เมื่อเข้ามาภายในห้องพัก อนาวินพาราโมน่านั่งบนโซฟานุ่มและหายไปไม่กี่อึดใจก็กลับมายืนข้างเธออีกครั้งพร้อมแก้วน้ำส้มคั้นส่งให้
ขอบคุณค่ะ หญิงสาวรับมาจิบขณะมองเขาเดินไปนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้าม พร้อมๆกับรับรู้รสชาติเปรี้ยวอมหวานในความเย็นฉ่ำ ซึ่งถ้าหากไม่มีเขามองอยู่ตรงนี้ เธอก็คงจะยกแก้วขึ้นมาแนบลงข้างแก้มสัมผัสกับความเย็นอย่างที่เธอชอบทำเวลาอยู่เพียงลำพังในห้องพักของเธอ
บรรยากาศเงียบงันชวนอึดอัดค่อยคืบคลาน เมื่อดวงตาเฉียบคมสีเข้มของเขากำลังจับจ้องในแบบฉบับที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็ว พลางรู้สึกเบื่อหน่ายตนเองเมื่อคิดได้ว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งแล้วที่ตนเองคิดผิดในการยอมตามเขาขึ้นมาถึงห้องพักเช่นนี้ พร้อมๆกับเกิดคำถามที่ชวนให้หวั่นไหว ว่าในค่ำคืนนี้เธอจะสามารถรอดพ้นเงื้อมมือของเขาได้ไหม ในเมื่อความปรารถนาในส่วนลึกของเธอที่มีต่อเขามาเนิ่นนานสามารถเป็นแรงสนับสนุนให้เธอยินยอมพร้อมใจไปกับเขาได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า ความปรารถนาอันร้อนแรงนั้นจะนำไปสู่หายนะตลอดชั่วชีวิตของเธอเอง
ราโมน่าเบนสายตากวาดมองไปรอบๆห้องชุดโทนสีน้ำตาลทองตกแต่งสวยงามหรูหราไม่ต่างอะไรกับห้องสวีท ของโรงแรมระดับห้าดาว และเนื้อที่การใช้งานกว้างขวางกว่าห้องพักของเธอมากทีเดียว
..ห้องของพี่สวยดีนะคะ เธอวางแก้วน้ำส้มลงบนกระจกโต๊ะกลางก่อนที่มันจะลื่นหลุดมือไปเสียก่อนด้วยอาการประหม่า พลางพูดขึ้นโดยคิดว่ามันคงช่วยยืดระยะเวลาให้เธอได้ผ่อนคลาย จนสมองปลอดโปร่งพอที่จะคิดหาหนทางไปจากที่นี่ได้โดยสวัสดิภาพ
หนูเล็กเขาเป็นคนตกแต่งให้ พี่ไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้น นอกจากเป็นผู้อาศัยเท่านั้น
คุณหนูเล็กเก่งจังเลยนะคะที่สามารถแต่งห้องกว้างๆได้ลงตัวขนาดนี้โดยไม่มีอะไรมากไปหรือน้อยไปเลย แถมยังสวยมากทีเดียว ถ้าเป็นโม้นาก็คงไม่รู้ว่าจะเลือกจับอะไร หรือวางจัดแต่งอะไรไว้ตรงไหนหรอกค่ะ
หนูเล็กเขาชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ตอนนี้เขาก็เลยมุ่งเรียนแต่ด้านอินทีเรียดีไซน์โดยเฉพาะ และนั่นก็ทำให้เตชิตถูกน้องสาวของเขาลากให้เรียนด้านนี้ไปด้วยกัน เพื่อชายหนุ่มจะได้อยู่ติดกับน้องของเขาตลอดเวลาและทุกหนทุกแห่ง
