Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 11 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12487769/W12487769.html

บทที่ 11

หน้าระเบียงนิ่งไว้ด้วยหุ่นน่ารักของปัญปัทม์ อิริยาบถตอนนี้ดูเคร่งขรึมและสำรวมจนแทบไม่เหลือเค้าไอ้ปัทม์จอมลุยที่กรุยทางด้วยคารมยาวพรืดๆ

เธอเท้าคางหรี่ตามองความมืดอย่างตั้งใจ อยากเห็นทางออกสวยๆ ตรงนั้นมันต้องมีแสงสว่างสักลำทอดนำให้เธอเดินตาม จนไปเจอว่านั่นยังไงเล่า ชีวิตเบื้องหลังของตรงฉัตร

"ฉันไม่เชื่อหรอกว่าชีวิตของคุณมันจะเป็นความลับ ไม่ว่าคุณจะทำท่ามั่นใจกลบเกลื่อนแค่ไหนก็ตาม อ้อ กับไอ้แววตาสมเพชนั่นด้วย ฉันไม่ยั่นสักนิดจะบอกให้"

เธอผุดเสียงมุ่งมั่นแกมดื้อรั้นออกมา ทุบราวไม้ดังตึกระบายความฉุนเฉียว ก็เธอโมโหไม่หาย ถูกเขาทิ่มหน้าเสียแตกยับด้วยเสียงสุภาพและหวานซึ้งตรึงใจ

เขาไม่ยิ้มเลยด้วยนะ เต๊ะอย่างหยิ่งๆ ทะนงตนว่าเป็นเลขาเนื้อทอง ลืมไปกระมังว่าตอนนี้เขาอยู่ในฐานะอะไร จำเลยไม่ใช่หรือ เธอให้เขาอยู่ในฐานะนั้น ข้อกล่าวหาก็คือ 'ชายชู้'

"แกมันห่ามไอ้ปัทม์"

จู่ๆ เสียงของอมฤทธิ์ก็แว่วเข้ามาแทรกอารมณ์คุกรุ่น เธอเป็นคนโทรไประบายความผิดหวังให้ฟัง มันเกิดขึ้นติดๆ กันตั้งสองหน ภายในเวลาไล่เลี่ยถี่ห่างไม่เกินสองชั่วโมง เธอบ่นว่าเขาเก่ง หัวหน้าใจดีก็เลยด่าสวนกลับมาเลย

"ในเมื่อแกรู้ว่าเขาเก่ง แกก็ไม่น่าลุยแบบปัญญาอ่อน ตอนเรียนก็ฉลาดนี่หว่า จำได้นะว่าแกเถียงอาจารย์ เถียงรุ่นพี่ หรือแม้แต่เถียงพี่ด้วย วุฒิภาวะตอนนั้นของแกหายหัวไปไหนวะ"

"โทรมาเล่านะ ไม่ได้โทรมาให้สวด"

"ก็แกมันห่ามน่าด่าจริงๆ นี่หว่า ไปขู่เขาได้ยังไง ตัวเองมือเปล่าทั้งเพ ขนาดพี่ยังควานกันหัวแทบขวิด"

"แล้วเจอไหมล่ะ"

"ไม่เจอ"

"ก็นั่นนะสิ วิธีควานหามันมีตั้งหลายวิธี หาเองก็วิธีหนึ่ง หลอกล่อเจ้าของประวัติให้แพลมออกมาเองก็อีกวิธีหนึ่ง"

ใช่ ไอ้วิธีอย่างหลังนั่นแหละที่เธอเลือกใช้ มันเสี่ยงหน่อย แต่อย่างน้อยก็จะได้เห็นปฏิกิริยามาประกอบการปักใจว่าเขามีเงื่อนงำซ่อนซุก

แต่ที่ไหนได้ เธอกลายเป็นฝ่ายแพ้ยับเยิน แพ้ตอนไหน พลาดได้ยังไง ก็แค่ไปมือเปล่าเฉยๆ เอง เขาชะล่าใจไปไหมถ้าคิดว่ามือเปล่าของเธอมันไร้พิษสง ถึงได้ด่วนสรุปว่าเธออ่อนหัด

"โว้ย เซ็งเว้ย"

คนเก่งสบถเบื่อแล้วย้ายลงมานั่งชันเข่าในเงามืด สุนัขเริ่มเห่าแล้วล่ะ อ้อ บางตัวก็หอนโหยหวนประสานต่อยอดกันไปไกลๆ ก็นี่มันตีสองแล้ว แต่เธอยังนั่งจับเจ่าเข่าเย็น

