Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 10 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12443168/W12443168.html

บทที่ 10

ณพนาลืมแฟ้มเอกสาร เขาจึงต้องย้อนกลับมาบริษัทอีกครั้ง บนลานจอดรถวังเวงด้วยแสงสลัว แต่ก็ไม่ถึงกับมีเพียงเงาของเขาที่ทอดยาว

ตาขรึมหรี่มองอีกเงาที่เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ กิริยาก็สุขุมปนเฉยๆ อ้อ แต่อย่าไปป้วนเปี้ยนแถวหัวใจนะ เพราะตรงนั้นมันเกิดปฏิกิริยาอื่น จะเป็นอะไรบ้างก็ระบุไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นจังหวะเต้นตะลึงตึงๆ ละก็ 'ชัด'

"สวัสดีค่ะ" ปัญปัทม์ทักทายก่อน เธอยิ้มหวานและส่งตาหวานมาเชื่อมไมตรีที่ขาดช่วงไปเกือบสิบวัน

"ครับ"

"อะไรกัน ทักทายกันสั้นๆ แค่นี้เองหรือคะ แหม มันดูเหมือนว่าเราไม่คุ้นเคยกันยังไงก็ไม่รู้นะคะ ไม่เหมือนคืนก่อนโน้น ย้อนไปสัก.. "

"สิบวัน"

ตรงฉัตรใจเต้นแรงขึ้น เขาหงุดหงิดลึกๆ เพราะควบคุมมันไม่ได้ และไม่เข้าใจด้วยว่าตื่นเต้นอะไรนักหนากับการได้เจอหน้าสาวทนายจอมตื๊ออีกครั้ง

"อุ๊ย คุณจำได้" ปัญปัทม์ห่อปากตาโต ซ้ำยังทำท่าตื้นตันลึกซึ้งด้วยการประสานนิ้วเชยคาง "แหม คุณทำให้ฉันปลาบปลื้มมากเลยคุณตรงฉัตร นี่รู้ไหม ระหว่างที่ฉันนอนรักษาหัวเข่า ตลอดสิบวันนี้ ฉันคิดถึงคุณที่สุดเลย"

"อืม ใจเราตรงกันเรื่องนี้"

"จริงหรือคะ" ตาที่เบิ่งโตอย่างเสแสร้ง ยิ่งแสร้งอย่างจงใจอีก

"ก็ถ้าผมยังไม่ได้ฟังคำตอบว่าคุณมาทำอะไรที่บริษัทในคืนนั้น ผมก็ต้องคิดถึงคุณเรื่อยไป"

"เหมือนกันเลยค่ะ ใจเราตรงกันเรื่องนี้"

ตรงฉัตรเกือบสะอึกแน่ะ มันเป็นวาจายอกย้อนที่เหนือความคาดหมายไปไกลโข เขาคิดไปว่ารอยยิ้มหวานจอมปลอมต้องสะดุด ตาโตๆ ที่พราวแสงเจ้าเล่ห์ก็ต้องหดและแสงดับวูบ

แต่กลายเป็นว่าเขาต้องรีบถอยหลังปุบปับ เพราะสาวสวยลุยพรวดมาเกือบประชิดตั้งสองก้าว เธอเป็นสาวทนายที่ประหลาดมากขึ้นทุกวัน

"หมายถึงอะไรครับ" เขารีบถามออกไป ใจชื้นว่าเสียงยังสุขุมขรึมดีอยู่

"หมายถึงคุณจะคิดถึงฉันเรื่อยไปจนกว่าจะได้ฟังคำตอบว่าฉันมาทำอะไรที่บริษัทในคืนนั้น"

"ครับ"

"ส่วนฉันก็จะคิดถึงคุณเรื่อยไปจนกว่าฉันจะมีโอกาสได้คุยบางอย่างที่รับรองว่าคุณจะตะลึง จะค้าง จะทื่อ แม้แต่อยากจะร้องว่าโอ้โฮ ก็ร้องไม่ออก"

"มันคือ.. "

"ชีวิตของคุณ เบื้องหลังของคุณ ทารกแรกเกิดคนหนึ่งชื่อตรงฉัตร จนกระทั่งอายุสิบเจ็ด ตรงฉัตรคนนั้นก็หายไป"

