Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Mission Failed ตอนที่ 7 ซินเดอเรลล่า ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 1 ฟาเบียน ฮาร์เดนเบิร์ก
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12293747/W12293747.html#1

ตอนที่ 2  การเริ่มต้นของภารกิจลับ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12334368/W12334368.html

ตอนที่ 3  ไม่ใช่ฉันที่กำลังฝัน
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12357497/W12357497.html

ตอนที่ 4 ผู้ทรยศ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12396990/W12396990.html#1

ตอนที่ 5 อัลฟ่าใหม่
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12441157/W12441157.html

ตอนที่ 6 คุณหญิงโซเฟีย คไลน์เฟลด์
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12478708/W12478708.html#1



ตอนที่ 7 ซินเดอเรลล่า



“พี่สาวเป็นฆาตกร...”

“แต่การฆ่าคนเลวไม่ใช่เรื่องผิด เพราะฉะนั้น พี่สาวไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ”

เสียงใสๆของเด็กหญิงแปดขวบซึ่งนั่งอยู่ข้างๆฉันบนม้านั่งในลานจอดรถขององค์กรอัลฟ่าดังขึ้น ในขณะที่ฉันพยายามทำเป็นเมินเฉยต่อการมีตัวตนของเธอ

ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่า คุณหญิงโซเฟีย คไลน์เฟลด์... นั่นเป็นอุบัติเหตุที่ฉันคาดไม่ถึง...

แต่อย่างไรก็ตาม... ข้างในลึกๆฉันยอมรับว่า ฉันดีใจที่ตนเองยังมีชีวิตอยู่...

เมื่อแอนแอนเห็นฉันนิ่งเงียบไม่ได้พูดตอบอะไร เธอจึงค่อยๆก้มหน้ามองดูพื้นดินพร้อมแกว่งเท้าทั้งสองข้างของเธอไปมาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ฉันได้ยินเสียงเธอพึมพำร้องเพลงอัลฟาเบทของเด็กที่แสนคุ้นหู...

“เอ บี ซี ดี อี เอฟ จี... เอช ไอ เจ เค คิว เอ็ม เอ็น โอ พี...”

เธอหยุดร้องอยู่แค่นั้นเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเหมือนกับว่าเธอกำลังมุ่นอยู่กับการใช้ความคิด

ฉันรู้สึกเอะใจ เหมือนกับว่า มีอะไรบางอย่างผิดปกติไป

“นี่ แอนแอน เมื่อกี้นี้เธอร้องว่าอะไรนะ...” ฉันถามเด็กหญิงด้วยความสงสัย ในขณะที่เธอไม่ได้แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักเล็กๆ เธอเริ่มร้องเพลงเด็กประโยคเดิม ด้วยโทนเสียงเดิมอีกครั้ง

“เอ บี ซี ดี อี เอฟ จี... เอช ไอ เจ เค คิว เอ็ม เอ็น โอ พี...”

ทันทีที่เด็กหญิงร้องเพลงประโยคเดิมจบ ฉันหลุดขำเบาๆออกมาจากลำคอทันที ฉันขำในสิ่งที่ตนเองเพิ่งจะสังเกตเห็น

“นี่ แอนแอน รู้ไหม จริงๆแล้วเธอต้องร้องว่า เอ บี ซี ดี อี เอฟ จี... เอช ไอ เจ เค `แอล´ เอ็ม เอ็น โอ พี... แล้วจากนั้นจึงตามมาด้วย คิว...”

แต่เด็กหญิงแอนแอนก็ยังคงนั่งนิ่ง...

ฉันมองดูเด็กหญิงอย่างไม่เข้าใจ... แต่แทนที่จะพูดถามอะไรออกไป ฉันกลับรอให้เด็กหญิงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน

“หนูร้องเพลงอัลฟาเบทแบบผิดๆมาตลอด... แต่ไม่ยักกะเคยมีใครสังเกตเห็นว่าหนูร้องผิด... ไม่เคยมีใคร... สนใจหนู... ไม่เคยมีใคร... อยากคุยกับหนู... ไม่เคยมีใคร... อยากเป็นเพื่อนกับหนู...” เด็กหญิงพูดพร้อมค่อยๆหันหน้ามาสบตาฉัน ใบหน้าของเธอไม่ได้แสดงรอยยิ้มสดใสร่าเริงเกินเหตุเหมือนที่เธอทำเป็นประจำ สายตาแน่นิ่งของเธอที่จ้องมองมายังฉันบ่งบอกให้ฉันเห็นตัวตนอีกมุมหนึ่งของเด็กหญิงแอนแอน ที่ไม่สามารถพบเห็นบ่อยได้นัก

ฉันยิ้มเล็กน้อยให้กับเธอ

“นี่... แอนแอน เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ เรื่องมันเป็นยังไงมายังไง ก่อนที่เธอจะเข้ามาร่วมงานกับอัลฟ่า...”