อยากจะหลับเหมือนกัน แต่ไอ้คำว่า 'สมเพช' ของตรงฉัตรมันก็ขยันมาส่งเสียงแปร๋นๆ เยาะหยัน นี่ถ้าระเบิดแก้วหูได้ เธอจะทำเลยนะ

"คุณไม่ใช่คนจากดาวอื่นหรอก แล้วก็ไม่ใช่เด็กทารกที่เกิดปุ๊บก็อายุสิบเจ็ดเลย คอยดูนะคุณตรงฉัตร ฉันจะให้คุณถอนคำว่าสมเพชออกมาจากปากคุณให้ได้ คุณต้องขอโทษฉันด้วย ยอมรับข้อกล่าวหาด้วย แล้วฉันก็จะชนะ"

ตาแข็งกร้าววาวขึ้นอย่างดื้อรั้น ปากกัดแน่นแสดงถึงความตั้งใจมุ่งมั่น ตอนนี้ เธอไม่หวังเงินรางวัลก้อนใหญ่ ไม่เพ้อไม่ฝันกับร้านถ่ายรูปที่อยากมี เป้าหมายเดียวในดวงใจคือ 'เอาชนะตรงฉัตร'




ตรงฉัตรยิ้มล้ำลึกกับแสงสลัวบนผนัง เขายังไม่หลับเหมือนกัน แต่นั่งด้วยท่าสบายๆ บนเตียง ซ้ำในภวังค์ก็ป้วนเปี้ยนเฉียดชิดเงาของปัญปัทม์เหมือนกันเสียด้วย

ถ้าจะมองหาความต่าง ก็น่าจะเป็นฝ่ายหญิงกัดปากฮึกเหิม แต่ฝ่ายชายเม้มแล้วขบนิดๆ ดั่งว่า 'วาบหวามกับกระแสความคิด'

"น่าเสียดายที่เรายืนอยู่คนละข้าง ไม่อย่างนั้น ผมอาจเผลอใจไปกับการกระทำตลกๆ ของคุณเข้าบ้างล่ะ"

เสียงทุ้มทอดออกมาอย่างนั้น ในแววตาก็อ่อนโยนลุ่มลึกเชียว หน้าแห้งเจื่อนของเธอยังกระจ่างอยู่ในความทรงจำ เขาสงสารแต่ก็สมเพชจริงๆ

ถ้าสิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดเรียกว่าการต่อสู้เพื่อเอาชนะ เธอก็บุ่มบ่ามแบบไม่ใช้สติ คู่ต่อสู้แบบนี้ ไม่ค่อยคู่ควรกับเขานัก ต้องพันศิลป์ต่างหาก รายนั้นคิดเยอะ คิดลึก และ 'คิดร้าย'

"ไม่ว่าคุณจะคิดยังไง งัดความเจ้าเล่ห์กี่ร้อยเล่มเกวียนของคุณออกมาทำร้ายคุณนา ผมก็จะยืนขวางให้ถึงที่สุด"

ประโยคนี้เสียงไม่ทุ้มแล้ว ออกแนวกร้าวแกมเกลียดเสียมากกว่า ในแววตาก็วาวกระด้างด้วยแรงชัง

ตรงฉัตรเกลียดพันศิลป์มาก เกลียดจนอยากฆ่าให้ตายตั้งแต่คืนที่เขาเปิดประตูรับร่างบอบช้ำของณพนามาไว้ในอ้อมแขน หล่อนร้องไห้แทบใจจะขาด แล้วเขาก็ได้แต่กอดไว้อย่างนั้น มีคำพูดเยอะแยะ แต่ก็เงียบเสียจะเหมาะที่สุดในยามนั้น

ผ่านคืนวิปโยคที่สุดในชีวิตไปไม่ทันข้ามสามคืนกระมัง พันศิลป์ก็เริ่มวาดลวดลายมาเฟียใจผู้หญิง บีบคั้นณพนาในวันนั้นให้ติดตรอกชนซอก หล่อนแผดเสียงเหมือนเสือบาดเจ็บแล้วคลุ้มคลั่งว่าไม่รู้จะบรรเทาอาการนั้นยังไง

