Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 10 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12482823/W12482823.html

บทที่ 10

ยามเมื่อฝุ่นคล้อยลงจนไม่เห็นเงาม้าพ่วงพีของแม่นางกณิการ์กับศมะคู่ใจ แม่นางแพรก็พลันพรายยิ้มกระหยิ่มกับวจาพี่ชาย แผนร้ายสมมาดแล้วเมื่อแม่นางจอมห้าวหลงกลเชื่อข่าวลวงที่นางแพร่ไปว่าแม่นางจงอรล้มป่วย

"เราต้องใช้เวลานี้รีบควบคุมทุกอย่างไว้ในกำมือ" วจากล่าวอย่างทะเยอทะยาน ตาหรี่ด้วยแววชั่วช้า

"น้องจะลงโรงครัวผสมยาพิษในอาหาร แล้วจะยกขึ้นไปให้เจ้าพี่เอง"

"เจ้าแน่ใจจริงหรือว่าเจ้าฟ้าจ่างไม่ระแคะระคายแผนร้ายของเรา"

"แน่ใจสิ แม่นางกณิการ์ไม่ได้แพร่งพรายเพราะเกรงจะกระทบกระทั่งอาการป่วยไข้ โธ่เอ๊ย จะห่วงใยไปก็เท่านั้น เจ้าฟ้าชรามากแล้ว ไหนจะตรอมใจกับชะตาบัดสีของแม่นางจงอรอีกเล่า ไม่ตายวันตายพรุ่งก็ให้รู้กันไป"

วจาพาร่างสูงกำยำห่างระเบียงมานั่งวางท่าเลียนแบบเจ้าฟ้าจ่างผู้เกรียงไกร ช่างตีดาบใจหยาบมาดมั่นทะเยอทะยานเกินวาสนา หวังจะครองคามดารกะยกระดับชาวดินให้เป็นที่เกรียงไกร รอให้ถึงวันนั้น ประชาชนที่ไม่ยอมสยบภักดีจะต้องถูกบั่นคอลากซากศพไปเป็นทางแก่แร้งกาให้สาแกอำนาจ

"เจ้าลงไปจัดการเรื่องของเจ้า พี่จะลงไปล้างแค้นแม่ครูยานีให้หมดจดก่อน"

"อย่าพิรี้พิไรกับผู้หญิง เรา.. "

"เจ้าเงียบ"

แม่นางแพรสะดุ้งโหยงเพราะพี่ชายตวาดก้อง ตาดุร้ายแดงฉานด้วยโทสะ นางรีบก้มหน้าหลบตาวูบ ก็รู้ว่าจิตใจของพี่ชายอาจเอื้อมหมายปองตำแหน่งเจ้าฟ้า เพราะหลงเหลิงตั้งแต่นางได้รับการแต่งตั้งเป็นชายาใหม่แห่งเจ้าฟ้า

ครั้นเข้ามาก็อาศัยบารมีนางแผ่อำนาจข่มเหงผู้คนไม่ไว้หน้า ฉุดคร่าสาวใช้ที่หน้าตาสะสวยมาบำเรอตัณหาอันไม่เคยพอ ลามปามหยาบช้าสู่แม่นางจงอรจนได้เป็นเขยน่าชัง แต่ด้วยความรักในสายเลือด นางจึงไม่กล้าห้ามปราม เกรงพี่ชายจะน้อยใจตัดพ้อว่าได้ดีแล้วลืมพี่น้อง

ยามนี้ดูเหมือนว่าไฟลำพองได้เผาผลาญความรอบคอบระมัดระวังจนมอดแล้ว ทั้งที่รู้ว่าเวลามีน้อย หากแม่นางกณิการ์กลับจากท้ายทุ่งเกษตร แผนร้ายที่วางไว้ก็จะล้มเหลว ดีไม่ดีจะได้รับโทษเฉียบขาดจากแม่นางจอมห้าวเสียอีก