ปัญปัทม์ใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ขึ้นมาอีกคน ปฏิกิริยาของพ่อเลขาเนื้อทองเป็นไปตามที่เธอคะเนล่วงหน้าจริงๆ

แสดงว่าที่ครุ่นคิดมาตลอดสิบวันไม่สูญเปล่าใช่ไหม มันต้องมีเบื้องหลังที่สำคัญมาก และตรงฉัตรก็ไม่ต้องการให้ใครรู้ ก็ไม่เป็นไร ใครไม่รู้ก็ช่างเถอะ แต่ไอ้ปัทม์คนนี้ 'ต้องรู้ให้ได้'

"คุณตรงฉัตร" เธอรีบพาหุ่นน่ารักไปขวางหุ่นสูงที่สง่าด้วยสูทสีเข้ม เขาก้าวหนีเลยหรือ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก "เรามาแลกเปลี่ยนกันดีไหมคะ น่า.. "

เธอลากเสียงแบบสาวนักเลง มือเล็กก็ยกยันอกกว้าง สกัดเต็มที่ ยังไงคืนนี้ก็ไม่ให้เป้าหมายรอดพ้นจากการคุกคาม แม้ว่าเธอจะเรียกมันว่า 'การคุกคามที่ว่างเปล่า' ก็เถอะ

"กล้าๆ หน่อย ฉันเป็นผู้หญิง สวยขนาดนี้ หุ่นน่าอุ้มขนาดนี้ แถมยังองอาจห้าวหาญจนสุนัขแถวบ้านไม่กล้าเห่าเสียขนาดนี้ เป็นคู่ต่อสู้ไอ้ปัทม์ มันจะเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ตัวคุณและวงศ์ตระกูล เอ๊ะๆ ตระกูลอะไรนะ ตระกูล.. "

"ผมไม่เกี่ยงเรื่องการต่อสู้หรอกคุณปัญปัทม์" ตรงฉัตรรำคาญมาก โดยเฉพาะเสียงท่อนท้ายที่เธอลากยืดๆ อย่างมีลีลา "แต่ผมเลือกมากหน่อยว่าควรต่อสู้กับใคร และอะไรรู้ไหม" เขาหยอดคำถามนำทางตอกกลับในอีกไม่กี่อึดใจ

"ไม่รู้ค่ะ"

"อืม ไม่ใช่คุณ"

สาวทนายตาโต มือเล็กถูกย้ายลงจากอกอุ่นอย่างสุภาพ ตายแล้ว ผู้ชายคนนี้สุภาพเรียบร้อยเกินไปหรือเปล่า เธอเห็นชัดๆ นี่นาว่านาทีก่อน แสงที่วาวขึ้นในตาขรึมมันกร้าวขึ้นวูบหนึ่ง ลอบกลืนน้ำลายคล้ายหวั่นไหวอีกด้วย มองตาเธอก็นิ่งคล้ายลังเล

ทำไมหรือ ปฏิกิริยาพวกนั้น มันอธิบายว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เขาอยากต่อสู้ด้วยหรอกหรือ นี่เขาทำให้เธอเข้าใจไขว้เขวได้น่าหัวเราะเยาะขนาดนี้เลย มิน่าล่ะ อมฤทธิ์ถึงทิ้งท้ายเตือนไว้แปลกๆ ในคืนก่อนว่า

"พี่ไม่รู้จักคุณตรงฉัตรเป็นการส่วนตัวนะ แต่คุณพันศิลป์ก็ฝากเตือนมาว่าเขาไม่ใช่คนที่แกจะล้มได้ง่ายๆ "

"ปัทม์ไม่กลัวเขาหรอก"

"แกไม่ต้องกลัวเขา เพราะเท่าที่ลือๆ กันพ่อเลขาเนื้อทองคนนี้ไม่เคยทำร้ายใคร ตวาดใครก็ไม่เคย วางอำนาจอวดเบ่งว่าซี้แหลกกับคุณณพนาก็ไม่เคย"

"ก็ดีแล้วนี่ แล้วพี่อมจะมาพูดบั่นทอนกำลังใจปัทม์ทำไมกันละนี่"

"พี่กำลังจะบอกว่าให้แกระวังความคิดของเขา เอ้อ หมายถึงคุณพันศิลป์น่ะ เขาบอกมาอย่างนี้"