"ฉันจะหย่า แกคอยดูนะ ฉันจะประกาศให้โลกรู้ว่าแกมันบัดซบแค่ไหน อำมหิตแค่ไหน แกมันซาตาน แกมันปีศาจ ฉันจะประจานแกให้หมด อย่าหวังว่าแกจะมีที่ให้ยืนอีกไอ้สารเลว"

"เอาสิ อยากทำอะไรก็ทำเลย ฉันจะรอดูผลลัพธ์ น้ำหน้าอย่างเธอ เสียงใสๆ อย่างนั้น จะล้มคนอย่างฉันได้ ก็ให้มันรู้กันไป"

"ไอ้สารเลว"

"ไม่ใช่ฉันที่สารเลว เป็นเธอต่างหากณพนา เธอคือผู้หญิงสารเลว แล้วถ้าไม่ยอมรับ ก็หันกลับไปดูหน้าไอ้ยอดชู้ของตัวเองเถอะ มันรอท่าจะสวาปามคราบกามต่อจากฉันอยู่โน่น เห็นไหม"

"แกไม่ต้องไปพาลกับเด็ก"

"เด็กที่ขย่มผู้ใหญ่อย่างเธอได้อย่างมีรสชาติ ถึงอกถึงใจเสียจนตั้งป้อมรังเกียจสวาทของสามีน่ะหรือ เชอะ"

"ไอ้สกปรก ไอ้อุบาทว์ แกออกไปจากห้องฉัน ออกไปให้รถชนตายโหง ศพเละ ออกไป ไอ้สารเลว ออกไป"

"ฟังให้ดีแม่คุณนายหื่นกาม"

ณพนาตัวกระตุกเพราะโดนมาเฟียใจผู้หญิงกระชากคอเสื้อบังคับให้หน้าเงยประจันลมหายใจร้อนกับวาจาไฟนรก

น้ำตาคับแค้นหยดติ๋งจากทางหางตาให้เขาเห็นอย่างปวดร้าว ทรวงก็ร้อนเหมือนโดนไฟครอก แต่ก็อย่างที่บอก มันเป็นเรื่องของเจ้านาย ส่วนเขาก็เป็นได้แค่ 'คนนอก'

"อยากหย่าใช่ไหม ได้ ฉันจะให้โอกาสเธอต่อสู้เรียกร้องอิสรภาพได้อย่างไร้ขีดจำกัด ประจานก็ดี ฟ้องร้องก็ได้ ฉันสู้กับเธอได้ทุกรูปแบบ แต่ว่าเธอจะชนะหรือเปล่า นั่นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง"

เสียงต่ำกร้าวพ่นใส่หน้าเปื้อนน้ำตาจนสาแก่ใจแล้วก็ผลักหยาบไร้เสน่หา เจ้านายสาวใหญ่ในวันนั้นหงายตึงหมดรูป หล่อนตะกายตัวขึ้นมาก็เพื่อฟังสามีนรกระเบิดหัวเราะเยาะอย่างลำพอง แล้วตบท้ายว่า

"เห็นแก่ที่เธอยอมให้ฉันเสพสุขนิดๆ หน่อยๆ เอาเป็นว่าฉันเมตตาเตือนสติสักนิดก็แล้วกัน"

"ฉันไม่อยากได้" หล่อนแผดเสียงป้ายน้ำตาอย่างแค้นๆ

"ก็บอกแล้วไงว่าเห็นแก่สุขที่เสพได้นิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้อยากให้จริงๆ เลยนะ" แล้วร่างสูงก็ส่ายกร่างไปชิดขอบเตียง ยกขาเท้าวางแขนพาดไว้ข้างหนึ่งอย่างอหังการ "จะทำอะไรก็ให้นึกถึงสุขภาพสามวันดีสี่วันไข้ของพ่อตัวเองบ้าง อย่าถึงกับให้วันแห่งชัยชนะของเธอต้องกลายเป็นวันเดียวกันกับวันส่งดวงวิญญาณของพ่อเธอเลยนะ มันสมเพชน่ะ"

"ไอ้.. "

เจ้านายสาวใหญ่ของเขาด่าไม่ออกเลยเมื่อเจอไม้นั้นเข้า หล่อนขว้างปาผ้าห่มหมอนหนุนหมอนข้างวุ่นวาย มันปลิวว่อนแต่ไม่โดนเป้าหมายแม้แต่ชายเสื้อ ในขณะที่ศัตรูก็หัวเราะเยาะดังขึ้นกับดังขึ้น

