เซ็นซู ภาค จอมอสูรจากหิมาลัย บทที่ 19 ความผันแปรของเปลวไฟแห่งสงคราม
|
 |
เซ็นซู บทต้น http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=22-09-2011&group=19&gblog=1
บทที่ 18 ความภักดีกับความถูกต้อง http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12453308/W12453308.html
บทที่ 19
ความผันแปรของเปลวไฟแห่งสงคราม
เสียงหัวเราะด้วยความสนุกสนานผสานกับเสียงดนตรีที่ดังแว่วมาตามลมทำให้ทหารที่กำลังเดินตรวจตราบนกำแพงอดหันมามองหน้ากันและถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายไม่ได้เพราะพวกเขารู้ดีว่าที่มาของเสียงเหล่านั้นก็คือจวนของฮิโรซะ แม้จะอยู่ในระหว่างความตึงเครียดของสงครามแต่ดูเหมือนเจ้าครองแคว้นของพวกเขาจะไม่ได้สนใจเลยสักนิด แต่ละวันฮิโรซะเอาแต่หมกตัวอยู่ภายในจวนและจัดงานเลี้ยงอย่างฟุ่มเฟือยตลอดเวลา ในความคิดของผู้รับใช้แล้วสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปรกติ แต่ที่ทำลายความเชื่อมั่นของพวกเขาคือการที่ฮิโรซะยอมมอบทหารเกือบทั้งหมดไปให้เมืองอิวะซ้ำยังออกคำสั่งให้ทุกคนทำตามคำบัญชาของซาวาระ การกระทำของเขาแม้แต่ทหารผู้ภักดีที่สุดยังเกิดความสั่นคลอนในจิตใจ แต่เพราะความยึดมั่นในหน้าที่ทำให้ทหารทุกคนยังคงเฝ้าดูแลปราสาทอย่างเคร่งครัด
ขณะที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการปฏิบัติหน้าที่ทหารทุกคนต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงกลองดังระรัวขึ้น พวกเขารีบวิ่งเข้าไปยังกำแพงในลักษณะเตรียมพร้อมกระทั่งโยรินากะก้าวเข้าไปหาและกล่าวเสียงเรียบ
นั่นเป็นกลองของคณะละคร ท่านฮิโรซะกำลังชมการแสดงของพวกนาฏกรรม
คำพูดของที่ปรึกษาเฒ่าทำให้ทหารทั้งหมดถอนใจออกมา หนึ่งในนั้นบ่นพึมพำพอได้ยิน
พวกเรากำลังอยู่ในระหว่างการทำสงครามแต่เจ้าครองแคว้นเอาแต่นั่งชมละคร
ระวังปากของเจ้าไว้บ้าง โยรินากะเตือนทหารผู้นั้นจึงหยุดพูดและก้มศีรษะลงพร้อมกับกล่าวขออภัย นายกองซึ่งยืนอยู่ด้านข้างจึงเอ่ยถาม
ไม่ทราบว่าท่านโยรินากะมีธุระอะไร
ระหว่างที่ข้าเดินตรวจดูความเรียบร้อยแถวประตูด้านหน้าพบเงาคนลับล่ออยู่นอกกำแพงเมือง เท่าที่คะเนจากสายตาคิดว่าน่าจะมีเป็นจำนวนมาก นายกองรักษาการณ์จึงวานให้ข้ามาแจ้งท่านเพื่อขอกำลังคนเพิ่ม
โยรินากะอธิบาย อีกฝ่ายขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
ถ้าเป็นเรื่องเร่งด่วนเหตุใดจึงไม่ใช้กลองส่งสัญญาณหรือให้ทหารวิ่งมาแจ้งแต่กลับมอบให้ที่ปรึกษาอาวุโสอย่างท่านเป็นผู้ส่งข่าว
เขาพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจ ที่ปรึกษาเฒ่ารีบยกมือขึ้นห้าม
ข้าเห็นว่าตอนนี้ทหารของเรามีจำนวนน้อยจึงขออาสามาเองอีกอย่างเขาเลื่อนสายตาไปยังจวนของเจ้าครองแคว้นท่านฮิโรซะกำลังจัดงานรื่นเริง เจ้าคิดว่าใครจะกล้าเข้าไปรบกวนท่านด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