แล้วดูเอาเถอะ นางเพียงทักท้วงเล็กน้อยเท่านั้น พี่ชายก็ดุดันโทสะร้ายใส่เสียแล้ว หน้าสิ่วหน้าขวานแท้ๆ แต่เมามัวในกามไม่ดูเวลาเช่นนี้ ไม่น่าหวั่นวิตกแทนหรอกหรือ

"เจ้าจำไม่ได้หรือว่าแม่ครูยานีมันอวดดีไม่นบนอบต่อพี่มาแต่ไหนแต่ไร ยโสว่าเป็นคนโปรดของแม่นางน่าชัง พี่จะกำราบให้สำนึกว่ากาลอันรุ่งเรืองของพี่กำลังจะโชติช่วง"

"น้องก็รู้ แต่ว่า.. "

"แม่นางน่าชังก็อีกคน รอให้พี่รวบคามมาไว้ในมือให้สำเร็จก่อนเถอะ พี่จะเชยชมเสียให้สิ้นศักดิ์ จะกดหน้าจองหองให้ต่ำกว่าใต้ฝ่าเท้าพี่ให้สาแก่อำนาจ ถึงเวลานั้น เจ้าก็ช่วยพี่หัวเราะเยาะให้ก้องโถงงานเถอะ"

เรื่องนี้แม่นางแพรไม่กล้าส่งเสริมเต็มเสียงนัก เพราะแม่นางกณิการ์สืบทอดนิสัยเฉียบขาดดุร้ายมาจากแม่นางอชินีจนเป็นที่เลื่องลือแล้ว

แม้แต่พี่ชายก็ยังเคยบอบช้ำด้วยฤทธิ์เกรี้ยวโกรธของแม่นางอยู่หลายครั้ง คิดจะกำจัดเจ้าฟ้าจ่างผู้ชราไม่ยากหรอก แต่กับแม่นางที่ยังเรืองไปด้วยอำนาจอันคุโชนอย่างแม่นางกณิการ์ พี่ชายไม่ควรประมาทนัก




นักรบองครักษ์ขยับตัวกั้นขวางชายาเจ้าฟ้าไม่ให้ล่วงล้ำเข้าโรงครัวตามคำสั่งเฉียบขาดของแม่นางกณิการ์ ดาบยาวยื่นไขว้ทะมัดทะแมง แม้แม่นางแพรจะตวาดสุดเสียงแล้วอ้างอำนาจชายา แต่อำนาจนั้นก็ไม่น่ายำเกรงได้เท่าหน่อเนื้อเจ้าฟ้า นักรบองครักษ์จึงปักหลักหน้าที่อย่างแข็งขัน

"บังอาจ ถ้าเจ้ายังกำแหงไม่รู้ที่ต่ำที่สูงอยู่อีก เราจะรายงานเจ้าฟ้าให้บั่นคอเสียบประจานทั่วสี่ทิศรอบทุ่งเกษตร"

"ขออภัยเจ้าข้า แม่นางกณิการ์กำชับลงมา เราทั้งหลายไม่อาจฝ่าฝืนได้ บั่นคอเสียบประจานก็สุดแต่ใจเจ้าข้า"

แม่นางแพรเลียปากร้อนรุ่ม กระวนกระวายว่าป่านนี้แม่นางกณิการ์คงใกล้ถึงกระท่อมแม่นางจงอรแล้ว ถ้าไปถึงแล้วรู้ความลวงเข้า เป็นต้องรีบตะบึงม้าย้อนกลับมาชำระโทษแน่ๆ

ถ้าทางนี้ยังกำราบเจ้าฟ้าจ่างไม่ได้ เห็นทีฝ่ายที่จะโดนบั่นคอเสียบประจานทั่วสี่ทิศรอบทุ่งเกษตรต้องเป็นนางกับพี่ชายเสียแล้ว




เมื่อแน่ใจว่าล้ำล่วงโรงครัวไม่สำเร็จ แม่นางแพรก็เปลี่ยนแผนไปดักรอบนระเบียง ถึงทางแยกเข้าห้องนอนเจ้าฟ้าจ่าง นางจะแย่งชิงกับสาวใช้ เชื่อว่าสาวใช้น่าจะยำเกรงมากกว่า แต่ก็น่าเสียดาย เพราะนักรบองครักษ์อีกสามคนเดินตามหลังมาควบคุมเข้มงวด