"อ้อ ยังมีอีกอย่าง แหม ฉันลืมไปได้ยังไง น้องพลิ้วแพรคนสวยอีก อย่าลืมสิ แม่หนูน้อยติดพี่เขยจะตาย นี่ก็ไปเรียนต่อเมืองนอกอย่างฟู่ฟ่า มีเงินใช้คล่องปรื๋อ ถามหน่อยว่าใครเป็นคนบันดาลความสุขฟุ้งเฟ้อแบบนั้นให้น้องสาวเธอได้"

"ไอ้พันศิลป์"

"รู้เอาไว้เสียด้วยนะณพนา เธอยังห่างไกลจากคำว่าศัตรู แต่เธอก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ฉันอยากปราบให้สยบแทบเท้า ไม่ใช่เพื่อเอาชนะ แต่เพื่อความสะใจ"

"ฉันก็เหมือนกัน ฉันจะทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตเพื่อเป็นศัตรูกับแก จะทำให้แกพ่ายแพ้ ให้ฉันหัวเราเยาะ ให้ฉันสะใจ"

"เอาสิ ฉันรอวันนั้นได้ อืม แต่เรื่องหย่าเธอคงไม่ชนะหรอก อย่าเหนื่อยเปล่าเลย เอาเป็นว่าเรามาเล่นเกมปลดหนี้กันดีกว่า หาเงินมาใช้หนี้ฉันทั้งต้นทั้งดอก"

"ฉันทำได้"

"ทุกบาททุกสตางค์ที่ฉันส่งเสียให้แม่น้องหนูพลิ้วแพรด้วยนะ"

"ฉันทำได้"

"ต้องการเวลานานแค่ไหนก็เชิญตามสบาย ฉันไม่เกี่ยง ถ้าเธอทำได้ ฉันจะยกอิสรภาพทุเรศๆ คืนให้เธอเอง"

"ฉันทำได้"

"ทำเลย"

และณพนาก็ตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างไม่หยุดไม่ท้อ โดยมีเขาคอยเคียงข้างไม่เคยห่าง มรสุมใหญ่เล็กก็ร่วมฝ่าฟันกันไปอย่างบากบั่น

หล่อนบาดเจ็บ เขาบอบช้ำ หล่อนสาหัส เขาปางตาย แต่ทุกวันคืนอันเลวร้ายก็ผ่านไปได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งของหล่อน และด้วยความอดทนอดกลั้นของเขา

จนถึงคืนนี้ คืนที่เขาถูกลากเข้าไปมีเอี่ยวอย่างเต็มตัวด้วยข้อกล่าวหาร้อนแรง เกมร้ายของพันศิลป์ดุเดือดขึ้นตามแรงผลักดันของความอยาก ศัตรูอยากหย่า ทำไมหรือ ทำไมอยากหย่าจะเป็นจะตายขึ้นมา ทั้งที่ก่อนโน้น ฝ่ายตัวแท้ๆ ที่ดึงดันกักขังอิสรภาพของณพนาไว้ดูเล่น

ดูสิ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป ณพนาไม่สนใจอิสรภาพที่เคยโหยหาแล้ว ในทางกลับกัน หล่อนกลับใช้เป็นเครื่องมือตอบโต้เชือดเฉือนความอยากกระวนกระวายของฝ่ายโน้นอย่างสาแก่ใจเหลือเกิน

"โอ๊ะ บ้าจริง ทำไมวกกลับมาคิดเรื่องพวกนี้ได้ กำลังขำๆ กับคุณปัญปัทม์อยู่แท้ๆ เลย"

ตรงฉัตรสลัดหน้าเบาๆ หัวเราะขำตัวเองที่คิดได้นานและไกลมาก นาฬิกาบอกเวลาตีสามครึ่ง ตายแล้ว เขายังไม่รู้สึกง่วงอีกหรือนี่ ชาวบ้านเขาหลับกันครึ่งโลกแล้ว

เขาออกมาสูดอากาศตอนดึกจัด ฟ้ามืดอย่างเดียวเลย แสงจันทร์ก็ไม่มี ดาวก็ไม่เห็น สีดำๆ แบบนั้นไม่สวยเลย แต่มันก็ยังมีข้อดีอยู่บ้างตรงที่ทำให้เขาเห็นหน้าเชิญจุฑาได้ชัดเจนที่สุด

