เซ็นซู ภาค จอมอสูรจากหิมาลัย บทที่ 20 สงครามสู่โคะโตโระ
|
 |
เซ็นซู บทต้น http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=22-09-2011&group=19&gblog=1
บทที่ 19 ความผันแปรของเปลวไฟแห่งสมคราม http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12508218/W12508218.html
บทที่ 20
สงครามสู่โคะโตโระ
ทหารคาสึรางิหายไปไหนกันหมด!
ซาวาระร้องถามเสียงดังลั่นเมื่อพบว่ากระโจมด้านหลังซึ่งเป็นที่พักของกองทัพจากแคว้นคาสึรางินั่นว่างเปล่า ทหารยามรีบก้มศีรษะลงพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงตระหนก
ไม่ทราบขอรับ เมื่อคืนตอนข้าผ่านมาทางนี้ยังเห็นพวกเขาอยู่เลย
คนตั้งสองพัน เจ้าจะบอกว่าไม่รู้ว่าหายไปตอนไหนอย่างนั้นหรือ เจ้าเมืองอิวะตวาดพลางกระขากดาบออกจากฝัก แม่ทัพเมืองอิวะซึ่งยืนอยู่ด้านข้างจึงรีบพูดขึ้น
พวกเขาทะยอยกันออกไป เขามองดาบที่ชะงักค้างกลางอากาศและรีบพูดต่อข้าพบรอยเท้าของคนพวกนั้นแยกย้ายไปคนละทิศละทาง คงจะค่อยๆออกไปทีละคนจนหมดแต่ที่น่าแปลกก็คือทั้งที่พวกมันมีม้าหลายตัว แต่ทำไมเราถึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้ามันเลยสักนิด
ซาวาระตวัดดาบฟันเชือกที่ขึงกระโจมจนขาดสะบั้น
ข้าไม่สนใจเรื่องนั้น ดวงตาทอแสงลุกโชนด้วยความโกรธจัดเจ้าฮิโรซะจะได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมที่กล้าหักหลังข้าเช่นนี้
แล้วเราจะทำยังไงกันต่อหรือขอรับ แม่ทัพอิวะถาม ซาวาระหันหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งเมืองโคะโตโระ
ถล่มโคะโตโระให้พินาศ จากนั้นค่อยไปจัดการคาสึรางิ
แม่ทัพแห่งอิวะค้อมตัวลงรับคำบัญชาส่วนซาวาระหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในกระโจม เมื่ออยู่ตามลำพังแล้วเขาจึงเอ่ยถามเสียงห้วน
ทำไมเจ้าไม่บอกข้า
เพราะเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง
เสียงตอบดังมาจากด้านหนึ่ง ซาวาระหันขวับไปมองทันที
แต่มันก็เป็นหนึ่งในแผนการของข้าเจ้าน่าจะรู้จักคิดได้บ้างเขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างฉุนเฉียวเจ้าอสูรไร้สมอง
เสียงคำรามอย่างดุดันดังขึ้น คลื่นพลังหนักหน่วงพุ่งเข้าใส่ซาวาระ มันทำให้เขาแทบจะล้มลงทั้งยืน
อย่าบังอาจทำปากกล้ากับข้า เงาสีดำเคลื่อนมายืนตรงหน้าและก้มลงไปแทบจะชิด ไม่อย่างนั้นแล้วข้าจะสั่งให้พวกปิศาจถอนตัวจากเรื่องนี้และจัดการเมืองของเจ้าให้สิ้นซาก
ใบหน้าของซาวาระเผือดลงเล็กน้อยแต่เขาก็รีบปรับให้เป็นปรกติดังเดิม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมสงบปากแล้วเงาสีดำจึงเลื่อนถอยออกห่าง
