เสียงเอะอะเซ็งแซ่ของนกระจอกที่กำลังทะเลาะกันบนยอดไม้ปลุกพิมมาดาให้ตื่นจากนิทราอัแสนสุข ทันทีที่ลืมตาสิ่งแรกที่เธอทำก็คือมองหาภูตหนุ่มแต่ห้องที่ว่างเปล่าปราศจากเงาหรือแม้แต่กลิ่นดอกไม้ทำให้หญิงสาวรู้ว่าเขาออกจากบ้านไปแล้ว กระนั้นเธอก็ยังอดที่จะหันไปมองบริเวณที่ภูธราชอบยืนอยู่เสมอไม่ได้ กรอบหน้าต่างที่ว่างเปล่ากับกิ่งมณฑาที่กำลังโยกไหวไปตามแรงลมทำให้หญิงสาวต้องถอนใจออกมา
รีบกลับมานะภูธรา
เธอพึมพำพลางทอดสายตาเหม่อมองออกไปนอกห้องและนั่งนิ่งเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่งจึงก้าวขาลงจากเตียงเพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน เมื่อลงไปยังชั้นล่างกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟทำให้พิมมาดาต้องชะงัก หญิงสาวยืนมองถ้วยกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะแน่วนิ่ง ควันสีขาวที่ลอยอ้อยอิ่งขึ้นมาจากของแหลวสีดำแสดงให้เห็นว่ามันเพิ่งถูกชงเมื่อไม่นานมานี้เอง
ดีจัง อุตส่าห์ชงกาแฟไว้ให้ด้วย
หญิงสาวพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นเรื่องปรกติธรรมดา หากแต่ในใจนั้นกลับรู้สึกโหวงเหวงพิกลซึ่งเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร หญิงสาวแตะถ้วยกาแฟและทำท่าเหมือนจะยกขึ้นดื่มแต่กลับเปลี่ยนใจเป็นหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำ หลังจากผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าแต่งตาเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินมานั่งที่โต๊ะและหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่ม แม้จะเย็นชืดแต่รสชาติของมันนั้นกลับกลมกล่อมกว่าทุกวัน หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นด้วยหวังว่าจะได้ยินเสียงเสียงทุ้มเอ่ยทัก แต่รอบตัวกลับมีเพียงความเงียบที่เธอคุ้นเคย
คุ้นเคย พิมมาดาคิดอย่างปวดใจ เพราะตั้งแต่คุณตาคุณยายเสียชีวิตเธอก็อยู่บ้านนี้ตามลำพังมาโดยตลอด ความคุ้นกับสถานที่กับนิสัยที่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใครทำให้หญิงสาวรักที่จะอยู่ตัวคนเดียว เป็นครั้งแรกที่เธอบังเกิดความรู้สึกเหงาขึ้นมา
มัวคิดโน่นคิดนี่อะไรอยู่ได้นะเรา เดี๋ยวก็ไปทำงานสายกันพอดี
พิมมาดาพูดกับตัวเองและดื่มกาแฟที่เหลือจนหมด เมื่อล้างถ้วยเรียบร้อยแล้วเธอจึงคว้ากระเป๋าก้าวออกจากบ้าน แต่พอออกมายืนด้านนอกเงาหลอนของภูตหนุ่มก็ไหววูบวาบไปตามต้นไม้ หญิงสาวยืนนิ่งไม่ยอมขยับ มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่แหงนขึ้นมองยอดต้นมณฑาที่กำลังโยกตัวอย่างเชื่องช้าไปตามแรงลม หญิงสาวพึมพำเบาๆ
ภูธรา
*/*/*/*/*
เสียงลั่นเอี๊ยดของกิ่งไม้ที่เสียดสีกันเพราะแรงลมดึงความสนใจของภูธราให้หันไปมอง ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกเหมือนเป็นเสียงเรียกจากพิมมาดา แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ตนกำลังยืนอยู่กลางป่าเขาจึงละความสนใจและออกเดินทางต่อโดยมุ่งหน้าตรงไปยังจุดลึกและเร้นลับที่สุดของป่า สถานที่อันแปรียบเสมือนที่พำนักของเหล่าภูตคราม ขณะที่ร่างกำยำกำลังไหววูบผ่านไปตามต้นไม้ เงาสูงใหญ่อีกสายก็วิ่งเข้ามาขวาง คิ้วเข้มของภูตหนุ่มขมวดเข้าหากัน เขามองมฤตที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