นายกองประจำป้อมได้ฟังดังนั้นจึงได้แต่ยืนอึ้ง เขาหันหน้าไปที่จวนซึ่งอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาอย่างสนุกสนานและระบายลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
ถูกของท่าน เขาพูดพลางหันไปสั่งทหารที่ยืนอยู่ด้านหลังให้ทหารที่ยังไม่ได้อยู่ในหน้าที่ออกไปช่วยประตูด้านหน้า
สั่งเสร็จแล้วเขาจึงกลับมาสนทนากับโยรินากะอีกสองสามคำกระทั่งผู้ใต้บังคับบัญชาเข้ามารายงานว่าทุกคนพร้อมแล้วนายกองประจำป้อมจึงก้มศีรษะลงเล็กน้อย
ท่านจะไปพร้อมพวกเขาเลยหรือไม่ขอรับ
ที่ปรึกษาเฒ่าพยักหน้าและขยับเพื่อเตรียมจะก้าวลงจากป้อมแต่จังหวะที่กำลังหมุนตัวอยู่นั้นเขาก็เกิดอาการซวนเซจนมือปัดคบไฟที่วางไว้ด้านหน้าร่วงลงจากกำแพง นายกองประจำป้อมรีบเข้าไปประคองพร้อมกับถามอุทานด้วยความตระหนก
ท่านโยรินากะ
ข้าไม่เป็นไร โยรินากะพูดพลางโบกมือและมองก้มหน้าลงไปมองคบเพลิงที่แตกกระจายอยู่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยุ่งเสียแล้ว
แค่คบเพลิงอันเดียวเท่านั้นท่านอย่าได้กังวลไปเลย นายกองประจำป้อมพูด ที่ปรึกษาเฒ่าจึงพยักหน้าขณะเลื่อนสายตามองตรงเข้าไปในป่าและจ้องนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงหันกลับมาทางคู่สนทนาอีกครั้ง
ถ้าอย่างงั้นข้าคงต้องไปเสียที
นายกองประจำป้อมค้อมตัวลงแสดงความเคารพ โยรินากะมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลจากนั้นจึงเดินจากไป
แสงไฟของคบเพลิงที่ร่วงลงจากป้อมทำให้ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าเริ่มเคลื่อนไหว หัวหน้ากลุ่มทามาซูกูริซึ่งนั่งอยู่ในพุ่มไม้หนาหันไปพูดกับซาคายูกิ
ท่านโยรินากะส่งสัญญาณมาแล้ว
ถ้าอย่างงั้นก็ลงมือได้ แต่ขอให้ทุกคนจำเอาไว้หากไม่จำเป็นก็จงอย่าสังหารผู้ใด เพราะแม้ศัตรูตรงหน้าจะเป็นทหารแต่พวกเขาก็คือชาวคาสึรางิเช่นเดียวกับพวกเรา
นักรบทามาซูกูริรับคำอย่างพร้อมเพรียงจากนั้นทุกคนจึงแยกย้ายกันลงมือตามหน้าที่ที่ได้รับ ด้วยทักษะการรบที่ฝึกฝนมานานไม่ช้าทั้งหมดก็สามารถขึ้นไปบนป้อมและจับกุมตัวทหารทุกคนได้อย่างง่ายดาย เมื่อจัดการทหารที่ยืนรักษาการณ์ด้านหน้าเรียบร้อยแล้วซาคายูกิจึงมองเรือนหลังใหญ่อันเป็นที่พำนักของฮิโรซะ เสียงดนตรีและเสียงหัวร่อต่อกระซิกของสตรีที่ดังลอดออกมาแสดงให้เห็นว่าผู้ที่อยู่ภายในมิได้สำเหนียกถึงการมาของพวกเขาเลยสักนิด ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลอาซามิคิดพลางกำดาบในมือแน่นก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปถีบประตูเลื่อนจนพังพินาศและก้าวพรวดเข้าไปจรดปลายดาบบนลำคอของฮิโรซะซึ่งนั่งตกตะลึงอ้าปากค้างด้วยความตระหนกแต่ก็ยังแสร้งทำเป็นใจกล้าตวาดถาม
เจ้าเป็นใคร
อาซามิ ซาคายูกิ บุตรชายของท่านอาซามิ เคียวคุเซ็น
เสียงโยรินากะดังตอบพร้อมกับก้าวเข้ามาด้านใน ฮิโรซะเบิกตากว้างและจ้องชายหนุ่มที่กำลังยืนเหนือร่างของตัวเอง