"อะไรกัน นี่ในเขตคาม เจ้าบังอาจขึ้นมาแกว่งดาบถึงบนนี้เชียวหรือ"

"แม่นางกณิการ์กำชับไว้ก่อนออกเดินทางไปกระท่อมแม่นางจงอรเจ้าข้า"

"กำชับอะไร"

"ให้ติดตามแม่ครัวมาควบคุมหน้าห้องนอนเจ้าฟ้าเจ้าข้า แม่นางแพรได้โปรดหลีกทางด้วย"

"เราจะยกเข้าไปเอง"

สาวใช้เบี่ยงถาดไม่ยำเกรง เพราะอำนาจคำสั่งของแม่นางกณิการ์ศักดิ์สิทธิ์กว่านัก ชายาเจ้าฟ้าแทบจะสิ้นความขลัง ไม่มีใครเคารพยกย่อง

ด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่านฉุนเฉียวเช่นนี้ แล้วมีหรือจะยับยั้งอารมณ์ไม่เกรี้ยวกราดตบหน้าสาวใช้ไปคนละฉาดได้ นักรบองครักษ์รีบเข้ามาปกป้อง พลางออมชอมนอบน้อมว่า
"ได้โปรดยุติเถอะแม่นางแพร อย่าให้เราต้องลำบากใจเลย นี่เป็นคำสั่งของแม่นางกณิการ์ ใครเล่าจะขัดได้"

"เจ้า.. "

"หากแม่นางยังดื้อดึง เราจะอาศัยอำนาจของแม่นางกณิการ์ควบคุมแม่นางไว้ก่อน รอให้แม่นางกณิการ์กลับมาสอบความภายหลัง ต้องการอย่างนี้หรือเปล่าเจ้าข้า"

ใครจะไปต้องการเล่า ชายาเจ้าฟ้าอย่างแม่นางแพรมีหรือจะยอมให้นักรบต่ำต้อยบังอาจมาควบคุมตัว ไม่เพียงแค่เสียราศี ศักดิ์ชายาเจ้าฟ้ายังจะมัวหมองเสียอีก

แต่จะให้ดันทุรังต่อไปตรงนี้ก็ใช่ที่ หากเสียงเอะอะเล็ดลอดเข้าข้างใน เจ้าฟ้าจ่างอาจสอบความเอง คราวนี้นางก็คงบ่ายเบี่ยงแผนร้ายได้ยากกว่า เอาเถอะ ขอไปสมทบกับพี่ชาย หารือกันใหม่ก่อน หวังว่าเขาจะยังไปไม่ทันถึงโรงนาฏศิลป์หรอกนะ




สาวนาฎศิลป์แตกกระเจิงเพราะหวาดกลัวอำนาจอันธพาลของวจาเขยน่าชัง บางคนโดนทำร้ายหยาบเถื่อนสลบไสลกายพาดกลองบ้าง แน่นิ่งชิดผนังข้างหนึ่งก็มี หรือบางรายกรีดร้องขอความช่วยเหลือก็โดนฟาดแล้วจับเหวี่ยงไปหมดสติในซอกประตู

ยามนี้ก็เหลือเพียงแม่ครูยานีที่ซ่อนร่างสั่นหลังราวกลองเล็ก วงหน้าสวยสดซีดเผือดดั่งรู้ชะตาอัปยศล่วงหน้า ก็กิริยาย่างสามขุมนั่นยังไงที่คอยบอกคอยเตือน

นางเองก็พอมีวิชาป้องกันตัวเล็กน้อย เพราะสมัยที่บิดามีชีวิตอยู่ก็เป็นครูดาบในโรงฝึกอาวุธ แล้วนางก็ติดตามไปร่วมยลร่วมฝึกอยู่เนืองๆ แต่ก็ใช่ว่าจะเก่งกาจพอที่จะต้านทานเขยอันธพาลผู้มากไปด้วยแรงตัณหาตรงหน้าได้ล่ะ

