Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
๐๐ ... สวนสัตว์สนาน ... ๐๐..(บทที่ 12) ติดต่อทีมงาน

"สวนสัตว์สนาน" (บทที่12)



บทที่ 12





ผมไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ฟกช้ำและหน้าผากแตกเพราะกิ่งไม้ฟาด..หนามเฟื่องฟ้าก็ไม่เบาข่วนเอาซิบๆ หลายแห่ง


ไม่รู้เณรบัสเป็นอย่างไรบ้าง..แม่เล่าว่าท่านลากผมเข้าบ้านแล้วหายไป พอสายๆ มีเด็กวัดมาช่วยรั้งเถาเฟื่องฟ้าขึ้นคลุมหลังคาอย่างเดิม แต่คราวนี้ตอกตรึงแน่นหนากับกำแพงบ้าน..โชคดีที่โจและแคร์ไม่เป็นอะไร

ที่น่าแปลกและเป็นจริงคือแดนอาถรรพ์ของแม่..หมาตัวนั้นถือโอกาสนอนอ้อนอยูแถวอ่างบัว เจ้าด่างตัวนี้ไม่ได้พิการ อ้วนท้วนสมบูรณ์ดีและเคยหล่อมาก่อน..แต่ อ๊ะๆ อย่าเพิ่งเชื่อสิ่งที่ตาเห็น อาจมีอะไรซ่อนเร้นอยู่

ที่เจ้าหมาโคนม (สีเหมือนวัวนม) ปิดบังไว้คือความแอ๊บของมัน..ปัญญาอ่อนนิดๆ ดีดี (พี่สาวตั้งชื่อให้) คงมีบ้านอยู่ที่ไหนสักแห่งแต่เฟอะฟะเดินหลงทางกลับไม่ถูกแล้วโดนแดนอาถรรพ์ฉุดรั้งไว้..ผมก็นะเป็นเรื่องเป็นราว

แต่เป็นอย่างนั้นจริงๆ..ดีดีไม่ยอมไปไหนวนเวียนอยู่แถวหน้าบ้าน..พี่สาวผมเกิดพิศวาสให้ข้าวให้น้ำขนมหวานจนดีดีติดใจ..แผลตามตัวนิดหน่อยพี่หาทายาให้ พอเหม็นก็อาบน้ำให้อีก..อย่างนี้ถึงปัญญาอ่อนก็ไม่ไปไหนแน่นอน

ดีดีมีบางอย่างตรงข้ามกับเฉาก๊วย..นายขนดกชอบเล่นน้ำฝนแต่เจ้าขนเกรียนกลัวฝน พอฝนตกทีไรร้องลั่นเรียกพี่สาวให้พาเข้าบ้าน ก็ไม่อยากพาเข้ามานักแต่มันตะกายประตูจนไม้ฉีก..แต่ (อีกแต่) พอฝนหายดีดีก็ตะกายจะออกนอกบ้านอีก ประตูฉีกตามเคย..อะไรไม่ว่า ขึ้นลงบันไดก๊อกแก๊กทั้งคืน..เห่อ

หลังจากมีปากมีเสียงกันหลายครั้งระหว่างแม่กับพี่สาว ประตูจึงมีรอยฉีกอยู่อย่างนั้นทั้งด้านนอกด้านใน..เห่อ..เห่อ..เห่อ

อีกเรื่องที่แม่บอกว่าใช่เหตุคือการที่พี่สาวซื้อปลอกคอหนังสวยๆ ให้ดีดีใส่..อันแรกหายยังพอทน พอซื้ออันใหม่ให้อีกรุ่งขึ้นก็หายเหมือนอันแรก พี่สาวซื้ออีกหลายอัน (ไม่ใช่บาทสองบาท) เขาให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ดีดีถูกจับถ้าเป็นหมาไม่มีเจ้าของ..ก็ไม่รู้ว่าหายไปได้อย่างไร..ดีดีถอดเองไม่น่าจะใช่..ต้องมีใครถอดไป..เพื่ออะไร

