Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ล่องกัลปาลัย บทที่ 28 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 28 มาแล้วคร้าบบบบ!!

สำหรับตอนที่ผ่านมาครับ บทที่ 26-27

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12446425/W12446425.html

       ขอบคุณเพื่อนนักอ่านที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ รวมทั้งกิฟต์จาก คุณ ravio คุณ mimny อาจารย์จี Psycho man, คุณ Hermosa, น้องทะเลเดือดพันธุ์ร็อค,คุณนุ้ย นารีจำศีล, คุณ คิงเพนกวิน,คุณมน Setakan, คุณmementototem, คุณwor_lek, คุณเรียวรุ้ง,คุณ รุริกะ, คุณไก่ kdunagin, คุณสุชาดาวดี ครับ

       ช่วงนี้แก้ไขงานเรื่องใหม่เสร็จแล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะต้องปรับแก้อีกหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เจอ ประกาศิตฟ้าผ่าจากเจ้านาย ให้เริ่มต้นขอทุนเขียนตำราเกี่ยวกับวิชาวิทยาภูมิคุ้มกันที่สอนอยู่เสียที ขีดเส้นตายไว้ให้เสร็จสรรพว่า ต้องภายในปี 2556 นี้ห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาด!! งานนี้จะขอต่อรองเขียนนิยายชดเชยก็ไม่ได้เสียด้วย เอาล่ะวา...  

     อย่ากระนั้นเลย เอาเป็นว่าช่วงนี้ คนเขียนขอแวบไปล่องกัลปาลัยกันก่อนแล้วกันนะครับ
 
บทที่ 28


               มหาสงครามโลกเริ่มต้นขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว แต่สำหรับสงครามมหาเอเชียบูรพา กำลังเริ่มต้นขึ้นภายในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อกองทัพแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย ยกพลขึ้นชายฝั่งทะเลภาคใต้ รวมถึงบางปู  จนนำไปสู่การลงนามในสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับญี่ปุ่น เพื่อประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร


              กองทัพของทหารต่างชาติพากันล่วงล้ำเข้ามาภายในเขตราชอาณาจักรสยามโดยมิอาจต้านทาน เมื่อนั้นเสียงเครื่องบินทิ้งระเบิดของฝ่ายตรงข้าม เสียงหวอเตือนภัย และเสียงหวีดร้องของผู้คนที่หวั่นเกรงต่อภัยสงครามที่เกิดขึ้น ก็ดังระงมไปทั่วทุกเขตพระนคร


               บัดนี้ บางกอกมิใช่แดนสรวงสวรรค์สำหรับผู้คนทั่วไปอีกแล้ว หลายคนต่างอพยพย้ายครอบครัวหนีภัยสงครามไปยังหัวเมืองที่น่าจะปลอดภัยกว่า รวมทั้งผอบแก้ว หญิงสาวเกลียดเสียงหวอเครื่องบินและเสียงสัญญาณเตือนภัยเป็นที่สุด ทั่วทั้งพระนครต่างดับไฟจนมืดสลัว ราวกับเป็นเมืองร้างแดนทมิฬ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องบินของทหารฝ่ายตรงข้ามมาทิ้งระเบิด


              “เห็นทีว่าคงจะต้องอพยพไปอยู่หัวเมืองเสียแล้วล่ะ ช่วงนี้ทุกคนต่างก็หาทางเอาตัวรอดกันทั้งนั้น”


             ในช่วงเวลานั้นเอง เจ้าคุณพ่อปรารภขึ้นมา สีหน้าของท่านเองก็เคร่งเครียดอยู่มิใช่น้อย


            “เจ้าคุณพ่อคิดเห็นว่าอย่างไรล่ะคะ ตอนนี้ลูกเองก็มืดแปดด้าน ทุกวันนี้เวลาได้ยินเสียงหวอที่ ก็ต้องคอยวิ่งหนีลงไปหลบในหลุมหลบภัยจนจะขวัญหายตายอยู่แล้ว”


