18
“แค่ผู้ชายคนเดียว เสียสละให้น้องไม่ได้หรือไง”
นภัสรินทร์คิดว่าพอจะควบคุมการปะทะคารมครั้งนี้ได้ เพราะเข้าใจเป้าหมายในใจวีรญา เธอกระตุกมุมปาก “ได้สิ ถ้าฉันไม่ต้องการแล้ว”
วีรญาหน้าบึ้ง “พูดแบบนี้ แสดงว่าต้องการมันน่ะสิ”
นภัสรินทร์เคลื่อนไหวแค่แววตา
“ก็เพราะเธอหวงมันไว้แบบนี้ มันก็สมควรแล้วที่จะโดนอย่างนั้น” น้ำเสียงอีกฝ่ายจัดจ้านขึ้น พอให้ ‘คนหวง’ มีอาการ
“ถ้ายังอยากจะคุยกันต่อไปล่ะก็ หาหัวข้ออื่นดีกว่า ไม่งั้นฉันจะไม่พูดกับเธอ”
วีรญาเจ็บแปลบในใจ เธอมาหานภัสรินทร์ก็เพราะด้วยความรู้สึกคิดถึง แต่สิ่งที่ได้มีแต่ความหมางเมิน ยามใดที่เธอตัดพ้อหรือไม่พอใจเรื่องผู้ชายที่นภัสรินทร์คบหา อีกฝ่ายก็จะโกรธทันที ทำไมไม่คิดถึงใจเธอบ้าง นภัสรินทร์คงไม่รู้หรอกว่า แม้เธอจะไปต่างประเทศแต่ก็ยังติดตามความเป็นไปในชีวิตของเพื่อนรักคนนี้อยู่เสมอ
เพราะแบบนี้ทำให้รู้ว่า ปัญวิชช์ไม่ยอมวางมือ เธอเลยต้องกลับมา
“ไม่มีใครรักและหวังดีกับเธอเท่าฉันหรอกนะริน เธอเปลี่ยนไปนะ ไม่เหมือนรินคนเดิม”
วีรญาสบตานภัสรินทร์จริงจัง ความในใจถักร้อยออกมา นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอทั้งสองคนคุยกันได้นานที่สุดนับจากเมื่อสามปีก่อน และสายป่านนี้ยังแข็งแรงพอมัดใจนภัสรินทร์ให้อ่อนลง
“ทุกอย่างมันจะเหมือนเดิมถ้าเธอไม่ก้าวเกินความเป็นเพื่อนนั้น เธอต่างหากที่ไม่เหมือนเดิม”
“เธอรักมันมากกว่าฉัน เธอก็รู้ไอ้ปรเมศมันทำอะไรฉัน ทั้งที่รู้ เธอยังไม่แยแสฉันเลย!”
ในอกคนฟังร้อนผ่าว “เธอยังจะมีสิทธิ์พูดแบบนี้อีกเหรอวี เธอก็ตัดสินเขาไปแล้วไง แล้วฉันก็เลือกทำแบบนี้ เธอยังจะว่าฉันอีกเหรอ!” เสียงกระแทกกระทั้นทำให้พนักงานชงกาแฟหันมามองด้วยความตกใจ นภัสรินทร์ระงับอาการ ทั้งโกรธและเจ็บปวด ในที่สุดก็คว้ากระเป๋า ลุกออกไปจากบทสนทนาดื้อ ๆ วีรญาเองก็ได้แต่มองตาม
นภัสรินทร์ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเรื่องต้องลงเอยแบบนี้ ถ้าเพียงการมาพบวีรญาในทุกครั้งจะทำให้สบายใจ ณ บัดนี้ไม่มีแล้ว ระหว่างกันมีช่องว่างที่ไม่มีวันถมเต็ม
นภัสรินทร์มาถึงที่บ้านกุลโยธาก่อนเจ็ดโมงเสียอีก เนื่องจากมีเอกสารที่ต้องให้รังสรรค์ลงชื่อ เมื่อวานเลขาของผู้เป็นพ่อลาครึ่งวัน เอกสารที่มาถึงกวางจึงไม่ได้รับการตรวจให้ครบ พอกวางเห็นก็รีบมาบอกแต่พ่อออกไปพบลูกค้าแล้ว วันนี้เธอจะต้องยื่นเอกสารให้ส่วนราชการในช่วงเช้า จึงต้องมาดักรอที่บ้านเพื่อจะได้เอาไปส่งมอบได้เลย