มาขวางข้าทำไม
แล้วเจ้าล่ะ กลับมาที่นี่ทำไม
มฤตย้อนกลับด้วยคำถาม ภูธราไม่ตอบแต่กลับขยับตัวเพื่อจะเดินทางต่อ อีกฝ่ายรีบเคลื่อนตัวไปขวางราวกับรู้ทัน
เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลยภูธรา
น้ำเสียงของมฤตแฝงความขุ่นเคืองอย่างชัดเจน ภูธราชำเลืองมองเขาด้วยหางตาก่อนจะเอ่ยปากตอบอย่างไม่ใส่ใจ
ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า เขาเตรียมจะไปต่อแต่ต้องหยุดเมื่ออีกฝ่ายกางแขนขึ้นขวาง
ภูตครามที่ทิ้งป่า ย่อมไม่สมควรหวนกลับมาอีก
น้ำเสียงกระด้างจนเกือบจะกลายเป็นกรรโชก ภูธรามองเขาด้วยดวงตาเฉยชา
เจ้าไม่พอใจเพราะการกระทำของข้า หรือการกลับมาที่นี่อีกครั้งกันแน่ ภูตหนุ่มถามเสียงเรียบหากเป็นกังวลเรื่องตำแหน่งก็ขอให้สบายใจ เพราะข้าไม่สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด อีกอย่างสิ่งที่เจ้ากล่าวมาเมื่อครู่ ข้าจำไม่ได้ว่ามีบัญญัติเอาไว้
ไม่ใช่บัญญัติ หากแต่เป็นสามัญสำนึกและข้าเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องตำแหน่ง ที่พูดมาทั้งหมดเพราะไม่ชอบที่เจ้าหันหลังให้วิถีแห่งภูตเพื่อมนุษย์ สมควรแล้วหรือที่จะกลับมายังป่านี้อีกครั้ง
มฤตพูดอย่างมีอารมณ์ ภูธรานิ่งไปเล็กน้อยและถอนใจ
เจ้าเข้าใจผิดแล้วมฤต ข้าไม่เคยคิดที่จะละทิ้งความเป็นภูต เพียงแต่ทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาเท่านั้น
ทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา มฤตกล่าวเสียงเยาะ เจ้าคงหมายถึงการไปใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ ไร้สาระน่าภูธรา เจ้าก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าภูตครามไม่มีวันใช้ลมหายใจร่วมกับใครได้
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสมเพช ภูธรากำหมัดแน่นก่อนตัดสินใจพูด
ข้ารู้ดี ด้วยเหตุนี้ถึงต้องมาขอพบท่านวิษธร
มฤตอ้าปากเตรียมจะแย้งแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทรงอำนาจดังสะท้อนก้องไปทั่วป่า หากเป็นมนุษย์มันเป็นเพียงเสียงซู่ซ่าของใบไม้ยามกระทบสายลม แต่ในโสตของภูตครามแล้ว นั่นคือเสียงของหัวหน้าภูตคราม
จงหลีกทางให้ภูธรา
แม้จะไม่พอใจแต่มฤตจำต้องยอมหลีกทางให้แต่โดยดี เมื่อปราศจากผู้ขวางแล้วภูธราจึงเลื่อนกายผ่านต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นอย่างหนาแน่น ไปจนถึงลานดินกว้างแห่งหนึ่งซึ่งมีต้นสนอายุไม่ต่ำกว่าห้าร้อยปีงอกสูงตระหง่านอยู่กลางลาน ภายใต้เงาอันรกครึ้มคือร่างอันสง่างามของวิษธร
ข้ารอเจ้าอยู่ภูธรา
น้ำเสียงเนิบอย่างผู้ดำรงอำนาจมาเนิ่นนาน ภูตหนุ่มก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกับพูดด้วยความแปลกใจ
ท่านรู้
ผู้นำภูตครามพยักหน้ารับ
และยังรู้ด้วยว่า เจ้ามาด้วยเหตุใด ดวงตาคมปลาบจ้องผู้ที่อยู่ตรงหน้าแน่วนิ่งจากนั้นจึงกล่าวถามเสียงเรียบ
หญิงผู้นั้นมีค่ามากแค่ไหน
มากกว่าทุกสิ่ง ภูธราพูดเสียงหนัก วิษธรจึงถามต่อ
รวมถึงจิตวิญญาณของเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ
ภูตหนุ่มไม่ตอบแต่กลับผงกศีรษะรับ ผู้นำชนภูตครามนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินตรงไปยังต้นสนยักษ์และวางมือลงบนเปลือกที่หยาบกระด้างดุจผิวของมนุษย์ยามชรา
เจ้าเป็นภูตคราม ต้องดูดกลืนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อดำรงชีวิต คิดหรือว่ามนุษย์จะยอมรับความจริงในเรื่องนี้
พิมกำลังรอการกลับไปของข้า ภูธราพูด คิ้วของวิษธรเลิกสูงด้วยความแปลกใจ
นี่เจ้าสนิทกับนางจนถึงขนาดเรียกขานชื่อกันแล้วหรือ เขาหันกลับไปทางภูธรา แล้วหมายความว่าอย่างไรที่ว่ารอการกลับ
นางกล่าวกับข้าเช่นนั้น
ภูตหนุ่มตอบ สีหน้าของวิษธรฉายความคาดไม่ถึงออกมาและถูกปรับให้ราบเรียบปราศจากอารมณ์เหมือนดังเดิม
นางยอมรับเจ้าน้ำเสียงที่พูดแฝงความอัศจรรย์ใจเอาไว้อย่างเจือจาง แต่นั่นก็ยังไม่พอสำหรับการเป็นมนุษย์
ภูธรายืนนิ่ง ภาพใบหน้านองน้ำตาที่เขาไม่อาจซับให้แห้งเหือดได้หวนกลับเข้ามาในความทรงจำ ภูตหนุ่มกำมือแน่น
ข้าอยากปกป้องนางด้วยมือคู่นี้ เขาพูดพลางยื่นมือไปข้างหน้า ไม่ใช่มือภูตครามแต่เป็นมือของมนุษย์
คิดดีแล้วหรือที่พูดเช่นนั้น วิษธรกล่าวเสียงเรียบและถอนใจออกมาค่อนข้างหนักเมื่อเห็นภูธราพยักหน้ารับ
ความรัก ผู้นำชนภูตครามกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกระซิบก่อนจะแหงนหน้าขึ้น ดวงตาที่เคยดุดันฉายความเศร้าสร้อยออกมาจนภูธรานึกเอะใจ
ท่านวิษธร
ผู้ถูกเรียกเลื่อนสายตากลับมาที่เขา ประกายแห่งความปวดร้าวเต้นระริกอยู่ภายใน
แม้ภูตครามจะปราศจากความรู้สึกแต่ก็ใช่ว่าจะไร้ซึ่งจิตใจ ภูตครามบางตนได้พบรักกับมนุษย์แต่สุดท้ายก็ต้องลงเอยด้วยการจากพราก การได้เฝ้ามองสตรีอันเป็นที่รักอาจจะทำให้เจ้ามีความสุข แต่พอเนิ่นนานไปสิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นความเจ็บปวดที่คอยกัดกร่อนให้หัวใจผุสลาย สุดท้ายเจ้าก็จะต้องจมจ่อมอยู่กับความระทมทุกข์เพียงลำพังไม่มีวันได้พบกับแสงสว่างได้อีกเลย
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทำให้ภูธราบังเกิดความสงสัยขึ้นมาในทันที
หรือว่าท่าน
พูดได้เพียงเท่านั้นก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงระบายลมหายใจค่อนข้างหนักมาจากผู้นำของภูตคราม
เคยสงสัยหรือเปล่าว่าทำไมคนที่ชื่อแคล้วจึงรู้เรื่องของภูตคราม วิษธรถาม ภูตหนุ่มพยักหน้า
เขาเป็นพราน
ป่าแห่งนี้มีพรานอยู่ไม่น้อย แต่เหตุใดจึงมีเพียงเขาเท่านั้นหัวหน้าภูตครามกล่าวสวนขึ้นมาและมองภูธราที่กำลังยืนขมวดคิ้ว
ช่วงที่เจ้าเริ่มถือกำเนิด ข้าเพิ่งได้รับตำแหน่งหัวหน้าภูตคราม ยามนั้นความคิดของข้ายังแรงนัก อาจจะไม่แพ้มฤตในเวลานี้ วิษธรอมยิ้มน้อยๆเหมือนภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนกำลังเล่า มันคลายลงเมื่อเขากล่าวประโยคต่อไป
ข้าตระเวนไปทั่วจนกระทั่งได้พบกับสตรีนางหนึ่ง ชบาบุตรสาวคนเดียวของพรานคง
น้ำเสียงเต็มตื้นขณะที่เอ่ยชื่อของหญิงผู้นั้น ดวงตาเศร้าเมื่อครู่ทอประกายวาววับด้วยความยินดีแต่ชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นก็ดับวูบไป
