 01:25:05