                 ผอบแก้วตอบด้วยสีหน้าว้าวุ่นใจไม่ต่างกัน คุณหญิงพิทักษ์พนาลัยมารดาของหญิงสาวเอง ภายหลังจากอาการป่วยกระเสาะกระแสะ บัดนี้ ท่านก็ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่ศิริราช การที่จะอพยพท่านไปยังหัวเมืองด้วยกันย่อมไม่สะดวก หากในขณะเดียวกัน ท่านเจ้าคุณเองก็เป็นห่วงทั้งภรรยา และธิดาเพียงคนเดียวอยู่ไม่น้อยไปกว่ากัน


              “พ่อจะไปอยู่กับแม่ของลูกที่ศิริราชเอง พอจะมีบ้านเช่าอยู่แถวบางกอกน้อย พ่อเองจะได้ไปมาได้สะดวก และที่ศิริรราชก็ยังมีหมอคอยดูแลคุณแม่ของลูกเอาไว้ ส่วนบ่าวไพร่ในบ้านก็ให้พวกมันกลับไปอยู่ท้องไรท้องนาตามเดิมของมันไปก่อน”


           “บ้านเช่า? แล้วเจ้าคุณพ่อจะไปอยู่อย่างนั้นได้หรือคะ”


          ผอบแก้วเผลอตัวเบ้ปาก หากก็ไม่พ้นสายตาของผู้เป็นบิดาไม่ ท่านเจ้าคุณตอบอย่างผู้ที่ผ่านพบและปลงกับชีวิตในวัยสนธยาของตนเองแล้ว


               “พ่ออายุปูนนี้แล้ว จะอยู่ที่ไหนก็ไม่สำคัญหรอกลูก ทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎของอนิจจังนั่นแหละ ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน”


              หญิงสาวแอบทำสีหน้าเบื่อหน่ายเต็มที พักหลังได้ยินคำพูดทำนองนี้จากปากของพระยาพิทักษ์อยู่บ่อยครั้ง สิ่งที่หล่อนกังวลมากที่สุดจึงเป็นเรื่องของตัวเองเสียมากกว่า


           “แล้วตัวลูกล่ะคะ? คุณพ่อคิดเห็นประการใด?”


           พระยาพิทักษ์พนาลัยมองบุตรีสุดสวาทเพียงคนเดียวด้วยความรักและห่วงใย ตลอดเวลาแม้จะไม่ปริปากพูด แต่ท่านก็มองเห็น “ปัญหา”ที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นลูกสาวมาโดยตลอด พระยาพิทักษ์พนาลัยไม่ได้โทษบุตรเขยของท่าน เพราะรู้นิสัยของเศาร์ดี เท่าๆกับที่รู้นิสัยของผอบแก้ว แต่บัดนี้ เมื่อเวลาอันจำเป็นมาถึง ทำให้ท่านจำต้องเอ่ยปากออกมา


             “พ่อคิดว่า ลูกคงไม่สะดวกสบายนักถ้าไปอยู่บ้านเช่าด้วยกัน แล้วที่นี่ก็กว้างใหญ่เกินไปที่ลูกคนเดียวจะอาศัยอยู่ พ่อไม่อยากเป็นกังวลทั้งสองด้าน”


         “แต่... ลูก...”


       ท่านยกมือแตะศีรษะบุตรีเพียงคนเดียวด้วยความห่วงใย


              “แล้วลูกไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือยเสียที่ไหนกันเล่า ผอบแก้ว ลูกยังมีพ่อเศาร์ เป็นสามีคอยดูแลปกป้องอยู่ เพียงแต่ไม่ค่อยได้ติดต่อไปมาหาสู่กันเท่านั้นเอง ตอนนี้ พ่อคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ลูกควรจะต้องไปอยู่กับเขา ช่วยเหลือ แบ่งเบาทั้งทุกข์และสุขร่วมกันในฐานะของภรรยาหลวงอนุรักษ์วนาดร”


            “ลูก...”