พวกปิศาจบอกข้าว่าที่ไม่สามารถยับยั้งทหารพวกนั้นเพราะถูกพลังบางอย่างตรึงเอาไว้ กว่าจะขยับตัวได้พวกมันก็ไปกันจนหมดแล้ว
ทำไมถึงไม่ตาม
เพราะคนพวกนั้นได้รับการคุ้มครอง เงาดำตอบ ซาวาระขมวดคิ้ว
คุ้มครองคนถึงสองพันน่ะหรือ แสดงว่าคนที่ทำมีพลังมากกว่าเจ้า เขามองเงาดำรู้ไหมว่าเป็นใคร
เบียคโกะ
เบียคโกะ! ซาวาระอุทานด้วยความตระหนกเจ้าคงไม่ได้หมายถึงเบียคโกะที่เป็นหนึ่งในสี่จตุรเทพ
เขามองเงาดำแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งจึงถามต่อ
ทำไมนางจึงไปช่วยพวกคาสึรางิ
นางไม่เคยยืนข้างผู้ใด ที่สำคัญเวลานี้เบียคโกะคือเทพมาร ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าหากนางเข้ามายุ่งข้าก็ต้องหลีกเลี่ยงเพราะถึงจะมีพลังมากมายแค่ไหนอสูรก็ไม่มีทางต่อกรกับพวกเทพ
คำพูดของเงาอสูรทำให้ซาวาระต้องคิดหนักแต่ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น
ยังไงสงครามก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเทพอยู่แล้ว ข้าจะเคลื่อนพลไปบดขยี้โคะโตโระและตัดหัวเจ้ายาสึฮิระมาแขวนไว้ที่เอวจากนั้นค่อยไปถล่มคาสึรางิให้พินาศแล้วลากคอเจ้าตัวขี้ขลาด ฮิโรซะมาแขวนไว้ที่ประตูเมือง
เขาก้าวออกจากกระโจมทันทีที่พูดจบจึงไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มเยาะที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเงาดำที่เรียกตนเองว่าจ้าวอสูร
เจ้าจะถูกยาสึฮิระฆ่าเสียมากกว่า ดวงตาสีเข้มมองออกไปนอกกระโจมผ่านขุนเขาตรงไปยังเมืองอันเป็นที่หมายของสงคราม
พวกมนุษย์จะฆ่าฟันกันยังไงข้าไม่สนเพราะเป้าหมายที่แท้จริงนั้นอยู่ที่เจ้า ไพรา มือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมกำแน่น
ข้าจะดับลมหายใจเจ้าด้วยมือของข้าเอง
*/*/*/*/*/*
พัดสีเหลืองวาดลงอย่างเชื่องช้ารับกับเสียงขลุ่ยที่กำลังบรรเลงเพลงอย่างอ่อนหวาน มิสึกิหมุนตัวด้วยท่วงท่าที่ชดช้อยงดงามจนคล้ายว่านางกำลังร่ายรำอยู่ท่ามกลางใบโมมิจิในฤดูใบไม้ร่วงที่ปลิดปลิวไปตามสายลม
ลีลาแสนงามของสตรีตรงหน้าทำให้ฮารุคาเสะมองอย่างหลงใหลจนถึงกับเผลอทำขลุ่ยลื่นตกจากมือ เสียงเพลงที่หยุดลงกลางคันทำให้มิสึกิต้องชะงักและหันไปมอง เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังก้มตัวลงเพื่อเก็บขลุ่ยบนพื้นนางจึงถามด้วยความแปลกใจ
เกิดอะไรขึ้นหญิงสาวหันมองรอบตัวไพรามาที่นี่ด้วยอย่างนั้นหรือ
ทำไมท่านจึงถามเช่นนั้น
เพราะท่านมักหยุดสอนหรือทำสีหน้าแปลกทุกครั้งที่เขามามิสึกิตอบพลางรวบพัดในมือ ชายหนุ่มสั่นศีรษะ