เป็นไปไม่ได้
ซาคายูกิไม่ตอบแต่กลับพลิกด้ามดาบเพื่อให้ฮิโรซะได้เห็นตราประจำตระกูลได้ชัด อีกฝ่ายอ้าปากค้าง
นี่มันดาบประจำตระกูลของท่านพ่อ มันไปอยู่ที่เจ้าได้ยังไง
ท่านเคียวคุเซ็นเป็นผู้สั่งให้ข้ามอบให้กับท่านซาคายูกิเอง โยรินากะตอบ ฮิโรซะมองหน้าเขาพร้อมกับขบกราม
เจ้าหักหลังข้าอย่างนั้นหรือโยรินากะ
ตรงกันข้าม ข้ากำลังทำเพื่อท่านต่างหาก เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่เพียงตระกูลอาซามิเท่านั้นที่จะถูกทำลายจนย่อยยับ แคว้นคาสึรางิก็จะถูกซาวาระบดขยี้จนพินาศตามไปด้วย
ฮิโรซะขยับตัวหมายจะเถียงแต่ต้องหยุดเมื่อซาคายูกิกดน้ำหนักดาบบนลำคอเขาจึงมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธ
คิดหรือว่าคนอย่างเจ้าจะเอาชนะซาวาระได้
สิ่งที่ข้าทำคือปกป้องแคว้นให้รอดพ้นจากหายนะ ซาคายูกิกล่าวพลางดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายและลากออกไปจนกระทั่งถึงลานกว้างหน้าจวน ทหารซึ่งกำลังต่อสู้กับนักรบทามาซูกูริต่างพากันหยุดและจ้องฮิโรซะที่นั่งกองอยู่กับพื้นด้วยความตกใจ แต่ยังไม่ทันที่จะทันได้ขยับตัวหรือลงมือทำสิ่งใดทุกคนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อซาคายูกิชูดาบในมือขึ้นพร้อมกับประกาศก้อง
ข้าอาซามิ ซาคายูกิเจ้าครองแคว้นคาสึรางิคนใหม่ หากมีผู้ใดไม่เห็นด้วยจงก้าวออกมา
ทหารทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างสับสน มีหลายคนขยับดาบในมือเตรียมจะสู้แต่ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อเหล่าเสนาบดีต่างพากันเดินไปหยุดยืนตรงหน้าซาคายูกิและพร้อมใจกันค้อมกายลง
พวกเราขอน้อมรับท่านซาคายูกิด้วยความยินดี
เมื่อได้ยินผู้นำระดับสูงกล่าวยอมรับเช่นนั้น ทหารทุกคนจึงพากันคุกเข่าและค้อมตัวลงคำนับเจ้าครองแคว้นคนใหม่อย่างพร้อมเพรียง ครั้นเห็นว่าทุกอย่างยุติลงด้วยความสงบโยรินากะจึงก้าวเข้าไปหาซาคายูกิพร้อมกับถามด้วยเสียงไม่ดังนัก
จะให้ทำยังไงกับเขาหรือขอรับ
ชายหนุ่มเก็บดาบกลับเข้าฝักพลางหันไปมองฮิโรซะซึ่งบัดนี้นั่งกองกับพื้นอย่างสิ้นศักดิ์ศรี แม้จะรู้สึกเวทนาแต่ความเห็นแก่ตัวของเขาทำให้ซาคายูกิตัดสินใจออกคำสั่ง
นำเขาไปขังไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วนพวกเจ้า ตามข้าไปที่ห้องว่าราชการ
โยรินากะค้อมตัวลงรับคำและหันไปสั่งให้ทหารนำตัวฮิโรซะออกไปจากนั้นเขาจึงรีบก้าวตามซาคายูกิไปจนถึงห้องว่าราชการ หลังจากนั่งลงประจำที่เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงถาม
ตอนนี้ทัพของเราอยู่ที่ไหน
พวกเขาตั้งค่ายอยู่นอกเมืองอิวะขอรับ
เสนาบดีคนหนึ่งตอบ ซาคายูกิผงกศีรษะ
พอจะรู้หรือเปล่าว่าซาวาระจะยกทัพบุกโคะโตโระเมื่อใด
ทุกคนต่างนั่งมองหน้ากันเพราะแม้จะรู้ข่าวการเคลื่อนทัพแต่ซาวาระไม่เคยพูดเรื่องกำหนดวันบุกโคะโตโระให้ผู้ใดฟัง หัวหน้ากลุ่มทามาซูกูริจึงพูดขึ้น