ปัญปัทม์กัดปากดื้อรั้น ตะเพิดไล่ความคิดที่โผล่พรวดเข้ามาซ้ำเติมหน้าแตกๆ เธอไม่เชื่ออมฤทธิ์ ไม่สนใจว่าพันศิลป์จะยกย่องศัตรูสูงส่งแค่ไหน

ความคิดก็ความคิดสิ เขามี เธอก็มี ไม่แน่หรอกว่าที่เขามีอาจจะซื่อๆ ทื่อๆ แต่ที่เธอมี มันเลี้ยวไปเลี้ยวมาได้นะ ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ตอนนั้น มันจะบังคับให้ความคิดของเธอไหลไปยังไง

"คุณพูดถูก" เธอวิ่งตามไปทันหนุ่มเลขาหน้าประตูทางเข้าสำนักงานพอดี "ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ ฟ้าไม่ทำร้ายเราขนาดหรอก เพราะเท่าที่ฉันสังเกตนะคะ คุณกับฉันมีหลายอย่างที่เหมือนกัน"

"เหมือนกัน" เสียงทวนก็ฟังธรรมดา แต่แสงตาดูแคลนอย่างแรง

"เอ้อ คล้ายกัน"

"คล้ายกัน"

"เอ้อ คือน่าจะไปด้วยกันได้สักเล็กน้อย"

ตรงฉัตรโคลงศีรษะ ผู้หญิงคนนี้เพ้อเจ้อ ถ้าไม่คิดสักนิดว่าณพนารอแฟ้มเอกสารอยู่ที่งานเลี้ยงละก็ เขาจะนั่งลงต่อปากต่อคำด้วยให้นานกว่านี้ อย่างน้อยก็ต้องคาดคั้นให้คายคำตอบที่เขาสงสัยให้สำเร็จ

แต่ก็ไม่เป็นไร เอาไว้ก่อน เธอหายดีแล้วนี่ วิ่งปร๋อเหมือนคืนนั้นไม่มีผิด ก็แสดงว่านับจากคืนนี้ไป เขาก็คงจะโดนเธอรบกวนจนหมดความสงบไปจนกว่าเธอจะบรรลุเป้าหมายของตัวเอง แล้วเขาก็จะไม่บอกด้วยว่ามันไม่ใช่แค่สักพัก หรือนานหน่อย แต่ว่ามัน 'ไม่มีทาง'

"ผมพูดตรงๆ นะครับ ฟังได้ใช่ไหมคุณปัญปัทม์"

"ฟังได้ค่ะ"

"ผมชอบคุณมาก"

"คะ"

"ผมชอบคุณมาก"

ตรงฉัตรสำทับประโยคเดิมเข้มหนัก แม้ใจจะหวั่นไหวกับตาที่เบิกกว้าง เพราะมันเป็นถ้อยคำที่เธอไม่คาดว่าจะได้ยิน เขาเข้าใจเธอ แต่ที่อยากให้เข้าใจลึกซึ้งคือเรื่องนี้

"ชอบที่คุณมีความมุ่งมั่นและทุ่มเทกับงานที่คุณรับผิดชอบสุดกำลัง พลังฮึดคุณมีเยอะ ลุยดะกับบ้าบิ่นก็น่าชื่นชมมาก แต่การชอบคุณ ก็จะไม่ส่งเสริมให้คุณดันทุรังตลกๆ มากไปกว่านี้ กลับบ้านไปส่องกระจกมองหาความอ่อนหัดให้เจอ"

"คุณ.. "

"เจอกันคราวหน้า ผมจะถาม ผมคาดหวังมากเลยว่าคุณจะหาเจอ ผมจะถามว่าเจอตรงไหนบ้าง"

"คุณ.. "

"ผมพูดได้เท่านี้แหละ"

"คุณ.. "

"อ้อ"

ตรงฉัตรเดินชนไหล่เธอไปแล้วนะ แต่คล้ายเพิ่งนึกได้ว่ายังเหลืออีกประโยคที่ยังไม่ได้พูด จึงหันกลับปุบปับ ปลายจมูกเลยโดนจิ้มกะทันหัน

เพราะเธอนั่นล่ะ ฉุนจนต้องปราดตามมาชี้หน้ากันเลย เขาไม่โกรธหรอก แต่นิ้วเล็กๆ ก็เย้ายวนแปลกๆ เขาจึงกุมไว้ขณะทอดเสียงอ่อนว่า
 
