Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Mission Failed ตอนที่ 8 Mission Failed ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 1 ฟาเบียน ฮาร์เดนเบิร์ก
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12293747/W12293747.html#1

ตอนที่ 2  การเริ่มต้นของภารกิจลับ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12334368/W12334368.html

ตอนที่ 3  ไม่ใช่ฉันที่กำลังฝัน
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12357497/W12357497.html

ตอนที่ 4 ผู้ทรยศ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12396990/W12396990.html#1

ตอนที่ 5 อัลฟ่าใหม่
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12441157/W12441157.html

ตอนที่ 6 คุณหญิงโซเฟีย คไลน์เฟลด์
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12478708/W12478708.html#1

ตอนที่ 7 ซินเดอเรลล่า
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12530486/W12530486.html#1



ตอนที่ 8 Mission Failed


“พี่สาวจะไปกับพวกเขาจริงๆเหรอคะ?”

ทันทีที่จบประโยค ฉันค่อยๆหันตัวกลับไปมองร่างของเด็กหญิงผมบลอนด์ที่ยิ้มหวานให้กับฉันภายใต้แสงไฟริบหรี่ดวงเดียวที่กระพริบติดๆดับๆในบริเวณลานจอดรถแห่งนี้ ฟาเบียนและไบรอันก็เช่นกัน พวกเขาค่อยๆหันตัวกลับ ในมือยังคงกำปืนพกไว้แน่นและจับตามองทุกการเคลื่อนไหวของเด็กหญิงด้วยความระมัดระวัง

แอนแอนหัวเราะด้วยความชอบใจต่อปฏิกิริยาของชายหนุ่มทั้งสอง

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพี่ไบรอัน พี่ฟาเบียน หนูไม่ได้รับมอบหมายให้มาฆ่าพวกพี่ หนูแค่ได้รับคำสั่งให้มาตามพี่แอนนามาเรียกลับไปต่างหาก”

เด็กหญิงแอนแอนหยิบกระเป๋าสะพายลายคิตตี้สีชมพูออกมาเปิดรูดซิปออก เธอล้วงมือเข้าไปหยิบของบางอย่างในกระเป๋า...

“หยุดอยู่แค่นั้น!” เสียงของฟาเบียนตวาดดังขึ้น ปืนพกในมือของเขาเล็งตรงไปที่บริเวณศีรษะของเด็กหญิงด้วยความรวดเร็วคล่องแคล่ว
“ถ้าเธอขยับตัวแม้แต่นิดเดียวละก็ ฉันจะระเบิดสมองในหัวเล็กๆของเธอให้กระจุยเลยทีเดียว”

เด็กหญิงแอนแอนหัวเราะเบาๆอยู่ในลำคอ เธอหยุดนิ่ง มือของเธอยังคงค้างอยู่ในกระเป๋าคิตตี้สีชมพูใบนั้น ดวงตาคู่สีฟ้าใสของเธอมองไปที่ฟาเบียนอย่างสนอกสนใจ

“แหม... พี่ฟาเบียน... โหดจังเลยค่ะ... หนูก็เป็นแค่เด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเองนะคะ...”

แม้แอนแอนจะยอมหยุดนิ่งไม่ขยับตัวตามที่ฟาเบียนสั่ง... แต่แววตาของเธอที่มองมายังเขานั้น กลับไร้ซึ่งวี่แววของความสะทกสะท้านหวาดกลัว สักครู่ต่อมา เด็กหญิงเปลี่ยนคู่สนทนาจากฟาเบียนมาเป็นฉัน

“พี่สาวคะ... พี่สาวจำเรื่องที่หนูเล่าให้พี่สาวฟังเมื่อเช้านี้ได้ไหมคะ...?” เด็กหญิงกล่าวขึ้นพร้อมเอียงคอเล็กน้อยเหมือนเด็กน่ารักไร้เดียงสา เธอส่งยิ้มหวานสดใสมาให้ฉัน รอยยิ้มของเด็กหญิงที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเต็มล้น

ทันใดนั้น ด้วยความไม่คาดฝัน แอนแอนโน้มตัวก้าวเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าวเป็นเชิงหยอกล้อแกมท้าทายให้ฟาเบียนลั่นไกปืนใส่เธอ ในขณะเดียวกัน กระบอกปืนอีกกระบอกหนึ่งจากไบรอันจ่อเข้าแน่นที่บริเวณข้างขมับศีรษะของ...ฉัน!