อีกสองวันขอรับ
ส่งคนของท่านไปแจ้งข่าวเรื่องของเราให้ท่านแม่ทัพซะวะมิทราบและบอกเขาว่าให้ถอนกำลังทหารทั้งหมดกลับคาสึรางิ
หัวหน้านักรบค้อมตัวลงรับคำและออกจากห้องทันที เหล่าเสนาบดีต่างมีสีหน้ากังวล หนึ่งในนั้นจึงก้มศีรษะลงก่อนเอ่ยถาม
ทำเช่นนี้จะไม่เป็นไรหรือขอรับ
กว่าคนของทามาซูกูริจะไปถึงพวกเขาคงอยู่ระหว่างการเดินทัพ การถอนตัวออกมาทันทีแบบนั้นซาวาระเองคงคาดไม่ถึงและเพราะเป็นการเดินทางไปโคะโตโระ เขาคงไม่คิดจะยกทัพมาที่แคว้นของเรา
แต่ถ้าซาวาระเสร็จศึกจากโคะโตโระแล้วเป้าหมายต่อไปคงเป็นพวกเรา
เสนาบดีอีกคนพูดขึ้น ซาคายูกิยิ้ม
ถึงมีฉายาว่าเป็นเครื่องกลสังหารแต่ความจริงแล้วพวกเขาก็เป็นมนุษย์ หลังทำสงครามกับโคะโตโระแล้วไม่ว่าจะแพ้หรือชนะทหารของอิวะคงบอบช้ำพอดู เมื่อถึงเวลานั้นเราคงเอาชนะพวกมันได้ไม่ยาก
ที่สำคัญเวลานี้เรามีกลุ่มทามาซูกูริซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักรบเก่งกาจที่สุดโยรินากะกล่าวเสริมดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทหารเมืองอิวะอีกต่อไป
หมายความว่าท่านต้องการเป็นศัตรูกับซาวาระ เสนาบดีหน้าซูบพูดด้วยความกังวล ซาคายูกิสั่นศีรษะ
เราไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับผู้ใด แต่หากใครคิดย่ำยีแคว้นคาสึรางิ เราก็จะไม่ขออยู่นิ่งเช่นเดียวกัน
สายลมอันอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านซากุระต้นใหญ่ปลิดกลีบสีชมพูอ่อนจนปลิวว่อนเข้าไปในเรือนไม้โอ่อ่า ความงามของมันทำให้ผู้ที่กำลังยืนกอดอกบนระเบียงคลายความเคร่งเครียดลงแต่มิได้สร้างความสดชื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย เพราะแม้จะเป็นลมแห่งฤดูกาลซึ่งควรจะอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ มันกลับเป็นลมที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของปิศาจที่ทั้งหนักอึ้งและเต็มเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้ายจนแทบจะบดร่างของผู้ที่สามารถสัมผัสได้ให้แหลกเป็นผุยผง
โมโรสุเกะยืนมองกลีบดอกไม้ที่กำลังปลิดปลิวด้วยความหนักใจเพราะรู้ดีว่าไอปิศาจที่ปกคลุมเมืองอิวะนั้นมาจากจวนของบิดา แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องแต่ความเป็นลูกทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธคำสั่งของผู้เป็นพ่อได้ ครั้งแรกที่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปสืบแผนผังเมืองโคะโตโระโมโรสุเกะยังคิดว่าเขาคงสามารถนำทัพบุกเข้าโจมตีได้แต่หลังจากช่วยมิสึกิและพบกับโอริเอะแล้วความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป เพราะความอ่อนโยนมีน้ำใจของทั้งคู่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่ายาสึฮิระน่าจะเป็นคนดีคนหนึ่ง
ระหว่างที่จมอยู่ในความคิดอันสับสน ข้ารับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาค้อมตัวลงและพูดอย่างสุภาพ
