>>>ตำนานรักเเดนไอยคุปต์ บทที่ 2<<<
|
 |
บทที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12477948/W12477948.html
บทที่สอง กำไลปริศนา จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง
ดวงดาวล่องลอยเกลื่อนฟากฟ้าชวนให้บรรยากาศในงานเลี้ยงยิ่งงดงามราวกับความฝันในเทพนิยาย เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงขับกล่อมเบาๆ พาให้เคลิบเคลิ้มไปตามจังหวะบรรเลงตามรสนิยมของท่านดยุกเอดินเบริก งานทั้งหมดถูกจัดขึ้นภายในคฤหาสน์แห่งตระกูลรัสเซลที่มีเชื้อสายกษัตริย์อันทรงเกียรติในอดีต
เมื่อทุกคนที่ได้รับเชิญมาถึงงาน ทุกอย่างดูหรูหราจนน่าทึ่ง ช่างภาพนับสิบเริ่มทำงานเก็บรายละเอียดทุกมุมของงานเลี้ยง การบริการจัดอาหารชั้นเลิศตามแบบทางการโดยบริกรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งนัก ในบริเวณงานเลี้ยงประดับประดาด้วยดอกกุหลาบจำนวนนับไม่ถ้วนจนกลายเป็นสวนสวรรค์ รวมทั้งดอกไม้ช่องามมากมายและของขวัญวันเกิดถูกนำมาร่วมอวยพรแทบไม่มีที่จะวาง
แขกเหรื่อนับร้อยต่างก็ทยอยมากันตั้งแต่หัวค่ำเพื่อมาร่วมแสดงความยินดี และต่างก็อยากจะมายลโฉมบุตรีของท่านดยุกที่ร่ำลือว่างดงามดั่งเทพธิดามาจุติ แต่สาวงามที่ทุกคนรอพบกำลังจะบ้าตาย ลีลีน่าเอาแต่เดินวนเวียนอยู่ภายในห้องที่เธอเรียกมันว่ากรงขัง เจ้าแรมโบ้เพื่อนซี้ก็นอนหมอบอยู่ใต้เก้าอี้ พยายามภาวนาว่าอย่าให้นายสาวเห็น
“มาแล้วๆ มากันเพียบเลย มากันไม่หยุดเลย แถมทุกคนยังเป็นผู้ใหญ่อีกด้วย! นี่มันอะไรกัน?! อย่าลนลานสิลีลีน่า นี่ต้องเป็นการทดสอบจากเบื้องบนแน่ๆ เราต้องสู้สิ จะทำยังไงดีล่ะ ซัดให้หมอบเลยดีมั้ย โปะยาสลบ ฟาดกำปั้น ผลักให้ล้ม” พลันในสมองปัญญาอ่อนก็เห็นภาพชายหน้าปลาจวดในชุดทักซิโดสุดเนี้ยบนับร้อยคน เรียงแถวเข้ามาเป็นพรืด
“เต้นรำกับกระผมสักเพลงไหมครับ” ปลาจวดโค้งตัวเชื้อเชิญอย่างสุภาพแล้วรีเพลย์ซ้ำอีกร้อยรอบ วิ่งวนในจินตนาการ ช่างโหดร้ายนัก
“ไม่เอา! ชิ้วชิ้ว ไปไกลๆ” แม่สาวคนสวยโบกมือไล่พลางย่นหน้าใส่ ใครตื้อมากนักก็ชกหน้า ไล่ต่อยปลาจวดทีละคนก็สนุกดี พลันลีลีน่าก็สะดุ้งออกมาจากจินตนาการเสียก่อน
