Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 12 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12523419/W12523419.html

บทที่ 12

เพิ่งจะหกโมงครึ่ง บนลานจอดรถไม่มีใครเลยนอกจากเจ้านายเลขา ทั้งสองลงมายืนปั้นหน้าเครียดแข่งกัน

เจ้านายสาวใหญ่เท้าสะเอวเดินไปสองสามก้าว ก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าเดินไปเถอะ ยังไงก็ไม่มีอะไรมากีดขวางให้สะดุดได้ ฝ่ายพ่อหนุ่มเลขาก็พิงข้างรถกอดอกด้วยท่าทางว่าโกรธอยู่นะ ใครอย่าสะเออะแหยมหน้าเข้าไปเชียว

แน่นอน ปัญปัทม์ในพุ่มสวนก็เข้าใจสถานการณ์ดี เธอไม่โง่นี่ แทนการออกไปป่วนหรือขวางหูขวางตา เธอน่าจะเปลี่ยนเป็นบันทึกภาพพวกนั้นไว้ มันเข้าท่ากว่าเยอะเลย

สาวทนายใจมุ่งมั่นห่อปากตาโต ขนลุกซู่ด้วยความยินดีที่เห็นณพนาถอนใจกระชากๆ แล้วหมุนตัวกลับก้าวฉับๆ มาจังก้าหน้าร่างสูงกำยำ ต่อยท้องแน่นๆ ไปหนึ่งที แล้วก็ 'กอด'

"โอ๊ย คุณพระคุณเจ้า พ่อจ๋าแม่จ๋า เด็ดแล้วไอ้ปัทม์เอ๊ย เด็ดแล้ว กอดนานหน่อยเว้ย ขอย้ายมุมแป๊บเดียว"

เธอเลียปากกลั้วกับเสียงงึมงำ ตาเป็นประกายเหมือนพลุกระจายเชียว หนุ่มสาวต่างวัยก็กอดกันธรรมดา แล้วเธอก็ไม่รู้สาเหตุด้วยว่าทำต้องกอดกัน แต่เชื่อสิ มุมกล้องของเธอมันปรับแต่งได้ จากธรรมดาก็เป็นพิเศษล่ะ

"เสียดายนะ นี่ถ้าเข้าไปใกล้ได้อีกนิด ฉันก็จะได้ยินว่าคุณสองคนกระซิบกระซาบอะไรกัน เฮ้อ อกมันร้าวๆ ยังไงก็ไม่รู้ เฮ้อ"

ปัญปัทม์ร้องแล้วร้องอีก ปลงก็ไม่ใช่ปลอบก็ไม่เชิง แต่เธอบอกตามตรงเลยนะว่าไม่ชอบภาพนั้นเลย ไม่รู้ทำไมถึงได้นึกเสียดายตรงฉัตร เขาดูดีมากเสียจนไม่น่าคิดสั้นหลงใหลต้นงิ้วได้

ดูสิ ก็เห็นอยู่ว่าเช้า ฟ้าแจ้งเสียขนาดนี้ เขาชะล่าใจไปไหมว่าบนลานจอดรถไม่มีคน หรือว่าเขาลืมอะไรไป ปัญปัทม์ไง สาวทนายที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยกับทุกวินาทีเพื่อภารกิจ

ตาหวานหรี่ลงแต่ก็กวาดตามสองร่างที่เดินควงแขนกันไปเนิบๆ มันทำใจเชื่อไม่ได้เลยว่าทั้งสองมาทำงาน

ถ้าเป็นพ่อเลขาคนเดียวก็พอหยวนเพราะถือว่าเป็นลูกจ้าง ขยันมากๆ หน่อยเจ้านายจะได้เอ็นดู อ้อ แถมยังเป็นยอดชู้คู่เตียงอีก ก็ต้องขยันประจบกันอีกบานเบอะ แต่เจ้านายนี่สิ จำเป็นอะไรต้องบ้าจี้ตามพ่อหนุ่มไปด้วยเล่า

"เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นประเภทชอบความเร้าใจ มีอะไรๆ กันบนโต๊ะทำงาน เออแฮะ ข้อสันนิษฐานเข้าเค้าชะมัด"