ท่านซาวาระสั่งให้ท่านนำแผนที่เมืองโคะโตโระไปที่ห้องขอรับ
โมโรสุเกะพยักหน้ารับและเดินกลับเข้าไปหยิบแผนที่ จากนั้นจึงเดินตรงไปยังห้องของ ซาวาระ เมื่อไปถึงเขาก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะนอกจากบิดากับเสนาบดีและแม่ทัพเมืองอิวะแล้วยังมีนักรบร่างใหญ่อีกคนกำลังนั่งปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด ฝ่ายซาวาระเมื่อเห็นสีหน้าของบุตรชายจึงกล่าวแนะนำ
คนผู้นี้คือซะวะมิ อุคอน แม่ทัพของคาสึรางิ
ท่านซะวะมิ โมโรสุเกะเอ่ยทักและก้มศีรษะล็กน้อย อีกฝ่ายรีบค้อมตัวลงพร้อมกับพูด
ท่านโมโรสุเกะ
เจ้านำแผนที่มาด้วยหรือเปล่า ซาวาระถามแทรกขึ้นมา ชายหนุ่มซึ่งนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงยื่นส่งให้ อีกฝ่ายรีบคลี่ออกดูทันทีคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อพบว่าบางส่วนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ครั้งแรกที่ข้าดูไม่ได้เป็นแบบนี้ซาวาระพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองบุตรชายเจ้าทำอะไรกับมัน
ข้านึกได้ว่ามีบางอย่างขาดหายไปเลยจัดการแก้ไขให้ดีขึ้น
โมโรสุเกะตอบ ผู้เป็นพ่อหรี่ตาลงเล็กน้อยเหมือนไม่เชื่อใจนักแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายวางตัวนิ่งเฉยไม่แสดงสิ่งใดเป็นพิรุธเขาจึงผงกศีรษะและวางแผนที่ลงตรงหน้าพร้อมกับเริ่มต้นอธิบายแผนการที่เตรียมไว้ให้แม่ทัพทั้งหมดได้ฟัง เมื่อทุกคนเข้าใจดีแล้วซาวาระจึงพับแผนที่และกล่าวอย่างผู้ทรงอำนาจ
เมื่อเข้าใจดีแล้วขอให้พวกเจ้าแยกย้ายกันไปพักผ่อน พรุ่งนี้เราจะเคลื่อนทัพในเวลาเช้าตรู่
โมโรสุเกะขยับตัวเตรียมจะลุกขึ้นแต่ซาวาระกลับเอ่ยเรียก
เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน
แม้จะรู้ตัวดีว่ากำลังถูกบิดาระแวงแต่โมโรสุเกะก็ยังนั่งลงบนเบาะตามเดิม หลังจากรอจนทุกคนออกไปจนหมดแล้วซาวาระจึงมองเขาพร้อมกับถามเสียงห้วน
เจ้ากำลังคิดอะไรกันแน่
ท่านพ่อพูดถึงอะไร โมโรสุเกะย้อนถาม ผู้เป็นบิดาจึงชูแผนที่ในมือขึ้นและโยนไปตกตรงหน้าเขา
อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ครั้งแรกที่เห็นแผนที่นี่ข้าได้วางตำแหน่งของทหารให้โจมตีจุดสำคัญของโคะโตโระแต่มาคราวนี้ทุกอย่างดูแปลกไป เจ้าแกล้งเขียนเส้นทางให้ผิดไปจากเดิม
อย่างที่พูดไปเมื่อครู่ ข้านึกขึ้นได้ว่ามีบางจุดขาดหายไปจึงจำเป็นต้องแก้ไขใหม่
เจ้าเขียนมันขึ้นมาใหม่ต่างหาก ซาวาระพูดสวนขึ้นมาทันควันและโน้มตัวเข้าไปบุตรชาย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เห็นด้วยกับศึกในครั้งนี้ ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องออกไปรบ แต่อย่าได้ทำอะไรขวางทางข้าเข้าใจไหมโมโรสุเกะ