เหรอคะ..แล้วนอกจากแต่งห้องของพี่แล้ว คุณหนูเล็กยังแต่งที่ไหนอีกหรือเปล่าคะ
นอกจากห้องชุดหรือบ้านของพี่ที่ปล่อยให้เช่าอีกสองสามหลังก็ไม่มีแล้วล่ะครับ
ดูเหมือน..พี่จิลจะมีสถานที่หลบความวุ่นวายเยอะนะคะ
ชายหนุ่มยักไหล่ ก็ไม่มากมายเท่าไหร่
..คงจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆของพี่บ่อยเลยด้วยนะคะ ในตอนแรกที่คิดจะหาเรื่องชวนคุยถ่วงเวลาเขา เพื่อเธอจะได้ตั้งสติคิดหาหนทางหนีทีไล่ แต่ในขณะนี้เธอกลับสนใจอยากตั้งคำถามกับเขาจริงๆ ซึ่งในคำถามนี้เธอตั้งใจอยากจะถามว่า พี่จิลพาบรรดาคู่ขาไปทัศนศึกษาครบทุกที่แล้วรึยัง ต่างหาก
อนาวินนิ่วหน้า เพราะเหมือนว่าน้ำเสียงจากคำถามที่ได้ยินเมื่อครู่แฝงความขุ่นเคืองมาด้วย เขาขยับเอนร่างพิงพนักพร้อมยกแขนขึ้นเท้าศีรษะมองลึกเข้าไปในดวงตาสีสวยที่กำลังจดจ่อกับคำตอบของเขาจนเกินไป
ก็มีบ้าง แต่หลังๆนี่ไม่แล้วล่ะ ส่วนใหญ่เราจะสังสรรค์กันตามคลับเฮ้าส์มากกว่า
แล้วส่วนใหญ่ก็คงจะเป็นเพื่อนผู้หญิง..
อนาวินเกือบจะปล่อยเสียงหัวเราะในทันใด..เมื่อไม่กี่อึดใจที่ผ่านมาเขาไม่แน่ใจว่าเธอไม่พอใจเขาด้วยเรื่องอะไร แต่ในวินาทีนี้เขามั่นใจแล้วว่า เธอกำลังคิดไปไกลถึงขนาดไหนจนเผลอแสดงอาการหึงหวงเขา โดยที่เธอเองก็คงไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำไป
ใช่ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง และเขาก็ตอบตามตรง พร้อมกับเฝ้ามองปฏิกิริยาของเธอไปในที และเห็นถึงริมฝีปากอิ่มสวยเม้มแน่นเพียงชั่วแวบก่อนแค่นหยัดยิ้มทำเหมือนไม่รู้สึกใดๆในสิ่งที่ได้ยิน และวินาทีต่อมา ดวงตาของเธอหลุบมองต่ำคล้ายกำลังซ่อนเร้นความรู้สึกที่แท้จริง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถปิดบังอะไรได้สำหรับอีกฝ่ายที่เฝ้าจับพิรุจอย่างไม่วางตา
นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว แล้วอีกอย่าง..พี่ก็ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่ห้องนี้ด้วย เพราะห้องนี้เป็นสถานที่พิเศษ ผู้หญิงที่เข้ามาในห้องนี้นอกจากหนูเล็กกับขวัญแล้ว ก็มีเพียงโม้นานี่ล่ะ และพี่ก็ตั้งใจเป็นพิเศษที่จะเปิดห้องนี้เพื่อต้อนรับโม้นาเพียงคนเดียวเท่านั้น
จู่ๆราโมน่าก็รู้สึกเหมือนว่ามีฟองอากาศขยายใหญ่อยู่ภายในตัวเธอ จนต้องแสร้งขยับเนื้อตัวก่อนที่เธอจะลอยล่องเคลิ้มไปกับความคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าเขาให้ความสำคัญกับเธอมากมายเพียงใด แต่อีกใจก็ยังค้านว่าคำพูดนั้นเป็นการลวงล่อของคนนิสัยเจ้าชู้ธรรมดาๆเท่านั้น
