เมื่อพิธีทางศาสนาเสร็จสิ้นแล้วชาวบ้านก็แยกย้ายกันกลับบ้านเรือนแต่ละคน กุลแก้วนั้นแจ้งมารดาตั้งแต่ก่อนจะมาเพลแล้วว่าบ่ายนี้จะเข้าเมืองไปซื้อเสื้อกับแววดาว โดยก่อนออกจากบ้านก็ไม่ลืมชวนเก้าจันทร์ไปด้วย
“เก้าบ่ไปดอกจ้ะ เดี๋ยวบ่มีคนเอาข้าวไปส่งอิพ่ออยู่นา” น้องสุดท้องว่าเสียงอ่อย ก่อนที่พี่สาวทั้งสองจะหันมามองหน้ากัน
“จั่งซั้นเอื้อยกะฝากงานทางนี้แหน่ เดี๋ยวเอื้อยสิซื้อขนมมาฝาก” กุลแก้วสั่งลาก่อนที่แววดาวจะรีบเดินหน้านำไป
“ฟ้าวๆ แหน่เอื้อยแก้ว เดี๋ยวกะบ่ทันรถดอก รถเที่ยวบ่ายแห่งมีแค่เถี่ยวสองเถี่ยวเอง” พอได้ยินอีกฝ่ายร้องบอกกุลแก้วจึงต้องรีบเดินตามน้องสาวไป งานในบ้านบ่ายนี้จึงตกแก่เก้าจันทร์
เด็กสาวผลัดเปลี่ยนผ้าซิ่นไหมเป็นซิ่นฝ้ายสีหม่นกับเสื้อแขนยาวตัวเก่าและหมวกใบกว้าง คว้าเอาปิ่นโตที่มีสำรับกับข้าวใส่ตะกร้าใบใหญ่และออกเดินมุ่งหน้าสู่ท้องนา
ทันทีที่ลงจากรถโดยสารได้ แววดาวก็จูงมือกุลแก้วเดินตรงไปยังตลาดทันที จนผู้พี่แทบจะสะดุดขาตัวเองล้มเพราะก้าวขาตามไม่ทัน
“สิฟ้าวไปไสแวว ตลาดกะอยู่แค่นี้ มันบ่หนีไปไสดอก” กุลแก้วปลดมือแววดาวออก ก่อนที่น้องสาวจะหันมาว่าเสียงแจ้ว
“สิบ่ฟ้าวได้จั่งได๋ล่ะเอื้อยกุล เจ้ากะเห็นว่ามื้อนี้คนมาเมืองหลายส่ำได๋ มื้อนี้ข่อยต้องได้เสื้อโตใหม่ สิใส่ไปอวดอินังแสงพลอย ลอยกระทงคืนนี้ข่อยต้องงามกั่วมัน”
“ไสว่าสิมาเป็นหมู่เอื้อยสื่อๆ ไสว่าสิบ่ซื้อหยัง พวมซื้อไปมื้อสองมื้อก่อนบ่แหม่นบ่”
“เอื้อยแก้ว... บ่ต้องสนใจดอกน่า ฟ้าวหย่าง...” แววดาวตัดบท คว้าเอามือพี่สาวอีกครั้งก่อนจูงให้เดินตามไปที่ตลาด
จนมาถึงร้านเจ้าประจำหญิงสาวผู้นำหน้าจึงคลายยิ้มโล่งอก เพราะวันนี้ลูกค้าร้านนี้มีน้อย แถมยังเหลือเสื้อผ้าสวยๆ มากมายให้เลือกดู แววดาวจึงปรี่เข้าไปในร้าน หยิบจับดูชุดใหม่ที่คนขายเพิ่งไปรับมาจากกรุงเทพฯ
ก่อนที่หญิงสาวจะเหลือบไปเห็นเสื้อแขนกุดสีชมพูตัวงามที่วางไว้บนกองผ้าถุง คล้ายกับว่ามีคนถอดมันออกจากไม้แขวนเสื้อและเชยชยแล้ว แววดาวรีบหยิบมันขึ้นมาทาบกับร่าง ก่อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจ
“แม่ค้า...เสื้อโตนี้ถ่อได๋จ้ะ...” หญิงสาวร้องถามเสียงดัง แม่ค้ารุ่นใหญ่ที่กำลังเจรจากับลูกค้าสาวจึงได้หันขวับมามองพร้อมกัน
“เสื้อโตนั้นกูจองแล้ว” แสงพลอยร้องบอกเสียงแข็ง ดวงตากลมโตบนใบหน้าเนียนสวยจ้องหน้าแววดาวอย่างไม่กระพริบตา อีกฝ่ายก็เม้มปากแน่นขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์
“จองแล้ว...หละคือบ่ถือไว้หละ เสื้อมันวางอยู่หม่องนี้ นั่นกะหมายความว่าไผสิซื้อกะได้”
“แกเว้าแบบนี้หมายความว่าจั่งได๋” คู่มิตรที่กลายเป็นศัตรูอันแสนร้ายกาจต่างไม่มีใครยอมใคร แววดาวยิ้มเย่าะใส่เมื่อเห็นแสงพลอยโมโหเป็นฟืนไฟ ขณะที่อีกฝ่ายตรงปรี่เข้ามาแย่งเสื้อไปจากมือของแววดาว หากแต่เธอก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“เซาจ้า หยุดเดี๋ยวนี้เลย...” ผู้เป็นแม่ค้ารีบเข้ามาขวาง ก่อนแยกสองสาวให้ออกจากกัน เสื้อผืนนั้นพลันนั้นขาดออกเป็นสองส่วน
“อิแสงพลอย...” แววดาวหน้าเจื่อน มองผ้าที่ส่วนที่ฉีกในมือก่อนที่แสงพลอยจะยิ้มเหยียดใส่และโยนผ้าส่วนที่ขาดในมือใส่หน้าแววดาว
“ตายแล้ว เสื้อขาดเลยเห็นบ่อ... แล้วไผสิเป็นคนจ่ายเงินล่ะจ้ะเนี่ย...” แม่ค้าเจ้าของร้านโวยวาย หันไปมองลูกค้าสาวทั้งสองอย่างไม่พอใจ ก่อนที่แสงพลอยจะล้วงเงินในกระเป๋าส่งให้
“นี่จ้ะ ค่าเสื้อ...” หญิงสาวหรี่ตามองแววดาว ก่อนเชิดหน้าหนีพร้อมหยิบเสื้ออีกตัวที่ถูกใจส่งให้แม่ค้า
“ฉันเอาเสื้อโตนี้จ้ะ เฮ้อ...มีคนเอาเงินมาให้ใซ้นี้มันดีจั่งซี้เอง... อ้ายทองคูณนี้จะแหม่นดี เอาเงินมาให้ไซ้บ่ขาดเลย”
รอยยิ้มเหยียดหยันนั้นทำให้แววดาวแทบจะหยุดอารมณ์อันเดือดพล่านไว้ไม่อยู่ สิ่งที่ได้ยินก็ยิ่งทำให้กุลแก้วอดเจ็บใจไม่ได้เช่นกัน
“มีผู่บ่าวเอาเงินให้ใซ้ คือดีแท้อินาง... อย่าฟ้าวแต่งกันง่ายๆ ได๋ เฮาต้องเอิ้นเอาหลายๆ ให้คุ้มทุน” ฝ่ายแม่ค้าก็ยกยอเข้าข้างลูกค้าสาวที่ไม่รับเงินทอน
“ไปล่ะเดอจ้ะ เดี๋ยวมื้อหลังสิมาซื้อใหม่”
แสงพลอยบอกลาแม่ค้าร้านประจำ ไม่วายที่จะหันมาเบ้ปากใส่แววดาว จนกุลแก้วเกือบจะฉุดตัวน้องสาวไว้ไม่อยู่ด้วยที่ว่าดิ้นพรวดพราดหมายจะเข้าไปตบตีแสงพลอยให้หายเจ็บใจ
จากคุณ |
:
ผีเสื้อสีดำ
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ส.ค. 55 10:53:22
|
|
|
|