"คราวหน้าเตรียมแฟ้มประวัติของผมมาเลยนะครับ นี่ถ้าคืนนี้คุณเตรียมมาด้วย ป่านนี้ การเจรจาของเราคงรุดหน้าไปถึงจุดที่เรียกว่าการต่อรองแลกเปลี่ยนอย่างจริงจังแล้วล่ะ ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณปัญปัทม์"

"อ้อ ค่ะ"

คนเก่งเสียงแห้งตาห้อย ไออุ่นในอุ้งมือใหญ่ยังรุมๆ อยู่ในลำนิ้ว แต่เจ้าของเข้าข้างในไปแล้ว ในนั้นมันก็มืดหน่อย แต่ก็พอเดาได้ว่าเขาคงจะตรงไปที่ห้องทำงาน

อีกสักสี่ห้านาทีก็คงย้อนกลับมา เดินเหยียบเศษแตกๆ ที่ร่วงจากหน้าเธอไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปเลย อย่าไปตั้งความหวังใดๆ ว่าเขาจะชวนไปด้วย โดยอาจจะพูดว่า 'กลับบ้านเลยไหม ผมจะไปส่ง'




กลางงานเลี้ยงที่แสนน่าเบื่อ สองเจ้านายเลขาแอบเบ้หน้าใส่กันเพราะสุดเซ็งกับบรรยากาศปั้นหน้ากาก ณพนายังดีว่าพึ่งพาเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์เล็กน้อยย้อมใจ

แต่ตรงฉัตรนี่สิ เขาไม่แตะต้องของพวกนี้ น้ำอัดลมก็ยังนานๆ ทีเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้ จึงได้แต่จิ้มขนมวุ้นอะไรก็ไม่ทราบเข้าปากเคี้ยวไปเรื่อยๆ

เหลียวไปเจอสาวสวยหลายคนชม้ายตาส่งยิ้มทอดสะพาน เขาก็ทำหน้าแห้งๆ เจื่อนๆ เข้าไว้ หวังว่าพวกหล่อนคงจะอ่านออกเหมือนๆ กันว่า 'เชิญไปข้างหน้า'

"แม่ปลากระดี่พวกนั้นกำลังสะบัดครีบจีบนายอยู่" ณพนากระซิบขำๆ

"ก็ไปบอกพวกเธอสิว่าผมติดเบ็ดตัวอื่นแล้ว"

"นายตรง ไอ้ปากเสีย" เจ้านายตบปากเผียะให้เลย แล้วด่าตามหลัง "นี่นายด่าฉันเป็นปลากระดี่หรือ ฉันไม่เคย"

"โอ๊ย ไปกันใหญ่" ตรงฉัตรย้อนหน้าเรียบ "อย่างคุณนาเป็นปลากระดี่หรือ มันใหญ่พอหรือ"

"ไอ้ตรง ไอ้บ้า เดี๋ยวแม่ก็ด่าเลย"

เลขาหนุ่มทำหน้าครึ่งบึ้งครึ่งยิ้ม ฝ่ามือลงโทษเฉียดผิวแก้มไปนิดเดียว เขาตะปบทันแล้วลากลงมาแหมะบนต้นขาใต้โต๊ะนี่แหละ รู้เหมือนกันว่าหล่อนต้องแก้แค้นด้วยการซุกซนหย่อนลึก มันเป็นวิธีหาเรื่องที่เขาแพ้ประจำ ครั้งนี้ก็แพ้

"อย่ามามั่ว" เขาเอ็ดเลย แต่ก็ยังกดมือเล็กแสนซนไว้บนต้นขาดังเดิม

"แหม ปากก็ทำเป็นห้าม แต่ใจเต้นตาไหวเชียวนะ เชอะ พวกผู้ชาย"

ท่อนท้ายนี่ ตรงฉัตรฟังออกว่าหล่อนกำลังจิกกัดไปถึงพันศิลป์ ไม่มีผู้ชายคนไหนประทับความเจ็บปวดให้ณพนาจดจำควบคู่ไปกับเกลียดชังแรงกล้าได้เท่ากับสามีค่ำคืนเดียวคนนั้นหรอก ก็แค่มาเฟียใจผู้หญิงที่ข่มเหงคู่สวาทที่ไม่เต็มใจมอบพรหมจรรย์อย่างโหดเหี้ยมและป่าเถื่อน

