21/1
คุณกลัวหรือเปล่า ลิลลี่ ปัญหาในคาซาเนียไม่จบสิ้นเสียที ไม่รู้จะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมาวันใด เสียงถามประโยคคุ้นหูดังก้องในมโนสำนึก
แล้วเธอจะปล่อยให้ฉันกับลูกเผชิญอันตรายลำพังหรือเปล่าล่ะ
ไม่มีทาง เสียงตอบในวันวานของเขาหนักแน่น ผมสาบานด้วยชีวิต ลิลลี่ ชีวิตผมมีเพียงคุณกับลูกเท่านั้น
วันนั้น เขาให้สัญญากับเธอด้วยความมั่นใจว่าจะไม่มีภยันตรายใดๆ ย่างกรายเข้ามา ตราบใดที่เธอและลูกอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ สถานที่ซึ่งเขามั่นใจที่สุดว่าจะปกป้องคุ้มครองคนรักได้ แต่แล้วเขาก็ต้องผิดคำสาบาน เมื่อภัยร้ายนั้นมาถึงตัว ชายอกสามศอกอย่างเขา คนที่มีความฝันยิ่งใหญ่เพื่อใครหลายคน กลับไม่สามารถดูแลคนที่เขารักเพียงสองได้เลย
เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาออเต็มบ้าน เสียงสอบถามข้อมูลเซ็งแซ่ผ่านหูเขาไปอย่างไม่อาจจับใจความ ร่างสูงยังคงก้าวย่างสม่ำเสมอ หลังเสื้อเชิ้ตมีรอยเหงื่อชื้นทั้งที่อากาศหนาวเย็น เย็นเยียบเท่าร่างน้อยในอ้อมแขนเขาทีเดียว
ยาโบ... ยาโบคิริน... เสียงอุทานของเหล่าคนงานหญิงตามด้วยเสียงสะอื้นไห้
ภาพยาโบน้อยๆ ของพวกแกมีเลือดอาบศีรษะ นอนคอพับไม่รู้สติอยู่ในอ้อมแขนผู้เป็นพ่อพาให้ใจหายจนต้องปิดปากกลั้นสะอื้น
คาชาลเดินผ่านคนเหล่านั้นอย่างเลื่อนลอย เขากอดกระชับร่างบุตรชายแน่นขึ้นอีกเมื่อหน่วยกู้ภัยพยายามยื้อร่างน้อยไป ดวงตาคมปลาบจ้องมองเจ้าหน้าที่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ กระทั่งไม่มีใครกล้าขวางชายหนุ่มอีกต่อไป
โถงทางเดินภายในบ้านมิได้เงียบสงบอีกแล้ว แต่ขวักไขว่ด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ความเคลื่อนไหวต่างๆ ค่อยลดลงเมื่อเขาก้าวสู่อาคารปีกซ้าย หางตาเขาเหลือบเห็นนินาออกมาจากห้องนอนตนพอดี ทว่าผู้เป็นนายหาได้สนใจ รู้แต่เพียงหน้าที่ตนตอนนี้คือการพาลูกน้อยเข้านอน
อ้อมแขนแข็งแรงค่อยประคองวางร่างแน่นิ่งราวคนหลับใหลลงกับเตียง ก่อนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจรดปลายคาง มือหนาลูบผมดกดำซึ่งตกลงมาปรกหน้าผาก สีแดงฉานเปรอะเปื้อนใบหน้าจนเขาอดรนทนไม่ไหว หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้อย่างเบามือ
คิริน เสียงทุ้มลองเรียกชื่อลูกแผ่วเบา
ใจเขาคิดล่วงหน้าไปว่าบุตรชายกำลังจะงัวเงียตื่นขึ้นมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง เมื่อนั้นเขาจะชวนแกไปขี่ม้า แล้วร่างป้อมจะโผกอดคอเขาด้วยความตื่นเต้น ยินดี
ทว่ารอแล้วรอเล่า คนหลับใหลก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา คาชาลลองเขย่าร่างลูกน้อย... แรงขึ้น... แรงขึ้น... หัวใจซึ่งสงบนิ่งลงเมื่อครู่กลับสั่นไหวรุนแรง ความจริงที่เขาเพียรปฏิเสธตอกย้ำราวตะปูตอกตรึงเขาไว้กับความเจ็บปวดชั่วกัลป์
ชายหนุ่มซบหน้าลงกับอกลูกน้อย ร่างเขาสั่นเทิ้มอย่างพยายามกดเก็บความโกรธแค้น เสียใจเจียนคลั่ง หากเด็กชายยังคงนอนนิ่งอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวราวตกอยู่ในห้วงฝันดี บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ที่ที่พ่อของแกเคยพาแกมัดไว้ด้วยเชือก ขี่ม้าไปด้วยกัน
...................................