“อย่ากระดิกแม้แต่นิ้วเดียว ฟาเบียน” เสียงไบรอันกล่าวขึ้น สายตาของเขามองไปที่ฟาเบียนอย่างเย็นชา

“ฮ่า ฮ่า เห็นไหมหล่ะคะพี่สาว หนูบอกแล้ว... ให้ระวังพี่ไบรอันเอาไว้...” เด็กหญิงแอนแอนกล่าวพร้อมหัวเราะชอบใจ ตอนนี้ปืนเล็กๆในมือของเธอที่หยิบออกมาจากกระเป๋าคิตตี้สีชมพูเล็งชี้ไปที่ฟาเบียนเรียบร้อย

“ทิ้งปืนของนายซะฟาเบียน... ถ้านายไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้ต้องตาย” ไบรอันพูดขู่ พร้อมกดกระแทกปืนเข้าที่ข้างขมับของฉันจนฉันรู้สึกเจ็บ

ช้าๆ ฟาเบียนค่อยๆโยนปืนของเขาทิ้ง... จากนั้น เขายกมือทั้งสองข้างที่ว่างเปล่าขึ้นเป็นเชิงยอมจำนน ใบหน้าของเขานิ่งเรียบ... แต่ทว่าฉันกลับสามารถมองเห็นความเจ็บปวดลึกๆที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้...

“นายหลอกฉันอีกแล้วสินะ ไบรอัน...” ฟาเบียนกล่าวขึ้น

“ฉันได้รับคำสั่งให้มาฆ่านาย และนั่นคือสิ่งที่ฉันจะต้องทำให้สำเร็จ... แม้ว่าฉันจะต้องหลอกนายอีกครั้งเพื่อหาโอกาสเข้าใกล้ตัวนายก็ตาม...”

ไบรอันทิ้งจังหวะเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
“มันคงจะง่ายกว่านี้ ถ้าฉันยังคงสามารถลั่นไกปืนใส่นายได้ ฉันจะได้ไม่ต้องโกหกนายซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้...”

น้ำตาของฉันเริ่มไหลซึมจากดวงตา... ทำไมเส้นทางความผูกพันของทั้งสองพี่น้องถึงได้เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามมากมายเช่นนี้นะ?

เด็กหญิงแอนแอนค่อยๆเดินเข้ามาใกล้พวกเรา เธอเดินตรงเข้าไปหาฟาเบียน เธอทิ้งระยะห่างจากเขาประมาณครึ่งเมตร แล้วชี้ปืนเล็กๆในมือไปที่กลางหน้าผากของฟาเบียน

“พิ้ว” เด็กหญิงทำท่ายิงปืนใส่ฟาเบียนและทำเสียงล้อเลียน
“เดี๋ยวหนูจะระเบิดสมองพี่ฟาเบียนให้กระจุยซะเลย ฮิ ฮิ ฮิ...” เด็กหญิงได้ที เธอหัวเราะเยาะเย้ยฟาเบียนด้วยความสะใจ

จากนั้น เธอละสายตาจากฟาเบียน แล้วยื่นมือเล็กๆของเธอมาจับมือของฉันไว้แน่น แล้วดึงลากฉันให้เดินตามเธอไปด้วยพละกำลังมหาศาลที่มากเกินกว่าเด็กของเธอ ในจังหวะเดียวกัน ไบรอันใช้กระบอกปืนทุบเข้าที่กลางศีรษะของฟาเบียนเต็มแรง ฟาเบียนล้มฟุบลงบนพื้น เลือดของเขาไหลออกจากบริเวณที่ถูกกระแทก เขาหมดสติไป



