>>>ตำนานรักเเดนไอยคุปต์ บทที่ 3<<<
|
 |
บทที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12490945/W12490945.html
บทที่สาม การเดินทางสู่อดีต ...สู่อ้อมกอดพระนางเนเฟอร์ตารี
ตูม!
“อุ๊บ! แค่ก แค่ก!” สาวน้อยทะลึ่งตัวพรวดขึ้นมาจากน้ำแล้วสำลักออกมาจนตัวโยน หลังจากกลืนน้ำไปหลายอึก แต่พอปรับสายตาได้ก็พบกับสายตานับสิบคู่ที่จ้องมองมายังเธอเช่นกัน
“กรี๊ด”
ทั้งสองฝ่ายต่างพร้อมใจกันประสานเสียง ฝ่ายนั้นก็วิ่งด้วยความแตกตื่นกันวุ่นวายฟังไม่ได้ศัพท์ เธอเองก็พยายามว่ายหนีขึ้นขอบสระปูนสะเปะสะปะ จนกระทั่งชนเข้ากับหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่อยู่ภายในสระเช่นกัน
“กรี๊ด! ขะขอโทษค่ะ ฮือ..ขอโทษ ที่นี่ที่ไหน แฮ่ก”
“พระชนนีเพคะ เสด็จหนีเถิดเพคะ! นางผู้นี้ไม่น่าไว้วางใจ ทางนี้เพคะ เร็วเถิดเพคะ”
เสียงนางกำนัลบนขอบสระเร่งเร้าให้หญิงผู้นั้นหนี แต่หญิงในชุดภิกษุณีหนังกวางขาวสูงค่ากลับไม่สนใจที่จะขึ้นจากสระน้ำ กลับก้าวฝ่าสายน้ำเย็นใสอย่างสง่างาม ตรงเข้าไปหาสาวน้อยที่กลัวจนตัวสั่นอยู่ที่มุมสระ เธอหมดเรี่ยวแรงจะปีนหนีเพราะน้ำหนักชุดเปียกน้ำถ่วงเธอไว้ กอปรกับขอบสระที่แสนชัน ทำให้แชมป์ปีนต้นไม้อย่างเธอต้องยอมแพ้จริงๆ
“เจ้าชื่ออะไร มาจากที่ใด มาที่นี่ทำไม?”
น้ำเสียงอ่อนโยน แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจและมีประกายแห่งความเมตตาของหญิงวัยกลางคน ทำให้ลีลีน่าผ่อนคลายมากขึ้น แต่ยังไม่ไว้ใจหญิงแปลกหน้าผิวสีน้ำผึ้ง ผู้มีหน้าตาคมสวยผู้นี้อยู่ดี
“หนะหนูชื่อลีลีน่า เดอ ฟรีกคาส์กแห่งรัสเซลค่ะ แต่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หนูเองก็ไม่รู้ เอ่อ ที่นี่ที่ไหนคะ” แววตาของสาวน้อยงุนงงและหวาดหวั่นไม่น้อยเลยทีเดียว ลีลีน่าขดตัวแล้วคิดจะขยับหนี พลางกวาดสายตาและจับจ้องไปยังหญิงวัยกลางคนผู้นี้อย่างระแวดระไวราวกับนางกวางตื่นกลัว
พระชนนีมิทันได้ตรัสอะไร แต่สังเกตเห็นกำไลที่ข้อมือของลีลีน่า พระนางนึกอยากดูให้ชัดๆจึงชี้ไปที่กำไล “ถอดออกมาสิ เราขอดูหน่อย” สาวน้อยลังเลแต่ก็ตกลง ลีลีน่าพยายามจะถอดมันออกแต่ว่าสุดความสามารถจริงๆ “ขะขอโทษจริงๆค่ะ หนูแกะไม่เป็น”
“ไม่เป็นไร ยื่นแขนของเจ้ามาก็พอ” ทรงนึกชื่นชมความงามแรกแย้มและผิวขาวเนียนละเอียดราวบัวแม่น้ำไนล์ในใจ ก่อนที่จะพินิจพิจารณากำไลที่ข้อมือของสาวน้อยชัดๆก็ต้องตื่นตะลึงแทบล้มทั้งยืน