ที่ห้องอาหารมีนีรนารถกับบุญ ทันทีที่ก้าวเข้าไปก็ได้รับสายตาที่ไม่เป็นมิตร นภัสรินทร์ไม่แยแส เอ่ยปากขอน้ำเย็นกับก้อย อีกฝ่ายถามอย่างเอาใจ
“คุณรินเอาน้ำส้มไหมคะ ป้าบุญคั้นไว้เยอะเลย”
“ก้อย ใครสั่ง เจ้านายบ้านนี้มีแค่สองคนนะ ที่เหลือ...ไม่ใช่” นีรนารถแทรกขึ้น ก้อยหน้าจ๋อยและส่งสายตาขอโทษให้นภัสรินทร์ ก่อน ‘เจ้านาย’ จะหันมายกมุมปากใส่
“ไม่เป็นไรหรอกก้อย กะอีแค่น้ำส้มฉันหากินเองได้ อีกอย่าง...ฉันไม่ชอบกินของเหลือจากใคร”
นีรนารถหน้าตึง หันมาทำตาขวาง สะบัดเสียง “ทำเป็นพูดดี อยากรู้นักว่าถ้าไม่มีคุณพ่อเธอจะมีปัญญามาถึงทุกวันนี้ไหม ไม่ใช่ของตัวเองเลย”
นภัสรินทร์ตาวาว “ก็เพราะว่าถ้าน้องนารถรู้จักใช้ประโยชน์จากคนของตัวเองสักหน่อยก็ไม่ต้องมาเรียกร้องอยากได้เป็นเด็ก ๆ แบบนี้เลยนะคะ”
“นภัสรินทร์!!”
ป้าบุญส่งเสียงบ้าง แต่รังสรรค์เดินลงมาจากชั้นสองพอดี ขัดจังหวะการโต้อารมณ์ นภัสรินทร์มองเหยียดแล้วเดินผละออกไป นีรนารถกำมือแน่นและหาแนวร่วมกับแม่นมตนเอง เธอไม่พอใจนภัสรินทร์เป็นทุนเดิม หากเมื่อยิ่งรู้ว่าหญิงสาวกำลังจะฉกชิงผู้ชายที่หมายปองไปก็ยิ่งรังเกียจ ถือว่าสวยกว่า เก่งกว่า ทำเป็นผยอง คอยดูเถอะ
รังสรรค์ลงชื่อในเอกสารเพิ่มเติม แม้จะเป็นข้อผิดพลาดทำให้ต้องเสียเวลา แต่สีหน้าแจ่มใสเพราะรู้ว่าเป็นงานชิ้นโบว์แดงที่บริษัททำได้ และลูกเลี้ยงเป็นคนจัดการได้ด้วยดี
“เดี๋ยวรินจะเอาเอกสารไปส่งเองเลยเหรอ”
“ค่ะ” นภัสรินทร์ปิดซอง เตรียมตัวจะกลับ
“แล้วนี่กินอะไรหรือยัง กาแฟหน่อยไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรินไปทานข้างนอก แล้วเจอกันที่บริษัทค่ะพ่อ” เธอยกมือไหว้แล้วลุกออกไป อีกฝ่ายมองตาม ยังไม่ทันได้คิดอะไร ‘ลูกสาว’ อีกคนก็เดินเข้ามา
“เรื่องงานเหรอคะ”
รังสรรค์ตอบคำถามนั้นแค่การพยักหน้า
“แล้วทำไมไม่เอาไปคุยกันที่ทำงานล่ะคะ ต้องรบกวนคุณพ่อแต่เช้า”
“ไม่มีอะไรหรอก เอกสารต้องส่งวันนี้ รินเขาอาสาไปส่งให้ เลยแวะมาให้พ่อลงชื่อเพิ่มน่ะ”
“ท่าทางจะสำคัญมาก” นีรนารถลอยหน้า