ข้อสันนิษฐานเข้าเค้ามันผลักสองขาของปัญปัทม์ให้ทิ้งตำแหน่งเก่า เธอเลียบเลาะไปตามทางเดินโรยกรวด ก็นึกรำคาญเสียงกรุบกรับเบาๆ ของมันอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ตรงนี้ไม่มีทางเรียบเลย จะขึ้นไปย่ำบนกระถางก็ใช่ที่

เธอเป่าลมพรูอย่างขัดใจเพราะรู้ว่าปรากฏตัวตอนนี้ไม่ได้ และที่ทำได้ก็แค่เร่งบันทึกภาพทุกจังหวะเคลื่อนไหวไว้ให้ได้มากที่สุด จนทั้งสองหายเข้าไปหลังประตูกระจกบานนั้น ภารกิจเก็บภาพก็เป็นอันเสร็จสิ้น

เธอนั่งยองๆ หรี่ตาเรียงลำดับความคิด มองหาว่ายังมีเบาะแสที่ไหนอีกบ้างพอให้สืบเสาะเจาะข้อมูลของตรงฉัตร

"หรือว่าคืนนี้เราจะบุกมาอีกที" เธอหารือกับตัวเอง "คนฉลาดและคิดเยอะอย่างเขาต้องเดาได้แน่ว่าเราต้องกลับมาอีก แต่เขาก็คงประมาทฝีมือเรา นึกไม่ถึงว่าเราจะบ้าบิ่นลุยเลยในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกันแบบนี้"

ในแววตามันเกิดคำถามว่า 'เอายังไงดี' แต่สองขาย้ายตำแหน่งอีกแล้ว เธอย้อนกลับไปผลุบๆ โผล่ๆ ตรงตำแหน่งเดิม แน่ใจว่าไม่มีใครแล้วจริงๆ จึงค่อยเผยตัวซอยเท้าไปหาประตูทางออก ซึ่งก็นั่นล่ะ ที่เรียกว่า 'ประมาทฝีมือ'




ตรงฉัตรหรี่ตาด้วยความรู้สึกบรรยายลำบาก หงุดหงิดตัวเองที่บังเอิญได้ยินเสียงกรุบกรับเหมือนกรวดโดนย่ำ เขาตื่นตัวตั้งแต่ยอมให้เจ้านายสาวใหญ่ควงแขนอ้อนแล้ว หล่อนตบหัวแล้วลูบหลัง เห็นเขาเงียบจริงเคืองจริง ถึงได้แถมากอดง้อ ร่ายมนตร์เสียงหวานว่า

"ก็ได้ๆ ฉันไม่ทะเลาะกับนายก็ได้ เราจะเก็บเรื่องนี้ไว้คุยกันอีกทีตอนน้องกลับมา เลิกทำหน้าเหมือนลูกหมาไทยบางแก้วเสียที หล่อหรือ"

"บ้าหรือ"

เขาเอะอะใส่ เจ้านายปากเสียก็หัวเราะคิกชอบใจ หล่อนเกือบจะจูบแก้มที่เขาคิดว่ามันแดงเรื่อหน่อยๆ แล้ว ดีนะที่เขาขึงตาสะกดปราม เห็นหล่อนยักไหล่เบ้ปากยโสก็ส่ายหน้าหมั่นไส้

แต่ตอนนี้สิ ไม่หมั่นไส้แล้ว กลุ้มใจมากเลยต่างหาก เพราะมันหวั่นๆ ยังไงก็ไม่รู้ว่าภาพพวกนั้นจะไปนอนเอ้อระเหยในกล้องถ่ายรูปตัวหรูของแม่สาวจอมบ้าบิ่นเข้าเสียแล้ว

"ฉันรู้ว่านายเป็นคนคิดเยอะ แต่เท่าที่ฉันเห็น แม่คนนั้นก็ตัวเล็กนิดเดียวเองนะ ไม่น่าจะมีพิษสง เชอะ ทุเรศไอ้พันศิลป์สารเลวจริงๆ มีน้ำยาจ้างทนายได้แค่วัยกระเตาะเองหรือ"

"ไปอวดฉลาดห่างๆ หูผมหน่อย"

"ไอ้บ้า"

"โอ๊ย คุณนา โอ๊ย หยุด บอกว่าหยุด ผมเจ็บนะ"

"เมื่อกี้นี้พูดอะไร"

"พูดอะไร โอ๊ย ผมบอกว่ามาพูดใกล้ๆ หูหน่อย"