ข้าจับขลุ่ยไม่แน่นพอมันจึงพลาดหลุดจากมือไปเท่านั้นเขาพูดพลางเก็บขลุ่ยกลับลงกล่องและลุกขึ้น หญิงสาวขมวดคิ้ว
ท่านจะเลิกแล้วหรือ
ชายหนุ่มผงกศีรษะ มิสึกิทำหน้าเหมือนผิดหวังพร้อมกับพูดเบาๆ
แต่ข้ายังรำไม่จบเพลง
ความอ้างว้างของฤดูใบไม้ร่วงเป็นบทเพลงที่มีความยาวมาก ข้าเกรงว่าท่านจะเหนื่อยเกินไป
ฮารุคาเสะตอบอย่างนุ่มนวลและมองหญิงสาวที่ก้มหน้าลงมองพัดในมือด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม
ดูเหมือนท่านจะมีเรื่องไม่สบายใจ
มิสึกิเม้มริมฝีปากพร้อมกับผงกศีรษะ
ข้าเป็นห่วงท่านพ่อ
ท่านยาสึฮิระเป็นอะไรไปหรือ ฮารุคาเสะถาม หญิงสาวส่ายหน้า
ท่านพ่อสบายดี นางนิ่งไปเล็กน้อยคล้ายลังเลที่จะกล่าวสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจออกมา มือที่กุมพัดกำแน่นจนสั่นระริก ในที่สุดมิสึกิจึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้น
ข้าไม่รู้ว่าควรจะกล่าวดีหรือไม่ แต่หลังจากถูกคาสึรางิกับอิวะบุกเข้าโจมตีครั้งหลังสุดท่านพ่อดูเปลี่ยนไป
เท่าที่เห็นท่านยาสึฮิระก็ดูเป็นปรกติดีทุกอย่าง ฮารุคาเสะปลอบทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่มิสึกิสงสัยเป็นความจริงทุกอย่าง แต่หญิงสาวกลับสั่นศีรษะ
แม้ภายนอกจะดูเป็นปรกติแต่สายตาของท่านไม่เหมือนเดิม มันเหมือนกับแววตาของปิศาจที่เต็มไปด้วยความอำมหิตอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน
อาจจะเป็นเพราะท่านยาสึฮิระกำลังเครียดเรื่องสงครามจึงดูเคร่งขรึมน่ากลัวมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ฮารุคาเสะปลอบ หญิงสาวส่ายหน้า
ความเครียดแบบไหนที่ทำให้ดวงตาคนเปลี่ยนไปได้เช่นนั้น
มิสึกิถามเสียงแผ่ว ชายหนุ่มจึงสั่นศีรษะ
ข้าเป็นเพียงนักนาฏกรรมจึงไม่อาจล่วงรู้ความคิดของพวกนักรบ แต่สิ่งหนึ่งที่ข้ารู้และมั่นใจที่จะกล่าวคือที่ท่านยาสึฮิระเป็นอยู่ในเวลานี้เกิดจากความต้องการที่จะปกป้องท่านกับชาวเมืองโคะโตโระ
ฮารุคาเสะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน มิสึกินิ่งไปเล็กน้อยและถอนใจออกมาเบาๆ
ท่านคิดเช่นนั้นหรือ
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ หญิงสาวจึงยกพัดในมือขึ้นมาวางไว้แนบอกและยืนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูด
ถ้าอย่างนั้นข้าควรทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ท่านพ่อสบายใจ
แค่เห็นท่านมีความสุข ท่านยาสึฮิระก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งแล้ว ฮารุคาเสะกล่าวแต่มิสึกิกลับสั่นศีรษะ