น้ำเสียงที่ใช้แม้จะปราศจากความเกรี้ยวกราดแต่น้ำหนักการพูดแต่ละคำดุจเป็นคำสั่งและบอกเป็นนัยว่าเขาพร้อมที่จะลงทัณฑ์ผู้ที่เข้ามาขัดขวางได้ทุกเวลาต่อให้คนผู้นั้นจะเป็นบุตรชายของตนเองก็ตาม ดวงตาที่เคยแจ่มใสของซาวาระบัดนี้เจือด้วยเส้นเลือดที่กระจายอยู่เต็มจนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำดุจตาปิศาจ ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือมันฉายความกระหายเลือดออกมาจนทำให้โมโรสุเกะต้องผงะถอยห่างด้วยความตกใจ
ท่านพ่อ
ซาวาระยืดตัวนั่งตรง ใบหน้าขมืงทึงเมื่อครู่กลับเป็นปรกติดังเดิม มือทั้งสองข้างวางไว้บนตักขณะที่ดวงตาเลื่อนไปยังประตู
เจ้าไปได้แล้ว
ทั้งที่ในใจยังเต็มไปด้วยความสับสนแต่โมโรสุเกะจำต้องก้มศีรษะลงและก้าวออกจากห้องของซาวาระอย่างจำใจ ระหว่างการเดินกลับที่พำนักของตัวเองนั้น ชายหนุ่มพยายามคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ภาพใบหน้าของบิดาที่มีสภาพคล้ายปิศาจทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดชะงักและหันกลับไปยังจวนของเจ้าเมือง หมอกสีดำที่เคยลอยอยู่ด้านบนบัดนี้เคลื่อนต่ำลงมาจนแทบจะปกคลุมปราสาททั้งหลัง เงาผีร้ายที่เคยเลือนลางกลับเห็นได้อย่างเด่นชัดขึ้น โดยเฉพาะอสูรตัวที่เป็นผู้บงการ ในเวลานี้โมโรสุเกะพอจะมองเห็นแล้วว่ารูปร่างหน้าตาของมันเป็นเช่นใด
หรือท่านพ่อกำลังถูกพวกมันกลืนกิน
ชายหนุ่มพึมพำและกำมือแน่นด้วยความกังวล เพราะแม้ซาวาระจะเป็นผู้ที่มีจิตใจโหดเหื้ยมไร้เมตตาแต่สำหรับโมโรสุเกะแล้วเขาคือบิดา ครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว
ข้าควรทำยังไงดี
โมโรสุเกะพึมพำด้วยความกลัดกลุ้มเพราะรู้ดีว่าถึงจะไล่ปิศาจตอนนี้ไปได้แต่ด้วยนิสัยกระหายสงครามของผู้เป็นพ่อไม่ช้าพวกมันก็จะย้อนกลับมาอีก แต่หากนิ่งเฉยปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป บิดาของเขาก็จะถูกดูดกลืนวิญญาณจนกลายเป็นปิศาจไปในที่สุดซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นไม่เพียงโคะโตโระหรือคาสึรางิเท่านั้นที่จะพังพินาศ เมืองอิวะเองก็จะถูกฝูงปิศาจทำลายไปด้วย เมื่อคิดถึงตรงนี้ชายหนุ่มถึงกับขบกราม
ข้าไม่มีวันยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่
เขากล่าวเบาๆก่อนจะเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง
*/*/*/*/*
เช้าวันรุ่งขึ้นซาวาระในชุดเกราะนักรบก้าวออกจากจวนไปยืนบนลานกว้าง เขากวาดตามองทหารที่กำลังยืนรอฟังคำสั่ง เมื่อเห็นว่าทุกคนอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมเขาจึงตะโกนก้อง
โคะโตโระกล้าปฏิเสธไมตรีที่ข้ามอบให้ซ้ำยังดูถูกกองทัพของเราซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเครื่องกลสังหาร ความโอหังในครั้งนี้ทำให้ข้ายอมทนนิ่งเฉยอยู่ต่อไปไม่ได้ ดังนั้นขอให้ทุกคนร่วมใจกันบดขยี้โคะโตโระให้พินาศ สังหารคนของมันให้สิ้นอย่าให้เหลือแม้เศษซากให้เป็นที่น่ารำคาญอีกต่อไป
ดาบถูกกระชากออกจากฝักและชูไปข้างหน้า
เพื่ออิวะ!