เขาไม่มีวันลืมภาพปวดร้าวของเจ้านายสาวใหญ่ในวินาทีที่เขาเปิดประตูรับ แล้วร่างบอบช้ำก็ฟุบลงในอ้อมแขน หล่อนก่อความตระหนกสุดใจขึ้นด้วยหยาดน้ำตาที่ทะลักเหมือนก๊อกรั่ว เขาเกลียดพันศิลป์นับตั้งแต่คืนนั้นล่ะ

"โทรศัพท์ดัง รับสิ เผื่อว่าจะเป็นแม่ยอดชู้ไง พักนี้โทรมาบ่อยนะ คงจะโม้ อุ๊บ คุณนา"

เขาโดนดีดปากแรงเชียวโทษฐานที่หาเรื่องด่าแม่ยอดชู้สุดหวง โทรศัพท์ที่อุตส่าห์ช่วยล้วงให้จากกระเป๋าเกือบร่วงหลุดมือเพราะสะดุ้งกับกระแสเจ็บคม

หล่อนถลึงตากระทืบเท้าด้วย ก่อนจะลุกอวดบั้นท้ายเต็มตึงแล้วก็บิดซ้ายบิดขวาผละไปอย่างยั่วๆ ก็ยังดีที่ไปไว อวดเต็มตานานไปอีกหน่อยต้องโดนเขาหยิกแน่ น่าหมั่นไส้ออก




เกือบจะส่ายหน้าระอาอยู่แล้ว ปัญปัทม์จอมบ้าบิ่นก็โทรเข้ามาอีก คราวนี้ ตรงฉัตรส่ายหน้าแล้วห่อปากเซ็งจัดเลย นี่ก็อีกคน ตามราวีปรักปรำกันไม่เลิก เป็นทนายสาวที่ตาถั่วมากจริงๆ ใช้แววชนิดไหนมอง ถึงได้ปักใจว่าเขาเป็น 'ชายชู้'

"ฉันรู้ว่าคุณอยู่ไหน แล้วฉันก็กล้าท้าด้วยว่าคราวนี้คุณไม่รู้ว่าฉันอยู่ไหน"

เสียงอวดดีของเธอใสมาก เขาก็แค่ฟังไว้เฉยๆ ก็พอแล้ว ไม่เห็นจะต้องหวั่นไหวมือสั่นนิดๆ แบบนี้เลย กลืนน้ำลายทำไมก็ไม่เข้าใจ หัวใจที่แกว่งเบาๆ ก็ไม่รู้มีเจตนาประจานความตื่นเต้นหรือเปล่า

แต่เอาเป็นว่าเขาควบคุมมันได้ และสามารถกรอกเสียงได้ทุ้มนิ่งจนสาวเสียงใสทางโน้นยิ้มสะดุดได้นิดหน่อยก็แล้วกัน

"คุณปัญปัทม์ ผมรู้ว่าคุณอยู่ไหน แต่ไม่อยากไปหา ไม่อยากคุยด้วย มันไม่ใช่เวลา วางสายเถอะ เจ้านายผมกำลังจะย้อนกลับมา คุณไม่เห็นหรือ"

"เห็นสิคะ แต่กว่าเธอจะหลุดจากแขกโต๊ะนั้นมา เราคงมีเวลาเจรจากันได้อีกสองสามนาที เอ๊ะ อุ๊ย"

ปัญปัทม์ลดโทรศัพท์ในมือลงแนบอก ห่อปากตาโตอย่างตกใจ เธอเสียท่าพ่อเลขาเนื้อทองเข้าแล้วใช่ไหม เขาล่อเธอด้วยเสียงทุ้มนุ่มน่าตราตรึงที่สุด แล้วเธอก็หวามไหวเอาดื้อๆ เผลอเผยตัวออกมาจากที่ซ่อนด้วย

ตายแล้ว ตายๆ ทำไมไอ้ปัทม์ถึงได้เลินเล่อแบบนี้นะ ผู้ชายคนนี้มีอะไรในตัวหรือเปล่า เจอกันทีไร ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบทุกทีเลย

ขณะที่เธอขยี้เท้าหงุดหงิดกับความคิดติเตียนโครมครามในใจ ตรงฉัตรทางโน้นก็เม้มปากยิ้มเอ็นดูสาวทนายอ่อนหัดด้วยใจที่หวามไหวพอกัน