แต่นั่นก็ยังไม่ช่วยให้ท่านพ่อคลายความเครียดลงหญิงสาวกล่าวด้วยความกังวล ฮารุคาเสะจึงเลื่อนไปกุมมือนางไว้และบีบเบาๆ
บางทีการร่ายรำของท่านอาจทำให้จิตใจของท่านยาสึฮิระสงบลงได้
เป็นความจริงหรือนางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแต่แล้วสีหน้าก็สลดลงแต่ข้าเพิ่งเรียนได้ไม่นานฝีมือคงยังไม่ดีพอ
สำหรับนักนาฏกรรมแล้วการแสดงทุกครั้งมิใช่แค่การร่ายรำ ทุกท่วงท่าล้วนมาจากความรู้สึกเพราะการแสดงหากไม่ได้มาจากจิตใจ ผู้รำก็เหมือนหุ่นเชิดตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
ฮารุคาเสะกล่าวด้วยน้ำเสียงแสนอ่อนโยนพลางกระชับมือของมิสึกิแน่นขึ้น
เพื่อท่านยาสึฮิระแล้ว การร่ายรำของท่านจะต้องงดงามยิ่งกว่าสิ่งใด
พวงแก้มปลั่งมีสีชมพูระเรื่อราวกลีบซากุระ หญิงสาวดึงมือออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มและแสร้งทำเป็นเลื่อนสายตามองออกไปด้านนอกอย่างเอียงอาย
ในเมื่อท่านกล่าวเช่นนั้นข้าก็จะไปบอกท่านพ่อนางหยุดนิ่งเล็กน้อยและหันกลับมาทางฮารุคาเสะแอยากจะให้รับปากข้าอย่างหนึ่งว่า ท่านต้องเป็นผู้เป่าขลุ่ย
ข้ารับปากนักนาฏกรรมหนุ่มกล่าว มิสึกิยิ้มด้วยความดีใจ
ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปท่านพ่อตอนนี้เลยนางก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้สอนจากนั้นจึงเดินออกจากห้องตรงไปยังจวนของยาสึฮิระ เมื่อหญิงสาวพ้นไปจากสายตาแล้วใบหน้าอ่อนโยนของฮารุคาเสะก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที เขาหันไปยังต้นซากุระกลางสวนและพูดเสียงเรียบ
มีธุระอะไร
เสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีดังตอบกลับมา ไพรากระโดดลงจากต้นซากุระและก้าวขึ้นมายืนบนระเบียง
แค่มาชื่นชมการร่ายรำอันแสนงดงาม
ที่นี่เป็นจวนของเจ้าเมือง ไม่ใช่สถานที่ให้เจ้าเที่ยวเล่นได้ตามใจ ฮารุคาเสะกล่าวเสียงห้วน จอมอสูรแสร้งทำเป็นเดินผ่านเขาเข้าไปในห้องและหยิบพัดของมิสึกิขึ้นมาดูอย่างสนใจ
ไม่น่าเชื่อว่าการร่ายรำจะทำให้พัดธรรมดาดูมีชีวิตเขาคลี่พัดออกและโบกสะบัดในท่าที่เห็นมิสึกิทำเมื่อครู่ ท่าทางเก้งก้างขัดตาทำให้ฮารุคาเสะขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
เจ้าจะต้องผ่านฝึกฝนมาอย่างหนักจึงจะทำเช่นนั้นได้ ชายหนุ่มจ้องอีกฝ่ายเขม็งตกลงเจ้ามีธุระอะไรกันแน่
ไพราหุบพัดและวางกลับลงไปที่เดิม
ข้ามาเตือนเขาหันมาทางฮารุคาเสะทัพของอิวะกำลังตรงมาที่นี่พร้อมกับอสูรที่คอยให้ความช่วยเหลือซาวาระ และตอนนี้ฝูงปิศาจกำลังล้อมเมืองของเจ้าอยู่ ที่พวกมันยังไม่บุกเข้ามาเพราะมีพลังของยาสึฮิระคอยปกป้อง แต่เมื่อใดที่เขาออกนำทัพ พลังที่ว่าก็จะอ่อนกำลังลง เมื่อถึงเวลานั้นปิศาจที่มีพลังแข็งแกร่งก็จะบุกเข้ามา