"ถ้าท่านผลีผลามทำอะไรไม่ยั้งคิด ท่านต้องเจอผลลัพธ์ที่ไม่สวยหรูแน่ แม่นางกณิการ์จะไม่ออมชอมโทษแก่ท่านเหมือนที่ผ่านอีกแล้ว จงสำนึก.. "

แม่ครูยานีกรีดร้องตระหนก เตือนสติยังไม่จบความ วจาก็พลุ่งพล่านดั่งว่าฝ่ายตรงข้ามกำแหงท้าทาย มือใหญ่พลันปัดราวกลองล้มระเนระนาด

คราวนี้กำแพงขวางกั้นเหยื่อก็หมดสิ้นไป ขาเพรียวยาวสืบคุกคามย่ามใจ ยิ้มเกรียมคลี่กว้างตามจังหวะก้าวถอยครั่นคร้ามของแม่ครูอวดดี

ประเดี๋ยวเถอะ ประชิดเนื้อผุดผ่องได้เมื่อไหร่ อาภรณ์สีบานเย็นชุดนั้นจะถูกฉีกทึ้งไม่เหลือซากดี แล้วทีนี้ ก็จะให้แม่ครูผู้สดสวยได้ลิ้มรสของกามชายให้สาแก่แรงใคร่แรงแค้น

"หยุดอยู่ตรงนั้น ถ้าท่านกล้าแตะต้องเราแม้แต่ชายเข็มขัด เราเองก็จะไม่ขอออมชอมยำเกรงในฐานะเขยเจ้าฟ้าเช่นกัน วจา เราปรามท่านแล้ว"

ตอนท้ายแม่ครูยานีตวาดนัก ร่างอ้อนแอ้นพลันพลิ้วข้ามร่างสาวนาฏศิลป์ คว้าเชิงเทียนมาเป็นอาวุธ รูปทรงเรียวรีก็พอจะทดแทนหอกดาบได้อยู่ แม้จะทำขึ้นจากทองเหลืองและหนักกว่าสักนิด แต่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน แม่ครูยานีก็ไม่เรื่องมาก

นางมีวิชาทวนพอป้องกันตัวได้ ก็หวังว่าความสามารถอันน้อยนิดจะพอประทังถ่วงเวลาจนกว่าแม่นางกณิการ์จะย้อนกลับมาจากท้ายทุ่งเกษตร

"แม่ครูนางรำจะอวดว่าเชี่ยวชาญแม้กระทั่งรำอาวุธเชียวหรือเจ้า บังอาจ"

วจาคำรามยื่นมือปราดสวนกับแรง:-)ปลายเชิงเทียน บังเกิดลมร้อนผ่าวขึ้น แม่ครูยานีปวดจี๊ดทั่วข้อมือเล็ก เสียงเคร้งหนักของเชิงเทียนร่วงกระทบพื้นบอกนางว่าตนเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ

นางไม่รอช้าและสลัดความกังวลความเจ็บปวดรีบพลิ้วร่างหมุนเป็นวงหนีพ้นแรงคว้าจาบจ้วงได้ทันอย่างหวุดหวิด ซ้ำยังถีบกลองเล็กใกล้ปลายเท้าอัดใส่ร่างใหญ่กำยำอย่างว่องไว

เขยทะเยอทะยานแห่งเจ้าฟ้าจ่างพลันคำรามดังก้องกว่าเพราะเจ็บแปลบทั่วทรวงอกตึง แค้นใจว่าแม่ครูยานียังไม่เลิกคายพิษสง สองเท้าจึงซอยปราดเข้าประจันทันคว้าชายผ้าคาดเอวกระตุกพรืดมันก็หลุด

เสื้อตัวยาวคลายหลวมยิ่งช่วยให้แม่ครูเคลื่อนไหวปราดเปรียวยิ่งขึ้น นางโผร่างไปหยุดตั้งมั่นบนผืนกลองสูงคว้าไม้สองอันเป็นอาวุธชิ้นใหม่