*******************************************



เป็นเวลารุ่งเช้าของวันถัดมา... ฉันนั่งอย่างเหนื่อยเพลียอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ถูกใช้เป็นสถานที่กักขังผู้ต้องโทษของอัลฟ่า ข้อมือและข้อเท้าของฉันถูกล่ามไว้ด้วยโซ่เหล็กขนาดหนา เช่นเดียวกับฟาเบียนที่ยังคงหมดสติและถูกล่ามไว้เช่นเดียวกันอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

เขาหมดสติตั้งแต่เหตุการณ์ที่ลานจอดรถข้างๆบาร์เมื่อคืน แผลที่ศีรษะของเขาที่ถูกกระแทกด้วยกระบอกโลหะได้ถูกห้ามเลือดและรับการปฐมพยาบาลตามคำร้องขอของฉัน... ในอีกไม่กี่ชั่วโมง ก็จะถึงเวลาที่ฉันต้องออกปฏิบัติภารกิจให้กับอัลฟ่า... ภารกิจที่ฉันต้องทำให้สำเร็จ... เพราะถ้าหากว่าผลของภารกิจออกมาเป็น ‚Mission Failed’ ละก็... มันหมายความว่า... ฉันจะต้องจ่ายให้กับความล้มเหลวครั้งนี้ด้วยชีวิตของฟาเบียน...

ฉันมองดูใบหน้าของชายหนุ่มที่นิ่งสงบอยู่ในภวังค์นิทรา เขาช่างดูไร้เดียงสาไร้พิษภัยเหลือเกินยามที่เขาหลับไหล แม้ว่านี่จะไม่ใช่เวลาที่ฉันควรรู้สึกดี แต่ฉันกลับมีความสุขที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆกับเขา... ได้มองดูเขาอย่างเงียบๆ... ฉันหวนย้อนนึกถึงเวลาที่ฉันเคยอยู่ในร่างเขา... ฟาเบียนที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน... ฟาเบียนที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้รู้จัก... ฟาเบียนที่ฉันครั้งหนึ่งได้เคยร่วมอยู่ในความฝันของเขา...

ชายหนุ่มเริ่มขยับตัวอย่างเมื่อยล้า... เขาค่อยๆลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก ฉันเห็นเขาพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง และนั่นทำให้เขารู้ตัวว่าข้อมือข้างหนึ่งของเขาได้ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ที่เชื่อมติดกับผนังของห้อง ในขณะที่ข้อเท้าทั้งสองข้างของเขาก็ถูกล่ามเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ชายหนุ่มมองมายังฉันที่นั่งอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของห้อง... สายตาอันอ่อนโยนของเขามองมาที่ฉันด้วยความเห็นอกเห็นใจ ฉันเห็นเขาพยายามเก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ ก่อนที่จะกล่าวถามฉันขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย

“คุณเป็นยังไงบ้าง แอนนามาเรีย พวกเขาได้ทำร้ายอะไรคุณหรือเปล่า?”

ฉันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก... พยายามบอกตัวเองไม่ให้ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา... เพราะนั่นอาจจะทำให้ฟาเบียนรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น

“ฉันสบายดีค่ะ... ฟาเบียน... แผลของคุณเป็นยังไงบ้างคะ?” ฉันบังคับเสียงพูดของตัวเองให้ฟังดูเหมือนปกติ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถปิดซ่อนความสั่นเครือเอาไว้ได้มิด

“ผมไม่เป็นไร...” ฟาเบียนตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ...
“ผมไม่น่ายอมให้คุณหนีไปกับพวกผมเลย... เพราะถ้าหากคุณไม่ได้ไปด้วยละก็... พวกเขาคงไม่ทำกับคุณแบบนี้...”