ข้าจะกำจัดมันให้หมดฮารุคาเสะพูด ไพราสั่นศีรษะ
เจ้าเพียงคนเดียวรับมือพวกมันไม่ไหวแน่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าต้องรับมือปิศาจนับร้อยตัวนักนาฏกรรมกล่าวพลางเดินไปหยิบพัดเก็บลงไปในกล่อง จอมอสูรมองเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงถาม
เจ้าคิดว่าสามารถรับมือปิศาจและปกป้องมิสึกิไปในเวลาเดียวกันได้ด้วยหรือ เขามองชายหนุ่มที่หยุดยืนนิ่งและพูดต่อเจ้าอาจจะเคยต่อสู้กับปิศาจนับร้อยตัว แต่ถ้าหากพวกมันมีจำนวนนับพันและบุกเข้ามาพร้อมกันทุกทิศทาง เจ้าจะทำยังไง
ฮารุคาเสะหันไปมองไพรา
พูดแบบนี้เจ้ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่
แค่อยากร่วมมือกับเจ้า
ไม่จำเป็นชายหนุ่มตัดบทและทำท่าจะเดินออกจากห้อง จอมอสูรจึงพูดขึ้น
ข้าเองก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของมนุษย์ แต่หากชาวเมืองโคะโตโระถูกฆ่า คนที่จะต้องเสียใจที่สุดก็คือมิสึกิ เขามองฮารุคาเสะข้าจะไปกับยาสึฮิระและคอยกำจัดปิศาจที่บุกเข้ามาในเมืองส่วนเจ้าคอยปกป้องนางอยู่ที่นี่ แบบนี้เจ้าคงยอมตกลงด้วยใช่ไหมฮารุคาเสะ
นักนาฏกรรมหนุ่มมองจอมอสูรด้วยหางตา ก่อนจะตวัดกลับและกล่าวเสียงเรียบ
การปกป้องนางเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว
เขาเดินออกจากที่นั่นทันทีที่พูดจบ ไพรามองตามพร้อมกับสั่นศีรษะอย่างระอา
แค่ตอบว่าตกลงมันจะทำให้เจ้าเสียศักดิ์ศรีนักหรือไง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งเริ่มมีกลุ่มเมฆสีเทาหม่นปกคลุม ถึงจะใช้อำนาจอสูรปิดบังกองทัพแต่การที่พวกเจ้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้คงไม่มีทางตบตายาสึฮิระได้
จอมอสูรถอนใจ
เจ้าไม่น่ารนหาที่เลย ซาวาระ
*/*/*/*/*
มิสึกิก้าวเข้าไปในจวนของยาสึฮิระพร้อมด้วยคำพูดที่เตรียมมาเพื่อหว่านล้อมให้บิดายินยอมให้นางได้ร่ายรำให้ชม เมื่อไปถึงหน้าห้องหญิงสาวต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อไม่เห็นข้ารับใช้นั่งอยู่ด้านนอกเหมือนเช่นทุกครั้ง
หรือท่านพ่อออกไปข้างนอก
มิสึกิพึมพำและยืนนิ่งหน้าประตูอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเรียกด้วยเสียงไม่ดังนัก
ท่านพ่อ
เข้ามาสิมิสึกิ
เสียงยาสึฮิระดังตอบกลับมา หญิงสาวยิ้มด้วยความยินดีและเลื่อนประตูก้าวเข้าไปในห้อง ยาสึฮิระซึ่งกำลังยืนอยู่บนระเบียงหันมาส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
มีอะไรหรือ