“โอ! นี่เป็นกำไลเทพีไอซิสที่ข้าเคยตามหามานาน ข้าฝันเห็นมันมาตลอดหลายปี เป็นนางนี่เอง! โอ เป็นเจ้าที่เทพีไอซิสทรงประทานมาให้ข้า ฮะๆ” พระนางตรงเข้าสวมกอดลีลีน่า แล้วหอมแก้มซ้ายขวาอย่างรักใคร่โดยที่เธอยังงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก
“ยินดีต้อนรับ! ลูกสาวของข้า เราคือพระนางเนเฟอร์ตารีผู้เป็นมารดาของฟาโรห์องค์ปัจจุบัน ที่นี่คือมหาวิหารแห่งเทพีไอซิส บนแผ่นดินอียิปต์ใต้แห่งอาณาจักรอียิปต์”
พระนางทรงกล่าวอธิบายด้วยความปรีดาแก่เด็กสาวที่ยืนฟังตัวแข็งทื่อ ลีลีน่ารีบดันตัวออกจากอ้อมกอดของพระนางอย่างขำๆ ไม่เชื่อคำที่ผู้หญิงผู้นี้กล่าวเลยสักนิด
“เอ่อ ฮะๆ คุณพูดอะไรคะ แปลกจัง หนูจะอยู่ที่อียิปต์ได้ยังไง เมื่อกี้หนูยังอยู่กับทุกคนที่รัสเซลอยู่เลย ชั่วพริบตาจะมาอยู่ที่อียิปต์ได้ยังไง อย่ามาอำกันดีกว่าค่ะ ท่านพ่อคะ แม่คะ ออกมาได้แล้วค่ะ หนูจับได้แล้วนะเลิกเล่นกันสักที ไหนล่ะกล้องทีวี ทุกคนหายไปไหนกันหมดล่ะคะ ฮะๆ”
แต่เมื่อลีลีน่ามองไปรอบๆแล้วได้เห็นบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ของมหาวิหารอันยิ่งใหญ่ กลิ่นจากเครื่องหอมกำยานที่จุดบูชาเทพเจ้าลอยเข้ามาต้องจมูก ไหนจะสระน้ำหินทรายกว้างใหญ่ ภาพหินแกะสลักอักษรภาพเพื่อเล่าประวัติตำนานรักไม่รู้ดับและการบูชาเทพีไอซิสเรียงรายนับร้อยนับพันภาพ ช่างชวนให้ตื่นตะลึง สายตาของเธอก็ต้องเบิกกว้าง
เมื่อเหลียวหันไปพบรูปสลักหินแกรนิตลอยตัวขนาดมหึมาของเทพีไอซิสผู้เป็นชายาของเทพโอซิริสและพระมารดาของเทพฮอรัส เทวรูปแลดูอ่อนโยน ทรงอาภรณ์ประดับมงกุฎเขาวัวบนเศียร ระหว่างเขาวัวมีดวงสุริยะ ดวงเนตรของรูปสลักศิลาใหญ่ทอดมองลงต่ำราวกับจับจ้องที่ตัวลีลีน่าเพียงแต่ผู้เดียว ทำให้เธออดขนลุกเกรียวไม่ได้
สาวน้อยพยายามคิดปลอบใจว่านั่นเป็นเพียงแค่หินธรรมดาก้อนหนึ่งเท่านั้น พลันรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมากะทันหัน คล้ายกับสัมผัสได้ว่าเทพีกำลังเสด็จมาต้อนรับเธอด้วย!
เหล่าพระสังฆราชอยู่ในชุดนักบวชหนังเสือดาว โกนศีรษะและมัดเปียแบบโบราณ ต่างถวายคำนับแด่หญิงสาวผู้มาเยือนโดยพร้อมเพรียงด้วยความเคารพสูงสุด ไม่ต่างจากเหล่านางกำนัลเกือบร้อยคนที่หมอบกราบรอรับพระเสาวนีย์อยู่ รอยยิ้มขี้เล่นของลีลีน่าก็ค่อยๆเจื่อนไป
“หนะ...หนูไม่อยากจะเล่นแล้วนะคะ คุณป้า บอกให้ทุกคนเลิกล้อเล่นกันเสียที ถึงกำไลชิ้นนี้จะเป็นของเก่าจริง แต่ก็ไม่ต้องจัดฉากกันขนาดนี้ก็ได้ พวกคุณทำไปเพื่ออะไรคะ?!”