เขารีบเอะอะปรับปรุงคำพูดเสียหรูเลย หน้าแดงหูแดงด้วยเพราะเจ็บจริงจังกับเล็บปีศาจ หล่อนหยิกเข้ามาได้ยังไง เนื้อแถวเอวนี่มันอ่อนนุ่มมากเลยนะ ใจร้ายใจเถื่อนไม่เข้าท่า แล้วยังมีหน้ามาตวัดค้อนอีก  

"แหม บ้าระห่ำดีแท้ นึกว่าจะมีรถมาเอง มอเตอร์ไซค์รับจ้างหรอกหรือ กระจอก"

ตรงฉัตรปรายตารำคาญแล้วเดินมานั่งยืดขาตามสบายบนโซฟา สมองเร่งระดมควานหาความคิดของสาวตัวแสบ เธอต้องทำอะไรสักอย่างแน่

เพราะตอนนี้เขานึกได้แล้วว่าเสียงกรุบกรับมันน่าจะดังมาจากทางโรยกรวดเลียบลานจอดรถ ตรงนั้นจะไปเชื่อมกับศาลาและสะพานเตี้ยซึ่งเชื่อมกับทางเดินทอดตรงไปยังประตูทางเข้าสำนักงานอีกที

"นายกลัวแม่คนนั้นหรือ" ณพนาทิ้งหน้าต่างแล้วตามมาป่วนสมาธิ หล่อนนั่งบนพนักเก้าอี้ ยักไหล่แล้วว่า "ที่แท้นายก็กลัวมากขนาดนี้ แหม ฉันเหลือ.. "

"คุณนา" ตรงฉัตรถอนใจ "ผมไม่เคยกลัวว่าตัวเองจะถูกสังคมตราหน้าประณามว่าเป็นชายชู้ ถ้าไอ้ข้อกล่าวหานี้มันจะทำให้คุณนาชนะคุณพันศิลป์ ผมก็ยืดอกรับได้สบาย แต่คุณนากำลังประมาทเขา"

"ประมาทอะไรยะ ฉันระมัดระวังทุกฝีก้าวต่างหาก นายก็รู้ๆ อยู่"

"การดูแคลนคุณปัญปัทม์นั่นแหละที่เรียกว่าประมาท เด็กคนนี้บ้าบิ่นเกินตัว คุณพันศิลป์เลือกเธอ เพราะเขามั่นใจว่าเธอต้องทำให้ฝ่ายเราแพ้ได้แน่ๆ "

"ตรงฉัตร นายบ้าไปแล้ว"

"คนที่บ้ากว่าเราคือคุณพันศิลป์ต่างหาก แล้วคนที่ทำให้เขาบ้าก็คือคุณนา ตอนนี้เขายิ่งบ้าใหญ่ เพราะเขาอยากหย่า คุณนาเคยหยุดคิดหยุดสงสัยไหมว่าทำไม"

"คิด" ณพนายักไหล่เบะปากอย่างเกลียดๆ "แล้วฉันก็รู้แล้วด้วยว่าทำไม ฉันถึงได้สะใจอยู่นี่ไง"

"อะไรนะ" ตรงฉัตรเปลี่ยนอิริยาบถทันที แหม หล่อนนี่ร้ายจัง รู้อะไรดีๆ มาหรือ แล้วเก็บเงียบเชียวนะ

"ฟังนะจ๊ะที่รัก" เจ้านายยิ้มทะเล้น แต่แววตากร้าวสาแก่ใจไม่เปลี่ยน "ไอ้สารเลวมันเจอรักแท้เข้าแล้ว ตอนนี้มันร้อนรนเหมือนตกอยู่ในเตาไฟนรก มันอยากหย่าเพราะไอ้รักแท้ของมันกำลังท้อง มันอยากจดทะเบียนสมรสกับนังนั่น"

"คุณนา" เลขาหนุ่มเลิกคิ้ว มันเป็นข้อมูลน่าตะลึงดีแท้ ณพนาไปรู้มาได้ยังไง

"ฉันรู้โดยบังเอิญ ไม่ได้สืบแส่อะไรหรอก"

เจ้านายขยายความแล้วยักไหล่อีก ในแววตากร้าวด้วยแรงชิงชัง มันก็เป็นความบังเอิญจริงๆ อาจต้องขอบใจไอ้พ่อค้าไต้หวันขี้หลีคนนั้นด้วย