ท่านพ่อไม่ยอมไปเล่นโกะกับข้าตามนัด มิสึกิพูดพลางก้าวเข้าไปยืนข้างบิดาหนำซ้ำสองสามวันมานี่ไม่ไปถามไถ่เรื่องการเรียนของข้าเลย
ยาสึฮิระหัวเราะออกมาเบาๆ
เจ้ามาหาข้าเพราะต้องการต่อว่าเรื่องนี้หรือ
ข้าเป็นห่วงท่านพ่อต่างหากมิสึกิตอบพลางแตะแขนของบิดาหลังกลับจากการต่อสู้กับพวกอิวะ ท่านดูเคร่งเครียดมากกว่าเดิม
ยาสึฮิระยิ้มพลางลูบศีรษะบุตรีอย่างเมตตา
ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเป็นห่วง ที่ข้าเครียดเพราะต้องเตรียมรับมือการบุกครั้งต่อไป
ข้าคิดว่าความพ่ายแพ้ครั้งก่อนจะทำให้อิวะเลิกมุ่งร้ายกับพวกเรา
แม้ครั้งก่อนอิวะจะเป็นฝ่ายพ่ายแต่คนอย่างซาวาระไม่มีทางยอมหยุดอยู่แค่นั้นแน่
คำตอบของยาสึฮิระทำให้มิสึกิต้องถอนใจ
ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดซาวาระจึงต้องการทำลายเมืองของเรานัก
บิดาของนางยืนนิ่งและหวนนึกไปถึงวันที่ทูตจากเมืองอิวะเข้ามาส่งจดหมายของซาวาระขอมิสึกิไปเป็นภรรยา มือของยาสึฮิระกำแน่น
ซาวาระ ชินโนเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง เป้าหมายของมันไม่ใช่เพียงแค่ครอบครองเมืองในแถบนี้เท่านั้น หากแต่เป็นจักรพรรดิ
คำอธิบายของบิดาทำให้มิสึกิยืนตกตะลึงพูดอะไรไม่ออกเพราะเท่าที่ผ่านมาเมืองโคะโตโระถูกบุกเพราะความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน แต่เหตุผลของเมืองอิวะนั้นต่างกัน การที่ได้ฟังจากยาสึฮิระทำให้หญิงสาวรู้ได้ในทันทีว่าสงครามในครั้งนี้คงไม่มีวันจบสิ้นจนกว่าซาวาระจะยึดครองทุกเมืองสมใจ
เรื่องราวที่ได้ยินทำให้ความคิดเรื่องการร่ายรำให้บิดาชมเพื่อคลายความเคร่งเครียดมลายหายไป ยาสึฮิระเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของนางจึงรีบกล่าว
ไม่ต้องห่วง ซาวาระไม่มีทางได้เหยียบแผ่นดินของเราแน่เขาบีบไหล่มิสึกิเพื่อเป็นการปลอบข้ามัวแต่ยุ่งเรื่องสงครามเกือบจะลืม การเรียนของเจ้าเป็นยังไงบ้าง
ข้าสามารถร่ายรำท่วงท่ายากได้มากขึ้น ฮารุคาเสะยังชมว่างดงามซ้ำวันนี้เขายังเป่าขลุ่ยเพลงความอ้างว้างของฤดูใบไม้ร่วงให้ข้าด้วย
ได้ยินว่าเพลงนี้มีความอ่อนหวานยิ่งนัก น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้ไปดู
ยาสึฮิระพูด มิสึกิจึงยิ้มพร้อมกับกล่าว
ความจริงวันนี้ข้าตั้งใจจะมาร่ายรำให้ท่านพ่อได้ชม แต่พอได้ฟังเรื่องราวของสงครามแล้วจึงคิดว่าไม่เป็นการสมควร
เหลวไหล ถึงข้าจะหมกหมุ่นกับการวางแผนรับมือข้าศึกแต่ก็ใช่ว่าจะต้องเมินเฉยต่อเจตนาดีของเจ้า ยาสึอิระกล่าวเสียงหนักวันนี้ข้าจะสั่งให้โอริเอะพัก เจ้าเตรียมตัวทันใช่ไหมมิสึกิ
มิสึกิยิ้มด้วยความดีใจ