“ทุกงานของบริษัทเป็นเรื่องสำคัญหมด” รังสรรค์ตอบเรียบพยายามไม่ไปจุดอารมณ์ลูกสาวคนเล็กซึ่งดูจะกรุ่นเหมือนน้ำร้อน หากแต่แววตามีความภูมิใจ นีรนารถเห็นก็ฉุนกึก ตวัดเสียง
“ลูกสาวคนเก่งของคุณพ่อเนี่ย นอกจากจะเก่งทำงานแล้วยังเก่งสร้างข่าวอีกด้วยนะคะ”
“นารถ”
“ถึงคุณพ่อจะว่านารถ แต่นารถพูดเรื่องจริงค่ะ คุณพ่อน่าจะได้ยินอยู่แล้ว ขยันควงคนนั้นคนนี้ให้เป็นข่าว อันนี้ก็เกี่ยวกับงานด้วยเหรอคะ”
“รินเขาเป็นนักธุรกิจก็ต้องรู้จักคนเยอะเป็นธรรมดา”
นีรนารถโคลงศีรษะ “จะควงกับลูกค้าหรือใครก็ไม่ว่าหรอกค่ะ แต่ไปกับพี่วิชนี่คุณพ่อไม่รู้สึกอะไรเหรอคะ” ลูกสาวพูดแล้วเหลือบมองสีหน้าบิดา พอเห็นนิ่งอยู่ก็ใส่ต่อ “พ่อก็เห็นใช่ไหมคะว่าพี่วิชมาที่บ้านเรา มากินขนมที่นารถทำ แล้วถ้าปล่อยให้ยาย เอ้ย ให้รินควงเขาไปไหนต่อไหนแบบนี้ นารถก็จะกลายเป็นคนมาทีหลังสิคะ ใครเห็นเขาจะว่าลูกสาวบ้านนี้แย่งผู้ชายคน...”
“นารถ” รังสรรค์ไม่ให้นีรนารถพูดคำนั้นได้จบ “พ่อรู้แล้ว ทุกอย่างที่รินทำ เขามีเหตุผล นารถอย่าเพิ่งว่าพี่เขาเลย”
“พ่อจะคุยรินกับเรื่องนี้ใช่ไหมคะ”
รังสรรค์นิ่ง ได้ยินเรื่องที่ปัญวิชช์มาติดพันนภัสรินทร์มาบ้างแล้ว เพราะชายหนุ่มก็แวะมาทักทายเขาถึงห้องทำงาน รู้แก่ใจว่าชายรุ่นลูกคงไม่ได้มาคุยกับนภัสรินทร์เรื่องทำขนมเหมือนนีรนารถแน่ และจากเสียงเล่าลือของพนักงานในบริษัทดูเหมือนเขาจะใช้ตำแหน่งสส.เบิกทาง รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เขาพอเข้าใจวิธีคิดของนภัสรินทร์ บางทีเธอคบผู้ชายเพื่อประโยชน์ของงาน และมักจะสำเร็จ ผลงานเป็นฐานชื่อเสียงและเป็นรูปธรรมพอให้จับต้องและวิธีการได้มา แต่ที่เขาหวั่นเกรงคือ หนึ่ง ปัญวิชช์คือคนของชัยเตชินญ์ ที่เคยมีเรื่องหมางใจกัน และสอง เป็นเพราะสายตานีรนารถก็มองปัญวิชช์อย่างหลงใหล คนหนึ่งคือลูกสาวแท้ ๆ อีกคนก็ลูกบุญธรรมคนสำคัญ สองเหตุผลที่ทำให้เขาเครียดจนต้องเบรกไปพักผ่อนต่างจังหวัดสองสามวัน จึงกลับมาและรู้ข่าวว่านภัสรินทร์ประมูลงานได้อีกได้ จากข้อมูลที่ ‘ท่านจรัส’ ให้
รังสรรค์รู้สึกจุกและน้ำท่วมปาก เขารักนภัสรินทร์พอ ๆ กับที่เสียดายว่าทำไมเธอไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ความคิดส่งผ่านนัยน์ตาคู่นั้นออกมาว่า วันใดที่เธอแข็งแกร่งพอ เธอจะโบยบินโดยไม่ต้องให้เขาประคองอีกต่อไป
“พ่อคะ...”