ฉันมองดูฟาเบียนอย่างเห็นอกเห็นใจ... นั่นไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย ฉันต่างหาก ที่เป็นคนตัดสินใจเลือกที่จะเสี่ยงหนีไปกับเขา... แต่ตอนนี้เวลาของฉันและเขามีเหลือไม่มากนัก... ฉันจำเป็นต้องบอกเขาให้รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเสียก่อน...

“ฟาเบียน... ฟังให้ดีนะคะ... อีกไม่นานพวกเขาจะมาเอาตัวฉันไปเพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง... ฉันอยากให้คุณพยายามหาโอกาสหนี... ถ้าเป็นไปได้... เพราะว่า... หากฉันทำภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จหล่ะก็... พวกเขาจะฆ่าคุณ...” ฉันกล่าวประโยคสุดท้ายออกมาด้วยความยากลำบาก...

“แอนนามาเรีย คุณไม่ต้องเป็นห่วงผม... ยังไงพวกเขาก็คิดจะฆ่าผมอยู่ดี... ว่าแต่... พวกเขาจะให้คุณทำอะไร?” ฟาเบียนถามฉันด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“ฉันไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฟาเบียน... พวกเขาไม่ยอมบอกอะไรกับฉัน...” ฉันตอบตามความจริง...
“ฉันรู้แต่ว่า... ฉันต้องใช้เครื่องอิมเปร์-เชเรบรุม เพื่อควบคุมใครบางคน... ส่วนรายละเอียด... พวกเขาจะบอกฉันหลังจากที่ฉันฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง...”

ฉันเห็นฟาเบียนขบกัดฟันด้วยความโกรธแค้น... สีหน้าของเขาเปลี่ยนจากสีหน้าที่อ่อนโยน กลายเป็นสีหน้าที่เย็นชา สุขุมเยือกเย็น... สีหน้าของนักฆ่า...

ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งค่อยๆเดินตรงมาจุดที่พวกเราอยู่... พวกเขามาแล้ว... กลุ่มคนที่จะพรากฉันไปจากฟาเบียน... และนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้าย...

โอกาสสุดท้ายที่ฉันจะได้บอกความในใจให้เขารับรู้...

“ฟาเบียนคะ...” ฉันเรียกชื่อเขา สบตาเขาอย่างแน่นิ่ง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น... ฉัน... รัก คุณ ค่ะ...” น้ำเสียงของฉันสั่นเครือ น้ำตาของฉันไหลอาบแก้ม ฉันไม่สามารถควบคุมมันไว้ได้อีกต่อไป...

สีหน้าของฟาเบียนกลับเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่อ่อนโยนอีกครั้ง... เขาพยายามบังคับไม่ให้น้ำตาตัวเองไหลออกมาเช่นกัน... ฉันเห็นเขาขยับตัว เหมือนพยายามจะเอื้อมมือออกมาเพื่อกอดปลอบโยนฉัน แต่เราถูกล่ามไว้ห่างกันเกินกว่าที่จะเอื้อมถึงตัวกัน...

“แอนนามาเรีย... ผม... ผม ก็ รัก คุณ... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...”

ฉันสบตาเขา ดวงตาคบกริบคู่นั้นตอนนี้มีสีแดงก่ำ น้ำตาของเขาไหลคลอซึมเต็มสองข้างตา... ฉันยิ้มให้กับเขาเพื่อเป็นการปลอบโยน...

นี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย... ที่ฉันจะได้พบเขา... เราต้องจากกัน... ไม่มีโอกาสแม้แต่ที่จะจูบลา...