เพราะมัวแต่โอ้เอ้ลีลาเยอะ เดี๋ยวก็นัดหล่อนกินข้าว ฟังเพลง เต้นรำ อวดร่ำอวดรวยไปตามคอนโดหรูๆ บ้านสวยๆ จนหล่อนไปเจอรูปถ่ายในอัลบั้มเข้า

"มันเป็นงานเลี้ยงภายในฉลองวันเกิดของเมียน้อยคนที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของมัน" หล่อนหมายถึงพ่อค้าไต้หวันที่ยังคาราคาซังเรื่องเซ็นสัญญา "ไอ้เลวมันไปร่วมงานด้วย ควงนังรักแท้ไปด้วย ไอ้พ่อค้ามันเล่าให้ฟังว่าหวานใส่กันจนขนมเค้กในงานจืดสนิท"

"หน้าเขาไม่เจื่อนหรือ จู่ๆ ภรรยาก็ไปเจอสามีควงรักแท้เสียอย่างนั้น"

"เจื่อนนิดหน่อย แต่ฉันก็อธิบายไปแล้วว่าเรากำลังมองหาทางสายใหม่กันอยู่ มันก็เลยแจกขนมจีบฉันไง ถ่วงเวลาให้ฉันรอแล้วรออีกไง ถ้าไม่เกิดเรื่องไอ้นายสมเกียรติ มีหรือที่ฉันจะยอมกลับ"

ตรงฉัตรส่ายหน้านิดๆ ทอดตัวลงนอนหนุนหัวด้วยท่อนแขน มองเพดานนิ่งๆ แล้วคิดเนือยๆ ช่างเป็นการฟาดฟันกันแบบเฉือนจิตเชือดใจดีแท้

สงครามพิศวาสที่ไม่ส่อเค้าว่าจะสงบลง และมีแต่จะลุกลามบานปลายไปจนกว่าสองฝ่ายจะได้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามกระอักเลือดแล้วล้มตึงตายตาเหลือกกลางสมรภูมินั่นแหละ ถึงจะยอมล่าถอยอย่างสะใจสุดแสน

ภรรยาทางนี้เร่าร้อนอยู่ในห้วงอาฆาตแค้น สามีทางโน้นก็น่าจะทุรนทุรายอยู่ในหลุมพยาบาทพอๆ กัน เกมรุกเกมรับมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ วันนั้น ณพนาร่ำร้องอยากหย่าแทบเป็นแทบตาย แต่วันนี้ พันศิลป์กลับเรียกร้องอย่างบ้าคลั่งกว่า




ประมาณสิบโมงครึ่งของวันนั้น ณพนาได้รับการติดต่อจากอาเสี่ยขี้หลีชาวไต้หวัน หล่อนตาโตใส่เลขาหนุ่ม กระดิกนิ้วให้มาฟังใกล้ๆ ตอนหล่อนกรอกเสียงว่า

"ค่ะ ได้สิคะ อุ๊ย แหม เรื่องแค่นี้เอง ระดับเสี่ยต้องการเสียอย่าง ใครที่ไหนจะไปกล้าขัดใจคะ"

หล่อนย่นจมูกถลึงตาใส่กิริยาหมั่นไส้ของพ่อเลขา เขาวนนิ้วใกล้ๆ ขมับให้แปลความหมายว่า 'โรคประสาท' หล่อนก็ซัดปากกาใกล้มือใส่ เขาคว้าทันด้วยนะ แล้วก็วางลงอย่างสุภาพ

แล้วภาพนั้นก็ทำให้หล่อนเผลอยิ้มซาบซึ้ง ช่างเป็นหนุ่มสุภาพเรียบร้อยที่น่าสงสารนัก หล่อนเป็นคนบาปหนักจริงๆ ที่ดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันกับสงครามส่วนตัว ใจก็คิดอย่างนั้น เศร้าไปซึ้งไป แต่ปากก็ฉอเลาะเปราะไปเรื่อยไม่แพ้กัน

"ตกลงค่ะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ ต๊าย ดูสิ หายใจทิ้งไปแป๊บเดียวเอง เราสองคนก็จะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วนะคะเสี่ย อุ๊ย ไม่ใช่สิคะ หมายถึงเป็นหุ้นส่วนที่น่าชื่นใจต่อกันน่ะค่ะ ได้ค่ะเสี่ย ค่ะๆ "