ข่าวการลักพาตัวภรรยาและบุตรชายของอดีตผู้ร่วมขบวนการปลดปล่อยชาวทิชกู และปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการประธานาธิบดีอย่างอุกอาจถูกเผยแพร่เกรียวกราว แย่งพื้นที่ข่าวเจ้าหน้าที่รัฐนัดหยุดงานประท้วงนโยบายลดเงินเดือน
เจคติดตามข่าวด้วยความกระวนกระวาย เจ้าหน้าที่เผยว่าผู้ร้ายเป็นอดีตนายทหารสองนายและพลเรือนหนึ่ง สองนายทหารซึ่งถูกพักงานระหว่างสอบสวนวินัยถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีกคนกลับเป็นอดีตผู้ร่วมขบวนการปลดปล่อยชาวทิชกู เพื่อนร่วมงานของเหยื่อเอง คนที่ต่างกันสุดขั้วสองกลุ่มมาร่วมก่อการกันได้อย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องค้นหาความจริงต่อไป
ทว่าข้อมูลอันน้อยนิดเกี่ยวกับคนในบ้านหลังนั้นซึ่งแทบไม่เปิดเผยออกมายิ่งทำให้เขาร้อนรนใจ หากจำต้องรอกระทั่งแน่ใจว่าความวุ่นวายภายในบ้านหลังใหญ่สงบลง ดังนั้น ทันทีที่เลิกงานเขาจึงมุ่งตรงไปยังสถานที่เกิดเหตุนอกเมือง
เจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวกลับไปหมดแล้ว คนงานรักษาความปลอดภัยเปิดรั้วให้รถเขาเข้าไปเมื่อจำผู้ขับขี่ได้ดี ชายหนุ่มแทบกระโดดลงรถซึ่งยังจอดไม่สนิท คนสนิทเจ้าของบ้านออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าไม่สู้ดี
ลิลลี่เป็นอย่างไรบ้าง
แมมปลอดภัยดีครับ หมอมาตรวจและให้ยานอนหลับเลยยังไม่รู้สึกตัว อีกฝ่ายรายงานพลางผายมือเชิญแขกไปยังห้องรับรอง ทว่าเจคกลับเลี้ยวไปปีกซ้ายของอาคาร ไม่เหลือมาดสุขุมในฐานะเจ้าหน้าที่ต่างชาติ
ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาล ไหน น้องฉันอยู่ห้องไหน
คนงานหนุ่มแทบกุมขมับ เขาวิ่งวุ่นทั้งวันกว่าจะต้อนบรรดานักข่าวและเจ้าหน้าที่ออกไปได้ เมื่อเจ้านายเอาแต่เก็บตัวในห้องลูกชายและยังไม่ออกมาระทั่งบัดนี้ แต่แขกคนนี้ดูท่าจะจัดการยากกว่าทุกคนที่ผ่านมา สายสัมพันธ์ระหว่างบุรุษผู้นี้กับเจ้าของบ้านชายหญิงทำให้ไม่กล้าห้ามปรามแข็งขัน
นินาเยี่ยมหน้าออกมาหลังแว่วเสียงวุ่นวาย เจคนึกรู้เดี๋ยวนั้นว่าน้องตนพักอยู่ในนั้นนั่นเอง เขาผลักประตูแทรกเข้าไป
ลิลลี่ คนพี่แทบครางทันทีที่เห็นร่างน้องสาวนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียง เสาน้ำเกลือตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน
ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ถึงเขาจะชอบกลั่นแกล้งหรือเล่นแรงแค่ไหน แต่ไม่เคยสักครั้งที่ร่างบอบบางนี้ต้องเจ็บหนักถึงขั้นนอนเพียบเช่นนี้ ลลิลดาแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ ความรุนแรงแค่ไหนถึงทำให้เธอล้มหมอนนอนเสื่อเช่นนี้ เขาไม่อยากคิดเลย
ลิลลี่ เขาเรียกคนเจ็บอีกครั้งพลางทรุดนั่งขอบเตียง