อลิเซีย แอนแอน และชายในชุดดำอีกสามคนเดินเข้ามาในห้อง หญิงสาวเจ้าของใบหน้าไร้ความรู้สึกพยักหน้าเป็นสัญลักษณ์ให้ชายในชุดดำทำการปลดโซ่ที่ล่ามฉันเอาไว้ แล้วนำตัวฉันออกไปจากห้อง

สายตาของฉันยังคงจับจ้องอยู่ที่ฟาเบียน ฉันพยายามเก็บภาพของเขาให้ตราตรึงเข้าไปในหัวใจให้ลึกที่สุด... อย่างน้อย... ที่นั่นคือที่ที่เขาสามารถอยู่อย่างปลอดภัย... ข้างในหัวใจที่ลึกที่สุดของฉัน มีที่ให้กับฟาเบียนเพียงคนเดียว

ฉันได้ยินเสียงของเขาตะโกนเรียกชื่อฉันอีกครั้ง... ก่อนที่ภาพของเขาจะหายลับไปจากสายตาเมื่อฉันเดินออกมาพ้นประตูห้อง...

ฉันหลับตาลงและปล่อยให้ตัวเองร้องไห้โฮออกมา... ในขณะที่อลิเซียและคนอื่นๆไม่ได้แชร์ความรู้สึกเจ็บปวดกับฉันแม้แต่น้อย... เว้นแต่... เด็กหญิงแอนแอน

เด็กหญิงแอบมองดูฉันตลอดเวลาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล...

ฉันถูกนำตัวมายังห้องที่เป็นที่ตั้งของตู้แคปซูลสีฟ้าและเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุม ที่ถูกทำขึ้นเลียนแบบของอัลฟ่าเก่า อลิเซียยื่นยาเม็ดเล็กๆสีฟ้าให้กับฉัน... ก่อนที่เธอจะเดินไปยังเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุมเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง  

ฉันมองดูยาเม็ดสีฟ้าที่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นกว่ายาของดอกเตอร์อิริค ยาที่จะทำให้ฉันเข้าสู่ภวังค์นอนหลับฝันได้เร็วยิ่งขึ้น โดยใช้เวลาหลังจากทานยาตัวนี้เข้าไปแล้วเพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมง... สมองของฉันจะถูกเตรียมพร้อมสำหรับการทำ Lucid Dreaming ผ่านไปยังเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุม ที่จะส่งคำสั่งต่อไปยังร่างกายที่สมองถูกตัดการทำงานเหลือไว้แต่ร่างกายที่ยังคงหายใจ... สมองที่รหัสคลื่นไฟฟ้าถูกจูนเข้ากับเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุม...

หากแต่ว่า... ครั้งนี้อาจจะไม่เหมือนทุกครั้ง? นั่นคือสิ่งที่พวกเขาปกปิดเอาไว้ไม่ให้ฉันรู้...

มือเล็กๆของเด็กหญิงแอนแอนแตะเบาๆบนมือของฉัน เธอมองดูฉันด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกเสียใจ

“พี่สาวไม่โกรธหนูนะคะ...”

ฉันยิ้มจางๆที่มุมปากให้กับเธอ... ฉันส่ายหน้าเบาๆ...

“หนู... หนูขอโทษค่ะ... หนูไม่คิดว่า... เขาจะให้พี่สาวกลับมาอัลฟ่าเพื่อทำภารกิจที่เสี่ยงแบบนี้...” เด็กหญิงแอนแอนพูดด้วยเสียงพึมพำเบาๆ ฉันดูออกว่าเธอพยายามที่จะไม่ให้อลิเซียได้ยิน

ฉันไม่รู้ว่าภารกิจที่จะถูกส่งไปทำครั้งนี้คืออะไร... แต่เมื่อแอนแอนบอกว่า เป็นภารกิจที่เสี่ยง มันทำให้ฉันรู้สึกเป็นห่วงฟาเบียนขึ้นมาทันที

“นี่แอนแอน เธอช่วยพี่อย่างหนึ่งได้ไหม?” ฉันพูดด้วยเสียงกระซิบเบาๆทว่าเต็มไปด้วยความอ้อนวอนขอร้อง

เด็กหญิงดูเหมือนจะเงียบอึ้งไปสักพัก... เธอชำเลืองสายตาสำรวจดูรอบๆ และเมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ใกล้พอที่จะได้ยิน เธอจึงตอบกลับ

“พี่สาวจะให้หนูช่วยอะไรคะ?”

