Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นักซ่อม(ShortShortStory) ติดต่อทีมงาน

ผมมักรู้สึกว่าข้าวของที่ผลิตขึ้นในทุกวันนี้มันช่างพังง่ายเสียเหลือเกิน ไม่เหมือนกับของอย่างเดียวกันที่ผลิตในสมัยก่อน พวกมันถูกออกแบบเพื่อให้ใช้งานได้อย่างทนทาน ไม่เหมือนทุกวันนี้ที่ผลิตเพียงเพื่อให้ใช้ไปจนกว่าจะมีรุ่นใหม่ออกมา และระยะเวลาในการออกรุ่นใหม่นั้นก็ยิ่งสั้นลงไปทุกที

ในบ้านของผมมีข้าวของต่างๆ มากมาย สิ่งของที่ซ่อมเสร็จแล้ว สิ่งของที่ยังพังเล็กๆ น้อยๆ สิ่งของที่รอการซ่อม แม้แต่สิ่งที่ไม่อาจซ่อมแซมได้แล้วก็ตาม เพราะถึงจะเป็นเพียงแค่ซาก แต่พวกมันก็อาจกลายเป็นอะไหล่ให้กับการซ่อมของชิ้นอื่นได้

ผมเรียนรู้การซ่อมแซมสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ข้าวของทั่วไป จนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า จริงๆ แล้วผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าผมเข้าใจพวกมันถูกต้องหรือไม่ ผมจะหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ นำมาปะติดปะต่อ บางครั้งก็เดา แล้วลองดู

บางครั้งมันก็เลยเถิดไปมากกว่านั้น บางครั้งผมจะนำสิ่งของที่เสียแล้วมากกว่าหนึ่งอย่างมารวมกัน จนมันกลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พอใช้ได้ขึ้นมา นั่นฟังดูไม่ค่อยเหมือนกับการซ่อมสักเท่าไรนัก

ผมไม่ได้เปิดร้านซ่อม แต่คนที่รู้จักมักชอบมาหาพร้อมกับข้าวของที่พังแล้ว และคำพูดคล้ายๆ กัน

“นายพอจะซ่อมไอ้นี่ได้ไหม”

“จะลองดูนะ” ผมไม่เคยรับปาก เพราะผมไม่เคยรู้ว่าจะซ่อมพวกมันได้หรือไม่ แต่พวกเขาก็ไม่เคยว่าอะไร เพราะพวกมันพังแล้ว มูลค่าใดใดที่เคยมีในสายตาของพวกเขาต่างสูญหายไปหมดแล้ว หายไปทั้งๆ ที่พวกมันยังคงอยู่ตรงนั้น

คืนหนึ่งผมกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ซ่อมแซมอะไรบางอย่างไปตามเรื่องตามราว มีชายคนหนึ่งมาหาผม ซึ่งผมมารู้ในภายหลังว่าเขาไม่น่าจะใช่แม้แต่มนุษย์ ผมคิดว่าอย่างนั้น

“คุณพอจะช่วยซ่อมของบางอย่างให้ผมได้ไหม”

ผมเงยหน้าขึ้น แปลกใจว่าเขาเข้ามาภายในบ้านของผมได้อย่างไร แต่ผมไม่กังวล ผมมีข้าวของต่างๆ มากมาย แต่ไม่เคยมีขโมยคนใดคิดจะขโมยพวกมันมาก่อน

ผมวางงานที่ค้างอยู่ลง แปลกใจที่รู้ว่าแขกแปลกหน้ากำลังยืนอยู่ตรงนั้น แต่ไม่รู้ว่าเขามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแปลกใจ เหมือนกับว่าการมาของเขาเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

“...คุณจะให้ผมซ่อมอะไร คงต้องขอดูก่อนว่าจะไหวหรือเปล่า”

เขาผายมือไป และมันอยู่ตรงนั้น ในบ้าน ในห้องทำงานของผม มันมีขนาดใหญ่ ผมรู้แค่นั้น เพราะมันก็เหมือนกับตัวเขาที่ผมไม่อาจมองเห็น หรือจดจำรายละเอียดใดใดได้เลย

ผมลุกขึ้น เดินไปรอบๆ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี

“...ผม...เอ่อ มัน มันคืออะไรกัน”

เขามีท่าทางหนักใจกับคำถามของผม ใช่ ผมอาจจะมองไม่เห็นใบหน้า หรือท่าทางของเขา แต่ผมรู้สึกได้

“อย่างน้อยถ้าผมจะซ่อมมัน ผมก็ต้องรู้ว่าเจ้าเครื่องนี่มีไว้ทำอะไร” ผมย้ำ

“มันคง...คงคล้ายคล้ายกับเครื่อง...เครื่องทอพรม ใช่ มันก็เหมือนกับเครื่องทอพรม”

ผมไม่แน่ใจ ผมไม่เคยเห็นเครื่องทอพรม แต่ผมไม่คิดว่ามันจะมีหน้าตาคล้ายกับเจ้าเครื่องนี้ ถึงผมจะไม่รู้ว่ามันมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าแบบนี้ก็ตาม