เด็กหญิงจ้องมองดูฉันเหมือนพยายามชั่งใจว่าเธอควรจะเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังหรือไม่... เธอลังเลอยู่พักใหญ่ๆ จนในที่สุด เธอเริ่มกล่าวขึ้น

“ตั้งแต่ที่หนูจำความได้ อลิเซียก็ดูแลหนูมาตลอด... เธอบอกหนูว่า หนูเป็นเด็กที่เก่งและไม่เหมือนใคร... หนูเพียงแต่ต้องได้รับการฝึกฝน...”

ฉันฟังแอนแอนด้วยความตั้งใจ... หลังจากที่ได้ยินแอนแอนพูดถึงผู้ช่วยสาวสวยของชายหน้ากากสีขาว ทำให้ฉันเริ่มตระหนักได้ว่า ฉันมักจะเห็นแอนแอนอยู่ใกล้ๆกับอลิเซียเป็นประจำ

“ตั้งแต่นั้นมา อลิเซียก็ให้หนูฝึกหนัก ทั้งด้านการต่อสู้ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ รวมถึงการฆ่าคน และการคดโกงเพื่อเอาตัวรอด... และที่สำคัญ... อลิเซียให้หนูกินยาเม็ดสีชมพูเป็นประจำ... เธอบอกว่า... นั่นจะทำให้หนูมีพละกำลังแข็งแรงกว่าเด็กคนอื่นๆ...”

เด็กหญิงเว้นจังหวะเล็กน้อย... ฉันเห็นเธอกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง เหมือนกับว่า เธอรู้สึกหนักใจกับอะไรบางอย่าง...

“ต่อมา หนูได้เจอกับพี่ไบรอัน... พี่ไบรอันได้ตกลงร่วมมือกับพวกเราในการเข้าแย่งชิงตำแหน่งอัลฟ่าจากอัลฟ่าเก่า แต่ปัญหาก็คือ... พี่ฟาเบียนที่ไม่มีทางหักหลังดอกเตอร์อิริค จะต้องถูกกำจัดออกให้พ้นทางเพื่อให้พี่ไบรอันได้ขึ้นแทนตำแหน่งของเขา...”

ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกแน่นอยู่ที่คอเมื่อได้ยินสิ่งที่เด็กหญิงเล่าให้ฟัง... มันช่างเป็นข้อเท็จจริงที่น่าเศร้าเหลือเกิน ที่ต้องรับรู้ว่า... ไบรอันหักหลังพี่ชายของเขาอย่างเลือดเย็น ภาพที่ไบรอันสับไกปืนเพื่อหมายเอาชีวิตของฟาเบียน... ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของฉัน...

แอนแอนดูเหมือนจะอ่านความคิดของฉันออก เธอเว้นจังหวะให้ฉันได้สรุปไล่เรียงเหตุการณ์ด้วยตัวเองอยู่สักพัก จนกระทั่งเมื่อฉันและเธอมองเห็นร่างของสาวสวยเจ้าของใบหน้าไร้ความรู้สึก อลิเซีย กำลังเดินมายังจุดที่พวกเรานั่งอยู่ เด็กหญิงขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆด้วยเสียงกระซิบเพื่อแอบไม่ให้อลิเซียได้ยิน

“พี่สาวคะ... พี่สาวต้องระวังพี่ไบรอันไว้ให้ดีนะคะ... หนูรู้ว่าพี่สาวสนิทกับพี่ไบรอัน... แต่ พี่ไบรอันมีวิธีการทำงานที่แนบเนียนและเลือดเย็นมากกว่าที่พี่สาวคิด...”