“ถ้าพี่ทำ Mission Failed หล่ะก็... ได้โปรด... ช่วยให้พี่ฟาเบียนมีโอกาสหนีไปอีกสักครั้ง... ก่อนที่... ใครสักคนจะถูกส่งไปฆ่าเขา...” ฉันอ้อนวอนเด็กหญิงผู้เป็นความหวังสุดท้าย...

แอนแอนไม่ได้พยักหน้าตอบรับ สายตาของเธอรีบชำเลืองมองไปยังอลิเซียที่เดินตรงเข้ามาที่ที่ฉันและเด็กหญิงยืนอยู่ แอนแอนรีบยิ้มหวานตามแบบฉบับปกติของเธอให้กับอลิเซียทันที

มันทำให้ฉันไม่แน่ใจว่า... แอนแอนรับปากที่จะช่วยเหลือฉันหรือไม่...

ในทันใด เสียงเรียบใสที่เยือกเย็นของอลิเซียดังขึ้น
“ได้เวลาแล้ว... แอนนามาเรีย”

ฉันหันไปสบตากับแอนแอนอีกครั้ง... ก่อนที่จะหยิบยาเข้าปาก... ฉันพยายามส่งสายตาอ้อนวอนขอร้องเธอครั้งสุดท้าย...

เด็กหญิงยิ้มหวานและแอบพยักหน้าเบาๆให้ฉันหนึ่งครั้ง... ก่อนที่ฤทธิ์ของยาจะทำให้ฉันเพลียและล้มลงกับพื้น...

ฉันเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง... หากแต่ว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย?



*******************************************


ผมยังคงนั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆอย่างอับจนหนทาง ได้แต่คิดเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของแอนนามาเรีย พวกเขาพาเธอไปไหน? พวกเขาจะส่งเธอไปทำอะไร? ทำไมพวกเขาถึงไม่ให้ข้อมูลใดๆกับเธอ?

ผมพยายามทำลายโซ่ที่ล่ามข้อมือของผมให้พัง แต่มันแข็งแกร่งเกินกว่าที่ผมจะทำอะไรมันได้ ผมเกลียดความรู้สึกแบบนี้... ความรู้สึกที่ผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอคอยฟังข่าวร้ายเกี่ยวกับหญิงสาวที่ผมรัก...

ครั้งแล้วครั้งเล่าผมพยายามที่จะปลดตัวเองออกจากพันธนาการเหล็กเส้นนี้ เลือดที่ข้อมือเริ่มไหลหยดซิบ ๆ ตกลงบนพื้น ผมไม่ได้อยากที่จะหนีเอาตัวรอดอย่างที่แอนนามาเรียขอร้อง แต่ผมอยากไปช่วยเธอ เพราะผมรู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย แอนนามาเรียต้องยังคงอยู่ในอาคารหลังนี้แน่ๆ แม้ว่าเธอจะถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจที่อื่นที่ไกลแสนไกลออกไปก็ตาม ผมเพียงแค่ต้องตามหาที่ตั้งของแคปซูลสีฟ้าและเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุม แล้วพาเธอหนีออกไปจากที่นี่

ขอเพียงแต่ให้ผมสามารถหลุดออกไปจากโซ่ล่ามเส้นนี้ได้เท่านั้น...