แต่คนตรงหน้าก็คือลูกสาว ซ้ำยังเป็นลูกแท้ ๆ ซึ่งเขาคงจะไม่มีวันเห็นคนอื่นดีกว่าแน่ “อืม เดี๋ยวจะลองถามรินดู”
นีรนารถเรียกรอยยิ้มกว้างออกมาได้
นีรนารถกลับมาที่ห้องนอน เปิดตู้หาผ้าคลุมไหล่สวย ๆ สักผืนเพื่อบรรเทาลมเย็นในฤดูหนาว มองปฏิทินอีกสองสัปดาห์ก็จะปีใหม่แล้ว เทศกาลแห่งความสุขกำลังจะเริ่มต้นขึ้น แต่ตอนนี้อารมณ์เธอไม่สดใสเท่าไรนัก
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น เธอเดินไปหยิบเห็นชื่อปัญวิชช์ขึ้นที่หน้าจอ หัวใจกระทุ้งอกโครมคราม ใจหนึ่งอยากจะงอนไม่รับ ให้ชายหนุ่มรู้บ้างว่าเธอรู้สึกว้าเหว่เหมือนถูกปล่อยทิ้ง หากแต่ทำไม่ได้ ความคิดถึงร่ำร้องหนักกว่า
“ค่ะ”
“พี่วิชนะ สะดวกคุยไหมครับ”
อดหมั่นไส้ไม่ได้ ทำไมจะต้องทำมาเป็นทางการกับเธอด้วย แต่นีรนารถก็ได้แค่คิด เพราะตอบว่าสะดวก
“พี่จะโทร.มาถามนารถเรื่องดูหนังน่ะครับ จะบอกว่าไม่ได้ลืมนะ แต่ช่วงนี้งานยุ่ง ไม่ค่อยสะดวกและมันไม่แน่นอนเลยยังไม่กล้านัด”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ได้ยินเท่านี้หัวใจที่ห่อเหี่ยวก็พองขึ้นมาแล้ว
“ขอโทษด้วยที่ปล่อยให้รอ แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่รับปากใครแล้วไม่เบี้ยว รับรองทำตามสัญญาให้ทุกคน”
หญิงสาวขมวดคิ้ว “ทุกคน...เหรอคะ”
“อื้ม พี่ถือว่ารับปากใครไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้ อาจจะช้าหน่อยแต่รับรองไม่ลืม” เขาพูดสบาย ๆ แต่สมองนีรนารถไม่คล้อยตาม
คำตอบทำให้เธอไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเพราะว่าไม่เป็นคนสำคัญอะไร เธอก็จัดอยู่ในหมวด ‘ทุกคน’ ที่เขาจะทำตามสัญญาเท่านั้น แต่ไม่ได้กระตือรือล้นหรือเพียรพยายามให้เป็นพิเศษแต่อย่างใด ก็แค่คนธรรมดา
“อาจจะเป็นเสาร์อาทิตย์นี้แหล่ะ แต่เดี๋ยวยังไงพี่โทรหาอีกทีนะครับ”
“ค่ะ”
นีรนารถวางสายแล้วถอนใจ อย่าบอกว่ามาให้ความหวังแล้วเธอต้องแบกมันไว้อีกนะ ไม่รู้ว่าถ้าเป็นยายนภัสรินทร์ ชายหนุ่มจะคิดยังไง เป็นคนในหมวด ‘ทุกคน’ เหมือนกันหรือเปล่า แทนที่จะดีใจ กลับกังวลใจมากขึ้นกว่าเดิม นีรนารถนั่งกดรีโมทไปมาอยู่ครู่หนึ่ง จึงกดเลขหมายใหม่
“พี่วีเหรอคะ คุยได้หรือเปล่าคะ”
....
จากคุณ |
:
อุธิยา (BabyRed)
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ส.ค. 55 11:49:14
|
|
|
|