รอยช้ำนูนบริเวณขมับซ้ายเผยสู่สายตา พาให้คิดไกลว่าจะมีร่างกายส่วนอื่นอีกหรือไม่ที่ถูกทำร้าย แล้วคนที่มีหน้าที่ปกป้อง คุ้มครองเจ้าหล่อนหายไปไหนเสีย ทำไมไม่มาอยู่ดูแลให้สมกับที่น้องเขาไว้ใจฝากชีวิตไว้
เจคนึกเจ็บใจ เขาเองก็มีส่วนให้ลลิลดาต้องเผชิญเคราะห์ภัยเช่นนี้ เพราะเขาเป็นคนบีบบังคับให้ชายหนุ่มผู้นั้นรับผิดชอบน้องตน ทั้งที่อีกฝ่ายอาจไม่พร้อมก็เป็นได้
คาชาลอยู่ไหน บอกเขาว่าฉันมีเรื่องจะพูดด้วย เขาถามเสียงเรียบ
ยาโบอยู่กับยาโบคิรินครับ ยังไม่ออกมาตั้งแต่เช้า สีหน้าคนตอบหนักใจ
เจคผละออกไปยังห้องติดกัน เขาลองเคาะประตูหากไร้เสียงตอบจากภายใน เขาชักสังหรณ์ไม่ดี
คิรินเป็นอย่างไรบ้าง เจคถามกับคนที่คอยตามติด
ตอนยาโบอุ้มออกมาจากป่า ยาโบคิรินนอนนิ่ง มีเลือดไหลด้วยครับ แต่ยาโบไม่ให้ใครยุ่ง อุ้มยาโบคิรินเข้าไปในห้องลำพัง
บ้าฉิบ! แล้วปล่อยให้อยู่กันอย่างนั้นน่ะเรอะ หลานฉันต้องพบหมอซี่ ไป ไปเอากุญแจมาเปิดประตูเดี๋ยวนี้
คนงานงุ่มง่ามเงอะงะ คนหนึ่งก็เจ้านายที่ตนเคารพยำเกรง แต่คนที่ขู่ฟ่อๆ อยู่นี่ก็พี่ชายแมมที่เขารักเช่นกัน หากอะไรก็ไม่เท่าความห่วงกังวลถึงคนในห้อง เขาตัดสินใจส่งกุญแจให้แขกไขเข้าไป อันเป็นสิ่งที่เขาอยากทำอยู่นานแต่ไม่กล้าพอ
ร่างสูงนั่งฟุบหน้ากับขอบเตียง ดวงตาแดงก่ำหันมองผู้บุกรุกขุ่นขวางจนลูกน้องไม่กล้าย่างกรายเข้ามา เว้นแต่ชายชาวต่างชาติซึ่งก้าวตรงมาอย่างไม่กลัวเกรง
เจคแลเลยผ่านน้องเขยไปยังหลานชายซึ่งนอนนิ่งบนเตียง แล้วก็ให้ใจหายเมื่อผิวขาวอมชมพูบัดนี้ซีดขาว คราบโลหิตบนใบหน้าถูกเช็ดออกไปเหลือเพียงรอยแห้งกรัง เขาจะเดินไปจับตัวหลานแต่ถูกผลักอกเสียก่อน คาชาลลุกยืนขวางไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้บุตรชาย
หลานฉันต้องหาหมอ ได้ยินไหม นายจะกักตัวเด็กไว้แบบนี้ไม่ได้ แกบาดเจ็บ
เจคทำท่าจะก้าวเข้าไปก็ถูกฝ่ายตรงข้ามดักทางไว้ หมัดลุ่นๆ เหวี่ยงตรงใส่เขา ทว่าชายหนุ่มหลบทันก่อนสวนหมัดกลับไป
ร่างสูงเซติดผนัง สั่นเทิ้มไปทั้งกายเมื่ออีกฝ่ายเข้าถึงตัวลูกน้อย เขาไม่กล้ามองสบตาซึ่งเบิกกว้างมองมา เลือดในกายเจคเย็นเยียบทันทีที่สัมผัสร่างเย็นชืดของหลานชาย
คิริน โอ คิริน... ผู้เป็นลุงครวญชื่อหลานรัก หลานชายคนแรกของเขา แล้วเขายังเป็นคนแรกที่รับรู้ว่าชีวิตน้อยๆ นี้มาอยู่ในอุทรมารดา
คาชาลทรุดลงกับผนัง ชายชาวต่างชาติเหมือนคนจากโลกแห่งความจริงที่เข้ามาปลุกเขาจากภวังค์ ตอกย้ำว่าตนได้สูญเสียบุตรชายไปแล้วจริงๆ
หัวใจเขากลับมาเต้นกระหน่ำ แต่ละจังหวะสูบฉีดโลหิตแห่งความผิดบาปให้ไหลเวียนไปทั้งกาย ชายหนุ่มฟุบหน้ากับฝ่ามือสั่นเทา โซ่ข้อกลางซึ่งเขาเคยใช้มันร้อยรัดคนที่ตนรักไว้ บัดนี้ได้สะบั้นขาดลง
.......................................