“แอนแอน” เสียงเรียกที่แสนไพเราะของอลิเซียดังขึ้น ฉันสังเกตเห็นเธอยืนอยู่ห่างจากพวกเราประมาณห้าเมตร และหวังว่านั่นไกลเพียงพอที่เธอจะไม่ได้ยินบทสนทนาของฉันและแอนแอน

เด็กหญิงปั้นสีหน้าที่เต็มไปด้วยยิ้มหวานสดใสอีกครั้ง... ก่อนที่จะกระพริบตาหนึ่งข้างให้กับฉันเหมือนว่านี่เป็นความลับระหว่างฉันและเธอ... เธอกระโดดลงจากม้านั่งไม้ที่สูงเกินกว่าที่ขาของเธอจะแตะถึงพื้นอย่างคล่องแคล่ว แล้วกึ่งเดินกึ่งเต้นไปหาอลิเซียด้วยความร่าเริงแจ่มใส เธอกล่าวทักทายอลิเซียด้วยเสียงหวานๆของเธอ

“ได้เวลาทานยาอีกแล้วใช่ไหมคะ พี่อลิเซีย?”

เด็กหญิงยื่นมือเล็กๆของเธอไปจับกับมืออันเนียนนุ่มของอลิเซีย... ใบหน้าของหญิงสาวยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดๆ... แล้วบุคคลทั้งสองก็เดินจากไป...



*******************************************



แสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิลาลับขอบฟ้า ดวงจันทราครึ่งเสี้ยวผาดโผนฉายส่องท่ามกลางดวงดาวที่โผล่มาให้เห็นประปราย ฉันนั่งอยู่ในร้านอาหารเล็กๆในเมืองโคโลญ ย้อนนึกถึงสิ่งที่เด็กหญิงได้เล่าให้ฉันฟัง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแอนแอนถึงเตือนฉันให้ระวังตัวจากไบรอัน ทั้งๆที่สำหรับฉันแล้ว ไบรอันคือคนที่ฉันไว้ใจมากที่สุดในอัลฟ่า

หลังจากที่ฉันสั่งอาหารสำหรับมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว พนักงานยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ตามปกติ ในขณะที่กำลังรออาหารที่สั่งไปอยู่นั้น ฉันเหลือบมองผ่านหน้าต่างบานเล็กๆของร้านอาหารไปยังร่างของหญิงสาวที่กำลังเดินบนทางเดินริมถนน ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อน...

แต่เมื่อนึกไม่ออก ฉันจึงล้มเลิกความตั้งใจ จนกระทั่งพักเล็กๆต่อมา พนักงานเสิร์ฟสาวน้อยยก สเต็กเนื้อกวางกับมันฝรั่งบด อาหารจานโปรดของฉันมาเสิร์ฟบนโต๊ะ และในวินาทีนั้นเอง ฉันกลับจำใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นขึ้นมาได้...

เธอ... คือหญิงสาวที่รับแก๊สพิษคนแรก ในห้องทดลองลับของบริษัท คไลน์เฟลด์ เมดิซีน นี่นา !

แต่ว่า ทำไมเธอกลับไม่มีบาดแผลพุพองบนใบหน้าและลำตัวเหมือนตอนที่ฉันเห็นเธอครั้งสุดท้าย? หรือว่า นั่นเป็นเพียงแค่ใครสักคนที่หน้าตาเหมือนเธอ ? ฝาแฝดของเธอ ?

หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟนำอาหารมาวางบนโต๊ะเรียบร้อยตามปกติ ฉันรีบสั่งเช็คบิลทันที พนักงานสาวน้อยทำหน้างงๆ และเผยอริมฝีปากเหมือนกำลังจะพูดอะไร แต่ฉันรีบตัดบทโดยการยื่นแบงค์ห้าสิบยูโรสองใบให้เธอ พร้อมบอกว่า ที่เหลือเป็นทิปสำหรับเธอ แล้วฉันก็รีบเดินออกจากร้านอาหารไปทันที

ฉันแอบสะกดรอยตามหญิงสาวผู้นั้น และเห็นเธอเดินเลี้ยวเข้าไปในบาร์เล็กๆแห่งหนึ่ง ฉันรีบเดินตามเข้าไป แต่เมื่อเข้าไปข้างในแล้ว หญิงสาวกลับคลาดจากสายตาของฉันไป ฉันพยายามมองหาเธอจนทั่ว แต่ก็ไม่พบร่องรอยและวี่แววของเธอ

แต่ทว่า... ฉันกลับพบบุคคลสองคนที่ฉันไม่คาดฝันว่าจะเจอ... ไม่คาดฝันว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกัน... ไบรอัน และ ฟาเบียน

พวกเขาเดินเข้ามาในบาร์ แล้วไปนั่งที่เคาท์เตอร์ หลังจากที่พวกเขาสั่งเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว ฉันเห็นไบรอันและฟาเบียนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม เหมือนคนที่ไม่ได้มีเรื่องราวบาดหมางต่อกัน... เหมือน... คนที่ไม่เคยคิดจะฆ่ากัน...

