๐๐ ... สวนสัตว์สนาน ... ๐๐..(บทที่ 11)
|
|
"สวนสัตว์สนาน" (บทที่11)
บทที่ 11
กระถินนอนอยู่คลินิกเกือบเดือนมีกวักทองแวะเวียนไปให้เลือด เล่นเอาผู้เสียสละหงอยไม่เลิกเหมือนกัน
หมวยก็หงอยเพราะไม่มีกระถิน (ลูกพี่) ให้เดินตาม โจอี้ยังไม่หายจากท้องบวม ผมและแม่พลอยหงอยเพราะหลานสองคนไปอยู่กับพ่อแม่ช่วงปิดเทอม..ที่ไม่หงอยคือพี่สาวที่เดินท่อมๆ แจกปลาทู
ก่อนไปทำงานทุกวันผมจะฝากบ้านกับผีบ้านผีเรือน ฝากแม่กับพี่สาว..ทุกวันเหมือนกันที่พี่สาวว่าผมบ้าและเคืองที่ผมฝากแม่เหมือนเค้าไม่ใช่ลูก เหมือนเค้าไม่ค่อยดูแลแม่ (ไม่ดูจริงๆ)
ไปทำงาน..กลับบ้าน..ไปทำงาน..กลับบ้าน..ซ้ำซากอย่างนี้ทุกวัน..บ้านเคยมีเสียงแมวร้อง เสียงหลานทะเลาะกัน เสียงวิ่งตึงๆ..เมื่อไม่มี บ้านช่างเงียบเหงาเหลือเกิน
ธรรมดาไม่มีพระสงฆ์เข้ามาบิณฑบาตในซอย จึงแปลกใจที่เห็นผ้าเหลืองอยู่ไกลๆ ผมรีบเข้าครัวคดข้าวที่เพิ่งสุก ทอดไข่ดาวสองฟอง ขนมฝรั่งจากชั้นในร้าน และน้ำส้มกล่องออกมาหน้าบ้าน..พระท่านมาถึงพอดี
ฉุกละหุกจนไม่ได้นิมนต์อะไรแต่ท่านก็หยุดรอเมื่อเห็นผมถืออาหารโผล่ออกมา..พอกันทั้งพระทั้งฆราวาส
เป็นเช้าที่ผมรู้สึกดีมากในช่วงเกือบเดือนที่ผ่านมา..ลมเย็นพัดวูบ..ใบและดอกเฟื่องฟ้าร่วงลงมาเหมือนเป็นคำพร..พรจากฟ้า จากพระสงฆ์องค์เมื่อครู่ที่ไม่ได้เปล่งวาจาอะไร..แต่ แค่ได้พนมมือไหว้สองเท้าที่สงบนิ่งใต้ชายจีวรความรู้สึกเป็นสุขก็เกิดขึ้นในใจ
อีกสองวันต่อมาจึงรู้ว่าพระสงฆ์ที่ผมใส่บาตรนั้นเป็นแค่เณรรูปโต และคงเพิ่งบวชใหม่จึงไม่เปล่งคำพร..ผมเคยอ่านจากที่ไหนสักแห่งว่า ธรรมดาแล้วเมื่อรับบาตรเสร็จพระสงฆ์ไม่จำเป็นต้องกล่าวอนุโมทนา..ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงญาติโยมคงไม่อิ่มบุญเท่าที่ควร..แต่ สองสามเช้าที่ผ่านมาผมก็มีความสุขกับความดีที่ได้ทำนี่นา
วันจันทร์มะรืนคือวันเปิดเทอมของหลานๆ บ่ายนี้เด็กสองคนจะกลับมาอยู่กับคุณยายตามปกติ..มาพร้อมกันทั้งที่อยู่คนละบ้าน แม่ๆ คงนัดกันไว้เพราะเกรงใจที่ให้ยายและป้าน้าเลี้ยง..วันนี้วันเสาร์ พรุ่งนี้ผมตั้งใจให้โจและแคร์ใส่บาตรคนละชุด เด็กๆ จะได้เรียนรู้ประเพณีที่พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติ
ไม่ใช่พรจากฟ้าที่โปรยดอกไม้ให้ผมอย่างวันแรกที่ใส่บาตร เป็นเพราะพายุดีเปรสชั่นต่างหาก..ฝนตกบ่อย ลมพัดกรรโชกแรง บางทีพัดใบไม้หมุนเป็นวงขึ้นไปในอากาศ..ซุ้มเฟื่องฟ้าที่คลุมอยู่บนหลังคาร้านชำกระพือสะบัดก้านใบ ดอกร่วงเป็นพรมสีบานเย็นปูอยู่หน้าบ้าน
น้ามิว!.. แคร์วิ่งเข้ามาในครัว คิดถึงน้ามิวจัง กอดเอวผมแน่น
ถอดเสื้อกันฝนออกก่อนก็ได้นะแคร์.. โจแซว โจก็คิดถึงน้ามิวครับ
มาถึงพร้อมกันเกินไปหรือเปล่า? ผมก้มลงอุ้มแคร์
อุ้มผมบ้างสิ.. โจเดินมาหา
พี่โจเค้าอิจฉากลัวแคร์จะมาก่อนเลยไปที่บ้านและมาพร้อมกับแคร์ ยกมือกันโจเข้าชิดตัวผม
ไม่ใช่สักหน่อยยายบ้อง.. ปัดมือแคร์ออก กอดผมซ้อนทับแคร์
พี่โจนะ!.. เสียงแคร์อู้อี้อยู่ในอ้อมกอดของโจด้วย
ฮะ..ฮะ.. ผมหัวเราะอย่างมีความสุข..สงครามเริ่มแล้ว
บ๊อก..บ๊อก.. โจอี้ซึ่งหายดีแล้วพรวดพราดตามเข้ามา กระโดดตะกายขึ้นๆ ลงๆ รอบตัวเราสามคน..ถ้าใครคนใดคนหนึ่งกลับเข้าบ้านโจอี้จะกระโดดดีใจอย่างนี้เสมอ แม้แต่แค่ผมไปตลาดกลับมาเขาก็ดีอกดีใจเหมือนจากกันแรมเดือน
เว่ออีกแล้วนะโจอี้.. โจคลายแขนจากผมไปอุ้มโจอี้ ดีใจที่ฉันกลับมาหรอ?