..แหม โม้นาอยากจะเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
พี่พูดเรื่องจริง สาบานได้ เขายืนยันหนักแน่น
และเป็นอีกครั้งที่ราโมน่าขยับตัวหมายรวบรวมสติของตนให้มั่นคง ซึ่งเธอสามารถทำได้บ่อยครั้งเวลาอยู่ต่อหน้าบุคคลอื่น แต่สำหรับเขา ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างล้มเหลว เพราะไม่ว่าเธอจะพยายามทำอะไรหรือเพียรพยามหักห้ามความรู้สึกที่มีต่อตัวเขานั้น มันช่างเป็นเรื่องยากเย็นไปเสียหมด โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเช่นนี้ และขณะนี้ ภายใต้ท่วงท่าสบายของเขา เธอรู้สึกถึงคลื่นพลังปรารถนากำลังก่อตัวขึ้นหลังดวงตาสีเข้ม และเลือดของเธอสูบฉีดสองข้างแก้มอย่างไม่อาจห้ามอาการได้
โม้นาจะถามอะไรพี่อีกก็ว่ามา เพราะพี่มีเวลาให้ทั้งคืน..ว่าแต่โม้นาเถอะ มีเวลาอยู่ถามคำถามพี่ทั้งคืนรึเปล่า
ราโมน่าอึกอัก รับรู้ในทันทีว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญกับบทสนทนาที่อาจจะนำหายนะมาสู่ชีวิตของเธอได้อีกต่อไป ..โม้นาไม่มีคำถามอะไรแล้วค่ะ พี่จิลพูดเรื่องของพี่มาได้เลย..โม้นาจะได้กลับห้องเสียที
อนาวินซ่อนความรู้สึกชั่วร้ายที่แวบเข้ามาในสมองทันที..หลังจากที่ทนทรมานต่อความคิดถึงเธอมาหลายวัน เขามั่นใจได้เลยว่าไม่มีวันปล่อยให้เธอผ่านค่ำคืนนี้โดยที่เขาไม่ได้แตะต้องตัวเธอ ไม่ว่าคำตอบของเธอจะเป็นไปในทิศทางใด และเขาเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ภายใต้ถ้อยคำราบเรียบ
มันไม่ใช่แค่เรื่องของพี่ แต่มันเป็นเรื่องของเราที่โม้นาจะต้องร่วมตัดสินใจด้วย
ราโมน่านิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจ โม้นาจะต้องตัดสินใจเรื่องอะไรคะ
เดี๋ยวโม้นาก็รู้ แต่ตอนนี้ช่วยบอกพี่ให้ชัดเจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างโม้นากับคุณปริพันธ์ ว่ามันเป็นแบบไหนกันแน่หน่อยสิครับ
ราโมน่าไม่รั้งรอที่จะอธิบายความเป็นจริง เพราะเรื่องนี้คือความตั้งใจแต่แรกของเธอจนนำไปสู่การมากับเขาครั้งนี้ โม้นากับพี่ปอไม่มีอะไรต่อกันหรอกค่ะ คือ ครอบครัวของพี่ปอรู้จักกับคุณลุงคุณป้ามานานแล้ว เราสองคนก็เลยพลอยสนิทกันไปด้วย แต่ไม่ใช่แค่โม้นาเท่านั้นนะคะ พี่ภากับทัชแล้วก็น้องแอ้มก็สนิทกับพี่ปอเหมือนกัน