เจคลูบหน้าเรียกสติ เขาก้มลงจูบลาเด็กน้อยกลางหน้าผาก ก่อนดึงผ้าห่มหนาคลุมหน้าให้แก คิรินเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย ไม่แปลกที่พระเจ้าต้องการแก
ห่วงก็แต่พ่อแม่ของหลานรัก เขาไม่อยากคิดเลยว่าลลิลดาจะเศร้าเสียใจเพียงใดถ้าต้องตื่นมารับรู้ข่าวนี้ แล้วยังผู้เป็นพ่อของแก... เขาปรายตามองคนที่นั่งซุกหน้ากับฝ่ามืออย่างหมดสภาพ ไม่เหลือแววเย่อหยิ่ง ทะนงตนอีกต่อไป แล้วก็ให้โกรธไม่ลง ด้วยรู้ดีว่าคาชาลคือคนที่เจ็บปวด เสียใจ และทุกข์ที่สุดคนหนึ่งในการสูญเสียครั้งนี้
เจคบีบไหล่สั่นเทาก่อนบอกเสียงเรียบ คุณควรจะอยู่ดูลิลลี่ อย่าลืมว่ายังมีอีกคนที่คุณต้องรับผิดชอบ เธอต้องการกำลังใจ
ถ้อยความเตือนสตินั้นเสมือนคลื่นความถี่ต่ำ กว่าสมองคนฟังจะค่อยคืนสติรับรู้และตีความ เขานึกถึงลลิลดา หญิงสาวต่างชาติจิตใจดี เธอมีความสวยซึ่งเขาเคยนึกกลัว กลัวว่าตนจะหลงใหลไปกับความงามนั้นแล้วต้องผิดหวัง เสียใจ
แต่เจ้าหล่อนก็เหมือนนางฟ้าดังที่ทุกคนจำกัดความ เธอมาโปรดผู้ทนทุกข์เช่นเขาให้ได้รักและรับความรักตอบแทน เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจเมื่อมีเธอ ทว่าก้าวย่างนั้นกลับทิ้งห่างคนที่ตนรักออกไป
ภาพร่างเปลือยเปล่าเหลือเพียงซับในถูกมัดไว้กับต้นไม้ฉายชัดขึ้นมาในมโนสำนึก ผิวเนียนของเจ้าหล่อนที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะพร่างพรมจูบหนักกลับปรากฏรอยช้ำ ขีดข่วนเต็มตัว ร่างบางสั่นเทาจากความหนาวเหน็บและหวาดกลัว เธอไม่รู้สติด้วยซ้ำแม้ในยามที่เขากกกอดไว้กับตัว ตอนนั้นเขาโล่งใจที่เธอปลอดภัย แล้วตอนนี้เล่า ลลิลดาเป็นอย่างไร เขาคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ถ้าต้องสูญเสียเธอไปอีกคน
เธอ... เสียงเอ่ยคำแรกแปร่งปร่าจนต้องกระแอม คราวนี้เขาค่อยพูดได้ยาวขึ้น เธอ...เป็นอย่างไรบ้าง
หลับเพราะฤทธิ์ยา ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ควรถามเท่าไรนัก แต่คุณจะจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ต่อไปอย่างไร เจคกลับมาเป็นการเป็นงานเหมือนเดิม
คาชาลไม่ตอบ เขายันกายลุกขึ้นก่อนเดินสะโหลสะเหลเปิดประตูออกไป ลูกน้องคนสนิทถึงกับถอนหายใจโล่งอกทันทีที่เห็นผู้เป็นนาย เมื่อมีประมุขของบ้าน ปัญหาต่างๆ ก็ดูเล็กลง
ชายหนุ่มมิได้กลับไปดูภรรยา เพียงปรายตามองคนสนิท มันก็รู้งาน เดินตามเจ้านายเข้าห้องทำงาน ถึงเวลาที่เขาต้องสะสางงานชิ้นสุดท้ายเสียที!
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ส.ค. 55 11:05:04
|
|
|
|