          ผอบแก้วเป็นฝ่ายนิ่งอึ้งไปเสียเองด้วยจนต่อคำพูด คราวนี้ผู้เป็นบิดาซึ่งตัดสินใจเด็ดขาดแล้วเป็นฝ่ายโบกมือตัดบท


             “ลูกใช้ชีวิตอยู่ในอ้อมอกของพ่อกับแม่มานานแล้วนะผอบแก้ว ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเติบโตเสียที บางทีพ่ออาจจะผิดก็ได้ที่เรารักลูกมากจนเกินไป จนยอมปล่อยให้เรื่องราวล่วงเลยมาถึงเช่นนี้ ตอนนี้ลูกควรจะเขียนจดหมายหรือโทรเลขบอกกับคุณหลวงไปได้แล้ว หรือลูกคิดว่าจะต้องให้พ่อเป็นคนติดต่อให้เล่า?”


               และนั่นก็ทำให้หล่อนต้องจำใจเขียนจดหมายฉบับนั้นไปที่ทับสนธยา สถานที่พักกลางป่าปางงิ้วดำที่สามีของตนเองทำงานอยู่


           ผอบแก้วไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าในชีวิตผู้ลากมากดีของตนเอง ที่เคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างอิสระและสะดวกสบายในพระนคร จะต้องเดินทางด้วยความทุกข์ยากระหกระเหินไปตามเส้นทางป่าเขาลำเนาไพรแห่งนี้ ในช่วงสงครามโลกที่อะไรต่างก็ขัดสนไปหมด ซ้ำยังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในพระนครตลอดจนเส้นทางรถไฟตั้งแต่คลองมหาสวัสดิ์ไปจนถึงหัวเมืองนครชัยศรี ทำให้หล่อนต้องโดยสารเรือไปขึ้นบกเพื่อต่อรถไฟไปปางงิ้วดำที่นั่นแทน


           บนรถไฟจากพระนครขบวนนี้ เต็มแน่นไปด้วยผู้คนแออัดยัดทะนาน ทั้งคนเฒ่าชราและเด็กทารกร้องกระจองอแงน่ารำคาญ ทั้งไพร่และผู้ลากมากดีที่ต่างหนีภัยสงครามไปอาศัยยังหัวเมืองเช่นเดียวกับหล่อน คนเหล่านี้อยู่ปะปนกันบนโบกี้เล็กๆที่เหม็นอับจนสุดทานทน ในท่ามเสียงอลหม่านจอแจวุ่นวายไปหมด


              ผอบแก้วซึ่งเคยชินแต่ในสภาพแวดล้อมที่สวยงามของสังคมชั้นสูงในพระนคร ก็ต้องจำยอมอดทนนั่งโดยสารมา มันเป็นการเดินทางที่ทรมานที่สุดในชีวิตของหญิงสาวและหล่อนก็คิดแต่เพียงว่า ถ้าไม่มีเหตุอันจำเป็นเช่นนี้แล้ว จะไม่มีวันเดินทางมาที่ทับสนธยาโดยเด็ดขาด!


            เศาร์มารอรับอยู่ที่สถานีปลายทาง ใบหน้าคร้ามคมสันของเขายังนิ่งขรึมเหมือนเดิม แม้ว่าจะมีหนวดเคราขึ้นบ้างจนมองเห็นเป็นไรเคราเขียวครึ้มตลอดสันคางบึกบึน และนัยน์ตาคมกล้าเปล่งประกายเจิดจรัสไม่เปลี่ยนแปร

        นั่นคงเป็นความตรากตรำในภาระหน้าที่จนแทบไม่มีเวลาดูแลตัวเอง  การทำงานหามรุ่งหามค่ำอยู่กลางป่าดง ซึ่งสภาพแวดล้อมเช่นนั้นยิ่งช่วยบ่มเพาะผิวกายชายหนุ่มให้คล้ำเข้มด้วยแดดลม และทำให้เรือนกายสูงเพรียวแต่เดิมยิ่งผึ่งผายเต็มไปด้วยมัดกล้ามตลอดทั้งแขนและลำตัว จนกลายเป็นชายหนุ่มฉกรรรจ์ผู้แข็งแกร่งล่ำสันสมชายชาตรียิ่งขึ้น


               หากสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือท่าทีสำรวมเคร่งขรึม ที่หล่อนเคยชื่นชมหลงใหลนั่นเอง ทว่าในบัดนี้ ผอบแก้วกลับรู้สึกถึงเส้นแบ่งที่แยกหล่อนกับสามีให้ห่างออกจากกันไปเรื่อยๆ ภายใต้ท่าทีอันสุภาพอ่อนโยนที่เขาปฏิบัติกับหล่อนเสมอมา


       มันกลับไม่เคยเจือปนไปด้วยกระแสแห่งสิเน่หาเลยแม้สักกระผีกเดียว!


            หญิงสาวคิดแต่เพียงว่ารอให้สงครามสงบเมื่อใด จะรีบเดินทางกลับพระนครโดยเร็วที่สุด โดยไม่รู้แม้แต่น้อยว่า สิ่งที่เจ้าตัวคิดฝันหมายมาดเอาไว้นั้น จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเลย...


             ตลอดไป!

               ***********************


             เวลาแห่งการเดินทางมาถึงอีกครั้ง!


              เศาร์แทบอดบังคับหัวใจมิให้เต้นระทึกด้วยความปรารถนามิไหว เมื่อนึกว่าจะพานพบผู้ใดในโลกอีกฟากหนึ่งเบื้องหน้า การเดินทางผ่านกัลปาลัยที่มิใช่เพียงแค่ สัมผัสด้วยประสาทสัมผัสแห่งสายตาอีกต่อไป


              ใครเล่าจะนึกว่านางในฝันนั้นจะปรากฏเบื้องหน้าแต่แรกก็เพียงให้พิศชมโดยไม่อาจสัมผัสแตะต้อง ตราบจนได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นโดยไม่รู้ตัว มันทำให้เขาได้เคียงใกล้แนบชิด จนแทบจะลืมเลือนโลกแห่งปัจจุบันไปหมดสิ้น


           ในเมื่อทับแห่งสนธยานี้คือดินแดนอันโพล้เพล้ระหว่างความจริงและโลกของความฝันที่เขาสร้างขึ้นมานั่นเอง


                คุณหลวงอนุรักษ์วนาดร หยิบนาฬิกาพกประจำตัวขึ้นมากดปุ่มเปิดสลัก เพื่อกำหนดเวลาของตนเอาไว้ สำหรับการกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง เสียงเสนาะที่จะดังกังวาน กระตุ้นปลุกให้เขาสังวัธยายายบทแห่งอวสานมนตรา ที่จะนำพาคืนกลับ


            แล้วจากนั้นจึงไขกุญแจลิ้นชักบานพิเศษ ที่สั่งทำขึ้นโดยเฉพาะ กัลปาลัยถูกซ่อนเอาไว้ในสถานที่ปลอดภัยที่สุด แล้วจึงนำขึ้นมาวางบนโต๊ะ หน้าปกสีดำปรากฏสีทองอร่ามของตัวอักษราชัดเจน อักษรที่อ่านความหมายว่า สุวรรณชตุกา... ค้างคาวทอง!


            น่าประหลาดในความหมายแห่งชื่อของกัลปาลัย เขากลับพานพบมันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อครั้งนำพาศลภมาณพให้ทะลุผ่านทวารบถเข้ามาในปัจจุบันภพ


              สัมผัสเพียงแผงปีกสีทองที่บังแสงตะวันจนมืดมิด ประกายแห่งทองคำเลื่อมระยับประดุจแฉกสายฟ้า เพียงวูบเดียว และมิอาจรับรู้ที่มาของมัน


           สุวรรณชตุกา มาจากที่ใด เป็นของผู้ใด?


