แม้จะได้ยินสิ่งที่สิทธิศักดิ์อธิบายแต่นายองอาจกลับให้ความสนใจต่อวัตถุสีเงินที่ปรากฏอยู่ในจอมากกว่า ประกายแวววาวของมันทำให้เขาย้อนนึกไปถึงเหตการณ์ที่เจอเมื่อตอนบ่าย แม้จะเห็นหน้าไม่ชัดนักแต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือสร้อยข้อมือเงินเส้นใหญ่บนแขนข้างซ้ายของชายคนที่เป็นชู้รักกับนงนภัส
หลักฐานครบแบบนี้เราจับตัวเขาได้แน่
เสียงนิลเนตรดึงความคิดกลับมาอีกครั้ง นายองอาจจึงหันไปถามหัวหน้าแผนกสินค้า
แล้วตอนนี้นายคมกริชอยู่ที่ไหน
ออกไปส่งของแถวรังสิต แต่ตอนนี้ก็น่าจะกลับมาแล้วล่ะครับ สิทธิศักดิ์ตอบ นิลเนตรจึงถามเจ้านาย
จะให้โทร.แจ้งตำรวจเลยไหมคะ
อย่าเพิ่งเพราะหลักฐานแค่นี้ยังไม่แน่นพอ ผมอยากให้เขาเห็นภาพเผื่อจะใจอ่อนยอมรับสารภาพ แต่เพื่อความไม่ประมาทคุณช่วยลงไปแจ้งยามให้เตรียมตัวเอาไว้เพราะถ้าเกิดเขาไหวตัวเราจะได้จับทัน
นิลเนตรรับคำและก้าวออกจากห้องทันที นายองอาจเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิดสองสามครั้งก่อนจะหันไปสั่งพิมมาดา
ก็อบปี้เทปเอาไว้อีกม้วนเพราะเราไม่รู้ว่ามีใครร่วมมือกับนายคมกริชนี่บ้าง
ค่ะ พิมมาดารับคำและรีบจัดการตามสั่งอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่คัดสำเนาลงบนวิดิโออีกม้วน เธอยังแปลงไฟล์เก็บไว้ในแผ่นซีดีและโน้ตบุคเครื่องที่ใช้ประจำอีกด้วย ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงรถที่คมกริชเป็นผู้ขับก็วิ่งเข้ามาในบริษัท นายสิทธิศักดิ์เดินไปรับใบรับของพร้อมกับบอก
เจ้านายเรียกพบแน่ะ
คมกริชชะงักและขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
มีอะไรหรือครับ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน รีบขึ้นไปเถอะเดี๋ยวก็รู้เอง
สิทธิศักดิ์บอกปัดเชิงรำคาญก่อนจะเดินหนีไป แม้ฟังดูเหมือนจะไม่ใช่เรืองสำคัญนักแต่ลางสังหรณ์บางอย่างร้องเตือนให้นายคมกริชระวังตัว เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและกุมมีดพกแน่นก่อนตัดสินใจก้าวขึ้นไปยังห้องทำงานของเจ้านาย
เสียงเคาะประตูทำให้นายองอาจละสายตาจากเอกสารที่กำลังอ่านและเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นนิลเนตรก้าวเข้ามาพร้อมชายคนหนึ่ง
นายคมกริชมาตามที่ท่านเรียกแล้วค่ะ
อ้องั้นเหรอ ขอบใจนายองอาจพูดพลางโบกมือเป็นเชิงให้นิลเนตรออกจากห้องและผายมือไปยังเก้าอี้ที่อยู่ด้านตรงข้ามนั่งก่อนสิ
คมกริชหย่อนตัวลงนั่งอย่างระวัง ดวงตากวาดมองไปรอบห้องก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
ท่านเรียกผมมาด้วยเรื่องอะไรหรือครับ
ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่อยากให้ดูอะไรนิดหน่อย พูดพลางกดปุ่มเครื่องติดต่อภายใน