‘อุ๊บ เราทำไม่ได้นะ ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ใหญ่นะ ไม่ได้ๆ เราจะไล่ชกเขาแบบนั้นไม่ได้ คิดดูอีกทีสิว่าจะทำอย่างไรดี ติ๊กต๊อกๆๆ ว๊าก คิดไม่ออกแล้วนะ’ เด็กสาวบ่นพร่ำเหมือนคนแก่ พลันสายตาก็สบเข้าแรมโบ้ เทพธิดาก็แปลงร่างเป็นนางปีศาจในบัดดล “แก ไอ้โบ้ เพราะแกคนเดียว นี่แน่ะๆ ฉันจะให้แกขำตาย” ว่าแล้วสาวน้อยก็ถลกกระโปรงลงนั่งยองๆ ลากมันออกมาจากใต้เก้าอี้แล้วจี๋พุงกะทิอย่างเมามัน ไม่หวั่นแม้แรมโบ้จะถีบกลับมาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“รู้แล้ว... ฉันจะทำหน้าโหดให้แขกกลัวไปเลย ฮิๆ”
“ตายแล้ว! คุณหนู ชุดจะยับหมดนะคะ ลุกขึ้นเถอะค่ะ ได้เวลาแล้วเชิญค่ะ” ยังดีที่แม่บ้านมาห้ามศึกไว้ก่อน สาวน้อยหน้างอแล้วลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัว “ยับก็ยับไปสิดีแล้ว อึดอัดจะตาย คันเนื้อคันตัวยิบๆ อยากจะถอดอยู่ใจจะขาดแล้ว” พลันคุณหญิงแม่ก็ส่งสายตาดุจนทำให้เธอหด ต้องเลิกฮึดฮึดใส่แม่บ้านทันที สาวน้อยก้มหน้างุดแล้วรีบๆเดินออกมา ส่วนเจ้าแรมโบ้ที่เดินออกมาด้วยกันก็ถูกห้ามทันที
“แม่คะ ให้แรมโบ้มาด้วยเถอะนะคะ” ลีลีน่าอ้อนวอนผู้เป็นแม่ แม้รู้ว่าไม่ควรแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงรู้สึกใจหาย
“ไม่ได้! ในงานมีแขกมากมาย เดี๋ยวถ้ามีเรื่องเข้า เราจะรับผิดชอบไม่ไหว”
“มันเป็นเด็กดี ไม่เคยทำร้ายใครก่อนนะคะ กลับดีซะออกจะได้ไม่มีใครมารุ่มร่ามกับหนูนะ นะคะ”
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้” น้ำเสียงเฉียบขาดของแม่ ทำให้ผู้เป็นลูกรู้ตัวว่าหมดประโยชน์ที่จะงอแง สีหน้าของลีลีน่าจ๋อยสนิทที่จะต้องจากเพื่อน เธอจึงหันไปสั่งลาแรมโบ้
“แรมโบ้ รอที่นี่นะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก แล้วเป็นเด็กดี อีกไม่นานก็ได้พบกัน”
เธอขยี้หัวมันอย่างรักใคร่ ก่อนจะเดินควงแขนไปพร้อมมารดาอย่างสง่างาม มันมองนายสาวจนลับสายตาไปโดยไม่ยอมขยับเขยื้อน แม้สาวใช้จะพยายามออกแรงลากปลอกคอมันกลับเข้าห้องเท่าไหร่ก็ตาม สุดท้ายแรมโบ้ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วยอมเดินคอตกกลับเข้าไปเอง
ทันทีที่ประตูไม้เมเปิลบานใหญ่เปิดออก เผยร่างของดุรณีในชุดราตรีสีขาว ปักมุกมณีงามเลิศล้ำ เรือนผมสีทองเป็นลอนสลวยถูกรวบไว้หลวมๆด้วยช่อดอกไอริส แล้วพาดคลอเคลียที่ทรวงอกอวบอิ่ม เมื่อธิดาน้อยพลิ้วกายมาพร้อมกับคุณหญิงมิคาเอลแห่งรัสเซล เสียงจ๊อกแจ๊กภายในงานก็เงียบงันลงราวกับต้องมนต์ แต่ใบหน้าหวานซึ้งอ่อนช้อยกลับดุ บูด บึ้ง ขู่ใส่ผู้ชายทุกคนที่คิดเข้ามาทักทาย