เหล่าทหารต่างชูอาวุธของตนขึ้นและร้องตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน ซาวาระมองด้วยความพอใจในขณะเดียวกันก็พูดพึมพำ
เจ้าก็ต้องออกไปด้วย
ข้าไปแน่
เสียงต่ำทุ้มดังตอบกลับมาพร้อมกับเงาสีดำที่ไหววูบมาอยู่ด้านข้าง เมื่อทุกอย่างพร้อม ซาวาระจึงขึ้นม้าและนำกองทัพผสมระหว่างคาสึรางิกับอิวะเคลื่อนตัวออกจากเมือง
แม้จะมีไพร่พลมากมายถึงสี่พันแต่การเดินทัพก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพียงวันแรกกองกำลังของซาวาระสามารถรุกคืบหน้าไปได้มากกว่าครึ่งทางกระทั่งดวงตะวันคล้อยลงต่ำทั้งหมดจึงหยุดเพราะแม่ทัพทั้งสองฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่าการเคลื่อนพลในยามค่ำคืนเป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัย ซาวาระจึงสั่งให้ตั้งค่ายพักบนทุ่งกว้างไม่ไกลจากแม่น้ำเท่าใดนัก
หลังจากเข้าร่วมประชุมกับแม่ทัพเมืองอิวะและจัดเวรยามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซะวะมิจึงเดินกลับเข้าไปในกระโจมจากนั้นจึงเริ่มทบทวนแผนการและศึกษาเส้นทางสู่เมืองโคะโตโระอีกครั้งจนเวลาล่วงเข้าสู่ยามดึก ทุกสิ่งล้วนตกอยู่ในความเงียบสงบ แม่ทัพใหญ่แห่งคาสึรางิจึงเก็บงานทุกอย่างเข้าที่เพื่อเตรียมตัวพักผ่อน ขณะที่กำลังเอนตัวลงนอนเขาก็ต้องลุกพรวดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังก้าวเข้าใกล้กระโจม
มือไวเท่าความคิด ซะวะมิฉวยดาบขึ้นมาอยู่ในท่าเตรียมพร้อม เมื่อเงาของบุคคลลึกลับขยับเข้ามาใกล้เขาจึงเงื้อดาบขึ้นและคงฟันฉับลงบนร่างหากคนผู้นั้นไม่รีบพูด
โปรดยั้งมือก่อนท่านซะวะมิ
มารุกิ แม่ทัพใหญ่อุทานพร้อมกับลดดาบในมือลงเจ้ามาที่นี่ได้ยังไง
ข้าใช้เส้นทางผ่านช่องเขาทะสึเมะเพื่อมาแจ้งข่าวสำคัญให้ท่านทราบ มารุกิตอบอย่างระวังและใช้สายตามองไปโดยรอบก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม
ท่านซาคายูกิยึดอำนาจจากฮิโรซะไว้ได้แล้ว เวลานี้เขาคือเจ้าครองแคว้นคาสึรางิคนใหม่และมีคำสั่งให้ท่านถอนกำลังจากพวกอิวะ
ในที่สุดท่านโยรินากะก็ทำสำเร็จ ซะวะมิกล่าวด้วยความดีใจกลับไปรายงายให้ท่าน ซาคายูกิทราบว่าข้าจะปฏิบัติตามคำบัญชา อีกสองวันทหารทุกคนจะเดินทางไปพบท่านและปกป้องคาสึรางิตลอดไป
มารุกิน้อมรับคำและหายไปกับความมืดอย่างรวดเร็ว ส่วนซะวะมิเมื่อรู้ว่าแคว้นของตนมีผู้นำคนใหม่แล้วจึงเรียกรองแม่ทัพเข้ามาเพื่อสั่งให้ทหารทุกคนเตรียมตัวเดินทาง ก่อนที่แสงตะวันจะปรากฏขึ้นบนขอบฟ้า ทหารของคาสึรางิก็ไม่หลงเหลืออยู่ในค่ายของอิวะแม้เพียงสักคน
*/*/*/*/*
วันนี้มาคุยกันเลยนะคะ
เบียดโกะ ของผม โผล่มาแบบเท่ๆอีกแล้ว ยอดมาก!!!!! ชอบเธอไม่น้อยกว่าตัวเอกของเรื่องเลยล่ะ
น่า คุณมูนนี่ลองวาดภาพเธอให้ได้นะครับ ส่วนภาพฮารุคาเสะ นี่ก็ดูหวานสวยดีครับเหมือนผู้หญิงเลย
จากคุณ : เบียคโกะ แฟนคลับ (Psycho man)
- แหม เขียร์กันออกนอกหน้าเลย แต่ก็ยอมรับว่าเยคดกะเธอเท่จริงๆ มูนนี่เคยวาดเธอแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ดังใจเลยลบทิ้งจากนั้นก็วาดไม่ได้อีกเลย ทั้งที่วาดเทพรักษาทิศ 3 คนไว้แล้วแท้ๆ (เซย์ริว เก็มบุ สึซาคุ) งั้นวันนี้ขอปิดท้ายกันด้วยเซย์ริว มังกรน้ำเงินผู้รักษาทิศตะวันออกก็แล้วกันนะคะ
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ส.ค. 55 19:43:37
|
|
|
|