"เจ้านี่ช่างบังอาจไม่เจียมวาสนายิ่ง"

วจาติเตียนชิงชังยื่นมือต้านรับแรงเหวี่ยงแล้วค่อยไถลเลื่อนบิดข้อมือเล็กบังคับให้ปล่อยอาวุธทุเรศสายตา พอมันร่วง แม่ครูก็โดนกระชากลอยลงจากที่ตั้งมั่นสู่อ้อมอกสกปรก

"ท่าน.. "

"ข้าจะสอนให้เจ้าสำนึกว่าเป็นหญิงอย่าริอ่านทำตัวห้าวหาญเกินชาย เพราะเมื่อถึงเวลาหนึ่ง หญิงก็ต้องทอดร่างให้ชายเชยชมอยู่ดี"

แม่ครูกรีดร้องเสียขวัญเมื่อทรวงอกร้อนฉ่าขึ้นวูบ วจาชั่วตะปบจาบจ้วงแล้วค่อยทึ้งอาภรณ์อย่างหยาบคาย เสียงผ้าปริขาดช่างสะท้านหัวใจยิ่ง แต่ก็ไม่เท่ากับที่ตระหนักได้ว่าร่างถูกบังคับให้ทอดราบแนบพื้น แล้วฉับพลันก็หนักอึ้งด้วยแรงโถมทับป่าเถื่อน

"ปล่อยเราเดี๋ยวนี้ ท่านอย่าได้กำแหงรังแกเราแม่ครูแห่ง.. "

ละล่ำละลักไม่จบความ วจาคนชั่วก็ต่อยท้องทารุณ แม่ครูยานีดีดสะดุ้งตัวงอ ไม่ทันได้ตั้งรับใดๆ ก็โดนตบฉาดเลือดทะลักในปาก

ยามเจ็บปวดหนักหน่วง นอกจากไม่เกรงกลัวความตายมากไปกว่าดิ้นรนเอาตัวรอดแล้ว แม่ครูชะตาอับเฉาก็กรีดนิ้วข่วนหน้าหื่นกระหายเต็มเหนี่ยว เล็บบิ่นหักปนกับเลือดและเศษเนื้อของอีกฝ่าย

เหยื่อฉวยจังหวะตอนศัตรูร้องคำรามเจ็บปวด ยกเท้ายันถีบยอดอกแล้วตะกายตัวไหลออกจากแรงทอดทับ กลิ้งเกลือกไปตามพื้น คว้าฉาบใหญ่เหวี่ยงวืดกระแทกปังเข้าสันจมูกผู้ข่มเหง

วจาร้องก้องเพราะเจ็บทารุณดั่งว่าจมูกหักยุบเสียแล้ว เลือดพุ่งกระฉูดเป็นฝอย มือใหญ่ยกกุมทรมาน ร่างใหญ่กำยำเริ่มซวนล้มออกอาการโงนเงน

แม่ครูยานีฝืนอาการเจ็บจุกรีบตะเกียกตะกายไปหาประตู นางเชื่อว่าถ้าออกไปจากห้องนี้ได้ก็จะปลอดภัย

วจาก็รู้เช่นนั้น จึงไม่เสียเวลาสำออยกับบาดแผลลึกบนสันจมูก นอกจากคว้ากลองเล็กเหวี่ยงไปสกัด มันลอยละลิ่วกระแทกท้ายทอยแม่ครูผู้น่าสงสารเสียงดังตึกหนัก นางร้องโหยหวนเจ็บปวดยาวนานทีเดียว

แล้วร่างที่เกือบจะถึงเป้าหมายก็พลันซวนชะงัก ยกมือสั่นระริกขึ้นกุมเลือดอุ่นที่ทะลักพรูมากมาย ศีรษะชาและมึนหนักหนึบ ตาเริ่มพร่าและฝ้าฟางลง มองเห็นประตูพลิ้วไหวดั่งชายธงสะบัดกลางสายลม รู้สึกหมดเรี่ยวแรง หัวใจเต้นอ่อนล้าลงดั่งว่าพร้อมจะหยุด