หล่อนวางสายแล้วลุกขึ้นปรบมือถอนใจดังเฮือกออกมา ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ตาขรึมของหนุ่มเรียบร้อย ไม่รอให้เขาซักถามรายละเอียดก็บอกข่าวดีเสียงใสเลยว่า

"เรียบร้อย มันยอมเซ็นสัญญากับเราแล้ว พรุ่งนี้นายเตรียมเอกสารให้พร้อม เราจะไปเจอมันที่สนามบินเลย มันนัดอีหนูไว้ที่ภูเก็ต แวะมาเซ็นสัญญากับเราก่อน แล้วค่อยต่อเครื่อง อ้อ แอบต่อด้วยนะ ไม่อยากให้บ้านใหญ่จับได้ ทุเรศ"

"ด่าผมอีกแล้ว ผมก็ยืนฟังเฉยๆ ไม่แทรกสักคำ"

"บ้า" หล่อนด่ากลั้วหัวเราะ แล้วไล่ "ไปๆ รีบจัดการเอกสารให้เรียบร้อย ฉันจะออกไปอาบน้ำแร่แช่น้ำนมหน่อยซิ แหม ผมสีนี้ก็น่าเบื่อแล้วนะ ไม่ค่อยดึงดูดเลย เปลี่ยนสีใหม่ดีกว่า ต๊าย นี่ถ้ามันโทรมาบอกว่าจะมาอาทิตย์หน้าละก็ ฉันจะลดน้ำหนักลงสักหน่อยด้วย จะต้อนรับเงินทุนก้อนใหม่ทั้งที มันต้องเช้งตั้งแต่ไรผมจรดซอกเล็บเท้า จริงไหมจ๊ะที่รัก"

"ฮื่อ อันนี้แหละ ทุเรศของจริงเลยคุณนา"

คุณนาตาโตค้าง อารมณ์สุนทรีย์สะดุดกึก แหม เหวี่ยงแฟ้มไปกำราบปากชั่วก็เท่านั้นแหละ พ่อตัวดีทิ้งประโยคเด็ดคมจบแล้วก็ผละไปทันที เดินเร็วด้วยนะ เหมือนจะรู้ความผิด เจ้าแฟ้มเคราะห์ร้ายก็เลยร่วงลงไปนอนสงบๆ อยู่หน้าประตูที่เขาเปิดเร็วปิดเร็ว แต่ก็ 'อย่างนุ่มนวล'




หากแต่ไม่ถึงสิบนาทีถี่ห่าง ตรงฉัตรก็ต้องถอนใจยาว แววตาวาวปนกร้าวขึ้นวูบหนึ่ง โทรศัพท์มือถือมันปรากฏภาพที่เขาหวั่นๆ จริงเสียด้วย พันศิลป์ย้ายหมากมารุกทางเขาเข้าแล้ว

"อย่าว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ เห็นแก่หน้าด้านๆ ของเจ้านายหื่นกามของแก รบกวนไปปลุกอารมณ์ให้ของขึ้น แล้วกล่อมให้เซ็นใบหย่าเสียดีๆ จะดีกว่า"

"ไปคุยกับเธอสิครับ ผมไม่สะดวกจะก้าวก่ายเรื่องเจ้านาย"

"อ้าว จนถึงวันนี้ แกยังหวงมาดแมงดาปีกทองอยู่อีกหรือ"

ตรงฉัตรหรี่ตาใส่เอกสารบนโต๊ะ มันเป็นเอกสารที่เตรียมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ เขาเคาะนิ้วลงเบาๆ พันศิลป์จะมาไม้ไหน กวนอารมณ์เขาให้ขุ่น หรือกดดันให้โกรธ น่าจะรู้นะว่าทำไม่ได้ เขาไม่ใช่ณพนาสักหน่อย

"ฉันมีเวลาแค่สามเดือน อ้อ แต่มันสั้นลงแล้วล่ะ ทนายของฉันดูเหมือนว่าจะไม่เก่งมาก แต่รับรอง เธอต้องรุนแกกับเจ้านายหน้าด้านหื่นกามติดซอกแน่ๆ อย่างภาพที่ฉันส่งให้ก็เข้าท่าดีออก ถึงจะควงแขนซบไหล่ แต่ลองว่าส่งประจาน.. "