ให้คุณพิมเข้ามาได้
ชื่อของหัวหน้าการเงินสาวทำให้สีหน้าของคมกริชแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อเห็นนายองอาจกำลังจ้องเหมือนต้องการจับพิรุธเขาจึงรีบปรับให้ราบเรียบเป็นปรกติและหันไปมองพิมมาดาที่กำลังก้าวเข้ามาพร้อมของบางอย่างในมือ
มีบางเรื่องที่ผมสงสัย เสียงนายองอาจพูดขึ้นพลางส่งสัญญาณให้พิมมาดาใส่เทปลงในเครื่องเล่น บริษัทเราทำการค้ามานานไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้ง แต่เมื่อครึ่งปีที่ผ่านมากลับมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น
เขาหยุดและมองหน้าคนที่กำลังนั่งหน้าเผือดตรงหน้า
ผมให้คุณลองเดาว่าเป็นเรื่องอะไร
ผมรู้แต่เรื่องรถ
คมกริชตอบไม่เต็มเสียงนัก นายองอาจเลิกคิ้วก่อนเอนตัวพิงเก้าอี้
นั่นสินะ งั้นคุณคงไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยใช่ไหม พูดพลางชี้ไปที่หน้าจอ คมกริชอ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพของใครบางคนกำลังขนยาภายในโกดัง เสียงกระแอมของนายองอาจทำให้เขาสะดุ้งสุดตัว
ผ...ผมไม่เข้าใจ
ยาบางชนิดของเราถูกขโมย แน่นอนว่ามันเป็นยาที่มีราคาแพงที่สุด ผมตรวจสอบย้อนหลังไปหกเดือนมูลค่าที่สูญหายไปเป็ฯจำนวนเงินไม่ต่ำกว่าห้าแสนบาท
นายองอาจอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาต่างจากใบหน้าของคมกริชที่ซีดลงทุกขณะ
คุณพูดเหมือนผมเป็นคนขโมย
แล้วใช่หรือเปล่าล่ะ นายองอาจถามตามตรงพลางพยักหน้าให้อีกฝ่ายหันกลับไปดูภาพบนจออีกครั้ง เขารีบสั่นศีรษะบอกกับกล่าวปฏิเสธ
นั่นไม่ใช่ผม
แน่ใจหรือ น้ำเสียงที่ถามบ่งชัดว่าไร้ความเชื่อถือ คมกริชขบกรามแน่นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงและกิริยาผิดไปจากครั้งแรก
กรุณาอย่ามากล่าวหากันลอยๆแบบนี้ เขาใช้นิ้วจิ้มลงไปบนจอโทรทัศน์ภาพคนร้ายก็ไม่ชัด จะมาชี้เฉพาะว่าเป็นผมได้ยังไง
นายองอาจไม่ตอบแต่กลับหยุดภาพที่กำลังฉายและขยายบริเวณข้อมือของคนร้ายให้ใหญ่ขึ้น
งั้นช่วยบอกหน่อยว่านั่นคืออะไร
คมกริชหันไปมองและชะงักเล็กน้อย มือข้างที่ใส่สร้อยเงินถูกกระตุกไปซ่อนไว้ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว กระนั้นเขาก็ยังทำใจกล้าหาข้อโต้แย้ง
คงเป็นนาฬิกาหรืออะไรสักอย่าง
ผมถามสิทธิศักดิ์แล้วเขาบอกว่าพนักงานที่ทำงานในโกดังใส่นาฬิกาสายหนังทุกคน และนอกจากคุณแล้วไม่เคยมีใครทำงานล่วงเวลา
ดวงตาของคมกริชทอประกายกร้าว มือข้างหนึ่งล้วงลงไปในกระเป๋าแต่ยังไม่ทันได้ขยับยามรักษาความปลอดภัยสองคนก็ก้าวเข้ามา