"อยู่ไหนนะน้อง ยังมีชีวิตอยู่หรือว่าทิ้งพี่ไปไกลแล้ว" น้ำตารื้นง่ายมากทุกครั้งที่โหยหาน้องชายคนดี "พี่คิดถึงน้องนะ ไม่เคยโกรธน้องเลย ไม่เคยเลย เราสองคนไม่ผิดหรอก คนผิดจริงๆ คือพ่อกับแม่ของเรา ท่านทำให้เราสองพี่น้องเป็นแบบนี้ ทำให้เราเกิดมา แต่ก็ฆ่าเรา"

แหม น่าเดาเล่นๆ จริงๆ ว่าถ้าปัญปัทม์มาเห็นอิริยาบถอาดูรของตรงฉัตรในตอนนี้ เห็นน้ำตาขมขื่นหยดหนึ่งร่วงใส่หลังมือ เธอยังจะฮึกเหิมมุ่งมั่นอยากเอาชนะอีกไหมหนอ

สาวบ้าบิ่นอย่างเธอใจอ่อนจะตายไป เห็นน้ำตาสักหยดก็ระทวยแล้ว อย่าว่าแต่น้ำตาหยดนี้เป็นของพ่อเลขาเนื้อทองเสียด้วย มันธรรมดาเสียที่ไหน ในเมื่อชายคนนี้ เป็นคนแรกที่ก่อความหวั่นไหวแปลบๆ ขึ้นใน 'หัวใจ'




รถจอดตรงสี่แยกปะปนกับคันอื่น ตรงฉัตรเคาะนิ้วบนพวงมาลัย อีกมือก็ตบปากที่หาวเบาๆ แล้วหัวเราะเมื่อโดนเจ้านายสาวใหญ่เหวี่ยงหยิกมาจีบแก้ม

"อะไรเล่า หาวก็ไม่ได้หรือ" เขาเอะอะ เบนตัวหนีไปเบียดประตู

"ก็นายล้อเลียนฉัน เอาใหญ่แล้วนะนายตรง นี่ฉันเป็นใคร"

"ล้อเลียนอะไร ผมยังง่วงอยู่ เมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็ตีสี่กว่าแล้ว คุณนาปลุกทำไมนี่ ตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ปลุกทำไม บ้า"

ณพนาตวัดค้อน หล่อนไม่สนใจหรอกว่าพ่อเลขาจะหลับนานแล้วหรือเพิ่งหลับ แล้วก็จะไม่บอกด้วยว่าตัวเองน่ะ ไม่ได้หลับสักงีบ ไม่อย่างนั้นจะนั่งหาวเอาๆ ให้พ่อตัวดีล้อเลียนได้ยังไง

"หน้าคุณนาเหมือนไม่ได้นอนเลย" เขาตั้งข้อสังเกต ขยับมานั่งเป็นเรื่องเป็นราว เตรียมตัวออกรถ

"ฮื่อ นอนไม่หลับ นี่ก็เริ่มมึนหัวแล้ว ทะเลาะกับน้องด้วย เซ็งเป็นบ้า"

"เซ็งแม่ยอดชู้หรือ โอ้ โลกจะแตก"

ปากเสียมากก็โดนหยิกแรง ต้นขาช้ำเปล่าๆ ปลี้ๆ เขาสูดปากหน้านิ่ว สักวันหนึ่งเถอะ จะแอบตัดเล็บให้กุดทุกนิ้ว เล็บของณพนาแข็งมาก ยิ่งไว้ยาวตะไบเรียวได้รูปด้วยแล้ว กดจิกแต่ละทีเจ็บน้ำตาแทบร่วง

"ฉันจะทำยังไงดี น้องจะกลับมาแล้ว"

"ทำเสียงกลุ้มทำไม บ่นอยากให้กลับไม่ใช่หรือ"

"นายตรง เดี๋ยวฉันด่ากรอกหูเลย จะยั่วฉันอีกนานไหม"

ตรงฉัตรยิ้มในหน้า เขาไม่อยากยั่วหรอก ใจจริงไม่อยากพูดถึงพลิ้วแพรเลยด้วยซ้ำ เขาไม่ชอบเด็กใจแตกคนนี้ แต่จะให้ทำยังไง หล่อนเป็นแม่ยอดชู้ของณพนา จะไม่ใส่ใจใยดีก็ไม่ได้อีก