อนาวินนิ่วหน้ากับการไล่เรียงญาติๆของเธอ ซึ่ง ภา กับ ทัช เขาพอจะเข้าใจว่าคือใคร แต่สำหรับผู้หญิงที่ชื่อ แอ้ม เขาเดาไม่ถูกเลย แอ้ม นี่ใครหรือครับ
อ้อ! โม้นาลืมไป คือ แอ้มเขาเป็นลูกของลุงคณินค่ะ คุณลุงไม่เคยพาน้องแอ้มออกงานด้วย พี่ก็เลยไม่เคยเห็น แอ้มถือว่าเป็นน้องสาวที่น่ารักมากนะคะ
อนาวินมองประกายตาสดใสยามเธอพูดถึงญาติผู้น้อง และพยักหน้ารับช้าๆ อะ โอเค ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าน้องแอ้มของโม้นาน่ารักจริงๆ..คราวนี้ก็มาต่อเรื่องของโม้นากับคุณปริพันธ์ได้แล้ว
ราโมน่าลอบถอนใจกับความมุ่งมั่นต้องการจะรู้คำตอบของเขา ก่อนโคลงหัว โม้นาไม่เคยคิดอะไรกับพี่ปอเกินเลยไปจากความเป็นเพื่อน เป็นพี่ชายเลยค่ะ
แต่พี่ว่า พี่ปออะไรของโม้นาน่ะ เขาไม่ได้คิดกับโม้นาแค่น้องสาวนะ
ก็ไม่รู้สิคะ โม้นาไม่เคยได้ยินพี่ปอพูดอะไรหรือทำอะไรที่ทำให้โม้นาคิดเป็นอย่างอื่นเลย
หญิงสาวแสร้งบอกเขาด้วยท่าทางใสซื่อ ซึ่งอนาวินไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่า ผู้หญิงที่เติบโตท่ามกลางแสงสีของโลกยุคโลกาภิวัตน์จะมองเจตนารมณ์ที่แท้จริงของเพศตรงข้ามไม่ออก และนั่นก็ทำให้เขาหงุดหงิด..ชายหนุ่มลุกขึ้นมาดึงมือของเธอให้ลุกขึ้นเดินตามอย่างเชื่องช้าตรงไปยังมุมห้องที่มีม่านสีน้ำตาลทองเนื้อดีผืนใหญ่ยาวจรดพื้น และเพียงแค่เขาดึงชายพู่ใกล้มือเบาๆเพียงสองครั้ง ผืนผ้าม่านทั้งสองชั้นค่อยๆเลื่อนจากกันให้เห็นถึงทิวทัศน์ของดวงไฟระยิบระยับตลอดไปจนลำน้ำเจ้าพระยาที่อยู่ไม่ไกลผ่านกระจกนิรภัยบานหนา และจากความสูงที่มีมากกว่าห้องพักของราโมน่าหลายสิบชั้น ทำให้หญิงสาวเห็นถึงความงดงามของทะเลดวงไฟอันแตกต่างในมุมสูง และสามารถมองออกไปได้กว้างไกลกว่าหลายเท่า เธอทาบฝ่ามือลงบนแผ่นกระจกเย็นเฉียบซึมซับภาพตรงหน้าโดยไม่คิดจะออกไปยืนรับลมที่ริมระเบียงเด็ดขาด
อนาวินยืนเคียงข้างซุกมือทั้งสองข้างลงกระเป๋ากางเกง ทอดสายตามองตามเธอ ปล่อยให้ความเงียบพัดผ่านไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเริ่มต้นพูดอีกครั้ง ตอนนี้โม้นาคบอยู่กับใครหรือเปล่า
ราโมน่าหันมาสบสายตาคาดหวังจากเขา และเธอส่ายหน้าปฏิเสธ โม้นาชอบอยู่คนเดียวมากกว่าค่ะ
แล้วถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ล่ะ โม้นาจะเปลี่ยนใจมั้ย..