ไม่รู้เหมือนกันว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้สนิทสนมกันมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้หรือเปล่า แต่ถ้ามี สิ่งแรกที่เขาจะแนะนำจากใจก็คือ 'เลิกอาชีพทนายความ'

และยิ่งปัญปัทม์อ่อนหัดน่าสมเพชมากเท่าไหร่ ณพนาก็จะยิ่งชะล่าใจและประมาทศัตรูมากเท่านั้น หล่อนอาจจะหัวเราะเยาะสาวทนายได้เสียงดังลั่นห้องทำงานในตอนนี้ แต่เชื่อเถอะว่ามันจะถูกกลบกลืนด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความแค้นในวันหน้าแน่ๆ

เพราะเขาคิดว่าอ่านอุบายชั่วของพันศิลป์ออก สามีภรรยาคู่นี้จงใจทำร้ายกันและกันโดยใช้จิตใจเป็นเดิมพันมากกว่าชีวิต การตายไม่สะใจเท่ากับ 'ใจเจ็บ'

"คุณตรงฉัตร"

"ครับ" ตรงฉัตรเลิกคิ้ว ร้องในใจ 'อ้อ เรียกกลับมาอีกแล้ว เก่งจริงแม่จอมดื้อ'

"ฉันไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องเหลวไหลไร้สาระอะไรนะ เอ้อ ฉันหมายถึง.. "

"คุณปัญปัทม์ รอผมอยู่ตรงนั้นล่ะ ผมจะเดินไปอธิบายให้เข้าใจเอง ไม่เกินหนึ่งนาที"

ปัญปัทม์ลดโทรศัพท์ลงแนบอกอีกหน อ้าปากเผยอเหมือนร้อง 'ฮะ' หรือ 'ฮ้า' แต่อยากร้องอะไรก็ช่าง เอาเป็นว่าแค่กะพริบตาสองสามที และคิดอย่างงงๆ ผ่านรอยหยักในสมองไปสักครึ่งหยัก เท่านั้นก็พอแล้วสำหรับการปรากฏตัวอย่างสง่างามของคุณเลขาเนื้อทอง

"คุณตรงฉัตร" เธอร้องดังขึ้น อ้าปากค้าง ตาโตก็โตขึ้นกับโตขึ้น หุบไม่ลงจริงๆ

"ครับ คุณเก่งมากเลย บ้าบิ่นได้ใจผม ไป อย่าคุยกันตรงนี้ มันหนวกหูกับเสียงดนตรี ถามจริงๆ หูไม่อื้อหรือ"

เธอโดนแตะแขนสุภาพ แล้วพาออกห่างจากข้างเวทีที่เธอก็ยอมรับว่ามันหนวกหูจนแก้วหูอื้อจริงๆ

แต่เธออยากกลั่นแกล้งเขา อยากให้เขาสำนึกตลอดเวลาว่าไม่ว่าเขาจะไปไหนหรืออยู่ตรงไหน เงาของเขาก็จะอยู่ในสายตาเธอเสมอ แต่ดูๆ ไปแล้ว เหมือนว่าตอนนี้เงาของเธอไม่อาจรอดพ้นรัศมีคุกคามของเขาเสียมากกว่า




สวนหย่อมข้างห้องจัดเลี้ยงสงบกว่าข้างในและมืดกว่าด้วย มีเก้าอี้ชุดตั้งห่างๆ ประดับร่มรื่นด้วยซุ้มไม้ดอก ถ้าเป็นตอนกลางวันมันคงสวย แต่ตอนนี้มันดูครึ้มขรึมไปสักนิด

"นั่งครับ" เขาชี้แล้วพยักพเยิด

"ตื่นเต้นจัง" เสียงใสอีกแล้ว หน้าทะเล้นด้วย เป็นสาวเก่งที่ควบคุมสถานการณ์ได้ยอดเยี่ยมดี

"ผมเกือบชินแล้ว" เขาย้อนขรึม นั่งเก้าอี้อีกตัว มองเธอผ่านกิริยาหรี่ตาลึก

"เกือบชินแล้ว ก็แสดงว่าเกือบสนิทกันแล้วด้วยสิคะ แหม อย่างนี้ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นเพื่อนกันได้"

