แต่สิ่งที่ชื่นชอบมากที่สุดและเป็นชีวิตจิตใจของกำนันวรคือ วัวชน การเลี้ยงวัวชน เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนปักษ์ใต้ ใครที่สามารถเลี้ยงวัวชน หรือมีวัวชนชั้นดีในครอบครอง ถือว่าเป็นคนมีระดับ มีศักดิ์ศรีมากในท้องถิ่นและพื้นที่ เรียกว่า เหนือกว่าระดับ เถ้าแก่ หรือนายหัว (นายหัว เจ้าของกิจการ หรือหัวหน้างาน) เพราะค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงวัวชนก็แพง กับการต้องหาหญ้าชั้นดีกับมีพื้นที่ปลูกหญ้าพันธุ์ดี ไว้สำรองให้กับวัวชนได้กิน ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะต้องเป็น หญ้าปล้องเขียว
การจัดหาหรือคัดสายพันธ์ก็แพง การหาเด็กจูงวัวชน ไม่ใช่ใครก็จะไปจูงได้ เป็นอาชีพของคนที่มีเกียรติยศและมีศักดิ์ศรีมาก ยิ่งเวลาวัวชนชนะชัยได้รางวัลหรือชื่อเสียงกลับมา เกียรติยศและชื่อเสียงก็จะได้กลับมาที่ เจ้าของ วัวชน กับ เด็กจูงวัวชน ไม่ต่างกับการแข่งขันกีฬาในสมัยปัจจุบัน ที่มีการแจกรางวัลให้กับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายคน
เด็กที่จะทำหน้าที่เป็นเด็กจูงวัวชนได้นี้ ต้องมีการคัดสรรคัดเลือกกันเป็นอย่างดี ต้องมีความซื่อสัตย์อดทนและขยันขันแข็ง ต้องเป็นคนที่รู้กำลังวัว ในการเดิน การวิ่ง เพราะต้องพาวัวออกกำลังกายทุก ๆ วัน ทั้งก่อนการแข่งขันชนวัวและหลังการชนวัว จนกว่าวัวชนตัวนี้จะปลดระวาง หรือเลิกให้ชนวัวต่อไป
เรียกกันว่า การเป็นเด็กจูงวัวชน ต้องดูแลเอาใจใส่วัวชนเป็นอย่างดีมาก เหมือนกับโค้ชนักกีฬาทีเดียว ต้องบีบนวดวัว เทียบวัวชน ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ดูแลไม่ให้ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม มากกว่าการดูแลสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เสียอีก พอ ๆ กับคนเลี้ยงไก่ชน (แต่งานหนักมากกว่า) ยิ่งถ้าเล่นของ หรือเครื่องรางของขลังได้ ยิ่งค่าตัวแพง
มีอดีตนักการเมืองท้องถิ่นหาดใหญ่คนหนึ่ง ตำแหน่งสุดท้ายได้เป็นผู้นำระดับสูงของการเมืองท้องถิ่น เคยเป็นเด็กจูงวัวชนของกำนันวร ทวีรัตน์ มาก่อน ชื่อเสียงโด่งดังมาก คนในหาดใหญ่จะรู้จักดี การพนันขันต่อในสมัยก่อนเดิมพันค่อนข้างสูงมากเช่นกัน
สมัยก่อนเล่นกันหลักหมื่น ถ้าเทียบกับค่าเงินสมัยนี้ร่วม ๆ ล้านบาท เทียบกับดัชนีชี้วัดทองบาทละสี่ร้อยบาท ข้าวแกงจานละบาทสองบาท รถจักรยานยนต์คันละไม่เกินสี่ถึงห้าพันบาท ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้วัวชนตัวดี ๆ เวลาเข้าแข่งขันหรือชนกันในแต่ละครั้ง ค่าติดปลายเขา ไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาททีเดียว
การเลี้ยงวัวชน ต้องมีหญ้าพันธุ์ดีในการเลี้ยงวัว ทำให้กำนันวรต้องปลูกหญ้าไว้สำหรับการนี้ แกเลยไม่ได้หวง แต่ไม่ชอบให้ใครมาตัดง่าย ๆ มีครั้งหนึ่ง พ่อตาของคนแถวคลองหวะ นำฝูงวัวหนีน้ำท่วมมาเลี้ยงแถวป่ายางในคลองหวะ เห็นหญ้าในป่ายางพาราขึ้นงอกงามดีและสวยอวบอ้วน ก็ลงมือตัดเป็นการใหญ่ เพื่อนำไปเลี้ยงวัวของแก
สักพัก กำนันวร เดินผ่านมาเห็นเลยตะโกนบอกว่า เฮ้อ ต่อโพก (พรุ่งนี้) อย่ามาตัดแล้วนะ ตัดให้พอแล้วหลบบ้าน (กลับบ้าน) เลยนะ พ่อตาของคนแถวบ้านนั้นไม่ว่าอะไรหรือตอบโต้ ตอนเย็นกลับบ้านแล้วเลยบอกลูกเขยว่า มีจีนคนมาไล่ไม่ให้ตัดหญ้าในสวนแก ลูกเขยเลยบอกว่า นั้นแหละกำนันวร ตัวแกขาว ท้วมแข็งแรงอย่างนั้นแหละ นี่ดีที่แกไม่เอาเรื่อง แกหวงหญ้าของแกอิตาย
คำเรียกขานว่า จีนมาไล่ เป็นการให้เกียรติหรือไม่ใช่คำดูถูกทางชนชั้น เพราะถ้าเจอลูกหลานคนจีน ที่ประเภทฆ่าได้หยามไม่ได้ หรือประเภทคนเลือดร้อนถูกเรียกว่า เจ๊ก เผลอ ๆ อาจจะได้เรื่องหรือได้เลือดในบางแห่ง
เนื่องจากเป็นคำเหยียดหยามหรือดูถูก ที่มีการสั่งสอนอบรมกันมาในครอบครัวชาวจีนบางกลุ่ม เพราะมี หนังสือเจ๊กแห่งบูรพา หรือ การโฆษณาชวนเชื่อสมัยหลวงวิจิตรวาทการ ที่มักจะก่นด่าคนจีนสมัยก่อนว่า เจ๊ก
ภาพประกอบจาก www.krungshing.com
จากคุณ |
:
ravio
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ส.ค. 55 12:46:45
|
|
|
|