               เศาร์มิอาจหาคำตอบนั้นได้ หากความรู้สึกถวิลหาอาลัยต่ออิสตรีผู้อยู่ในฟากแห่งจินตนาการนั้น มีพลังอันรุนแรงยิ่งเหนือไปกว่าความสงสัยใคร่หาเหตุผลอื่นใดอีก


            คุณหลวงเอ่ยสังวัธยายบุพมนตรา ที่ผนึกแน่นในความทรงจำ จากการถ่ายทอดของพราหมณ์วิศวามิตรผู้นั้นออกมาในทันที


                บัดดล กัลปาลัยเล่มหนาก็เปิดออกคล้ายมือที่มองไม่เห็น ตัวอักษราปรากฏขึ้นบนหน้ากระดาษต่อเนื่องกันไปตามลำดับที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้า ตราบจนถึง...

  ณ เบื้องทิศ หรดี ธานีใหญ่
อาณาจักร กว้างไกล สุดไพศาล
พรหมทัต ครองเมือง เรืองโอฬาร
นามตระการ วิเทหะ นครา

  มีองค์อัคร ชายา ผกามาศ
อยู่เคียงบาท ไอศวรรย์ สุขหรรษา
จำเนียรกาล ผ่านพ้น นับเนื่องมา
ตราบเพลา อัศจรรย์ ก็บันดล


          เมื่อนั้นเอง ร่างสูงสง่าของหลวงอนุรักษ์วนาดร ก็เลือนสลาย และจรดลผ่านวับ ข้ามขอบปราการที่มองไม่เห็นเข้าสู่อาณาจักรแห่งวิเทหนครโดยสมบูรณ์

             สู่การล่องมหากัลปาลัย!


           ***********************
 
     เกิดสุบิน นิมิต ผิดประหลาด
ราวเทพวาด อุ้มสม สิเน่หา
เกิดบุรุษ สุดงาม อร่ามตา
มาเลื่อนฟ้า ลอยองค์ ลงแดนดิน

 องค์มณี เรขา พระทัยพรั่น
ยิ่งไหวหวั่น เมียงชม้าย ฤทัยถวิล
ฤามาณพ แปลกแปลง จำแลงอินทร์
นางเทพินทร์ สะดุ้งฟื้น ตื่นนิทรา...



             “ทะ- ท่าน ท่านเป็นใครกัน?”


                เจ้าหญิงมณีเรขา ทรงตื่นขึ้นจากห้วงบรรทมอันแสนหวานในฉับพลัน บัดนั้น ทรงตระหนักว่ามีร่างสูงใหญ่ของใครอีกผู้หนึ่ง กำลังทอดกายนั่งเคียงวรกายอยู่แนบชิดบนแท่นบรรจถรณ์... ชิดเสียจนสัมผัสถึงละไออุ่นและผิวกายแข็งแกร่งแห่งบุรุษเพศของอีกฝ่าย จนมั่นพระทัยว่าย่อมมิใช่นางข้าบาทผู้ใดผู้หนึ่งในราชสำนัก


             ความตื่นตระหนก แทบจะทำให้ทรงกรีดสุรเสียงร้องออกมา หากมือแข็งแกร่งแตะลงอย่างอ่อนโยนที่หลังพระหัตถ์คล้ายปลอบประโลมพระทัย น่าแปลกกระแสอ่อนละมุนของอีกฝ่าย แม้จะเป็นบุรุษเพศแปลกหน้า ผู้ล่วงล้ำเข้ามาในเขตราชฐาน ก็กลับทำให้ความหวาดหวั่นพรั่นพระทัยคลายลงได้


              แสงจากประทีปดวงน้อย และดวงจันทราเบื้องบนฉายลงมาจับใบหน้าคร้ามคมในเงามืดสลัว นั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น


            เป็นเขานั่นเอง!