"แม่นาง"

ยามสิ้นหวังและรู้ชะตาว่าต้องดับสูญแน่แล้ว แม่ครูยานีก็ค่อยครางหาแม่นางกณิการ์ ร่างระทวยโดนลากถอยหลังห่างประตูเป้าหมายไปเสียแล้ว

มีเพียงเลือดที่โดนครูดเป็นผืนยาวไปตามพื้น แม่ครูยานียังเบิ่งจ้องทางออกอย่างมีความหวัง นางอยากเห็นแม่นางกณิการ์ผลักเข้ามาแล้วปรี่มาชำระโทษวจากักขฬะ

"เจ้ากำแหงทำให้ข้าเจ็บปวดเชียวหรือแม่ครูต่ำต้อย บังอาจ"

ร่างเปื้อนเลือดถูกจับพลิกหงายหยาบๆ วจาระบายความแค้นผ่านหมัดชายอันหนักและทารุณ แม่ครูยานีไม่มีเรี่ยวแรงจะกรีดร้องอีกแล้ว นอกจากกระตุกและสำลักเลือดที่ทะลักออกจากปาก ในหูอื้ออึงไปด้วยเสียงกระแทกทึบๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกบนหน้าบนปาก

เส้นผมโดนจิกทึ้งเหี้ยมเกรียม แล้วศีรษะก็โดนกระแทกกับพื้นตึกๆ ทึบๆ เลือดก็นองไหลเป็นผืนเต็มพื้น ยามนี้ ใบหน้าสวยสดหมดเค้าโดยสิ้นเชิงแล้ว จมูกหักฟันร่วง ทุกอณูมันชโลมเข้มไปด้วยเลือดคาวคลุ้ง

"เจ้ามันแม่นางสารเลวไม่รู้ที่ต่ำที่สูง เจ้าไม่รู้หรือว่าอีกหนึ่งอึดใจ ข้าวจาก็จะหลุดพ้นจากกำพืดช่างตีดาบหยาบกร้านแล้ว"

"ไม่มีทาง" แม่ครูชะตาขาดกัดฟันเถียงเสียงแหบแห้ง

"เจ้า บังอาจสาปแช่งข้าหรือ"

ร่างใหญ่กำยำคร่อมหนีบร่างสิ้นทางต่อกร แล้วตะบันหมัดโหดเหี้ยมชำระโทษ ตาวาวแดงก่ำด้วยไฟหลงอำนาจ พลางประกาศกร้าวและก้องว่า

"ข้าจะเป็นเจ้าฟ้าแทนที่เจ้าฟ้าจ่าง จะครอบครองคามดารกะไว้ในอุ้งมือ ประชาชนที่ยอมสยบเท่านั้น เราจึงยินดีเลี้ยงดู ถ้าไม่ภักดี เราจะบั่นคอให้สิ้น เจ้าได้ยินหรือยังแม่ครูยานีหน้าโง่ ได้ยินหรือยัง"

"ไม่"

"ไม่หรือ เจ้าบอกว่าไม่หรือแม่นางชั่ว"

วจาตะคอกโกรธแค้นตาแดงฉาน มีดพกในผ้าคาดเอวพลันได้ใช้งานสังหารเหยื่อ แม่ครูร้องโหยหวนขาดห้วง เมื่อโดนแทงมิดด้าม

เสียงครางหวิวยังร้องหาแม่นางกณิการ์ นกกาบนฟ้าก็ลุกฮือแตกตื่นบินว่อนดั่งจะส่งสารมรณะสู่แม่นางผู้เกรียงไกรให้รีบเร่งกลับสู่เขตคาม