“สวัสดีจ๊ะ สุขสันต์วันเกิดนะ เป็นยังไงบ้าง อารมณ์เสียอะไรมาเหรอจ๊ะ” ท่านชายรูปงามผู้กล้าหาญท่านแรกประเดิมเข้ามาหาดรุณีน้อยหน้าบึ้งเป็นตูดลิง ทำให้ลีลีน่าชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็กลับมาตั้งหลักได้เหมือนเดิม
“เปล่านี่ หน้าของดิฉันก็เป็นอย่างนี้ทุกวันล่ะค่ะ มีอะไรเรอะ!! ขอโทษนะคะ”
ใบหน้าเรียบเฉยกับน้ำเสียงดุดันและห้าวแตกนั้น ทำให้ท่านชายสุดหล่อหัวเราะแห้งๆแล้วแกล้งทำทีหันไปทักทายแขกคนอื่นทันที ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร
“ไงจ๊ะ ลีลีน่า หน้าดุแบบนี้ทุกวันจริงเหรอ” น้ำเสียงหวานที่แสนคุ้นเคยเอ่ยทักขึ้นจากด้านหลังอย่างรู้ทัน
“อ้าว! ยัยมินต์” เมื่อลีลีน่าหันมาตามเสียงก็เจอเพื่อนสุดซี้ คุณหนูมิโนอาริตา เดอ ลาลัวร์แห่งนีซ ลีลีน่าจึงยิ้มกว้างแล้วตรงเข้าสวมกอดสาวผมดำน่ารักในชุดเดรสสั้นสีชมพูอ่อนทันที รอยยิ้มของสองสาวเขย่าหัวใจของเหล่าชายหนุ่มในงานเลี้ยงยิ่งนัก แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พูดคุย บรรดาสุภาพบุรุษนับสิบก็พุ่งตรงเข้ามาทักทายทันที
“โอ้! อารมณ์ดีแล้วหรือครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณหนูลีลีน่ากับคุณหนูมิโนอาริตา กระผม ท่านชาย..”
“รอยยิ้มพิมพ์ใจช่างสวยจริงๆ ผมชื่อ...”
“คุณหนูช่างงดงาม เราต้องเคยพบกันที่เส้นด้ายแห่งชะตาลิขิต...”
“เป็นเพื่อนกับคุณหนูมิโนอาริตาหรือครับ จำผมได้มั้ยครับ ผมคือชีค..”
ลีลีน่าไม่สนุกด้วย แม้ยัยมินต์จะพยายามนับคิวและจดรายชื่อให้อย่างเอาเป็นเอาตาย ลีลีน่าเห็นแล้วก็อยากจะตีก้นเพื่อนนัก หญิงสาวขยับขาเพื่อหนีแล้ว แต่ลีลีน่ายังนึกถึงเกียรติยศของท่านพ่อท่านแม่อยู่จึงกัดฟันตอบรับอย่างสุภาพ แต่แล้วพวกท่านชายก็เริ่มเอ่ยแทะโลม มิโนอาริตาจึงรู้สึกว่าชักจะไม่ดี เพราะคำพูดและสายตาของทุกท่านเริ่มลามเลียขึ้นเรื่อยๆ และเพื่อนของเธอกำลังจะฟิวส์ขาด
โชคดีที่คุณหญิงมิคาเอลที่ยืนมองอยู่ห่างๆ อ่านสีหน้าลูกสาวออก จึงรีบเข้ามาเบรกไว้ทันก่อนที่แข้งของลูกสาวจะไปฟาดปากท่านชายเข้า
“โฮะๆ ขออภัยด้วยนะคะทุกท่าน ดิฉันขอขัดจังหวะนะคะ ต้องขอตัวลูกสาวไปสักครู่ ญาติผู้ใหญ่ของท่านดยุกต้องการพบหลานสาว ขอตัวก่อนนะคะ โฮะๆ” ว่าแล้วก็เลยได้ลากตัวธิดาคนงามออกมาได้ มิโนอาริตาเลยได้มั่วนิ่มตามออกมาด้วย