          หนึ่งบุรษผู้หาญกล้า ฝ่ากองทัพหุ่นพยนต์อันเกรียงไกร เข้าช่วยเหลือหุ่นพยนต์ผู้มีหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์ผู้นั้นเอาไว้ได้สำเร็จ


                เขาผู้ที่พระองค์เองยังมิรู้จักนาม หากประทับใจในความห้าวหาญเด็ดเดี่ยว ระหว่างทอดพระเนตรมองลงมาจากยอดหอคอยจองจำ จนต้องตัดสินใจปลดปล่อยชตุกา ให้ปรากฏ เพื่อช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของสิงหเมฆินทร์ในห้วงเวลาอันวิกฤตนั้น


           เขารอดพ้นไปพร้อมกับเชลยศึก ของสิงหเมฆินทร์ จนถึงกับทำให้มันคั่งแค้นใจอยู่จนถึงบัดนี้ และนั่นก็คือครั้งสุดท้ายที่ทรงทอดพระเนตรเห็นเขา


             โดยไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้พานพบกัน เพียงลำพังในห้องบรรทมอันรโหฐานแห่งนี้!


             ในความทรงจำอันรางเลือนเหมือนหนึ่งในฝัน ความทรงจำกลับปรากฏชัดเจน และจำหลักอยู่ในดวงหทัยอันพิสุทธิ์ของเจ้าหญิงองค์น้อย บัดนี้เขาผู้เร้นกายอยู่ภายในม่านหมอกแห่งสนธยา คล้ายทอดพระเนตรเห็นเพียงเงาไหว หากทุกครั้ง เมื่อทรงเหลียวแลชะแง้หา ก็กลับมิได้พานพบ ได้ปรากฏกายขึ้นแล้วต่อเบื้องพระพักตร์!


           “ท่าน...”


            “ข้ามีนามว่าเศาร์”


                เขาตอบด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม น้ำเสียงที่เปล่งออกมาทุ้มกังวานด้วยพลังอำนาจ ใบหน้าคมคายโดดเด่นในเงามืดสลัวแห่งแสงคบเพลิงเริงเรือง หากประกายตานั้นเล่าที่ฉายโชนความรู้สึกแท้จริงจนพระพักตร์แดงเรื่อด้วยความอุทัจอันเกิดขึ้นในชั่วพริบตา...

              ********************


                มณีเรขาทรงตระหนักแล้วว่าการพานพบครั้งนี้ ถูกกำหนดขึ้นแล้ว ไม่ต่างกับลางสังหรณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งเยาว์พระชันษา


              ณ วัยแรกประสูติกาลของพระองค์เอง เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนนั้นไม่ผิดกัน


             เพียงแต่เป็นสังหรณ์ที่เกิดขึ้นกับวิเทหนครทั้งนครา! เหมือนดวงชะตาแห่งแผ่นดิน


              เมื่อองค์พรหมทัต โปรดให้โหราจารย์เข้ามาทำนายปรากฏการณ์พิสดาร ในครั้งแรกทรงประสูติ พร้อมกับ “เขา”ผู้นั้น!


              องค์พระโอรสอันเป็นเสมือนอนุชาฝาแฝดพระองค์เดียวที่มีอยู่


              เจ้าชายธามบดี!!
 
 มีองค์อัคร ชายา ผกามาศ
อยู่เคียงบาท ไอศวรรย์ สุขหรรษา
จำเนียรกาล ผ่านพ้น นับเนื่องมา
ตราบเพลา อัศจรรย์ ก็บันดล

   ผกามาศ ทรงพระครรภ์ พลันมีเหตุ
เกิดอาเพศ ทั่วหล้า ทั้งฟ้าฝน
มืดพยับ อับแสง โพยมบน
จวบถึงจน ประสูติกาล ผ่านพ้นไป

ถือกำเนิด ทั้งธิดา และโอรส
ก็ปรากฏ ณ เพลา ประจุสมัย
แสงอรุณ แจ่มเรื้อง เรืองละไม
ขับแสงไล่ มืดหม่น พ้นนภา