ลีลีน่าห่อตัวแน่นเข้าด้วยความหนาวสั่นไปทั้งกาย และเริ่มยะเยือกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ น้ำเสียงแสดงถึงความไม่พอใจ บ่งบอกถึงความหวาดกลัวที่เริ่มเข้ามาเกาะกินทีละน้อยแล้ว ดวงตาสีฟ้ายังจับจ้องและกวาดตามองอย่างระแวง แต่ความนิ่งเงียบของเหล่าข้าทาสที่มิอาจสอดปากได้จนกว่าพระนางเนเฟอร์ตารีจะอนุญาต ทำให้บังเกิดความเคร่งขรึม แววตาอันสับสนของลีลีน่าก็ยังยากที่จะยอมรับ เมื่อไออุ่นจากพระหัตถ์เรียวงามส่งต่อมาถึงเธอ สาวน้อยจึงได้แต่สะบัดศีรษะไปมา
ในสมองมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาเต็มไปหมด น้ำตาหยดใสๆเริ่มร่วงหล่นลงมาเป็นทาง ร้องสะอื้นจนทุกห้วงดวงใจต่างรู้สึกแหลกลาญด้วยแล้ว พระนางเนเฟอร์ตารีจึงเข้าโอบกอดแล้วลูบหลังอย่างอ่อนโยน ช่วยปลอบใจแก่สาวน้อยที่เริ่มร้องไห้โฮจนตัวสั่นสะท้าน และรับสั่งปลอบประโลมแก่เด็กน้อยด้วยน้ำเสียงดั่งมารดาผู้เปี่ยมรักแก่บุตร
“ต่อไปนี้ เจ้าจะเป็นลูกสาวของเรา ลีลีน่า เจ้าหญิงลีลีน่า หามีอะไรต้องกลัวไม่ เราคือแม่ของเจ้าแล้ว แม่จะอยู่ข้างๆเจ้าเอง”
.............................................
“เอ่อ คือหนู ...เอ๊ย หม่อมฉัน ...เอ๊ย ข้าพเจ้า เอ้อ...”
ลีลีน่านึกอยากกัดหูตัวเองและนึกเสียใจที่โดดเรียนคลาสกุลสตรีชั้นสูงที่แม่ของเธออุตส่าห์เคี่ยวเข็ญ ทั้งสอนเอง และจ้างอดีตนางสนองพระโอษฐ์ของพระราชินีมาสอนให้ พอต้องมาใช้จริงจึงจะเห็นคุณค่า ลีลีน่าจึงได้แต่ขุดความรู้งูๆปลาๆไปก่อน
“ฮึๆ ไม่เป็นไรจ๊ะ พูดตามสบายเถอะ แม่ไม่ว่า แม่อยากรู้จักสนิทสนมกับหนูเร็วๆนะลีลีน่า”
พระนางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ลีลีน่าจึงยิ้มกว้างตอบอย่างสดใสหลังจากหยุดร้องไห้และพยายามทำใจยอมรับโชคชะตา พระนางเนเฟอร์ตารีก็มีเมตตาต่อหญิงสาวยิ่งนัก ทรงจัดแจงให้นางกำนัลเปลี่ยนชุดให้เธอมาเป็นชุดเจ้าหญิงอียิปต์เรียบร้อยแล้ว มาตอนนี้รอบตัวเธอก็รายล้อมไปด้วยขนมหวานและของกินมากมายเพื่อปลอบใจให้คลายน้ำตา
“ขอบคุณค่ะแม่” ว่าแล้วลีลีน่าก็เขยิบตัวเข้าไปหอมแก้มพระนางหนึ่งฟอด เธอยิ้มจนตาหยีและนึกขอบคุณไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ “ท่านใจดีเหมือนยายของหนูเลยเพคะ”
“อ้าว เราไม่ได้ใจดีเหมือนแม่ของหนูรึ?” คิ้วเรียวขมวดเข้าอย่างนึกฉงน ลีลีน่ารีบส่ายหัว ดูแล้วช่างน่าเอ็นดู
“ใจดีก็ใจดีอยู่ค่ะ แต่ตีหนูเรื่อยเพราะหนูซน แฮะๆ” พูดถึงตรงนี้สาวน้อยก็รีบอ้อน
“แต่ตอนนี้ไม่ซนแล้วค่ะ แม่ต้องมีไม้เรียวติดไว้ทุกห้อง เรียกว่า ไม้เรียวศักดิ์สิทธิ์” ดูท่าว่าแม่ตัวน้อยคงซนไม่ใช่เล่นๆ ทำเอาพระนางหัวเราะคิก บรรดานางกำนัลรับใช้ใกล้ชิดต่างยินดีเพราะพระชนนีทรงมิค่อยหัวเราะเบิกบานมานานแล้ว ด้วยเป็นเพราะทรงมีเรื่องกลัดกลุ้มในใจมานาน ในตอนนี้ดูท่าจะหมดสิ้นไปเสียที