และนั่น... คือสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ...

ฟาเบียน และไบรอัน ที่ฉันมองเห็นตอนนี้ กลับไม่เหมือน ฟาเบียน และ ไบรอัน ที่เมื่อวันก่อนต่างฝ่ายต่างหมายเอาชีวิตซึ่งกันและกัน... หญิงสาวที่ฉันเคยเห็นในห้องทดลองลับที่บริษัท คไลน์เฟลด์ เมดิซีน ไม่ได้กลายร่างเป็นอมนุษย์อย่างที่ฉันเข้าใจ...

ทุกอย่างช่างเหมือนกับว่า... เหตุการณ์ตอนที่ฉันอยู่ในร่างของคุณหญิง โซเฟีย คไลน์เฟลด์ ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เป็นเพียงแค่ความฝัน!?

ฉันรู้สึกสับสน... และพยุงร่างของตนเองที่รู้สึกหมดแรงขึ้นมากระทันหันไปนั่งลงบนเก้าอี้ตรงเคาท์เตอร์ ทิ้งระยะห่างจากไบรอัน และ ฟาเบียนพอสมควร พวกเขายังคงไม่เห็นฉัน...

ทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงประกาศบนเวทีดังขึ้น ดึงความสนใจของทุกคนในบาร์ให้จับจ้องอยู่ที่โฆษกผู้ประกาศบนเวที

“ท่านสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษ วันนี้เรามีรายการพิเศษจะนำเสนอ... และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลายืดเยื้อ ขอเชิญทุกท่านพบกับการแสดงสุดอลังการของ... ซินเดอเรลล่า”

เสียงปรบมือและโห่ร้องของผู้คนในบาร์ดังขึ้น ชายโฆษกเดินลงจากเวที ไฟที่เวทีดับลงสักพักเล็กๆ จากนั้น ไฟไฮไลท์ฉายส่องไปที่ร่างของหญิงสาวในชุดเจ้าหญิงกระโปรงสั้น ดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้นเป็นเพลงช้า ๆ แต่จังหวะกระชับ ร่างของ “ซินเดอเรลล่า” ขยับอย่างเยินยวนตามจังหวะดนตรี ดึงให้สายตาของสุภาพบุรุษทุกคนในบาร์มองดูลีลาการเต้นของเธออย่างแทบไม่กระพริบตา แทบไม่หายใจ ไม่เว้นแม้แต่ไบรอันและฟาเบียน...

ฉัน เช่นกัน มองดูการแสดงบนเวทีอย่างใจจดใจจ่อ ร่างของ “ซินเดอเรลล่า” ที่ขยับมาใกล้ขอบเวทีที่ไฟค่อนข้างสว่าง... ทำให้ฉันมองเห็นใบหน้าของเธอชัดเจน

ใบหน้าที่ปราศจากแผลพุพอง...

ฉันมั่นใจว่าเธอคือหญิงสาวคนนั้นแน่นอน คนที่ฉัน เข้าใจว่าเคยเห็นในห้องทดลองลับในบริษัท คไลน์เฟลด์ เมดิซีน...

ฉันรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง... พยายามหยิกที่มือของตัวเองเพื่อทดสอบว่าตนเองฝันไปหรือไม่... ฉันไม่เข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างช่างเหมือนจริง ความเจ็บปวดที่รู้สึกได้จริง ทุกสิ่งที่ฉันได้เห็นและได้ยินช่างเหมือนจริง... แต่ทำไม... ทำไม เหตุการณ์ในวันนี้ และ วันก่อนช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิน...

เสียงเพลงหยุดลง เสียงปรบมือจากผู้ชมในบาร์ดังกระหึ่ม ฉันเห็นชายร่างใหญ่คนหนึ่งเดินเข้าไปหา ซินเดอเรลล่า ที่ด้านหลังเวที เช่นเดียวกับฟาเบียน ที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตามเข้าไปเงียบๆ...