เมื่อโอรส ธิดา ฝาแฝดเกิด
พระนามเลิศ “ธามบดี” “มณีเรขา”
เหตุอุบัติ พิศวง ให้สงกา
พระราชา ให้โหรเฝ้า เข้าทำนาย

            “ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้าฯ”


              โหรหลวงผู้ทรงภูมิถึงกับนิ่งอั้น เมื่อคำนวณฤกษ์ประสูติบนกระดานชนวนเสร็จสิ้น ท้าวพรหมทัตทรงตรัสอนุญาตให้อีกฝ่ายกราบทูลต่อ


          “พระธิดา มณีเรขา และพระโอรส ธามบดี  ทรงถือกำเนิดขึ้นมา พร้อมด้วยฤกษ์แห่งเพรงบุญและเพรงบุพกรรม ร่วมกันพระเจ้าค่ะ”


             “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? โหรา? ข้ามิเข้าใจ แสดงว่าบ้านเมืองของเราจะเกิดอาเพศ ฤาร้ายดี ประการใดกันแน่ จงว่ามา”


                 องค์พรหมทัต เสด็จลุกขึ้นจากราชบัลลังก์ในทันที ด้วยความร้อนพระทัยยิ่ง

 หนึ่งอนงค์ จักทรงโฉม โลมพิภพ
หยุดสยบ ทุกบุรุษ สุดฝันหา
ในความงาม โสภาคย์พ้น คณนา
จักนำพา เภทภัย ให้บ้านเมือง

 หนึ่งมาณพ จักทรงฤทธิ์ อิทธิเดช
หากอาเพศ ก็หนุนนำ เพรงกรรมเนื่อง
เกิดทุพภิก- ขภัยร้าย ระคายเคือง
เหล่าริปู ฟูเฟื่อง กระเดื่องดัง

 องค์กษัตริย์ ตรัสถาม โหรพราหมณ์เฒ่า
ไฉนเรา จักแก้ไข ในสาปขลัง
เพื่อรักษา วิเทหะ นครวัง
และยับยั้ง ผองภัย มิใกล้กราย

         “ถ้าเช่นนั้น เราจะทำประการใด?”


           “พระองค์จักต้องทรงตัดสินพระทัย “เลือก” พระเจ้าค่ะ”

            เหมือนคำตอบนั้นจะมิได้ทรงคาดคิดมาก่อน ทรงหันมององค์พระมเหสี ที่โอบอุ้มทั้งโอรสและธิดาไว้ในอ้อมพาหาอย่างหวั่นระแวงในคำกราบทูลของโหรเฒ่า


             “เลือก? หมายความว่าอย่างไร ท่านโหรา?”


             ร่างในชุดพราหมณาจารย์สีขาวสั่นสะท้านในสิ่งที่จักต้องกราบทูล หากองค์พรหมทัตก็ทรงพระทัยร้อนรนยิ่งกว่า สุรเสียงกราดเกรี้ยวตวาดลั่นออกไปในทันที ท่ามกลางเหล่าเสนามาตย์ที่รอคอยคำเพ็ดทูลนั้นด้วยหัวใจอันหวั่นระย่อ


             “จงบอกเรามาเดี๋ยวนี้”


              “ขอเดชะ พระองค์จะต้องประกอบยัญชพิธี ถวายราชกุมาร กุมารีพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง เป็นพลีกรรมบูชาแก่องค์พระอัคนีพระเจ้าค่ะ นั่นก็คือการสังหาร เจ้าหญิงมณีเรขาหรือเจ้าชายธาม ให้มอดไหม้ในกองกูณฑ์”


                “ลูกพ่อ!!”