ลืมบอกส่วนที่เหมือนกันของเฉาก๊วยและดีดี..เขม่นโจอี้และอยากเป็นเจ้าของบ้านเองทั้งคู่


เย็นหนึ่ง ขณะกำลังนั่งกินขนมอยู่กับโจและแคร์..รถคันหนึ่งคุ้นๆ มาจากปากซอย วกกลับแล้วจอดลงหน้าบ้าน..โชว์เฟอร์ลงมาเปิดประตูด้านหลังอย่างนอบน้อม (ผมเติมเอง)

“อาของนายบัส..” โจกระซิบ

“คุณเจมส์..” ผมกระซิบพอกัน

“เจมส์ที่ไหน..ดีดีต่างหาก”

“หา!..” ทั้งงงทั้งตกใจ..ดีดีก้าวลงมาจากรถ

“ผมเอามาส่ง เห็นมันเดินเงอะงะอยู่ปากซอยกลัวถูกรถชน..ชื่ออะไรครับ?” ถามผมแล้วค่อยหันไปทางดีดี

“มิวครับ..” ตอบไปแล้วจึงเข้าใจว่าอานายบัสหมายถึงดีดี..ดีหน่อยที่ไม่ดัง..หุ..หุ..หน้าเกือบแตก

“ชื่อดีดีครับอา” โจช่วยแก้สถานการณ์

“ดีดีไม่ซ่าเหมือนเฉาก๊วยต้องระวังให้ดีนะโจ..” กลับขึ้นรถ “ฮะ..ฮะ..” เสียงลอดจากประตูที่กำลังปิด “ชอบขึ้นรถเสียด้วย”

“อาเจมส์เอาดีดีขึ้นรถมาทำไม..เหม็นแย่” ผมพึมพำ

“น้ามิวรู้ได้ไงว่าเขาชื่อเจมส์” โจมองผมอย่างสงสัย

“อ้าว!..ไม่ใช่หรือ?”

“ไม่รู้สิครับ ไม่เคยได้ยินบัสพูดถึง..” คราวนี้จ้องผมตรงๆ “ว่าแต่น้ามิว..”

“เออๆ..” ผมชิงตอบก่อนที่โจจะถามเป๋ไปทางอื่น “น้ายอมรับว่ามั่ว ไม่รู้พูดออกมาได้อย่างไร” ผมเพิ่งนึกได้..ที่แท้ เจมส์ คือชื่อชายหนุ่มบนคบประดู่ในฝันพิลึกๆ ของผมนั่นเอง

นอกจากพี่สาวผมยังมีอีกหนึ่งคนที่ถูกชะตากับดีดี..คนกวาดถนนประจำซอย (ผู้หญิง) สามีเป็นคนขับแท็กซี่ เธอจึงพาดีดีนั่งแท็กซี่กินลมบ่อยๆ..เออนะ..ทีตอนผมพาโจอี้และแมวๆ ไปหาหมอไม่ยักเจอนายโชเฟอร์คนนี้บ้าง

ผมยอมรับว่าไม่ค่อยชอบดีดี..เหมือนคนขี้ประจบสอพลออย่างไรไม่รู้ คอยสบตา เบียดสีข้างกระแซะเมื่อมีโอกาส..อะไรไม่ว่า ก็เมื่อมีคนรักมากแล้ว นับตั้งแต่นอกบ้าน คุณเจมส์ (ชื่อนี้ไปเลย) สาวกวาดถนนและสามี พี่สาวผม โจและแคร์..ยังไม่พอใจ พยายามจะให้ผมและแม่รักให้ได้..ไม่รู้จักพอ (อคติกับหมาก็ได้นะผม)



“พี่ครับ..” ผมพูดกับพี่สาวที่เตรียมตัวออกแจกปลาทู “สองสามวันนี้ช่วยดูแคร์ไปโรงเรียนด้วยนะ ผมต้องไปทำงานเช้ามาก”

“มิน่าตื่นแต่มืด” พี่ไม่รับหรือปฏิเสธ

“วันนี้เปิดเทอมวันแรก ผมก็เผอิญต้องเริ่มไปเช้านี้ด้วย” ขยายความต่อเพื่อย้ำ

“เออ!..”