แต่ฉันมองไม่เห็นไบรอัน... เขาไม่ได้เดินไปกับฟาเบียน และไม่ได้นั่งอยู่ตรงที่นั่งของเขา...

“ว่าไงสาวน้อย เธอมาทำอะไรที่นี่?” เสียงทักที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง ทำให้ฉันสะดุ้งตกใจ

“ไ...บ ร... ไบรอัน... เฮ้...” ฉันหันหลังไปมองร่างสมส่วนของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขายิ้มให้ฉันเล็กน้อย

“คุณนี่... มักจะอยู่ถูกที่ถูกเวลาตลอดเลยนะ” ไบรอันกล่าวพร้อมหัวเราะเบาๆในลำคอ

“เอ่อ... นั่นสิ...” ฉันยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยให้ไบรอัน เว้นจังหวะสักพัก แล้วจึงถามถึงสิ่งที่ฉันรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ “นี่ ไบรอัน... ฉันเห็นคุณมากับ... ฟาเบียน ?”

ไบรอันไม่ได้ตอบอะไรในทีแรก เขายิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร สักพัก เขากล่าวต่อ

“ผมและฟาเบียนมาตามสืบอะไรบางอย่าง...” ไบรอันเว้นจังหวะเล็กน้อย ฉันเห็นสายตาของเขาชำเลืองไปทางด้านหลังเวที ที่ที่ฟาเบียนเดินเข้าไป “ผมต้องไปแล้ว แอนนามาเรีย...”

ไบรอันเดินหันหลังจากฉันไป... ฉันรีบจ่ายเงินค่าเครื่องดื่ม แล้วแอบเดินตามเขาไปเงียบๆ ห่างๆ ไบรอันเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าฉันเดินตามเขามา

ฉันเดินตามไบรอันเข้าไปที่ห้องด้านหลังเวที ที่ฟาเบียนรอน้องชายของเขาอยู่ สายตาอันคมกริบของฟาเบียนชำเลืองมองมาสบตาฉันเสี้ยววินาทีหนึ่ง ฉันรีบหลบสายตาของเขาทันที... นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้สบตาเขา ฟาเบียน ฮาร์เดนเบิร์ก ตัวจริง

ไบรอันเดินเข้าไปหาฟาเบียน เขาทั้งสองมองตากันเล็กน้อย และพยักหน้าให้กันเหมือนพวกเขาสามารถอ่านใจกันได้โดยปราศจากคำพูด... ฉันเดินตามไบรอันและฟาเบียนออกจากห้องหลังเวที ไปตามทางเดินเล็กๆที่สองข้างทางเรียงรายไปด้วยห้องพักสำหรับให้แขกในบาร์เช่าเพื่อทำกิจกรรมยามค่ำคืน ไบรอันและฟาเบียนเดินมาหยุดตรงหน้าห้องหมายเลข 116 เขาทั้งสองคนชักปืนพกที่แอบนำเข้ามาในบาร์กำไว้แน่นเตรียมพร้อมอยู่ในมือ พร้อมแนบตัวกับกำแพง แอบเงี่ยฟังเสียงที่อยู่ในห้อง ฉันรีบทำตามทันที

ในตอนแรก... ฉันไม่ได้ยินอะไรมากไปกว่าเสียงของหญิงสาวและชายหนุ่มบรรเลงบทรักพิศวาท... แต่สักพัก ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างในห้องผิดปกติไป... ชายหนุ่มเริ่มร้องพึมพำด้วยเสียงผวา ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงดังโครมครามเหมือนคนต่อสู้กันอยู่ในห้อง และจบท้ายด้วยเสียงร้องอย่างโอดครวญของชายหนุ่ม ซึ่งหากไม่ฟังดูดีๆแล้ว ก็อาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเสียงร้องครางของคู่รักบนเตียง

ฟาเบียน และ ไบรอัน รีบถีบพังประตูบุกเข้าไปในห้อง พวกเขายิงปืนที่ต่อกับกระบอกเก็บเสียงกระหน่ำเข้าใส่ใครสักคนในนั้น ฉันรีบวิ่งตามเข้าไปดู และต้องตกใจกับภาพที่เห็น