“คุณ...คุณพอจะบอกได้ไหมว่าอาการเสียมันเป็นอย่างไร” ผมพึ่งนึกได้ว่าเราไม่ได้แนะนำตัวกัน แต่มันไม่สำคัญ

“มันก็...ไม่ทำงาน...ผมรู้แค่นั้น”

“ผมซ่อมมันไม่ได้” เป็นครั้งแรกที่ผมตอบไปแบบนั้น แต่ผมจะซ่อมแซมสิ่งที่ไม่รู้จัก สิ่งที่ไม่อาจจะมองเห็นรายละเอียดแบบนี้ได้อย่างไร

“ไม่ คุณต้องซ่อมมัน นั่นเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น” ทำไมเขาจึงดูมั่นใจเสียเหลือเกิน “แม่เฒ่าบอกว่ามีเพียงคุณ คุณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะซ่อมมันได้”

“...แล้วผมควรรู้จัก แม่เฒ่าคนนี้ของคุณหรือเปล่า”

ผมรู้สึกว่าเขายิ้ม ยิ้มกว้าง

“แน่นอน ทุกคนต้องรู้จัก นางตาบอดทั้งสองข้าง วันทั้งวันเอาแต่ใช้เครื่องทอนี้ ทอพรมออกมาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น ถักพวกมันขึ้นมาจากความว่างเปล่า ทอพวกมันให้กลายเป็นผืนบางบางแห่งความเป็นจริง ทุกสิ่งทุกอย่าง ดวงดาว จักรวาล ทุกชีวิตล้วนรวมอยู่ในนั้นทั้งสิ้น”

ผมรับฟัง แต่ไม่เข้าใจ ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยปกติ ผมหมายถึงไม่ปกติมากกว่าที่เห็นในตอนแรก แต่ก็ช่างเถอะ จะแม่เฒ่าตาบอด คนทอพรม หรืออะไรก็ตาม ผมก็รู้สึกเหมือนกับที่เคยรู้สึกทุกครั้งเวลาที่เจอกับของที่เสียหาย ผมอยากซ่อมมัน ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าจะซ่อมมันได้อย่างไรก็ตาม

“เจ้าเครื่องนี้มันเก่ามากใช่ไหม”

“แน่นอน มันเก่าแก่มาก เก่าแก่เท่ากับจักรวาลเลยทีเดียว...ไม่สิ บางทีอาจเก่ายิ่งกว่านั้นอีก”

ผมรับฟังแค่ว่ามันเป็นเครื่องมือที่ผลิตมานานแล้วเท่านั้น ส่วนที่เหลือปล่อยผ่านไปโดยไม่ใส่ใจ 'ดี ยิ่งเก่าก็ยิ่งดี' อย่างที่เคยบอก ผมชอบของเก่าๆ ของที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อให้ทนทานใช้ไปได้อีกนานแสนนาน อาจบางทีนานจนสิ้นจักรวาลอย่างที่เขาว่าก็เป็นได้

ผมยังไม่รู้ว่าจะซ่อมมันอย่างไร แต่เริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาบ้างแล้ว ผมเดินตรงไปหามัน และรีบลง มือ ก่อนที่เขาจะทันได้ห้ามผม

“ขอบคุณมาก แม่เฒ่าพูดถูก คุณซ่อมมันได้จริงจริง”

ผมยิ้ม “ไม่หรอก คุณก็เห็นแล้ว ใครใครก็ซ่อมมันได้ทั้งนั้น” ผมรู้สึกเขินเหมือนกัน

“ไม่ ผมไม่คิดว่าคนอื่นจะทำได้...ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเลียนแบบคุณก็ตาม”

เขาจากไปแล้ว จากไปพร้อมกับเครื่องทอพรมของเขา จากไปโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเข้ามา หรือออกไปได้อย่างไร ห้องทำงานของผมว่างเปล่าอีกครั้ง เหมือนกับไม่เคยมีใคร หรือเครื่องมือใดๆ มาเยือนทั้งสิ้น ผมกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ก่อนเริ่มลงมือทำงานที่ค้างเอาไว้ต่อ

ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเขาทำหน้าอย่างไรในตอนที่เห็นผมทำอย่างนั้น แต่ผมมั่นใจว่ามันจะได้ผล สิ่งของที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อให้ใช้งานอย่างยาวนานนั้น เมื่อมันเกิดเสียขึ้นมา บางครั้ง

แค่การตบแรงๆ หรือเตะเข้าไปสักทีก็ทำให้มันกลับมาทำงานเหมือนเดิมได้แล้ว

ผมยิ้ม ทั้งๆ ที่ยังคงรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวแม่เท้า กับเท้าข้างนั้น ผมเตะเจ้าเครื่องทอพรมนั่นไปเต็มแรงเลยทีเดียว และหวังว่าแม่เฒ่าตาบอดจะใช้มันถักทอ พรหม ของนางไปได้อีกนานแสนนาน

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 01:32:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com