19
“นารถเขามาเล่าว่าไปดูหนังเรื่องนี้กับวิช พี่นะเสียดายมาก เพราะอยากดูอยู่พอดีแต่ดันติดงาน แล้วเป็นไง สนุกไหม”
ปัญวิชช์มองนภัสรินทร์ ในดวงตาโชนแสงจ้าบอกว่าไม่พอใจ ชายหนุ่มนิ่วหน้า อยากมุดพื้นหนี ทำไมต้องมาเป็นตอนนี้ พอกลับไปมองหน้าคนพูดเหมือนจะขอร้อง อีกฝ่ายยังยิ้มสดใส คิดว่าวีรญาคงไม่ได้ตั้งใจ สองครอบครัวติดต่อทำธุรกิจ นีรนารถต้องรู้จักเธอ และคงได้พูดคุยกับตามประสาคนรู้จักหรืออาจจะเข้าขั้น ‘พี่น้อง’ ก็ได้ เรื่องที่เขาไปกับนีรนารถจะรู้ถึงหูวีรญาก็ไม่แปลก แต่...
ไม่น่าจะออกจากปากเธอตอนนี้เลย ยิ่งต่อหน้านภัสรินทร์ด้วยแล้ว
พี่วีนะพี่วี
“สนุกไหม เผื่อพี่จะได้ไปดูบ้าง”
“ก็...ดีครับ”
ชายหนุ่มตอบเบา ๆ ยิ้มแหย กังวลกับอากัปกิริยาของนภัสรินทร์มากกว่าใคร เขาอุตส่าห์มาหาเธอ แม้รู้ว่าได้เวลาทักทายไม่นานนักเพราะหญิงสาวออกตัวว่าช่วงนี้ค่อนข้างจะยุ่ง แต่ชายหนุ่มก็ยังยินดีเพียงเพื่อจะมาได้เห็นหน้าเพียงสักแว้บก็ยอม เหมือนได้น้ำรินรดหัวใจให้ชุ่มชื่น
แต่ช่วงเวลาอันน้อยนิดนั้นหมดค่าเสียแล้ว อารมณ์สดชื่นสะดุดที่ถูกเอาเรื่องกับผู้หญิงอีกคนมากางแผ่ต่อหน้าคนที่หมายปอง เหมือนวีรญากำลังจะทำปราสาททรายนี้พัง ที่ไปดูหนังกับนีรนารถก็เพียงเพื่อจะทำให้เรื่องมันจบ ไม่เช่นนั้นสาวน้อยจะพูดได้ว่าเขามาให้ความหวังแล้วจากไป เพราะสาเหตุที่ผิดคำในครั้งแรกเกิดจากเขาเอง
เกิดช่องว่างระหว่างคนสองคน ที่ซึ่งวีรญาหัวเราะอยู่ เธอไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ แต่ทันทีที่เห็นปัญวิชช์มานั่งหน้ารื่นอยู่กับนภัสรินทร์ก็เลยปล่อยธนูดอกนั้นออกไปทันที และก็ตรงเป้าเผง ชายหนุ่มห่อเหี่ยวราวกับลูกโป่งหมดลม ส่วนเจ้าของห้องก็ยังเงียบ แต่รู้สึกถึงความโกรธเคืองห่อหุ้มรอบตัวนั้นได้
“มีธุระอะไรอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มีฉันขอทำงานต่อนะ”
นภัสรินทร์พูดแทรกบรรยากาศมัวซัวนั้นขึ้นมา เป็นคำถามตัดบทกลาย ๆ วีรญาโคลงศีรษะ ลุกยืน “ฉันไม่มีแล้ว อ้อ ปีใหม่ไปเที่ยวไหนเหรอริน”
คนถูกถามเหลือบมอง “ยังไม่รู้”
คำตอบเรียบสั้น แต่ปิดโอกาสการถามต่อของปัญวิชช์ไปโดยปริยาย เขาเองก็แอบคาดหวังเล็ก ๆ ว่าจะได้ใช้เวลาร่วมกับนภัสรินทร์บ้างในช่วงวันหยุดและกำลังคิดจะคุยในหัวข้อนี้ แต่ดูแล้วคงหมดหวัง เจ้าของห้องเหลือบมามองเหมือนจะถามย้ำ ปัญวิชช์จึงลุกบ้างแต่อ้อยอิ่ง “แล้วไว้เจอกันนะริน”