ซินเดอเรลล่า กลายร่างเป็น อมนุษย์ในชุดเจ้าหญิง ที่ใบหน้าและลำตัวเต็มไปด้วยแผลพุพอง เธอไม่สะทกสะท้านต่อกระสุนที่ถูกกระหน่ำยิงเข้าใส่ทั้งที่ลำตัว แขน ขา และใบหน้า เธอแยกเขี้ยวที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วกระโจนเข้าใส่ฟาเบียน ทำให้ปืน กล็อค 19 ของเขาหลุดจากฝ่ามือกระเด็นมาตกลงใกล้ๆกับเท้าของฉัน ฉันรีบหยิบปืนขึ้นมา แต่ไม่สามารถเล็งไปยัง อมนุษย์ซินเดอเรลล่าที่กำลังปล้ำสู้อยู่กับฟาเบียน ไบรอันพยายามเข้าไปช่วย แต่พละกำลังของอมนุษย์ดูเหมือนจะมากกว่าพละกำลังของมนุษย์ธรรมดา ในขณะที่ทุกอย่างกำลังสับสนอลเวงอยู่นั้น ฉันเห็นไบรอันพยายามยิงไปที่ศีรษะของอมนุษย์ซินเดอเรลล่า แต่ดูเหมือนว่า นั่นก็ยังไม่สามารถหยุดอมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตาม เธอเปลี่ยนเป้าหมายของฟาเบียนมาเป็นไบรอัน ฉันจึงรีบฉวยโอกาสระหว่างที่เธอกำลังเดินเข้าไปหาไบรอัน เล็งไปที่หัวใจของอมนุษย์ซินเดอเรลล่าและสับไกโดยภาวนาขอให้โดนเป้าหมาย

พิ้ว!

เสียงปืนกล็อค 19 ที่เชื่อมต่อเข้ากับกระบอกเก็บเสียงดังขึ้นหนึ่งนัด กระสุนวิ่งเข้าเจาะกลางหัวใจของอมนุษย์ ปิศาจสาวล้มลงคาที่

ไบรอัน และ ฟาเบียน มองมาที่ฉัน ฉันเห็นไบรอันเลิกคิ้วทั้งสองข้างเหมือนประหลาดใจในฝีมือการยิงปืนของฉันที่ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้น ในขณะที่ฟาเบียนพยายามแอบซ่อนรอยยิ้มที่แฝงอยู่บนใบหน้าสุขุมลึกของเขา

ฉันก้มลงมองร่างของอมนุษย์ซินเดอเรลล่าที่ล้มลงกับพื้น... หัวใจของเธอหยุดเต้น... ร่างของเธอแน่นิ่งและไม่ขยับเขยื้อน

แต่ที่สำคัญที่สุด... เหตุการณ์นี้ช่วยยืนยันว่า... สิ่งที่ฉันเห็นในห้องทดลองลับของบริษัท คไลน์เฟลด์ เมดิซีน เป็นเรื่องจริง!

“ดูเหมือนว่า บริษัทคไลน์เฟลด์ เมดิซีน จะคิดค้นพบยาที่สามารถทำให้อมนุษย์ตัวนี้กลับกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ในเวลาที่จำกัด...” เสียงของไบรอันดังขึ้น

“ซินเดอเรลล่า พวกเขาตั้งชื่อนี้ให้กับเธอ เพราะเธอสามารถอยู่ในร่างของมนุษย์สาวสวยได้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ...” ฉันกล่าวเสริมสรุปความ

ไบรอันพยักหน้าให้ฉันเบาๆ แล้วกล่าวขึ้น

“แอนนามาเรีย คุณควรรายงานเรื่องนี้กลับไปยังศูนย์ข้อมูลกลางของอัลฟ่า...”

ฉันมองดูใบหน้าของไบรอันอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ทำไมต้องเป็นฉัน? ทำไมเขาไม่คิดที่จะรายงานเรื่องนี้กลับไปยังอัลฟ่าด้วยตัวเอง?

ไบรอันดูเหมือนจะอ่านใจฉันออก เขากล่าวต่อ

“แอนนามาเรีย... ผมจะไม่กลับไปยังอัลฟ่าอีกแล้ว... ผมตัดสินใจ... ผมจะหนีไปกับพี่ชายของผม...”

“อะไรนะ!?” ฉันกล่าวขึ้นเสียงหลงด้วยความตกใจ “แต่ว่า... ไบรอัน... คุณ... คุณ...”

ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะพูดอะไรออกไป... ได้แต่อ้ำอึ้งและงงงวยกับสิ่งที่ได้ยิน

ไบรอันขยับเข้ามาใกล้ฉัน เขาเอามือแตะที่แก้มของฉันเบาๆ แล้วกล่าวขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน

“แอนนามาเรีย... ผมได้รับคำสั่งจากชายหน้ากากสีขาวให้ตามล่า และ ฆ่า ฟาเบียน และนั่นคือสิ่งที่ผมสัญญาบอกกับตัวเองว่า ผมจะลั่นไกปืนใส่พี่ชายของผมเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น... และหากว่านั่นไม่สำเร็จ ผมจะไม่มีทางทำอีกครั้งเป็นอันขาด... แม้จะต้องแลกกับชีวิตของผมก็ตาม”

ไบรอันเว้นจังหวะเล็กน้อย เขาค่อยๆลดมือลงมาแตะที่ไหล่ของฉัน แล้วกล่าวขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม

“กฎของอัลฟ่าใหม่สำหรับมือสังหารอย่างผม... ในกรณีที่ผลของภารกิจออกมาเป็น `Mission Failed´ พวกเราต้องรับผิดชอบด้วยชีวิต... และสำหรับภารกิจที่ผมได้รับมอบหมาย... ผมไม่มีทาง... และไม่มีวัน... ที่จะทำมันได้สำเร็จได้อีกต่อไป...”

ฉันมองดูไบรอันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ รู้สึกเหมือนตนเองมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบต่อภารกิจที่ล้มเหลวของไบรอัน เนื่องจาก ถ้าหากว่า วันนั้น ฉันไม่ได้เอาตัวเข้าไปขวางกระสุนปืนของเขาที่พุ่งเข้าหาฟาเบียน ภารกิจของเขาก็คงสำเร็จลุล่วงไปแล้ว... แต่แน่นอน นั่นหมายความว่า... ฟาเบียนก็จะไม่ได้ยืนหายใจอยู่ใกล้ๆกับฉัน ณ ที่ตรงนี้ เวลานี้

แม้ในใจลึกๆฉันรู้สึกดีใจที่สองพี่น้องคืนดีกัน... แต่ทว่า... ฉันกลับรู้สึกเสียใจที่ถูกทิ้งให้อยู่ในอัลฟ่าคนเดียว... อัลฟ่าใหม่ ที่ฉันไม่เคยคิดอยากร่วมงานด้วยเลยตั้งแต่เริ่มแรก

“ก็ได้... ฉันจะรายงานเรื่องความคืบหน้าของบริษัท คไลน์เฟลด์ เมดิซีน ไปยังศูนย์กลางของอัลฟ่า... แต่ว่า... พวกคุณจะต้องยอมให้ฉันหนีไปด้วย” ฉันรีบฉวยโอกาสและยื่นคำขาดทันที

“ไม่ได้!” ไบรอันกล่าวคัดค้านเสียงแข็ง “มันอันตรายเกินไปสำหรับคุณ แอนนามาเรีย”

ฉันถอยหลังผละตัวออกจากไบรอัน แล้วยกปืนที่ถืออยู่ในมือจ่อที่ศีรษะของตัวเอง นิ้วชี้ของฉันวางอย่างเตรียมพร้อมที่ไกปืน

ฟาเบียนที่ดูเหมือนจะรู้ทัน ขยับตัวเล็กน้อยโดยหมายจะแย่งปืนจากมือฉัน แต่ทันทีที่เขาขยับเข้ามาใกล้ ฉันกล่าวห้ามด้วยเสียงแข็งจริงจังพร้อมเพิ่มแรงกดของนิ้วชี้บนไกปืนมากขึ้น

เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่

“ได้โปรด... แอนนามาเรีย... อย่าทำแบบนี้...” เสียงของไบรอันสั่นเครือ... ทำให้ฉันรู้ว่าแผนการกดดันของฉันใช้ได้ผล

“ตั้งแต่แรกแล้วไบรอัน ฉันสมควรที่จะตกอยู่ในสภาพหนีการตามล่าเช่นกันหากคุณไม่ขอร้องให้ฉันเข้าร่วมงานกับอัลฟ่า... และตอนนี้ คุณคิดจะทิ้งฉันไปง่ายๆ... ไม่มีทาง ไบรอัน... หากคุณไม่ยอมให้ฉันหนีไปด้วยละก็...” ฉันกล่าวเสียงแข็ง พร้อมกระชับมือที่ถือปืนอยู่ให้แน่นมากยิ่งขึ้น

ฉันเห็นไบรอันกลืนน้ำลายลงคอ ในขณะที่ฟาเบียนแสดงสีหน้า... เย็นชา...