โน่นแน่ะ แม่นางกำลังพุ่งฝ่าสายลมเดือดดาลมาแล้ว ฝุ่นตลบพลิ้วไล่ตามหลังม้าพ่วงพีอย่างไม่ลดละ มันห้อตะบึงเอาใจหน่อเนื้อเจ้าฟ้าโดยไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย ที่ไล่กระชั้นไม่ห่างก็คือศมะกับม้าปราดเปรียวคู่ใจ

อีกอึดใจแล้ว แม่นางคนกล้าก็จะเข้าเขตคาม แต่ว่าแม่ครูยานีจะอดทนกับพิษบาดแผลฉกรรจ์ได้หรือเล่า

"ข้าจะเป็นเจ้าฟ้าผู้เกรียงไกรได้ยินไหมแม่ครูยานี ข้าจะยกทัพทำสงครามแย่งชิงคามอื่นมาเป็นบริวาร แผ่อาณาจักรดารกะของข้าให้ไพศาลยิ่งกว่ากาลนี้ แต่เจ้าแม่ครูชั่ว เจ้าจะไม่มีโอกาสได้เห็นกาลอันรุ่งเรืองแห่งข้าแล้ว"

"ไม่"

แม่ครูยานีแย้งหวิวในคอ และนั่นคือเสียงสุดท้ายของนาง วจาถลึงตาเย็นเยียบดั่งตาปีศาจก่อนจ่อมีดชิดลำคออุ้มเลือดแล้วปาดหนักเหี้ยมเกรียม

เหยื่อกระตุกแข็งและค้างไปชั่วอึดใจ ตาเหลือกขึ้นไปจับประตูที่วาดหวัง โอ้ นั่นยังไง มันถูกผลักดังโครมสนั่น แล้วร่างแม่นางกณิการ์ก็ปราดเข้ามาอย่างองอาจอหังการ




ซากร่างชโลมเลือดแดงฉานกลางพื้นเปรียบได้ดั่งเชื้อไฟชั้นดีที่ปลิวละลิ่วเข้ามาในตาเบิกกว้างตระหนกสุดขีดของแม่นางกณิการ์

ศมะอ้าปากค้างเบิกตาโพลงตามไปด้วย นึกไม่ถึงว่าวจาเขยเจ้าฟ้าจะกล้าบังอาจหยาบหยามบารมีแม่นางหน่อเนื้อได้ปานนั้น เห็นทีคราวนี้ไม่ใช่แค่ชะตาอับเฉาแล้ว แต่น่าจะ 'ดับสูญ'

ไม่ต้องรอบัญชา ศมะว่าที่นักรบองครักษ์ก็รู้หน้าที่ ร่างกำยำเกินวัยปราดกลับออกไปร้องสั่งนักรบข้างนอกให้เข้ามากำราบเขยชั่ว อีกทางก็สั่งให้แยกไปกุมตัวแม่นางแพรไปรอชำระความกลางลานหน้าโถงงาน

ครั้นพอย้อนกลับมาอีกที ก็ได้เห็นว่าในโรงนาฏศิลป์กำลังร้อนระอุดุเดือดด้วยการต่อสู้ที่ไร้สิ้นความปรานีกันอีกต่อไป

แส้คมของแม่นางกณิการ์สะบัดฟาดแหวกอากาศไปกรีดเนื้อแข็งของวจาชั่ว เลือดกระฉูดเป็นฝอยน้ำพุทุกคราที่รอยคมของแส้กลืนกิน

ร่างอรชรในชุดนักรบสีเทาพลิ้วอย่างปราดเปรียว ไม่ว่าจะแปรเปลี่ยนท่วงท่าไหน แม่นางก็ตั้งมั่นแล้วว่านักโทษชั่วต้องเพลี่ยงพล้ำได้เลือด

"เจ้านักโทษ" แม่นางร้ายกาจตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราด น้ำตาไหลด้วยความเคียดแค้นปนคลั่ง "ยุติความกำเริบเสิบสานของเจ้าลง แล้วยอมให้ข้าลากคอไปบั่นสังเวยดวงวิญญาณและเลือดทุกหยดสู่แม่ครูแห่งเรา"