ตอนนั้นนางกำลังช่วยลูกกวางติดหล่ม เพียงแรกเห็นความคิดที่จะกลืนพลังชีวิตของนางก็มลายหายไป ข้าเองก็ไม่เข้าในว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นรู้แค่ว่าเพียงแค่อยู่ใกล้ ใจของข้าก็จะสุขสงบ ครั้งแรกข้าทำได้แต่เพียงเฝ้ามองจนที่สุดก็ยอมปรากฏกายให้เห็น แน่นอนว่านางหวาดกลัวแต่พอเนิ่นนานไปหัวใจของเราทั้งคู่ก็พันผูกกัน
แล้วเหตุใดท่านจึงไม่หาวิธีเป็นมนุษย์เพื่อร่วมชีวิตกับนาง
ภูธราถามแทรกขึ้น วิษธรยืนนิ่งเหมือนกำลังกลืนกินความเจ็บปวดเข้าไปในลำคอก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงปวดร้าว
ข้าหาวิธีนั้นจนพบ แต่กลับไม่สามารถทำได้
ทำไม
วิษธรแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงและมองนิ่งอยู่นานก่อนจะพูดอย่างแผ่วเบา
เพราะมันไม่ใช่หนทางแห่งการอยู่ร่วม
ข้าไม่เข้าใจ
ผู้นำภูตครามลดสายตาลงและเลื่อนกลับมาทางภูธรา
พรานคงและข้าสามารถค้นหาวิธีการทำให้ภูตครามเป็นมนุษย์ได้ก็จริง แต่การกระทำเช่นนั้นจะทำให้พวกเราต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปจนตลอดกาล
คำพูดของวิษธรสร้างความกังขาต่อภูตหนุ่มเป็นอย่างยิ่ง เขาขยับเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างลืมตัว
โปรดอย่าพูดวกวนอยู่เลย รีบบอกมาเถิดว่าจะต้องทำยังไง
ใบหน้าของวิษธรเต็มไปด้วยความหมองหม่นอย่างที่ภูธราไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นความรู้สึกเช่นนี้จากเผ่าพันธุ์ภูตคราม
ภูตครามจะเป็นมนุษย์ได้ก็ต่อเมื่อ กลืนกินลมหายใจเฮือกสุดท้ายของคนที่ตนรัก เขามองสีหน้าตระหนกของภูตหนุ่มและกระตุกรอยยิ้มเศร้า
เมื่อรู้เช่นนี้แล้วยังอยากเป็นมนุษย์อยู่อีกเหรือเปล่า ภูธรา
*/*/*/*/*/*
นิยายเรื่องภูตครามตอนนี้ผ่านพิจารณาแล้วนะคะ ตอนนี้ก็รอปก แต่ยังไม่รู้กำหนดว่าจะวางจำหน่ายเมื่อไหร่ ยังไงมูนนี่ขอฝากผู้อ่านทุกท่านให้ความเมตตานักเขียนตัวน้อยๆคนนี้ด้วยค่ะ ^^
นายองอาจ รับทพระเอก ละครไทยหลังข่าวได้ดีมาก เอะอะอะไรก็เชื่อนางร้ายไว้ก่อน ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรก็ได้ สังเกตมามากนักต่อนักแล้ว พระเอกละครไทยหลังข่าวมักจะเป็นแบบนี้ หาที่มีไหวพริบหน่อยไม่ค่อยได้
หนูนง รับบทนางร้ายสะครหลังข่าวไทยเนียนมาก เป็นนางร้ายละครหลังข่าวต้องแบบนี้ แบบต่อหน้าต่อตานี่ล่ะ ฮี่ๆๆ ไม่ต้องซับซ้อน ดัคจริตเสียหน่อยพระเอกก็พร้อมจะหลับหูหลับตาเชื่ออยู่แล้ว
หนูพิม รับบทนางเอก ละครหลังข่าวได้แบบไม่มีที่ติ นางเอกละครหลังข่าวมาตรฐานต้องแบบนี้ โดนนางร้ายแกล้ง ก็ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าร้องไห้ เจ็บใจ เอะอะโวยวายก็ไม่ได้ เสียงอิมเมจนางเอกละครหลังข่าว
^__^.....
จากคุณ : GTW (GTW) - 5 5 5 มาคิดอีกทีจริงด้วย นี่มันตัวละครหลังข่าวชัดๆ โชคดีที่นายองอาจไม่ใช่พระเอก และภูธราก็เชื่อหนูพิมทุกอย่าง
ชอบใจความเห็นของคุณ GTW จัง จากคุณ : ขุนเขา (ขุนเขาแมกไม้) - เหมือนกันเลยค่ะ หุ หุ
สนุกมากกก แทบจะรอตอนต่อไปไม่ไหว >__< จากคุณ : Cookies 'n Cream Frappe - มาแล้วค่า ^^
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานของมูนนี่นะคะ
จากคุณ |
:
moony (Moony_Lupin)
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ส.ค. 55 07:50:18
|
|
|
|