นภัสรินทร์พยักหน้าเพียงนิดเดียว และไม่สบตาใคร ปัญวิชช์อึดอัด แต่ก็จำยอมเดินออกไป วีรญาชวนไปหาอะไรกิน เขาปฏิเสธและเดินออกไปจากบริษัทกุลโยธาอย่างหงอย ๆ
มีแค่วีรญาคนเดียวที่รื่นเริงสมใจ
จะปีใหม่หรือเก่าก็ไม่ต่างกันสำหรับนภัสรินทร์ ได้วันหยุดมาสี่วัน เธอตั้งใจจะอยู่แต่ในกรุงเทพ มีภารกิจหลักเพียงไปกินข้าวมื้อกลางวันกับพ่อเลี้ยงในวันสิ้นปีและเอาของไปฝากในวันปีใหม่ นอกจากนั้นก็จะพักผ่อน ไปดูหนัง ไปเดินช้อปปิ้ง เข้าร้านเสริมสวย ใช้เวลากับตัวเอง ไม่รับโทรศัพท์ของใคร แม้แต่ปัญวิชช์
ก่อนหน้านั้นนภัสรินทร์หงุดหงิด ตั้งแต่วีรญามาหาที่บริษัทก็ไม่รู้ว่าจะส่งความรู้สึกนี้ให้ใครระหว่างปัญวิชช์กับตัวเอง ช่วงเวลาที่เขาทนเจ็บเพื่อจะได้อยู่กับเธอ สายตาเว้าวอนทำให้เธอเผลอไผลเปิดใจและถอดหน้ากากตัวเองออก เขาทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธคำขอ ทำให้เธอผ่อนคลายและวางใจกับใครสักคน เขาเหมือนที่พักใจ
แต่เมื่อรู้ว่าเขาไปกับนีรนารถ เธอโกรธขึ้นมา ทำไม เป็นเพราะเธอคิดว่าเขาเป็นของ ๆ เธอ เป็นเพราะคิดว่าเขาจะอยู่รอบตัวเธอไม่หายไปไหน เขาจะมาทุกครั้งที่เธอนึกถึง เมื่อเขาไปกับคนอื่นเธอจึงไม่พอใจอย่างนั้นหรือ
แต่เธอไม่ได้มีใจให้เขา หรือว่าใช่
หญิงสาวเลี้ยวรถออกจากบ้านกุลโยธา รถพ้นรั้วเพียงนิดเดียวก็ต้องหยุดเพราะ รถคันหนึ่งจอดแช่อยู่ในเลนที่เธอจะขับ เธอพ่นลมหายใจ ไม่เพราะโกรธแต่จำได้ดีว่าเจ้าของเป็นใคร เธอบีบแตร
ได้ผล คนขับหันมา แต่แทนที่จะขับออกไปกลับเปิดประตูลงมาจากรถ และเดินมาหาเธอ นภัสรินทร์เฉยเพื่อเตรียมรับมือ วีรญาเคาะกระจก กิริยาที่ดูเป็นไปอย่างธรรมชาติปราศจากการคุกคามทำให้เธอทำตามคำขอนั้น
“นึกแล้วว่าต้องเจอรินที่นี่”
หัวใจคนฟังไหววูบหนึ่ง เป็นเพราะอีกฝ่ายรู้ความคิดเธอปรุโปร่ง แม้จะแยกไปอยู่แต่ก็ยังแวะมาหาพ่อเลี้ยงผู้มีบุญคุณไม่ขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันปีใหม่แบบนี้ นั่นก็เพราะว่าวีรญาเองก็เคยเป็นคนที่ร่วมหาของขวัญรวมทั้งมาอวยพรรังสรรค์กับเธอนั่นเอง
“ทีหลังโทรมาก็ได้” นภัสรินทร์บอก ถ้อยคำติดประชดว่าไม่อยากให้อีกฝ่ายลำบาก วีรญาไหวไหล่
“ฉันไม่โทรหาให้เสียเวลาหรอกถ้าเธอไม่รับ สู้มาเจอแบบนี้เลยดีกว่า”
ถูกดักคอจึงเงียบ วีรญายื่นกล่องของขวัญให้ นภัสรินทร์ได้แต่มอง
“ไม่ใช่ระเบิดหรือยาพิษหรอกน่า ฉันรู้กาลเทศะนะ สวัสดีปีใหม่”
กล่องนั้นไม่ใหญ่โตดังว่า แต่นภัสรินทร์ก็ยังไม่รับทันที “แลกกับอะไร”