ท่านพ่อจะชมการร่ายรำของข้าอย่างนั้นหรือ
ยาสึฮิระผงกศีรษะรับ หญิงสาวจึงค้อมตัวลงอย่างอ่อนน้อมพร้อมกับกล่าว
ถ้าอย่างนั้นข้าจะรีบไปเตรียมตัว นางทำท่าจะเดินออกจากห้องแต่กลับหยุดชะงักและหมุนตัวหันกลับมา มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้ท่านอนุญาต ให้ฮารุคาเสะเป็นผู้เล่นดนตรีได้หรือไม่
ยาสึฮิระนิ่งไปเล็กน้อย ตอนแรกเขาคิดจะปฏิเสธแต่เมื่อเห็นสีหน้าเชิงอ้อนวอนของบุตรีแล้วจึงเปลี่ยนใจ
แล้วแต่เจ้าเถิด
มิสึกิก้มศีรษะลงพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ ขณะที่กำลังจะก้าวออกจากห้องนางก็ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อโอริเอะก็เดินสวนเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน เขารีบค้อมตัวลงแสดงความเคารพต่อมิสึกิและยาสึฮิระ
มีอะไร เจ้าเมืองโคะโตโระถาม โอริเอะก้มศีรษะลงอีกครั้งก่อนตอบ
มีข่าวด่วนขอรับ ตอนนี้ทัพของอิวะเคลื่อนเข้ามาจนเกือบจะถึงเขตรอบนอกของภูเขาโฮะระนะฮาจิแล้ว
ว่าไงนะ!ยาสึฮิระอุทานด้วยความตระหนกพวกมันเข้ามาใกล้ถึงขนาดนี้ทำไมเจ้าถึงเพิ่งรู้
ทหารรายงานมาว่าพวกเขาออกตรจตามปรกติแต่ไม่พบสิ่งใด ระหว่างที่กำลังเดินอยู่ในป่านอกเขตภูเขาโฮะระนะฮาจิอยู่นั้น จู่ๆกองทัพของพวกอิวะก็ปรากฏขึ้นเหมือนฝูงหมาป่าที่โผล่ออกมาจากกลุ่มหมอก แต่ที่น่าแปลกก็คือไม่มีทหารของคาสึรางิเข้าร่วมเหมือนครั้งก่อน
หมาป่าที่โผล่ออกมาจากลุ่มหมอกอย่างนั้นหรือ ยาสึฮิระทวนพลางหันหน้าออกไปยังที่ตั้งของภูเขาโฮระนะฮาจิและเพ่งสายตามองนิ่งอยู่ชั่วอึดใจจากนั้นจึงพยักหน้า
พวกมันใช้พลังปิศาจบดบังสายตาพวกเรา เขาหันหน้ากลับมาทางโอริเอะในเมื่อเจ้า ซาวาระมันต้องการเช่นนั้นข้าก็จะสนองตอบด้วยความเต็มใจ
ให้ทหารรักษาการทำหน้าที่ตามปรกติแต่เพิ่มเวรยามขึ้นเป็นสองเท่า ที่เหลือให้ไปรวมกันที่ลานนอกปราสาท ข้าจะนำพวกเจ้าไปถล่มอิวะให้ราบเป็นหน้ากลอง
โอริเอะค้อมตัวลงรับคำและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนยาสึฮิระหลังจากออกคำสั่งแล้วเขาจึงหันทางมิสึกิ
เสร็จจากสงครามแล้วข้าจะมาชมการร่ายรำของเจ้า
มิสึกิมองบิดาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง แม้ในใจปรารถนาที่จะห้ามบิดามิให้ออกไปรบแต่ด้วยฐานะของเจ้าเมืองอันเปรียบเสมือนหัวใจของเหล่าทหารทำให้นางไม่อาจทำเช่นนั้นได้ หญิงสาวจึงทำได้แต่เพียงก้มศีรษะลงพร้อมกับกล่าว
ขอให้ท่านมีชัยกลับมา
นางมองยาสึฮิระอย่างเศร้าสร้อยจากนั้นจึงเดินออกจากห้อง เมื่อเห็นว่าบุตรีพ้นไปจากสายตาแล้วเจ้าเมืองโคะโตโระจึงเอ่ยถามเสียงห้วน