สักพักต่อมา... เสียงฝีเท้าเบาๆของใครสักคนเดินตรงมายังห้องที่ขังผมเอาไว้ ประตูโลหะของห้องถูกเปิดออก ร่างของเด็กหญิงผมบลอนด์ถือแท่งอมยิ้มสีชมพูปรากฏที่ตรงกลางระหว่างประตู เธอยิ้มหวานร่าเริงเหมือนที่ผมเคยเห็นเป็นประจำ เด็กหญิงเดินเข้ามาในห้อง ประตูโลหะปิดตามหลังเธอ เธอเข้ามานั่งขัดสมาธิข้างหน้าผม จุดที่ห่างพอที่ผมไม่สามารถเอื้อมเตะเธอได้ เธอหยิบอมยิ้มเข้าปากแล้วยิ้มให้ผมอย่างสดใสร่าเริงอีกครั้ง ผมได้แต่กลั้นใจรอดูท่าทีของเธอด้วยความอดทน หัวใจของผมได้แต่ภาวนาขอให้เธอไม่ใช่ผู้นำข่าวร้ายเกี่ยวกับแอนนามาเรียมาบอกผม... ผมได้แต่หวังว่า มันคงไม่เร็วขนาดนั้น...

เด็กหญิงเริ่มกล่าวขึ้น
“ทานอมยิ้มด้วยกันไหมคะ พี่ฟาเบียน?”

ผมไม่ได้กล่าวตอบอะไรเด็กหญิง ได้แต่มองดูเธอด้วยสายตาแน่นิ่ง... บังคับตัวเองไม่ให้ระเบิดความโมโหเคียดแค้นออกมา

“ว่าแล้วเชียว ต้องไม่ทาน” เธอหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ มันทำให้การควบคุมตัวเองของผมยิ่งทำได้ยากขึ้น... แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาทำเรื่องโง่ๆ แอนนามาเรียต้องการความช่วยเหลือจากผม... และผมต้องสุขุมรอบคอบให้มากที่สุด

“พวกเขาส่งแอนนามาเรียไปทำอะไร ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” ผมดึงเด็กหญิงให้เข้าสู่ประเด็นด้วยเสียงนิ่งเรียบ

เด็กหญิงส่งสายตามองดูผมอย่างสนอกสนใจ อะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น...

“ตอนนี้ไม่มีใครสามารถช่วยพี่แอนนามาเรียได้แล้วค่ะ พี่สาวเข้าไปในเครื่องอิมเปร์-เชเรบรุม เรียบร้อย...” เสียงใสๆของเด็กหญิงกล่าวด้วยความเยือกเย็น อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้กล่าวด้วยเสียงสดใสร่าเริงเกินเหตุเหมือนทุกครั้ง

“หนูได้รับมอบหมายแทนพี่ไบรอัน ให้เป็นคนฆ่าพี่ฟาเบียนถ้าหากพี่สาวทำภารกิจไม่สำเร็จ” เด็กหญิงเว้นจังหวะเล็กน้อย ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะถูกส่งมาฆ่าผม คนเดียวที่ผมสนใจอยู่ตอนนี้คือแอนนามาเรียและความปลอดภัยของเธอ

“หนูรับปากพี่สาวบางอย่างเอาไว้...” เด็กหญิงกล่าวต่อ เธอเว้นจังหวะเล็กน้อยเพื่อดูดอมยิ้มสีชมพูที่ถืออยู่ในมือ ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
“แต่หนูจะไม่ทำมันหรอกค่ะ จนกว่าพี่สาวจะทำ Mission Failed”

หลังจากจบประโยคเด็กหญิงลุกขึ้นช้าๆ อมยิ้มสีชมพูยังคงค้างอยู่ในปากของเธอ ท่าทางของเธอเหม่อลอย และเต็มไปด้วยความกังวลสับสนและเสียใจ... เธอเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

อะไรบางอย่างทำให้ผมเชื่อว่า เด็กหญิงจะกลับมาหาผมอีกครั้ง... ไม่ว่าจะกลับมาเพื่อเหตุผลใดก็ตาม...


แอนนามาเรีย... พวกเขาทำอะไรกับคุณ…?



*******************************************

จากคุณ : myladyannbook
เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 14:51:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com