ที่ยังไม่แจ้งตำรวจเพราะผมอยากได้ยินคำสารภาพจากคุณนายองอาจพูดเสียงเรียบ โทษลักทรัพย์หนักถึงติดคุก แต่ถ้าคุณยังเป็นคนมี จิตสำนึกที่ดีอยู่บ้างผมก็จะลงโทษแค่ไล่ออก จะเอายังไงคุณคมกริช
ผู้เป็นนายจ้องคนกระทำผิดแน่วนิ่ง นายคมกริชทำท่าฮึดฮัดสองสามครั้งแต่สุดท้ายก็นั่งคอตกเหมือนยอมจำนนพร้อมกับพูดเบาๆ
ก็ได้ผมยอมรับ
นายองอาจยิ้มด้วยความพอใจและโบกมือเป็นเชิงบอกให้ยามทั้งสองถอยออกไปเล็กน้อย ช่วงจังหวะนั้นเองคมกริชก็ดึงมีดพกออกจากกระเป๋าและลุกพรวดขึ้นคว้าพิมมาดามาเป็นตัวประกัน มีดในมือกวาดไปข้างหน้าเพื่อไล่ยามให้ห่างจากตัวพร้อมกับตะคอก
ถอยออกไปไม่งั้นนังนี่ตาย
เสียงที่ได้ยินทำให้พิมมาดาเย็นวาบไปทั้งร่างเพราะมันเสียงเสียงเดียวกับคนที่โทร.มาขู่เธอในตอนเช้า หญิงสาวเหลือบตามองมีดที่กำลังจ่ออยู่บนลำคอด้วยความหวาดกลัว ในตอนนั้นเองที่หัวใของเธอกระหวัดถึงภูธรา เพราะหากเขาอยู่เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น คิดพลางน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของหญิงสาวกลอกไปทางนายองอาจที่กำลังยกมือขึ้นห้ามยามไม่ให้เข้าใกล้คมกริชและพูดด้วยความตระหนก
อย่าทำอะไรเธอ
ก็ได้ แต่แกต้องปล่อยฉันไปพูดพลางเดินถอยออกจากห้องและตวาดลั่นเมื่อได้ยินเสียงอุทานของพนักงานที่ยืนรายรอบ หุบปาก!
เมื่อทุกคนเงียบเขาจึงกวาดตามองไปรอบห้องโดยไม่ทันเห็นนิลเนตรที่ยืนแอบอยู่ข้างตู้กดน้ำ เมื่อได้จังหวะเธอจึงเหวี่ยงแฟ้มขนาดใหญ่เข้าใส่ท้ายทอยคมกริช เขาร้องลั่นแต่ยังไม่ทันเต็มเสียงก็โดนแฟ้มอันเดียวกันเหวี่ยงซ้ำเข้าที่ปากจนหน้าหงาย แขนข้างที่รัดพิมมาดาไว้คลายออก หญิงสาวรีบดิ้นอย่างแรงจนหลุดและเตรียมจะวิ่งแต่กลับถูกคมกริชกระชากผมจนหน้าหงาย
นังตัวแสบ
มีดในมือเงื้อขึ้นหมายจะแทงอีกฝ่ายให้หนำใจแต่ต้องชะงักค้างเมื่อถูกนิลเนตรใช้แฟ้มกระหน่ำตีอย่างไม่ยั้งมือ
ปล่อยพิมเดี๋ยวนี้นะไอ้คนชั่ว
คมกริชคำราญลั่นด้วยความโกรธและกวัดแกว่งมีดเข้าใส่เลขาฯสาว พิมมาดาจึงฉวยจังหวะนั้นเหวี่ยงศอกเข้าใส่และวิ่งออกมาแต่ยังไม้พ้นคมมีดที่ตวัดตามหลัง มันปาดไหล่ของหญิงสาวแม้จะไม่ลึกนัก แต่ก็ทำให้เธอตกใจจนถึงขนาดสะดุดขาตัวเองล้มลง เสียงนิลเนตรร้องเรียกด้วยความตกใจ
พิม
คมกริชอาศัยโอกาสนั้นวิ่งผ่านพนักงานทุกคนลงไปยังด้านล่างและขับรถของบริษัทหนีไป ส่วนนิลเนตรเมื่อเห็นคนร้ายไปแล้วจึงทิ้งแฟ้มและวิ่งไปหาพิมมาดา
เป็นยังไงบ้างพิม
เธอถามพลางประคองร่างของเพื่อนให้ลุกขึ้น เลือดที่เปื้อนเต็มสองมือทำให้เธอต้องอุทานเสียงดัง
เธอบาดเจ็บไม่พูดเปล่ายังหันไปสั่งเพื่อนพนักงาน เรียกรถพยาบาลเร็ว พิมบาดเจ็บ
ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกพิมมาดาพูดเสียงแผ่วและมองนายองอาจที่กำลังสั่งให้ฤธิ์แจ้งตำรวจ เขาหนีไปได้ใช่ไหม