เหตุใดจึงไม่บอกข้า
ข้าเองก็เพิ่งรู้ เสียงไพราดังตอบกลับมา ยาสึฮิระหันไปมองด้วยความแปลกใจ
เจ้าก็เพิ่งรู้อย่างนั้นหรือเขายิ้มอย่างน่ากลัวแสดงว่าปิศาจที่ทำสัญญากับซาวาระมีพลังที่ร้ายกาจไม่เบา
ผู้ที่ทำสัญญากับซาวาระไม่ใช่ปิศาจแต่เป็นอสูร ไพราพูดเสียงเรียบ ยาสึฮิระขมวดคิ้ว
อสูรผู้นำโคะโตโระทวนคำด้วยความแปลกใจและเหยียดยิ้มไม่ว่ามันจะเป็นอะไรหากยืนอยู่ด้านตรงข้ามข้าก็จะสังหารสิ้น
อย่าประมาทเกินไปนักเพราะอสูรตัวนี้ร้ายกาจกว่าปิศาจที่เจ้าเคยเจอ
ไพราเตือนแต่ยาสึฮิระไม่สนใจ เขาเดินไปยังแท่นวางคันธนูที่ตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องและหยิบมันขึ้นมา
เช่นเดียวกันเขาหยิบลูกธนูขึ้นมาพาดกับคันศรและหันไปทางไพรากลับไปบอกนายของเจ้าว่าข้าก็ไม่เหมือนปิศาจทุกตัวที่มันเคยเจอ
ลูกศรพุ่งเฉียดลำคอของไพราออกไปปักต้นซากุระอย่างแม่นยำ แต่สิ่งที่ไหลทะลักออกมาจากลำต้นมิใช่ยางเหนียวสีน้ำตาลเข้มหากเป็นเลือดสีดำข้นของปิศาจ จอมอสูรมองยอดไม้ไหวยวบยาบไล่เป็นทางไปจนถึงกำแพงปราสาท เงาของตัวอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นวูบหนึ่งจากนั้นจึงกระโจนออกไปด้านนอกและวิ่งไปตามหลังคากระทั่งหายลับไป ไพราหันกลับไปทางยาสึฮิระที่กำลังสวมเสื้อเกราะ
เห็นทีครั้งนี้ข้าคงต้องช่วยเจ้า
ไม่จำเป็นเจ้าเมืองโคะโตโระตอบพร้อมกับหยิบดาบมาเสียบไว้ข้างเอว จอมอสูรยกมือขึ้นกอดอก
ใช่ว่าข้าจะดูถูก แต่อสูรตนนี้มีพลังร้ายกาจเกินกว่าเจ้าจะรับมือ
ยาสึฮิระชะงักมือที่กำลังยื่นไปหยิบหมวกเกราะและหันมามองไพราด้วยความสงสัย
เจ้าต้องการอะไรกันแน่
ช่วยให้ทัพของเจ้ามีชัยชนะ
ไม่เคยได้ยินว่าอสูรจะยอมช่วยเหลือมนุษย์โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนดวงตาจ้องไพราแน่งนิ่งราวกับจะขุดค้นสิ่งที่แฝงไว้ในใจทำไมเจ้าจึงมาช่วยข้า
จอมอสูรไม่ตอบแต่กลับหันหน้าไปยังจวนของมิสึกิและยืนนิ่งเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
ข้าไม่อยากเห็นน้ำตาของนาง
เขาเบนหน้ากลับมาที่ยาสึฮิระอีกครั้ง
ระหว่างที่เจ้าทำสงครามกับพวกมนุษย์ข้าจะจัดการกับอสูรตนนั้นให้ ส่วนปิศาจที่บุกเข้ามาในปราสาทก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฮารุคาเสะ
ยาสึฮิระยืนฟังคำอธิบายของไพราอย่างชั่งใจแต่เมื่อได้ยินชื่อในประโยคสุดท้ายเขาจึงเอื้อมมือไปหยิบหมวกเกราะ
ข้าไม่จำเป็นต้องให้ใครช่วย แต่เมื่อเป็นความต้องการของพวกเจ้าเขาสวมหมวกลงบนศีรษะ
อย่ามาเกะกะข้าก็พอ
*/*/*/*/*/*
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ส.ค. 55 08:49:37
|
|
|
|