"รู้ไหมว่าน้องทะเลาะกับฉันด้วยเรื่องอะไร" ณพนาเปรยให้ถามแล้วถอนใจเฮือกยาว

"ผมไม่เดา บอกมาเถอะ" ตรงฉัตรก็ย้อนกระชับ แต่ใจมันวาบๆ หวิวๆ กับเสียงเย็นแปลกๆ บ้างแล้ว

"เรื่องนาย" นั่นยังไง ว่าแล้วเชียว มันแปลกๆ จริงเสียด้วย "แล้วก็เรื่องนี้ล่ะ ที่ทำเอาฉันตาค้างหลับไม่ลงทั้งคืนเลย"

ตรงฉัตรเหลือบมองกระจกแวบหนึ่ง เห็นว่าไม่มีรถตามหลังจากที่เคลื่อนห่างสี่แยกมาสักสี่ห้านาที มาเจอประโยคเด็ดผ่านเสียงแปลกเข้า สองขามันอ่อนระทวยชอบกล ขอจอดก่อน อยากซักความให้ชัดว่าพลิ้วแพรเล่นตลกอะไร

"ตื่นเต้นหรือ ตัวดีนักนะ ปกปิดเสียเงียบ ฉันไม่แล่นพรวดพราดไปตบให้หน้าคว่ำกลางดึกก็บุญท่วมหัวนายเท่าไหร่แล้ว นายนี่แย่จริงๆ เรื่องสำคัญแบบนี้ยังกล้ากำแหงไม่บอกฉัน นี่ถ้าน้องไม่อาละวาด ฉันคงเป็นนังโง่ให้นาย.. "

"หยุดนะคุณนา"

ตรงฉัตรกระชากสองมือมากุมหยาบๆ ไม่โกรธเลยที่หล่อนต่อว่าต่อขานพรูเป็นชุด แต่ด่าตัวเองเป็นนังโง่นี่ เขาไม่ชอบฟัง และจะไม่ให้ด่าด้วย

ในสายตาเขา หล่อนคือพี่สาวที่ดีที่สุด จนบางครั้ง เขายังเคยดึงหล่อนไปเปรียบเทียบกับมารดาเสียด้วยซ้ำ

เพราะมารดาให้ชีวิตเขามาแท้ๆ แต่กลับไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยรักและผูกพัน หรือทำทุกอย่างอย่างทุ่มเทเพื่อเขา เหมือนเช่นที่ณพนาทำเพื่อพลิ้วแพร เขาไม่โกรธท่านหรอก ไม่เกลียดด้วย เพราะถึงยังไงก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีเขา

"อย่าด่าตัวเองแบบนี้ คุณนาดีที่สุดสำหรับผม เป็นนางพญาที่ผมเทิดทูน คุณนาเก่ง ฉลาด เข้มแข็ง อดทน เป็นผู้หญิงที่มีค่าและน่ารักให้หมดหัวใจ อย่าไปฟังคุณพลิ้ว.. "

"ไม่ฟังได้หรือ น้องสาวฉันนะ ฉันกล้ำกลืนกับชีวิตบัดซบแบบนี้มาจนถึงวันนี้ก็เพื่อใคร ถ้าไม่ใช่เพื่อน้อง"

"รู้ แต่ก็อย่าด่าตัวเอง ผมไม่ชอบฟัง ดูหน้าผมด้วย ผมกำลังไม่พอใจ"

"ฉันกลัวหรือ" ณพนาตะคอก สลัดมือสะบัดหน้า กอดอกยโส อ้อ ไขว่ห้างฉับอวดขาเรียวเสียอีก

"กลัว" เขาบอกเสียงแข็งๆ "ผมกลัวเอง กลัวว่าตัวเองจะอดทนน้อย แล้วจะโทรไปด่าแม่ยอดชู้ของคุณนาเข้า อย่าตีนะ" เขาเค้นเสียงกร้าวสะกดมือที่ยกเงื้อง่า "ผมบอกแล้วว่ากำลังไม่พอใจ ผมโกรธนะคุณนา"

"ฉันก็โกรธ" ณพนาหายใจแรงพลุ่งพล่าน แต่ก็ยอมลดมือลงล่ะ จากนั้นก็ตะคอกพรู "นายไปให้ความหวังน้องแบบนั้นได้ยังไง ฉันต้องดีใจด้วยหรือที่เพิ่งจะมารู้เมื่อคืนนี้ว่าเพราะนาย เพราะคำมั่นสัญญาของนาย คือเหตุผลที่ทำให้น้องกระตือรือร้นอยากไปเรียนต่อ"