“ก็ได้...” เสียงของไบรอันกล่าวขึ้นอย่างจนปัญญา... แต่ฟาเบียนยังคงเงียบ...

เพียงครู่เล็กๆต่อมา ฟาเบียนเดินตรงเข้ามาหาฉัน สายตาของเขาจ้องมองมาที่ฉันอย่างท้าทาย... เขาไม่ยอมหยุดเดินแม้ว่าฉันจะขู่ด้วยการเพิ่มแรงกดของนิ้วชี้ลงบนไกปืนมากขึ้น

และนี่คือวินาทีที่ฉันต้องตัดสินใจ...

ฉันถอยหลังหนึ่งก้าวโดยหวังจะยื้อเวลาให้กับตัวเอง แต่นั่นกลับทำให้ฟาเบียนรู้ว่าฉันไม่คิดที่จะยิงตัวเองจริงๆ เขาฉวยจังหวะตรงรี่เข้าแย่งปืนไปจากมือของฉันได้สำเร็จ

ฉันกัดริมฝีปาก... เจ็บใจที่ตนเองพ่ายแพ้

“ผมเสียใจด้วย แอนนามาเรีย แต่ผมยอมให้คุณหนีไปกับพวกเราไม่ได้” ฟาเบียนกล่าวขึ้นด้วยเสียงทุ้ม กระชับ ของเขา

“ได้โปรดเถอะ... ฟาเบียน... ฉันไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ” ฉันพยายามใช้น้ำเสียงและสายตาอ้อนวอน โดยหวังว่าจะทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนลงได้บ้าง

และนั่นได้ผลจริงๆ ฟาเบียนดูเหมือนจะลังเลอยู่สักครู่ และนั่นมากพอ ที่ฉันจะขอยืมมือไบรอันเพื่อเข้ามาช่วยเสริม

“ได้โปรด... ไบรอัน... เมื่อสักครู่นี้คุณรับปากฉันแล้วด้วย...” ฉันกล่าวด้วยเสียงอ้อนวอนอีกครั้ง

ไบรอันที่ดูเหมือนจะยอมแพ้ต่อความดื้อรั้นของฉัน มองไปที่พี่ชายของเขาเป็นเชิงขอร้องให้เขายินยอม

ฟาเบียนพยักหน้าเบาๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แล้วกล่าวขึ้นพร้อมก้าวเท้าเดินออกจากห้อง

“ก็ได้... เราต้องไปกันแล้วก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้า...”

ฉันยิ้มด้วยความดีใจ ไบรอันก็เช่นกัน เขายิ้มและส่ายหัวให้กับฉันเหมือนกับว่าฉันทำให้เขามีแต่เรื่องต้องเหนื่อยใจ

ฉันเดินตามฟาเบียนและไบรอันออกจากห้องหลังเวที ผ่านตัวบาร์ที่ผู้คนมากมายไม่ได้รับรู้แม้แต่น้อยถึงเหตุการณ์ที่เป็นไปในห้องพักด้านหลังเวที พวกเราทั้งสามคนเดินออกจากบาร์ ตรงไปยังลานจอดรถ

ในระหว่างทางที่เดินไปนั้น... สายลมยามค่ำคืนที่เย็นยะเยือกแตะเข้าที่ผิวหนังของฉัน และฉันรู้สึกเหมือนสายตาสีฟ้าใสของเด็กหญิงวัยแปดขวบไร้เดียงสา จ้องมองมายังพวกเราทั้งสามคนจากมุมมืดสักแห่ง

เสียงฮัมเพลงของเธอดังขึ้นอีกครั้งมาจากทางด้านหลังของพวกเราทั้งสามคน

“เอ บี ซี ดี อี เอฟ จี... เอช ไอ เจ เค แอล เอ็ม เอ็น โอ พี...”

ฟาเบียน ไบรอัน และฉัน หยุดนิ่งอยู่กับที่... ปืนในมือของชายหนุ่มทั้งสองถูกกระชับแน่นอยู่ในสภาพที่เตรียมพร้อม


เสียงหัวเราะของเด็กหญิงแปดขวบดังขึ้นด้วยความพออกพอใจ


*******************************************

จากคุณ : myladyannbook
เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 14:05:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com