“ค่าใช้จ่ายต่างๆ อยู่ที่แม่นะ” ไม่รอให้พี่อารมณ์บูด ผมรีบออกจากบ้านทันที

ฟ้ายังไม่สว่างดีนัก ถนนว่างมาก ถึงแม้จะเป็นถนนซอยแต่เวลาธรรมดารถคับคั่งเหมือนกันเพราะอีกด้านทะลุออกถนนใหญ่ได้ และมีสำนักงานหลายแห่งตั้งอยู่ในหมู่บ้าน

ผมนึกสนุกเดินออกกลางถนน เลี้ยวซิกแซ็กไปมา..คุณป้าคนหนึ่งอายุประมาณไม่เกินห้าสิบเดินห่างจากฟุตปาทเมตรครึ่งเป็นประจำไม่สนใจกับรถที่บีบแตรไล่ ไม่กลัวถูกรถชนอีกต่างหาก บางทีทำปากขมุบขมิบบ่นพึมตามหลังรถนั้น..ผมว่าแกคงสติไม่ดี..นี้ผมก็กำลังสติไม่ดีเหมือนกันสิ..555++

“ปิน..ปิ้น..” เสียงแตรนิ่มๆ เหมือนเกรงใจ ผมรีบหลบขึ้นฟุตปาทแต่รถก็ไม่ได้แซงขึ้นหน้าอย่างที่ควรเป็น

“ปิ้น..” แตรดังขึ้นอีก

“ไรวะ?..” ผมบ่นในใจมองไปที่รถคันนั้น..ที่แท้รถของอานายบัสนั่นเอง..อ๋อ!..จะทักทาย แต่ทำไมไม่เลยไปสักที

“อ้าว!..” คราวนี้ผมร้องออกมาจริงๆ..กระจกรถด้านหน้าเลื่อนลง..เปล่า!..ไม่ใช่นายอาคนนั้นที่หันมายิ้มกับผม..ใครคนนั้นคือเณร..ไม่ใช่ๆ..คือนายบัสในชุดนักเรียนต่างหาก

“ดีคับ..” แบบไม่มีเสียงจากปากบัสแล้วกระจกก็เลื่อนขึ้น..รถแล่นจากไป

เพราะมัวแต่เดินเล่นกลางถนนแบบเฉาก๊วยผมจึงไม่เหลือเวลาคิดอะไรเกี่ยวกับบัสอีก รีบจ้ำออกซอยหารถไปทำงาน



“ตั้งแต่เปิดเทอมเราไม่ได้คุยเล่นกันเลยนะน้ามิว..” โจแก่แดดนอนพังพาบทำการบ้านอยู่หน้าทีวี “น้ามิวเหงาไหม?”

“หือ!..” ผมชะงักมือที่กำลังขว้างตุ๊กตา..โจอี้พลอยค้างไปด้วย

“หือ?..” โจทวนคำ

“โจอี้..คาบตุ๊กตามา..เร็ว!..” ผมขว้างตุ๊กตาไม่ตอบคำถามโจ..โจอี้เดินหน้างุดข้ากรง

“โจว่าโจอี้เบื่อเล่นแล้ว..” เดินไปหยิบตุ๊กตา “น้ามิวลืมไปแล้วหรือ เขาเพิ่งหายป่วย..” เมื่อเห็นผมนิ่งจึงพูดต่อ “โจว่าน้ามิวแหละอยากเล่นมากกว่า..มา..โจขว้างให้”

“แล้วไง?..” ฟังแปลกๆ ผมออกจากความคิด

“น้ามิวก็เป็นคนไปเก็บไง..ฮะ..ฮะ..” โจหัวเราะเหมือนผู้ใหญ่

“เฮ้ย!..เดี๋ยวโดนน้ามิวเตะหรอก..” เพราะรู้สึกว่ากลับมาเที่ยวนี้โจโตขึ้นมากผมจึงกล้าพูดว่าเตะ “หนอยว่าเราเป็นหมา..หึ..หึ..”