คนให้ยิ้มกว้างชอบใจ “รู้ใจจริง ฉันชอบรินตรงนี้แหล่ะ ไม่อะไรมาก ขอกินข้าวด้วยสักมื้อ คงไม่ยากไปใช่ไหม”
อีกฝ่ายยกมุมปาก “ไม่ยาก แต่ก็ไม่ให้ ดังนั้นฉันขอไม่รับของขวัญของเธอนะ”
คนให้หน้าตึง ยิ้มค้างแต่แววตาเยือกเย็น ทำท่าคิดพลางดึงของกลับ “ถ้าอย่างนั้น ฉันเอาไปให้ท่านสส.ดีกว่า แต่คงต้องเปลี่ยนของข้างในนิดหน่อย”
พูดแล้วก็เหลือบมอง นภัสรินทร์จ้องเขม็ง รู้ว่าวีรญาเริ่มจะใช้วิธีเดิมที่ถนัดคือการข่มขู่ เธอจะไม่หนักใจถ้าไม่รู้จักตัวตนของอดีตเพื่อนรัก คราวที่แล้วไม่พูดไม่จาแต่ยิงปัญวิชช์ ไม่ใช่ขู่ชายหนุ่มแต่เป็นเธอเองต่างหาก
ในที่สุดนภัสรินทร์ก็ยื่นมือออกไปรับกล่องของขวัญ วีรญายิ้มสมใจที่ต่อรองสำเร็จ แต่สะดุดเมื่อได้ยินคำพูดถัดมา
“ฉันรับของก็จริง ไม่ได้แปลว่ารับข้อเสนอไปกินข้าวกับเธอ แต่ฉันจะส่งของขวัญไปให้ตอบแทนก็แล้วกัน”
พูดจบก็ดันกระจกปิดแต่วีรญาเอามือกดไว้
“วีรญา ฉันมีธุระ” น้ำเสียงนภัสรินทร์จริงจัง ตอบดวงตาที่แข็งกร้าวนั้น
“มีธุระหรือจะไปหาเด็กนั่นกันแน่”
คนขับยิ้มบาง “ถ้าอยากรู้ก็รอฟังข่าวเอาแล้วกัน” เธอตัดบทและเร่งเครื่องยนต์เพื่อขับออกไป วีรญาจำต้องถอยหลบ หงุดหงิดที่ถูกหลอกล่อให้เสียเหลี่ยม แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็รับของ และยังแสดงออกถึงเยื่อใยบาง ๆ หรืออาจจะเป็นการกระทำเพื่อปกป้องผู้ชายคนนั้นก็เป็นได้
พอคิดขึ้นมาได้แบบนี้ วีรญาก็เดินกลับไปที่รถ กระแทกประตูปิดด้วยความไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าจะยังไง เธอจะไม่มีวันให้นภัสรินทร์ไปกับปัญวิชช์ หรือผู้ชายหน้าไหนก็ตาม
นภัสรินทร์แวะห้างสรรพสินค้า ซื้อของใช้ต่าง ๆ และถือโอกาสซื้อของเพื่อส่งกลับคืนน้ำใจของวีรญา พอกลับถึงห้อง หลังจากอาบน้ำและมานั่งพักผ่อน โทรศัพท์ดังขึ้น เธอเหลือบมอง ปัญวิชช์เหมือนเคย หญิงสาวผ่อนลมหายใจ มีข้อความสวัสดีปีใหม่มาจากเขาซึ่งเธอยังไม่ได้ตอบ อยากจะเมินเฉยแต่เพราะเธอปฏิเสธที่ไม่รับสายมาสองครั้งแล้ว อย่างน้อยนภัสรินทร์ก็ยังคำนึงเรื่องมิตรภาพที่เขาเคยมีให้
“ฮัลโหล”
“ริน...รับสายซะที” น้ำเสียงปัญวิชช์ตื่นเต้นและดีใจ
“มีธุระอะไร”
“เอ่อ รินอยู่ที่ไหนน่ะ ที่ห้องเหรอ”
“อืม”
“ว่างไหม ผมอยากชวนไปหาอะไรกิน” ปัญวิชช์รู้สึกราวกับเป็นเด็กหนุ่มเพิ่งริรัก กล้า ๆ กลัว ๆ ไปหมด
“ไม่ล่ะ ขอบคุณนะ”
มีช่องว่างในบทสนทนา “แล้ว...ถ้าผมขอไปหาที่คอนโดล่ะ”