"คุณจะไม่ทำแบบนั้นหรอกคุณพันศิลป์ ถ้าคุณนาหน้าด้านหื่นกาม คุณก็หน้าบางและมากตัณหา คุณสองคนเหมาะสมที่จะเป็นสามีภรรยากันมาก เสียอย่างเดียวทิฐิสูงทั้งคู่ หันหน้าปรับความเข้าใจกันเป็น แต่ไม่ทำ"

"โอ้ แกยังปากดีไม่เปลี่ยนเลย มิน่าล่ะ ณพนาถึงได้หลงใหลมาจนถึงเดี๋ยวนี้ เป็นความสัมพันธ์สกปรกที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุด"

"ก็ไม่ได้สักครึ่งที่คุณข่มเหงคุณนาด้วยกำลังสัตว์ป่า คุณฆ่าเธอด้วยตัณหาดิบ แล้วเธอก็ตายทั้งเป็น ทุกวันนี้ คุณก็ยังคงเป็นสัตว์ป่ากระหายตัณหา อยากโน่นอยากนี่ แต่อะไรก็ตามที่คุณอยาก คุณมักจะได้มันง่ายๆ ยกเว้นคุณนา เธอคือความอยากที่คุณไม่มีวันได้ ตายแทบเท้าเธอ คุณก็จะไม่ได้"

"ตรงฉัตร"

"ผมเตือนตั้งแต่แรกแล้วว่าไปคุยกับคุณนา อย่ามาไร้สาระและเสียเวลากับผม อ้อ ภาพที่ส่งมา ผมขอลบนะครับ มันไม่มีผลต่อผมหรอก ต่อคุณนาก็ไม่มี แต่ต่อคุณน่ะมี ถ้ามันถูกเผยแพร่ออกไป คุณนาเธอไม่กลัวเสียหน้าหรอกครับ คุณบอกเองนี่ว่าเธอหน้าด้าน ส่วนผมก็แค่ผู้ชายไม่มีเกียรติ คนไม่มีเกียรติก็ยิ่งไม่ยี่หระกับเรื่องเสียหน้า สวัสดีครับ"

ตาขรึมหรี่ลงพร้อมกับระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยๆ ก่อนกดปุ่มตัดสายยังได้ยินฝ่ายโน้นสบถหยาบคายว่า 'ไอ้บัดซบ' ออกมา เขาอยู่เฉยๆ ไม่ใช่หรือ มายุ่งกับเขาทำไม

ส่งภาพนี้มาข่มขวัญหรือ เอาเถอะ ณพนาอาจไม่กล้าเผยแพร่มันออกไป เพราะมันหมายถึงชื่อเสียงที่หล่อนยังจำเป็นต้องปกป้องและรักษาให้ดูสะอาด

บริษัทที่หล่อนอ้าแขนโอบอุ้มไว้แทนบิดา มันไม่ควรจะพังโครมในครืนเดียวด้วยภาพไม่ซื่อพวกนี้ แต่ลองกดดันหล่อนอีกสักนิดสิ ผู้หญิงที่หัวใจแตกสลายไปหมดแล้ว มีหรือจะกลัวเมื่อถึงเวลา





เก้าอี้ที่นั่งอยู่มันร้อนจนนั่งไม่ลงอีก พ่อเลขาเนื้อทองจึงต้องลุกไปปลดปล่อยละอองเครียดให้ลอยไปละลายในแสงแดดหน้าระเบียงโปร่ง ปกติไม่ค่อยออกมาหรอก แต่วันนี้ร้อนเป็นพิเศษ คงเพราะตระหนักว่าตนกลายเป็นเป้าโจมตีแทนณพนาเสียแล้ว

พันศิลป์หันมาบีบคั้นเขา แต่ไม่ใช่เพื่อให้เขาคลุ้มคลั่ง โน่นแน่ะ เป้าหมายที่ฝ่ายตรงข้ามวาดหวังก็คือเจ้านายสาวใหญ่ของเขาโน่น หล่อนจะยิ่งกว่าคลั่งเสียอีกถ้ารู้ว่าเขาโดนเล่นงาน

"คุณนี่ร้ายจริงๆ " เขาพึมพำอึดอัดเจือหวั่นวิตก "คุณกำลังจะใช้ผมเป็นคลื่นยักษ์ หวังว่าผมจะสาดโถมเข้าใส่คุณนาจนตั้งตัวตั้งรับไม่ได้ใช่ไหม รังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ ให้ติดตรอกขนาดนี้เชียว ไม่อายผู้คนที่ยกย่องคุณเป็นมาเฟียบ้างหรือ"

