"มหาบุรุษผู้นี้นอกจากมากบารมี จะเป็นศรีแก่จุมภะปุระนำพานครเราไปสู่ความรุ่งเรือง แต่...เฮ้อ" สุรเสียงกมุทรามหาเทวีแผ่วลงราวกับหนักพระทัย
"มีสิ่งใดทำให้พระแม่เจ้าไม่สบายพระทัยหรือเพคะ?"
"ก็...มหาปุโรหิตกล่าวว่า การณ์มงคลนี้เป็นดังทิวาราตรี"
"หม่อมฉันไม่เข้าใจ?" พระธิดาทูลถามด้วยความประหลาดพระทัย
"ก็นี่อย่างไรเล่า นำจารึกมาซิมาลาวรรณ"
นางกำนัลชื่อมาลาวรรณซึ่งตามเสด็จมาแต่ตำหนักหลวง ก็ถวายพานที่วางจารึกใบลานนั้นแก่มหิตาเทวี ภายในมีใจความว่า
เปรียบทิวาอาบอุ่นอรุณฉาน
ตราบนี้นานนับไปในภายหน้า
ทั้งวังเวียงเรียงตัวทั่วประชา
จะผันพาผาสุกเลิกทุกข์ทวี
ดั่งจันทราอุ่นอ่อนช่วยผ่อนหนัก
ทุกอาณาจะพร้อมภักดิ์เกรงศักดิ์ศรี
ทุกแหล่งหล้าจะมานบน้อมไมตรี
ทุกเวลาจะไม่มีที่อาลัย
หากการณ์ดีดีจะเสริมช่วยเติมสุข
ปราศจากถ้วนทุกข์ทั้งยุคสมัย
แม้นการณ์ร้ายจะร้ายแรงด้วยเพทภัย
พิบัติไร้ปรานีจะมีมา...
"เป็นคำทายทักที่ประหลาดจริงๆ หม่อมฉันไม่ใคร่เข้าใจนักเพคะเสด็จแม่" เมื่อทอดพระเนตรแล้วพระธิดาก็ตรัสถามมหาเทวีด้วยความสงสัย
"คำทำนายนี้ว่าไว้ หากเป็นการณ์ดีจุมภะจะได้กุมชัยเหนือทุกแดนดิน แต่ถ้าพลิกผันต้องชะตาร้ายความวิบัติจะเกิดแก่เวียงเรา ทั้งนี้...ขึ้นอยู่กับพิธีเลือกคู่สยุมพรของเจ้าแล้วลูกเอ๋ย"
"ฟังดูน่ากลัวจังเลยเพคะ" มหิตาเทวียกหัตถ์ขึ้นทาบอุระ ส่วนศรีดารานั้นเหลียวไปสบตากับกุสุมาลย์
"บางทีเหตุร้ายจะไม่บังเกิดหากเจ้าเลือกคนที่ถูกที่ควร แม่เชื่อว่าเจ้าเป็นมิ่งขวัญแห่งจุมภะ จงเตรียมตัวไว้เถิดลูกเอ๋ย หากกำหนดฤกษ์ได้เมื่อใดเจ้าจะได้เข้าพิธีเลือกคู่สยุมพร"
พระแม่เจ้าคลี่ยิ้มสวยสดแล้วจึงลูบหัตถ์ลูบพักตร์พระธิดาอย่างรักใคร่ หากแต่สีพระพักตร์มหิตาเทวีกลับซีดเผือดลง มิกล้าตรัสทูลคัดค้านประการใดอีก ในเมื่อทุกสิ่งถูกกำหนดเตรียมการไว้แน่นอนแล้ว เหลือเพียงรอฤกษ์งามยามดีเท่านั้น
เมื่อคล้อยหลังกมุทรามหาเทวีเสด็จกลับไปแล้ว พระธิดาผู้ทรงสิริโฉมก็ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความไม่สบายพระทัย แล้วจึงหันมาตรัสกับพระพี่เลี้ยงทั้งสอง
"พี่กุสุมาลย์ พี่ศรีดารา เราจะทำยังไงดี ? " ทั้งสองมิอาจตอบคำได้ในทันที มหิตาเทวีก็ทรงดำเนินไปมาด้วยความหทัยอันร้อนรุ่ม ก่อนจะตัดสินพระทัยได้
"เราจะไปเทวะสถานพญามหิทธราบดีเดี๋ยวนี้!!"
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 17:18:41