“เฮ้อ เกือบไปๆ อย่าเพิ่งไปต่อยเค้าล่ะลูก แต่ละคนยศศักดิ์สูงๆทั้งนั้น” ลีลีน่าหน้างอขณะที่เดินจูงมือตามแม่ไปทักทายคนนู่นทีคนนี้ทีแล้วก็ฉีกยิ้มตามคำสั่ง คุณหญิงมิคาเอลจึงปล่อยให้นั่งพักหลบมุมกับมิโนอาริตากันตามสบายก่อน สักพักก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคักดังลั่นจนคุณหญิงมิคาเอลต้องเข้ามาห้ามปราม
“เสียมารยาทจริงๆ มานี่เถอะลูก อย่ามัวแต่ห่วงกิน แม่มีของขวัญจะให้หนู สวยมากๆเลย คิดว่าต้องเหมาะกับลูกแน่นอน” คุณหญิงจัดแจงจูงมือลูกสาวที่เริ่มอารมณ์ดีแล้วมานั่งที่โซฟามุมหนึ่งในงานเลี้ยงหรู
“เดี๋ยวค่อยให้หนูหลังเลิกงานก็ได้ค่ะ” สาวน้อยชะเง้อมองไปทางอื่น เพราะยังมีเค้กอีกหลายมุมที่ยังไม่ได้ไปแวะทานเลย “มาดูก่อนเถิด กว่าจะได้มา แม่เลือดตาแทบกระเด็นเลยนะ มาลองใส่ดู แม่อยากให้ลูก”
คุณหญิงบรรจงหยิบกล่องบุผ้าไหมสีทองเนื้อดีออกมา แล้วอวยพรวันเกิดให้กับเธอ เมื่อเปิดกล่องออกก็พบแสงสีทองส่องประกายจากกำไลข้อมือศิลปะอียิปต์โบราณ ลวดลายเกล็ดงูประดับอัญมณีงดงาม ดวงตาทับทิมของพญางูเห่าเปล่งแสงแดงเพลิงวาววับ มองดูคล้ายราวมีชีวิตจริงๆ ลีลีน่านิ่งชมไปชั่วครู่ คุณหญิงจึงยิ้มปลื้มแล้วหยิบกำไลข้างหนึ่งมาใส่ให้ลูกสาว
“แหม ใส่ได้พอดีเลย กว่าจะประมูลมาได้ก็แทบแย่ สวยจริงๆลูกแม่ เดี๋ยวมาลองใส่อีกข้างนะลูก เร็วเข้า”
“ลองใส่แค่นี้ก็สวยแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะแม่”
กำไลเพียงข้างเดียวก็ช่วยขับความงามของหญิงสาวให้เจิดจรัส ผิวขาวผ่องของเธอยิ่งทำให้กำไลดูมีมนต์ขลัง สาวน้อยกล่าวขอบพระคุณผู้เป็นมารดา จริงๆแล้วเธออยากได้แท่นบันจี้จัมพ์ในสวนหลังบ้านมากกว่า เมื่อสังเกตดูกำไลที่ข้อมือของตัวเอง เธอก็ต้องนึกตกใจ
“แม่คะ นี่ไม่ใช่ของที่ทำขึ้นมาใหม่นี่คะ”
“ดูออกด้วยเหรอจ๊ะ ใช่แล้ว นี่เป็นของเก่าแก่อายุเกือบสามพันปีเชียวนะ ยื่นมืออีกข้างมาสิลูก” คุณหญิงกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เพราะต้องใช้เงินประมูลมาด้วยราคาสูงลิบลิ่ว แค่นึกถึงสีหน้าของนางเศรษฐีนีหน้าเหี่ยวชาวฮ่องกงที่แพ้ดัชเชสแห่งรัสเซลก็ฮาบ้านแตกแล้ว ลีลีน่าจึงช่วยหัวเราะผสมโรง ท่านดยุกแห่งรัสเซลกำลังสนทนากับแขกเหรื่ออยู่ไม่ไกล แอบมองหน้าลูกสาวสลับกับใบหน้า กระหยิ่มของภรรยาแล้ว เขาก็หัวเราะเบา ๆ ‘นิสัยของลูกมาจากแม่ ฟันธง!’