"พึมพำอะไรยะ อาการหนักนะ แล้วออกมายืนทำอะไรตรงนี้ แดดแรงจะตาย อยากเนื้อทองหรือ อุ๊ย เท่าที่ทองอยู่นี่ ฉันก็ลูบไม่มีวันสึกวันล่อนแล้วละยะ กลับเข้ามา"

ตรงฉัตรสะดุ้งนิดๆ ตอนได้ยินประโยคแรก แต่เขาก็ฟังต่อไปเรื่อยๆ จนจบ โชคดีจังที่หยิบโทรศัพท์มือถือมาด้วย ลบภาพไปแล้วด้วย

ไม่อย่างนั้น จะไม่ได้เห็นเจ้านายสาวใหญ่เท้าสะเอวส่งเสียงกระแนะแหนแบบนั้นหรอก ดีไม่ดี หล่อนอาจเตะผนังกระจก หรือไม่ก็ถอดรองเท้าส้นสูงนั่นแหละทุบเลย

"ยังไม่ไปอีกหรือ" เขาลอยหน้าถาม ทำราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้ปะทะคารมกับพันศิลป์เลย "แล้วนี่ ขอเถอะ รำคาญสายตามากเลย" เขาสะกิดมือที่กุมเอวกิ่ว "เอาลงได้ไหม ผมรู้แล้วว่าเอวบาง แต่ว่าก็ว่าเถอะ จะเอวบางร่างน้อยแค่ไหน คุณนาก็แก่แล้วน่า ไม่มีแรงดึงดูดอารมณ์ทางเพศหรอก นี่บอกตรงๆ เลยในฐานะคนกันเอง"

"ไอ้บ้า"

ณพนาด่ากลั้วหัวเราะ ตามไปตบแผ่นหลังดังแปะๆ แล้วแซงไปขวางหน้าตบหน้าผากอีกตึก ต่อยท้องด้วย ดึงหูลากหุ่นสูงของหนุ่มปากเสียมาล้มบนโซฟา คว้าหนังสือพิมพ์ฟาดกระหน่ำลงไป เขาใช้ท่อนแขนป้องหน้าป้องหัว ปากก็ร้องเอะอะใหญ่ว่า

"โอ๊ย พอแล้วน่า คุณนา เอ้าๆ ขอโทษๆ เซ็งจริงๆ คนพูดความจริง มันไม่เคยได้รับรางวัลดีๆ เลย ให้ตายสิ"

"ความจริงอะไรยะ นายพูดความจริงอะไรออกมา ฉันน่ะหรือแก่ ไม่มีแรงดึงดูดอารมณ์ทางเพศ ตาถั่ว"

แล้วก็จบความด้วยการยัดหนังสือพิมพ์ยับย่นไว้ในอกใหญ่ เขกหัวอีกตึกอีก ตรงฉัตรเป่าลมหงุดหงิด เสยนิ้วจัดผมให้เป็นทรง แต่ก็เอาเถอะ มาลงบนตัวเขา ยังไงก็ดีกว่าผนังกระจกแตกเปรื่อง แบบนั้นมันเปลืองเงินกว่าเยอะ

ดูสิ ยังไม่ทันแต่งตัวให้เรียบร้อยเท่าที่ควรเลย เจ้านายสาวใหญ่ก็ผลุงมาลากแขนสั่งฉับๆ ว่า 'ไปกันเถอะ' แล้วก็ปรี่ไปเปิดประตู เขาไม่รู้หรอกว่าหล่อนจะไปไหน แต่ในเมื่อนางพญาบัญชาอย่างนั้นแล้ว รู้ไม่รู้ก็ไม่ต้องถาม

แม้บ่ออารมณ์ไม่ค่อยใสนัก เพราะโดนพันศิลป์ร่อนตะกอนใส่จนขุ่น แต่ทันทีที่ออกจากห้อง เลขาเนื้อทองในสายตาทุกคู่ที่มองตาม ก็คือหนุ่มตรงฉัตรผู้เคร่งขรึม และกำลังเดินตามหลังณพนาเจ้านายสาวใหญ่ไปอย่างสำรวม

อิริยาบถที่ดูดีมากที่สุดของพ่อหนุ่มก็คือ 'สองมือไพล่หลัง กับทิ้งระยะห่างไม่มากไม่น้อยไปกว่าสามก้าว'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 09:45:47




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com