"ถ้าคุณอยากเป็น ผมก็ยินดีจะเป็น แต่มันไม่ใช่ใช่ไหม คุณเป็นทนายความของคุณพันศิลป์ คุณมาหาผมเพราะต้องการให้ผมยอมรับข้อกล่าวหา และพยายามทำทุกอย่างเพื่อบีบคั้นให้ผมสารภาพว่าผมเป็นชายชู้"

"ก็คุณเป็น"

"ผมไม่ประกาศซ้ำซาก เคยบอกไปแล้วว่าผมไม่เกี่ยว ถ้าคุณอยากให้เกี่ยวให้ได้ ก็ต้องไปหาหลักฐานมามัดปาก"

"ปากคุณน่ะหรือ"

"อย่าย้อนถามทอดสะพานแบบนี้ มันไม่ดี" ตรงฉัตรติตรงๆ "ผู้ชายส่วนใหญ่จะรีบสวนกลับว่าหรือคุณอยากจะมัดปากผมด้วยปากคุณก็ได้นะ ในความหมายของมันก็แปลว่าจูบ"

"อุ๊ย" ปัญปัทม์ผลุงลุกทันที หัวเราะลงลูกคอ ทำทีปัดแขนยักไหล่ แล้วเถียงว่า "ฉันไม่คิดตื้นๆ แบบนั้นหรอกค่ะ คุณตรงฉัตรก็รู้จักฉันแล้วนี่ว่าฉันเป็นใคร นี่ไอ้ปัทม์นะคะ สุนัขแถวบ้าน.. "

"ถ้าคุณโดนผู้ชายจูบกลางซอย สุนัขทุกตัวจะหยุดเห่า มันอาจไม่เข้าใจว่าคนทำอะไรกัน แต่มันก็จะหยุดดู"

"นี่ คุณเลขาเนื้อทอง"

หน้าแตกหลายหนเข้า ปัญปัทม์เริ่มออกอาการฉุนก่อนแล้วนะ เธอปราดไปยืนเท้าสะเอว วิญญาณนักเลงใกล้จะเข้าสิงเต็มที

"ตกลงว่าคืนนี้เราจะได้คุยธุระกันหรือเปล่า ฉันยังไม่ได้กลับบ้านก็จริง แฟ้มประวัติคุณ ฉันก็มีมันเยอะแยะอยู่ใต้หมอน แต่ที่มาเจรจามือเปล่าก่อน เพราะเห็นแก่คุณธรรมในใจตัวเอง ฉันมีมากนะ จึงอยากเผื่อแผ่ คุณควรสำนึก.. "

"คุณธรรมแบบนั้นผมก็มีมาก อยากเผื่อแผ่เหมือนกัน แต่จนใจว่าเศษหน้าของคุณมันไม่มีตัวตนให้ช่วยเก็บ ผมถึงต้องเปลี่ยนเป็นเตือนสติว่าคุณอ่อนหัดมาก"

"เอ๊ะ"

"และคุณก็ยังแสดงมันออกมาให้ผมสมเพชมากขึ้นด้วยการโทรศัพท์มาข่มขู่ อวดดี ท้าทาย ทั้งที่คุณเองไม่น่าจะลืมเลยว่าข้างเวทีอย่างนั้น เสียงดนตรีมันดังจะตาย ถ้าผมอยู่ในงานด้วย ผมก็ต้องได้ยิน อ่อนหัดมากเลยใช่ไหมครับคุณปัญปัทม์ ราตรีสวัสดิ์กันอีกที ขอร้องนะ คืนนี้อย่าให้มีครั้งที่สาม"

'ค่ะ' ตรงฉัตรคงไม่ได้ยินแล้วล่ะ เขาผละไปเลย ไม่แยแสหุ่นน่ารักที่ร่วงตุบลงนั่งหน้าแหย ร้องไห้ก็ไม่ใช่ ฉุนเฉียวก็ไม่เชิง

นี่มันอะไรกัน เธอเคยทะนงตนและยโสเรื่อยมาว่าฉลาดปราดเปรื่องไม่ใช่หรือ คนรอบข้างก็ชมอย่างนั้นนะ ตลอดเลยด้วย แล้วทำไมต้องมาอ่อนหัดเหมือนสมองหดปัญหาเหี่ยวซ้ำๆ ซากๆ ให้ตรงฉัตรด่าไม่ไว้หน้าว่า 'สมเพช' ด้วยเล่า

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 22:05:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com