                “เพราะมิเช่นนั้น มหาอาเพศที่บังเกิดขึ้นจักกลายเป็นจริงในเวลาต่อมา ทั้งธรณีที่ลุกเป็นไฟ ฤา มหาอุทกภัยที่จะผลาญชีวิตพสกนิกรของวิเทหะ จนไม่เหลืออีกต่อไป”


                 พระนางผกามาศทรงปราดเข้าประคองท้าวพรหมทัตที่ทรงประทับอยู่บนบัลลังก์ บัดนี้ราชันย์ผู้ทรงพระเกียรติยศกำลังกริ้วโกรธาจนแทบมิอาจควบคุมพระองค์ไว้ได้อีกต่อไป


               “เสด็จพี่”


              ในความแม่ แม้จะทรงรู้สึกถึงความปวดร้าวพระทัยแสนสาหัส เมื่อต้องเลือก “สังหาร”ลูกน้อยผู้ใดผู้หนึ่งลงไป


               “ถ้าต้องเป็นไปตามคำทำนายนั้นจริง หม่อมฉันก็ยินดีที่จะเสียสละลูกของตัวเอง เพื่อบ้านเมืองและความสุขของพสกนิกรเพคะ”


                 “ผกามาศ”


                ทรงมองเห็นหยาดอัสสุชลไหลรินลงมาจากพระเนตรของอัครชายา อดพระทัยที่จะสวมกอดวรกายสั่นสะท้านของอีกฝ่ายไว้ในอ้อมพาหามิได้ ยิ่งเมื่อเห็นร่างจ้อยน้อยทั้งสองร่างที่อยู่พาหาซ้ายและขวาของปิยมเหสี


              “เราเลือกไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นพระกุมาร หรือกุมารี เพราะทั้งสองก็คือลูกของเรา!”


             ในที่สุดก็ทรงเปล่งสุรเสียงอันแหบพร่าออกมาอย่างอัดอั้นตันพระทัย


                “ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันจะขอทำพิธีอัคนิโหตร* โดยการเสี่ยงทายพระชะตาของลูกเรา ด้วยสัตยาธิษฐานเองเพคะ!!”

                        *********************

อัคนิโหตร : การบูชาพระอัคนีด้วยไฟ


ตอบเพื่อนนักอ่านครับ

อาจารย์จี : ขุนพิพิธจะมีบทบาทต่อในช่วงต่อไปนี้แหละครับ และทำให้เกิดเหตุการณ์บางอย่างตามมาครับ

คุณmimny  : ขุนพิพิธรู้แต่ยังไม่หมดครับ ตอนต่อไปจากนี้ จะเริ่มคลี่คลายความสงสัยขึ้นแล้วครับ

คุณแก้ว : ลงตัวแล้วที่ชื่อ "โกกิลาเยี่ยมรุ่ง"ครับ เป็นครั้งแรกที่หมอกมุงเมืองจะทดลองเขียนนิยายอิงพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาลครับ

คุณมน : เรื่องใหม่นี้ เป็นเรื่องขนาดสั้นครับ เลยไม่นานมาก แต่ เหนื่อยมาก เหมือนเดิม แหะ แหะ

คุณ Laviyar : ขุนพิพิธเลยเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เรื่องบางอย่างเกิดขึ้นครับ

คุณไก่ : เรื่องใหม่วางพลอตไว้นานแล้วเหมือนกันครับ แต่เขียนไม่ได้สักที คราวนี้เป็นจังหวะสำคัญเกิดขึ้น ทำให้เขียนออกมาได้ก่อนครับ

คุณ scottie : ขุนพิพิธนี่ตัวร้ายแบบหนังไทยเลยครับ

คุณnasa nasa : เรื่องนี้มีคำตอบแน่นอนครับ ใจเย็นนิดหนึ่งนะครับ จวนจะเฉลยปมนี้เหมือนกันครับ

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ ยินดีรับฟังความคิดเห็นทุกท่านครับผม
ปล.ช่วงนี้อาจลงไม่เป็นเวลาสักเท่าไรครับ แต่จะพยายามลงให้ต่อเนื่องทุกสัปดาห์-2สัปดาห์ นะครับ

หมอกมุงเมือง

แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 55 21:09:32

จากคุณ : สามปอยหลวง
เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:42:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com