ตรงฉัตรเม้มปาก ไม่อยากสู้แสงตาร้อนๆ เขาไม่แน่ใจนี่ว่าพลิ้วแพรเล่าอะไรบ้าง และถ้าไม่แน่ใจ เขาก็จะไม่เท้าความละว่าเขาจำเป็นต้องรับปากส่งเดชไปก่อน ไม่อย่างนั้น คืนนั้นในซอกมืดตรงนั้น เขาต้องโดนปล้ำจูบจนผ้าปลิ้นแน่ๆ พลิ้วแพรในคืนนั้นหื่นกามจะตาย ก็บอกแล้วนี่ว่า 'ใจแตก'

"ฉันปวดหัว" ณพนาบ่นเบาๆ เมื่อในรถเกิดความเงียบ

"กินยา" ตรงฉัตรพูดเบาๆ แล้วทำท่าเอี้ยวตัวกลับไปหยิบยาในช่องอเนกประสงค์ตรงบานประตู

"ฉันหมายถึงฉันไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง"

คนเอี้ยวตัวก็ชะงัก ไม่พูดตอบโต้นอกจากก้มหน้าต่ำมองมือบนตัก หล่อนมองอย่างชั่งใจนิดหนึ่ง แล้วถามออกไปตรงๆ ว่า

"นายรักน้องหรือเปล่า" คนถูกถามส่ายหน้าเร็วเลย "ทำไมล่ะ ไม่รักแล้วไปสัญญาแบบนั้นทำไม"

"คุณพลิ้วเล่ายังไงล่ะ"

"ก็เล่าว่านายไปให้ความหวังแก ในคืนงานเลี้ยง นายดึงแกไปสารภาพรัก มันบังเอิญตรงใจแกพอดี"

"คุณนาเชื่อหมดหรือ"

"นี่" ว่าจะไม่ตีแล้วนะ ปากเปราะให้ตบปากจริงๆ "น้องฉันเป็นผู้หญิงนะ จะกล้าพูดเรื่องพวกนี้ก่อนหรือ เอาล่ะ" หล่อนพยายามจะสรุปความ "ฉันไม่ได้รังเกียจนาย ไม่ได้มองว่านายเป็นเด็กที่ฉันเลี้ยงไว้ในบ้าน ถ้านายกับน้องรักชอบกันจริง มีใจตรงกันจริง ฉันก็ยินดีส่งเสริม อะไรก็ตามที่เป็นความสุขของน้อง ฉันไม่เคยเกี่ยง"

"คุณนาก็สั่งมาสิ ขอให้คุณนาสั่ง ผมก็ไม่เคยเกี่ยง"

"ตรงฉัตร"

"พอเถอะ ผมอารมณ์ไม่ดี"

ตรงฉัตรตัดบท ใจมันพลุ่งพล่านคับแค้นพลิ้วแพรจอมตลบตะแลง หล่อนต่างหากลากเขาเข้าซอกแล้วปล้ำจูบเหมือนอยากปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ

เป็นผู้หญิงแต่ไม่รู้จักรักศักดิ์ศรี เห็นการกอดจูบกับผู้ชายเป็นเรื่องน่าเมามัน หล่อนข่มขู่เขาด้วยซ้ำว่าถ้าเขาไม่รับปาก หล่อนจะไม่ไปเรียนต่อ ตอนนั้น ในหัวใจเขามันมีอะไร ก็มีแต่ห่วงใยและกังวลแทนพี่สาวคนนี้

ณพนาในวันนั้นถูกทับท่วมด้วยมวลปัญหา เขาไม่อยากให้ปัญหาทุเรศๆ ของน้องสาวใจแตกโปะลงไปทับอีกชั้น  แต่ดูวันนี้สิ มันเกิดอะไรขึ้น ชีวิตเขากำลังจะเปลี่ยนไปอีกแล้วใช่ไหม

อกเขาสั่นใจเขาเศร้า เจ้านายสาวใหญ่มาล่วงรู้ไหม มาเห็นไหม ถ้าหล่อนตามใจน้องสาวจอมกลิ้งกลอก บัญชาให้เขาแต่งงานด้วย ทางสายใหม่ที่เขาต้องย้ายไปเดิน มันก็ไม่มีชื่ออื่นให้เรียกหรอก นอกจากชื่อเฮงซวยๆ ว่า 'นรก'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 21:57:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com