สิ้นเสียงตวาดจากมุมโถง ปลายแส้ก็ลอยคว้างสะบัดพิษสงคมกรีดแผ่นหลังนักโทษชั่ว วจาคำรามเดือดดาลคลุ้มคลั่ง ตั้งแต่แม่นางผู้อหังการปรากฏตัวพร้อมกับนาทีสุดท้ายของแม่ครูยานี ฤทธิ์เดชนางพญาก็ระเบิดสะท้านจนตั้งรับไม่ทัน

ยามนี้ก็เห็นว่าทั้งแผลเก่าจากแม่ครูดับสูญ ทั้งแผลใหม่ฉกรรจ์จากแม่นางหน่อเนื้อ ก็ล้วนทุ่มโถมบั่นทอนกำลังให้เพลี่ยงพล้ำซ้ำซาก

หรือแม้แต่ตอนนี้ ร่างยักษ์กลิ้งเกลือกกลางพื้น มือชุ่มเลือดทันคว้าแส้คมบิดเป็นเกลียวพันท่อนแขน หาเรื่องให้แม่นางพลิ้วร่างลอยคว้างปราดมาดีดกลองใบเล็กกระแทกใส่หน้า

พร้อมกับช่องท้องที่จุกเจ็บทารุณด้วยว่าแม่นางทุ่มเข่าลงอัด ซ้ำยังตวัดเหวี่ยงศอกมหาโหดฟาดปลายคางที่บังเอิญยกสูงขึ้นมารับเหมาะเจาะ เลือดกระฉูดพุ่งเป็นทางยาวแข่งกับเสียงแผดร้องเจ็บปวดและโหยหวนอย่างยาวนานทีเดียว

"แม่นางกณิการ์ แม่นางบัดซบสารเลว ข้าจะ.. "

"บังอาจ"

วจาแผดเสียงอาฆาตแค้น แม่นางก็แผดเสียงกร้าวคมกว่าย้อนกลับ แล้วไถลแข้งบางแต่หนักหน่วงลงอัดซอกคอ จิกผมเปื้อนเลือดโหดร้ายแล้วค่อยบิดกายพลิ้วไปหย่อนยองทะมัดทะแมงเหนือศีรษะ บังคับให้วจาชั่วต้องเหลือกตาถลนกลับขึ้นหมายมองฝากกระแสอาฆาต

"ลากคอมันไปรอเราที่ลานหน้าโถงงาน เราจะออกไปจัดการพิพากษาคาดโทษมันด้วยตัวเอง"

พอสิ้นบัญชาดุร้ายก้องหนัก นักรบองครักษ์ก็รีบกรูเข้ามาลากร่างเขยแห่งเจ้าฟ้าที่โดนปลดด้วยแรงพลุ่งพล่านอาฆาตแค้นของแม่นางกณิการ์ลงเป็นเพียงนักโทษรอพิพากษาชีวิต

แม่นางผู้องอาจไม่ได้ใส่ใจกับเสียงแผดร้องปนคำรามอย่างไม่รู้ดีชั่ว ซ้ำยังตะคอกหยาบหยามสาปแช่งแม่นางด้วยจิตชั่วก้องโถงรำหากแต่ร่างเปื้อนเลือดของแม่นางกลับปรี่ไปยกประคองซากศพที่น่าสงสารขึ้นโอบกอดแนบอก

น้ำตาร่วงพรูด้วยความอาลัยอาวรณ์ คับแค้นว่าตนมาช้าไปเพียงเสี้ยวหนึ่งของก้าวมรณะเท่านั้นเอง แต่เพียงเท่านั้นล่ะ ที่ทำให้แม่ครูยานีที่เคารพต้องจากจรตลอดกาล

นับแต่นี้ จะไม่ได้ยินเสียงเอ็ดเสียงขรมคอยเตือนสติ จะไม่ได้เห็นท่วงท่าร่ายรำอ่อนช้อย และจะไม่ได้เห็นวงหน้าสดสวยที่เป็นที่หมายปองของปวงนักรบทั้งในคามต่างคามอีกแล้ว

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 20:39:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com