ผู้ถูกถามนิ่งงัน เสียงภายในใจตอบรับเขาไปแล้วในทันที แต่สิ่งที่เธอตอบเขาได้ในความเป็นจริงคือรอยยิ้มฝืดเคือง มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ แค่การที่โม้นามายืนอยู่ตรงนี้ มันก็สามารถทำให้ใครหลายๆคนนั่งแทบไม่ติดแล้ว และถ้าคุณลุงของโม้นาหรือคุณพ่อของพี่รู้เรื่องเข้า พวกท่านคงโกรธจนควันออกหูแน่ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และใบหน้าภายใต้แสงสว่างจากไฟริมระเบียงหม่นหมองจนถึงนัยน์ตาสีสวย
อนาวินถอนใจลึกกับความเป็นจริงในข้อนี้ แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อเขาพยายามแล้วที่จะไม่คิดถึงเธอ พยายามยกความเป็นจริงอันหนักอึ้งมาคอยย้ำเตือน และพยายามทุกวิถีทางเพื่อลืมความรู้สึกผูกพันที่เชื่อมโยงถึงเธอ แต่ทุกอย่างล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ซ้ำร้ายกลับสร้างแรงกระตุ้นให้เขายิ่งคิดถึง ยิ่งโหยหาและยิ่งปรารถนาเธอมาสู่อ้อมกอดเหนือสิ่งอื่นใด และความอดทนอันแสนทรมานพังครืนจนไม่เหลือดี เมื่อได้มาเห็นเธอเคียงข้างอยู่กับผู้ชายคนอื่นที่พร้อมจะแย่งชิงหัวใจของเธอในทุกนาที ในขณะที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากยืนมองด้วยความเจ็บแค้นเท่านั้น
พี่พยายามแล้ว..พยายามในทุกๆทางเพื่อให้ลืมโม้นา แต่มันเป็นความพยายามที่ไร้ค่าและมันทำให้พี่ยิ่งทรมานจากความคิดถึงโม้นา พี่ถึงอยากยุติความทรมานนี้ด้วยการพูดกับโม้นาให้รู้เรื่องไปเลยเพื่อจัดการกับความรู้สึกที่ค้างคาระหว่างเรา
ระหว่างเราไม่มีความรู้สึกค้างคาอะไรกันเลยนะคะ เธอตอบพร้อมความประหวั่นใจเมื่อร่างเขาขยับเข้าใกล้อย่างเชื่องช้า แต่เปี่ยมด้วยพลังคุกคามและเธอค่อยก้าวถอยหนีเขาเช่นกัน
โม้นาแน่ใจเหรอว่าเราไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน..ถ้าอย่างนั้นโม้นากล้ายืนยันได้มั้ยล่ะว่าเวลาที่หลับตา โม้นาไม่เคยคิดถึงพี่เลยสักคืน หรือไม่เคยมีสักครั้งที่โม้นาจะรู้สึกหงุดหงิดเวลาที่ได้ยินหรือได้อ่านข่าวของพี่ว่าไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่น..โม้นาไม่รู้สึกอะไรเลยใช่มั้ย
ราโมน่ากลืนก้อนแข็งๆอะไรสักอย่างที่ตีรวนขึ้นมาจุกกลางลำคอพลางส่ายหน้าไป-มาหมายบ่งบอกว่าเขาไม่มีอิทธิพลใดๆสำหรับเธอเลย ก่อนเบือนหน้าหนีประกายตาวาววับที่จับจ้องในขณะที่ร่างยังคงก้าวถอย จนในที่สุด หลังของเธอก็ชนเข้ากับผนังแกร่ง ในขณะที่เบื้องหน้า เงาจากร่างสูงเพรียวที่ยืนใกล้ก็เปรียบเสมือนกำแพงหนาเปี่ยมล้นด้วยอันตรายสะกดตรึงให้เธอยืนตัวลีบติดอยู่กับผนังหมดสิ้นหนทางหนี
โม้นามั่นใจเหรอว่าไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ แม้ว่าวันหนึ่ง พี่อาจจะถูกใครสักคนลอบทำร้ายจนเจ็บหนักหรือ..
อนาวินเปรียบเปรยได้เพียงเท่านั้น เพราะฝ่ามือเรียวบางข้างหนึ่งยกขึ้นมาปิดปากเขาเสียก่อน ห้ามพูดอย่างนี้อีกนะ เธอดุเขาจริงจัง เพราะทุกวันนี้เธอก็ยังนึกห่วงความปลอดภัยของเขา ด้วยเกรงว่าคนร้ายที่ลอบทำร้ายบิดาของเขาจะหันมาลอบทำร้ายเขาอีกคน
อย่าพูดอีก..เธอย้ำน้ำเสียงอ่อนลง
อนาวินยกมือขึ้นทาบหลังมือของเธอและจูบที่กลางฝ่ามือนุ่มก่อนจะจับมือของเธอเลื่อนออกจากปากเขา ถ้าไม่อยากให้พี่พูด..โม้นาก็ต้องยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง
..แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ ถึงพูดออกไปก็รังแต่จะเป็นการเพิ่มปัญหาให้เราทั้งสองฝ่าย..โม้นาไม่อยากให้มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว
พี่เองก็ไม่อยากให้มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้..แต่พี่ก็ไม่สามารถเก็บกดความรู้สึกที่มีต่อโม้นาได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาที่เห็นโม้นาอยู่กับผู้ชายคนอื่น มันทำให้พี่รู้สึกทรมานยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ใบหน้าของเขานั้นอยู่ห่างจากดวงหน้าสวยที่เงยขึ้นมองสบเพียงแค่คืบจนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นผ่าวรด น้ำเสียงทอดนุ่มเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกลึกซึ้งนั้นกำลังทำให้ราโมน่าใกล้ร้องไห้เต็มทน เพราะรู้ดีว่า ฟางเส้นสุดท้ายที่เธอพยายามยึดไว้บนปากเหวใกล้ขาดเต็มที
..โม้นาไม่อยากฟังอะไรอีก..เรื่องระหว่างเรามันไม่มีทางเป็นไปได้..