“ตอนหนูยังเป็นเด็ก คุณยายจะคอยช่วยหนูโดยเฉพาะเวลาที่หนูไม่ยอมกินผัก พอหนูสะกิดคุณยาย ท่านก็จะรีบรับผักไปทานเอง ไม่ให้แม่เห็นเลย” ลีลีน่าเล่าไปยิ้มไป พลางเคี้ยวขนมแผ่นหนารสชาติปะแล่ม แต่ก็ลองชิมจนครบ
“แต่มื้อถัดไป คุณยายจะเข้าครัวเคี่ยวซุปผักมาให้ทานทันที หนูเลยต้องเลิกสะกิดให้คุณยายทานผักให้แทน”
“อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ ก็ดีออกนี่ ทานซุปผักง่ายกว่าไม่ใช่รึ” ยิ่งฟัง พระนางก็ยิ่งงง “เสด็จแม่ไม่ทรงทราบว่าฝีมือเข้าครัวของคุณยายเป็นอันดับโหล่ในปฐพี ทนกินได้แค่สองคำ วิญญาณก็แทบหลุดแล้วล่ะค่ะ ขอกลับไปกินผักของแม่ดีกว่า” คราวนี้เสียงหัวเราะก็หลุดออกมาจนลั่นโถงอีกรอบ
“ลีลีน่า” พระสุรเสียงอ่อนหวานแต่จริงจัง ทำให้เธอต้องหยุดกินแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“คะ?”
“แม่ฝันมาหลายปีว่าอยากจะมีบุตรสาวเช่นเจ้า ในที่สุดองค์เทพีก็ทรงประทานมาให้แม่” พระนางเอื้อมพระหัตถ์มาลูบเรือนผมสีทองอย่างทะนุถนอม และโน้มองค์มาจุมพิตลงบนหน้าผากมนด้วยความรักเปี่ยมล้นใจ ร่างบางนิ่งฟัง รอยยิ้มจึงปรากฏขึ้นมาจากคนทั้งคู่พร้อมๆกัน
“แม่ฝันว่าแม่ได้รับพระราชทานช่อดอกบัวที่มีกำไลนี้พันอยู่จากองค์เทพีไอซิส” พระนางทรงแย้มยิ้มอย่างมีความสุขสดชื่น แต่ลีลีน่าไม่ค่อยเข้าใจ
“เมื่อเห็นหน้าเจ้า แม่ก็แน่ใจว่าจะต้องใช่”
พระนางทรงลูบไล้ผมนิ่มสลวยของสาวน้อยเบาๆ ก่อนจะหันไปหยิบเครื่องมงกุฎ รูปงูเห่าทองคำ ประดับประดาด้วยอัญมณีคล้ายกับกำไลที่ข้อมือของเธอ พลางสวมมงกุฏลงบนศีรษะของลีลีน่าอย่างทะนุถนอม แล้วประกาศต่อหน้าเหล่าข้าราชบริพารและนักบวชในมหาวิหารอย่างชัดเจน พระสุรเสียงดังกึกก้องไปทั่วทุกทิศเพื่อประกาศิตชีวิตของผู้มาจากโลกปัจจุบันเสียใหม่ไปตลอดกาล
“ข้าฯเนเฟอร์ตารี ขอแต่งตั้ง ลีลีน่าเป็นบุตรแห่งข้าฯ ให้มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่าบุตรในอุทรของข้าฯ ผู้ใดจะดูหมิ่นมิได้ ขอเทพเจ้าจงอวยพรแด่เจ้าหญิงพระองค์ใหม่ เจ้าหญิงลีลีน่า”
พลันเหล่าข้าราชบริพารทั้งหมด ต่างหมอบกราบแทบเท้าของเธอ แล้วกล่าวอวยพรแซ่ซ้องแด่เจ้าหญิง ลีลีน่าแทบรู้สึกว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลาย มือบอบบางที่ถูกพระนางกุมไว้เย็นเฉียบด้วยความประหม่าและนึกกลัวจับใจ เธอต้องกลายเป็นเจ้าหญิงอียิปต์โดยไม่ทันตั้งตัว แต่ลีลีน่าก็ไม่ลืมตะกุกตะกักกล่าวขอบคุณพระนาง แม่คนใหม่หมาดๆของเธอ! เจ้าหญิงลีลีน่า
เง้อออ อยากได้สักตัว
จากคุณ |
:
natthakarn64
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ส.ค. 55 11:45:20
|
|
|
|