“ฮา..ฮา..ดีขึ้นหรือยังครับ”

“โจเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ”

“ถึงรู้ว่าน้ามิวเหงา..” มองหน้าผม “คิดถึงบัสหรือ?”

“เฮ้ย!..” ผมจะพูดอะไรได้เพราะมันมีความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ความคิดถึงแบบที่โจแก่แดดเข้าใจ

“บัสไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่หมู่นี้เขาไปโรงเรียนเช้ามากๆ เพื่อฝึกกีฬา บัสกำลังจะเข้าคัดเลือกเป็นนักกีฬาของโรงเรียน..” ผมยังคงเงียบ “ปิดเทอมก็ไม่ได้ไปบ้านพ่อกลัวกลับมาไม่ทันเปิดเรียนจึงแลกด้วยข้อเสนอให้บวชเณรของพ่อ..” คราวนี้ไม่ใช่แค่มอง..จ้องผมตรงๆ “โจว่าบัสคิดถึงน้ามิวเหมือนกันนะ”

“เห่ย..รู้ได้ไง” อดไม่ได้ละสินายมิว

“ที่โจเล่ามานี้บัสเขาฝากมาบอกน้ามิว..” เดินอย่างผู้มีชัยไปที่เตียง “ชิ!..ถ้าบัสไม่เล่าให้โจฟังโจจะรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร..ใช่ป่าวคับ”

“แต่..” ผมมีข้อโต้แย้งที่ยากเกินกว่าเด็กแก่แดดจะเข้าใจ

“ไม่แต่ครับ..ชัวร์ๆๆ..” โจล้มลงบนเตียง “นอนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้รีบตื่นไปกินขนมฟรี”


โจไม่รู้ลึกซึ้งหรอกว่า ที่บัสต้องไปโรงเรียนแต่เช้าพร้อมอาของเขา..ที่เอาเวลาไปทุ่มเทกับกีฬา..ที่ต้องไปอเมริกา..ที่ต้องบวชเพราะอะไร..เพราะเขาเป็นเด็กอยู่ในโอวาทของพ่อแม่หรือ..ไม่ใช่..ความกังวล หวง ห่วงของพ่อต่างหากคือสาเหตุใหญ่

ความจริงสิ่งที่พ่อของบัสห่วง โดยเฉพาะเกี่ยวกับผมไม่ได้มากมายอย่างที่กลัวล่วงหน้า..บัสแค่เป็นเพื่อนของหลานชาย คนร่วมซอยร่วมชุมชนที่มีมิตรภาพดีต่อกันเท่านั้น

พวกเขาดูไม่ออกหรือว่าบ้านผมเป็นคนประเภทไหน..จริงสิ..พวกผมมันแค่คนหาเช้ากินค่ำ ร้านโชว์ห่วยข้างถนนฐานะธรรมดาไม่ได้ร่ำรวยบ้านโตอย่างเขา..เอ๊ะ!..ผมนึกตัดพ้ออะไรกับใครอยู่นี่ ไหนว่าไม่มีอะไรไง


ไม่มีอะไรก็ไม่ถูกนัก ผมเพียงแต่คิดว่าตัวเองคือเจ้าบ๊อบบี้..ดัลเมเชี่ยนที่เด็กชายคนหนึ่งละเมอกอดแค่นั้นเอง

...............

ผมหารูปดีดีไม่เจอ ไปพบภาพนี้ในเน็ทเหมือนดีดีมาก..ไม่ทราบว่าของใคร ขอยืมหน่อยนะครับ..ขอบคุณมากครับ..

แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 55 06:23:46

 
 

จากคุณ : ดาเรน
เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 09:11:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com