อนาวินรู้สึกถึงอาการเจ็บยอกในอกกับการเห็นอารมณ์รวดร้าวฉายออกมาจากดวงตาของเธอที่กำลังไหวระริกหลังม่านน้ำตา นั่นเป็นเรื่องในอนาคตที่พี่ไม่รู้..พี่รู้แต่ว่าในตอนนี้ โม้นาเป็นทั้งความสุขและความทรมานของพี่ แต่พี่ก็ยังอยากอยู่ใกล้โม้นาอย่างนี้.. ร่างเขาเข้าแนบชิด อยากกอดไว้อย่างนี้.. ลำแขนแข็งแรงโอบกระชับร่างของเธอแน่น ..อยากจูบ.. เรียวปากเรียบตึงทาบประทับละมุนละไม และนาทีต่อมา กังวานเสียงแผ่วต่ำกระซิบชิดมุมปาก และ..อยากรัก
หยาดน้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นหลั่งริน ยามริมฝีปากของเขาแนบสนิทอีกครั้ง ทั้งอ่อนหวานและอ่อนโยน
อย่าร้องไห้เลยนะ คนดี เขากระซิบปลอบโยน ลูบปอยผมรุ่ยร่ายของเธอและยังคงโอบประคองดวงหน้าของเธอไว้ สายตาเปี่ยมอาทรมองสบสายตาวิงวอนสีเขียวน้ำทะเลที่แสดงถึงความอ่อนล้าของจิตใจ ปลายนิ้วช่วยเกลี่ยเช็ดน้ำตาขณะริมฝีปากของเขาวนเวียนจูบซับทุกเครื่องหน้าอย่างอ่อนโยนจนเลื่อนมาพบกับริมฝีปากที่สั่นระริก เธอมองเห็นแล้วว่า ประตูแห่งความหายนะที่หลีกเลี่ยงมาตลอด บัดนี้กำลังเปิดอ้าต้อนรับเธอแล้ว..แต่กว่าจะถึงเวลานั้น เธอจะขอมีความสุขอยู่กับช่วงเวลานี้ให้มากที่สุดเท่าที่หัวใจของเธอจะตักตวงได้
....................
ทุกห้วงอารมณ์ที่ดูร้อนรนทุรนทุรายจากไฟพิศวาสแผดเผา ค่อยผ่อนความเร่าร้อนลงทีละน้อย อนาวินหลับตารับความกำซาบรุนแรงที่เขาไม่เคยได้รับจากผู้หญิงคนไหนมาก่อน และลืมตาขึ้นเพื่อมองผู้หญิงที่นอนระทดระทวยอยู่ใต้ร่าง สายตาคู่สวยฉ่ำหวานมองสบด้วยความรู้สึกผูกพันล้ำลึก ส่วนเขานั้นรู้สึกเสมือนว่า เธอคือความมหัศจรรย์สำหรับทุกสิ่งที่เคยมีในโลกนี้ จนทำให้เขาลั่นคำสาบานประกาศก้องในใจ..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดลอยไปเด็ดขาด!
......................................................
จบตอนค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
จากคุณ |
:
ระรินใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ส.ค. 55 21:19:36
|
|
|
|