“ฉันไม่ว่าง”
“พรุ่งนี้ล่ะ”
“ยังไม่รู้” เธอตอบ “เท่านี้ก่อนนะ ฉันทำครัวค้างไว้” เธอทิ้งเวลาเล็กน้อยจึงวางสาย พ่นลมหายใจแรง ๆ กิริยาแบบนี้เธอไม่เคยทำมาก่อนแม้แต่คนที่รำคาญเวลาที่มาตอแย นภัสรินทร์จะพูดตรง ๆ ด้วยเหตุผลกับน้ำเสียงหวาน
และที่สำคัญ ไม่เคยรู้สึกผิดเมื่อกระทำลงไปเหมือนครั้งนี้
เธอไม่ไปกับวีรญา แต่ก็ปฏิเสธปัญวิชช์ด้วย ยังไม่ค่อยแน่ใจในเหตุผลของการกระทำของตนเอง เพื่อไม่ให้เขาอยู่ในอันตรายจากการปองร้ายของวีรญา หรือ...เป็นเพราะเธอเคืองเขากันแน่
นภัสรินทร์เอนกาย พยายามไม่คิดอะไร แต่เมื่อหลับตามโนภาพที่นีรนารถยิ้มแย้มแจ่มใสเกาะแขนปัญวิชช์ทำให้เธอใจหวิวไหว เขาจะจริงจังกับน้องสาวจอมหยิ่งของเธออย่างนั้นหรือ ทำไมไม่ปล่อยมือซะที ไปให้ความหวังอยู่อีกทำไม ยิ่งความคิดวิ่งวนพล่านอยู่ในสมองเท่าไหร่ก็ยิ่งรำคาญตัวเอง และสับสนหนักกว่าเดิม
เคยมีเขามาวอแววนเวียน พอผลักไสออกไปกลับรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง
พอวางสาย ปัญวิชช์ก็คอตก ความสัมพันธ์หมางเมินกลับมาอีกแล้ว ตั้งแต่ตาคมของนภัสรินทร์มองเขาอย่างโกรธ ๆ ไม่รับโทรศัพท์ หรือรับก็พูดคำตอบคำแบบวันนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากคำพูดของวีรญาหนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย เธอโกรธเขาเรื่องนีรนารถ จะอธิบายก็ไม่มีโอกาส ปัญวิชช์เหนื่อยใจ สีชมพูที่ระบายไว้ซีดลงไปจนได้ เหลืออีกแค่วันเดียวจะหมดเทศกาลปีใหม่แล้ว เขาคงพลาดโอกาสได้ใช้เวลาแห่งความสุขนี้ร่วมกับเธอแน่ ๆ
จะปรับความเข้าใจยังไงดี ลูกตื้อแบบเดิมคงไม่ได้ผลเท่าไหร่แล้ว จะไปนั่งรอทั้งวันแทนที่จะได้เจออาจจะทำให้เธอไม่พอใจมากขึ้น เขาเกาศีรษะหงุดหงิด ทำยังไงดีนะ นอกจากได้คุยบ้าง ได้ยินเสียงบ้าง แต่ไม่ได้เห็นหน้าก็ไม่ทำให้เขามีกำลังใจใด ๆ ขึ้นมา เขาเกลียดสายตาคล้ายจะเยาะหยันของปู่เวลาที่เห็นเขานั่งดูทีวีอยู่บ้านทั้งที่บรรยากาศเฉลิมฉลองเต็มไปทั่วเมือง ครอบครัวอาก็พากันไปเที่ยวเทศกาลปีใหม่ของปัญวิชช์ปีนี้หงอยเหงาอย่างที่สุด
เหลือแต่แม่ ชายหนุ่มจึงเลือกใช้เวลาว่างพาเธอไปกินข้าวนอกบ้านและเดินเล่นซื้อของ ซึ่งเป็นการหนีความขุ่นเคืองใจจากปู่และบรรเทาอารมณ์ที่ซึมเศร้าได้ดีที่สุดแล้ว
อาจจะต้องอดทนและรอเวลาอีกสักนิด
.....
จากคุณ |
:
อุธิยา (BabyRed)
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ส.ค. 55 20:19:47
|
|
|
|