“อย่ามัวแต่หัวเราะสิคะแม่! นี่เป็นสมบัติของชาติอียิปต์ แม่ซื้อของโจรมาได้ยังไง!”
มารดาทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ลูกสาวที่โตจนป่านนี้ยังไม่ยอมเข้าใจอีกว่าเดี๋ยวนี้ใครๆเค้าก็ทำกัน คุณหญิงจึงมิได้ใส่กำไลให้ครบคู่ มิโนอาริตาหันกลับมาหาสองแม่ลูก แต่กลุ่มเพื่อนสาวๆก็ดึงความสนใจไปจากเธอเสียก่อน ลีลีน่าพยายามจะถอดมันออกแต่ก็ทำไม่เป็น
“แม่คะ! หนูไม่ชอบเลยนะคะที่เราเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการปล้นสมบัติชาติคนอื่นมาแบบนี้ หนูจะนำไปคืนให้อียิปต์ค่ะ”
ฉับพลันกระแสไฟฟ้าในงานเลี้ยงก็ดับลงอย่างกะทันหันจนทั้งคฤหาสน์ตกอยู่ในความมืดมิด ทำให้แขกเหรื่อบางคนตกใจ ต่างส่งเสียงฮือฮาและกรีดร้องด้วยความขวัญเสีย บางคนสติแตกก็วิ่งหาประตูทางออกอย่างสะเปะสะปะ เสียงโหวกเหวกยิ่งทำให้ผู้คนสับสนวุ่นวาย ต่างก็วิ่งกรูและผลักกันไปมาจนล้มลงชนโต๊ะล้มโครมคราม ในความมืดมิดกลับมีแสงส่องประกายเรื่อๆออกมาจากกำไลที่ข้อมือของลีลีน่า มันเป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในงานเลี้ยงที่แสนน่ากลัวราวกับถูกคำสาปของผีร้าย
น่าแปลกที่ไม่มีใครสังเกตและเธอก็ไม่รู้สึกกลัว สาวน้อยผู้งดงามราวเทพธิดาก้าวเดินไปเปิดประตูกระจกใสที่ออกไปสู่ระเบียงด้านนอก สายลมหนาวเย็นยามค่ำคืนพัดมาอ่อนๆคลอเคลียกับเส้นผมสีทองนุ่มเป็นประกาย ดวงดาวสุกสกาวบนท้องฟ้าในคืนข้างแรมช่างสวยงามนัก หัวใจของเธอรู้สึกสงบนิ่งราวกับอยู่ในผืนมหาสมุทรที่เงียบสงบ แม้ว่าภายในงานเลี้ยงเบื้องหลังของเธอจะโกลาหลเหมือนเกิดกลียุคก็ตาม
“ลีลีน่า ทำอะไรอยู่ลูก?!” ผู้เป็นแม่ร้องถามด้วยความเป็นห่วงจับขั้วหัวใจ เพราะลูกสาวนิ่งเงียบไปนาน ลีลีน่าหันมาส่งยิ้มให้มารดาอย่างสงบงาม ก่อนที่จะค่อยๆเลือนหายไป ...หายไปจากโลกนี้ตลอดกาล?
ปล. จะลงให้อ่านกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าหนังสือจะวางเเผงนะคะ เเละจะขออนุญาตหยุดลงเว็บตามสัญญาสนพ.^^
รูปประกอบเป็นภาพจากเเฟนฟิคคำสาปฟาโรห์ค่ะ สวยมากๆ
ใครเอ่ยยย จำได้มั้ย
จากคุณ |
:
natthakarn64
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ส.ค. 55 15:07:11
|
|
|
|