ดีใจที่แคร์กลับมาต่างหาก.. แคร์ลงจากผมไปหาโจอี้บ้าง
โจอี้คิดถึงพี่โจต่างหาก
คิดถึงแคร์ต่างหาก
พี่โจ!..
แคร์!..
สองคนแย่งกันอุ้มโจอี้..เจ้าตัวมองคนโน้นทีคนนี้ที
พอๆ..โจอี้คิดถึงทั้งสองคนแหละ และอยากกินหมูหมักที่น้ามิวกำลังจะทอดด้วยมั้ง อุบายหย่าทัพของผม
โจอยากกินด้วยครับ โจปล่อยมือจากโจอี้
แคร์ก็อยากกินด้วย ปล่อยโจอี้ลงแอ็กกับพื้นครัว
ครัวโล่งทันที เมื่อผมอธิบายว่าหมูทอดไว้สำหรับใส่บาตรพรุ่งนี้ ทอดชุดหลังทุกคนถึงจะกินได้
ที่ไม่ได้พูดถึงและยังเหลืออยู่ในครัวอีกหนึ่งคือกวักทอง..ที่ไหนไม่นอน ชอบนอนในหลุมเล็กของอ่างล้างชาม เชยคางอย่างมีความสุขกับที่เปิดปิดก๊อกน้ำ แต่ถ้าอ่างเปียกเขาจะนอนบนที่คว่ำชาม..เวลาใครใช้งานทีต้องคอยหลบคมเล็บของอันธพาลประจำบ้าน
เอาละซี..ผมจะล้างกระทะ..มีวิธี บางทีก็ได้ผล บางทีก็ไม่..ฟ๊อกซี่ที่ใช้ฉีดพรมผ้านั่นไง ฉีดๆ ไปที่ตัว..คงรู้ว่าผมกำลังทอดหมูทำบุญกวักทองจึงออกมาจากหลุมแต่โดยดีไม่กระโดดเข้าใส่ฟ๊อกซี่..ยอดเยี่ยมมากนายกวักทอง
พายุเข้ากรุงแต่เช้า ลมแรงฟ้ามืดครึ้มทั้งที่สว่างแล้ว..ความตั้งใจของสามน้าหลานไม่เรรวนเหมือนพายุ แคร์งอแงในตอนแรกแต่คล้อยตามในที่สุด
ยายเตรียมพวงมาลัยมาถวายพระด้วย.. แม่ยื่นถาดพวงมาลัยให้แคร์ถือ แม่ได้ยินพวกเราคุยกันเมื่อวาน.. พูดกับผม ดีแล้ว หัดให้หลานใส่บาตร
ผู้ที่มีปณิธานสูงสุดในการณ์นี้ไม่ใช่โยมสี่คนแต่คือเณรที่ยังออกบิณฑบาตในสภาวะอากาศเช่นนี้..ผ้าเหลืองพลิ้วสะบัดมากกว่าทุกวัน
อ๊ะ!.. โจร้องขึ้นเมื่อเณรเดินมาใกล้..คงตกใจที่จู่ๆ พายุหมุนหน้าบ้าน
รีบใส่เถอะเดี๋ยวพระท่านจะโดนทั้งพายุและฝน แม่ร้องแข่งกับเสียงวื๊ดหวือของลม
น้ามิว!.. แคร์กระตุกข้อศอกผม นั่น..นั่น..มีหมานอนอยู่โคนต้นเฟื่องฟ้า
ไหน?.. ผมหันไปมอง
น้ามิว..พระรออยู่ โจเตือน
หวือ..หวือ..วืด..วี๊ด.. ลมส่งเสียงแข่ง
เราสามคนช่วยกันใส่อาหารในบาตร..แม่คว้ามือแคร์ถอยเข้าบ้าน..โจมองเณรที่กำลังเหลือบมองขึ้นสูง..ดอกเฟื่องฟ้าร่วงพรู..พรมสีบ้านเย็นพองฟู..ผมมองเณรด้วยความสงสัย..ลมหอบใหญ่กรรโชกครั้งสุดท้ายสั่งลา
อ้าว!.. ผมตาค้างเมื่อเห็นเณรชัดๆ
น้ามิว!.. โจฉุดแขนผมให้เข้าบ้าน
โอ๊ะ!.. สายไปเสียแล้ว..พรมดอกเฟื่องฟ้าที่เณรยืนอยู่กลายเป็นพุ่ม ทั้งต้นโค่นลงมา..เณรหายไป..หมาตัวนั้นกระเด็นลงถนน..ผมไม่ทันตกใจ ล้มคะมำพร้อมความประหลาดใจหลายอย่างรวมกัน
ก่อนจะวูบไปผมเหลือบเห็นเณรตรงเข้ามา ไม่มีบาตร ไม่มีมาดของเณร มีแต่เด็กหนุ่มที่..ตาผมกำลังริบหรี่แต่ยังพอได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจของเณร..
โยม..น้ามิว!..
.
จากคุณ |
:
ดาเรน
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ส.ค. 55 10:24:22
|
|
|
|