หญิงสาวถาม นิลเนตรพยักหน้ารับแต่เจ้านายของเธอกลับพูดเสียงเรียบ
เราจับเขาได้แน่
หมายความว่ายังไงคะพิมมาดาถามแต่เมื่อสีหน้าของนายองอาจเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ท่านรู้หรือคะว่าเขาจะไปไหน
คิดว่ารู้ ผู้เป็นนายตอบเสียงเรียบพลางมองผ่านกระจกออกไปด้านนอกไม่สิ แน่ใจเลยต่างหาก
เขาพูดพึมพำก่อนหันกลับมามองพิมมาดาด้วยสายตาเป็นห่วง
รีบพาคุณพิมไปโรงพยาบาลทำแผลเสร็จแล้วขับรถไปส่งเธอที่บ้านประโยคท้ายเขาหันไปสั่งฤทธิ์และเบนสายตากลับมาที่พิมมาดาอีก ครั้งยังไม่ต้องมาทำงานจนกว่าจะหาย
แล้วเรื่องของคมกริชล่ะคะ
หญิงสาวถามด้วยความกังวล นายองอาจจึงตอบเสียงหนัก
ไม่ต้องกังวล เขาโดนจับแน่
*/*/*/*/*/*
อีกไม่กี่บทก็จะถึงบทอวสานแล้วนะคะ มูนนี่เลยแกล้งลงให้ช้าซะงั้น(ไม่ใช่ล่ะ) พอดีง่วนอยู่กับนิยายอีกเรื่องเลยลืมค่ะ แหะ ขออภัยผู้อ่านด้วยนะคะที่ช้าไปนิด
เอํะๆๆ ผ่านการพิจารณาแล้ว แสดงว่า เขียนจบแล้วใช่ไหมครับ งั้นวางให้ถี่ๆมากเลย เย.....^^ ยินดีด้วยครับ
ภูธรา ป็นภูคที่ดีจริงๆ จนอ่านแล้วอยากมีภูติสาวๆ มาใสาใจแบบนี้บ้างคงจะดี แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้..<ภูตครามจะเป็นมนุษย์ได้ก็ต่อเมื่อ กลืนกินลมหายใจเฮือกสุดท้ายของคนที่ตนรัก>....สู้เป็นภูติต่อไปจะดีกว่านะนายภู
ตอนนี้อดขำ นงนภัส ไม่ได้ ตอแยไม่ยอมเลิกง่ายๆ วัคความเข้มแข็งของนางเอกไปในตัว ดีนะ กล้องวงจรปิดช่วยไว้ ไม้งั้นนายองอาจเสียความน่าเชื่อถือแน่่ๆ^^ แหม..พระเอกก็ไม่ใช่..จะทำมาแย่งอิมเมจพระเอกเสียนี่^^...
จากคุณ : Psycho man - คงไม่ได้หรอกค่ะเพราะภูธราก็บอกแล้วว่าภูตครามไม่มีผู้หญิง อิ อิ
โอ แล้วจะมีทางออกไหมเนี่ย จากคุณ : scottie - นั่นสิคะ = ="
จะเป็นมนุษย์ได้ต้องกลืนกินลมหายใจสุดท้ายของคนที่ตนรัก น่ากลัวจริงๆ จากคุณ : ขุนเขา (ขุนเขาแมกไม้) - ทั้งน่ากลัวและน่าสงสารเลยละค่ะ แต่ถ้าไม่มีเงื่อนไขแบบนี้มีหวังภูตได้ออกลูกออกหลานเต็มป่าแน่
ท้ายนี้มีมูนนี่ขออวดอะไรหน่อยนะคะ ปกนิยายเรื่องความทรงจำในผืนทรายมาแล้วค่า^^ ถึงจะยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อยแต่พอเห็นแล้วกรี๊ดมาก คาดว่าจะวางจำหน่ายประมาณเดือนกันยายนค่ะ สำหรับท่านที่ติดตามงานของมูนนี่ เรื่องเคยได้รับการตีพิมพ์มาแล้วในชื่อ รอยเท้าบนผืนทราย แต่ครั้งนี้เป็นฉบับปรับปรุงใหม่ที่เพิ่มเนื้อหาและปรับแก้จุดบกพร่องใหม่หมดเพื่อเพิ่มความน่าอ่านมากยิ่งขึ้นค่ะ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามงานของมูนนี่นะคะ
จากคุณ |
:
moony (Moony_Lupin)
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ส.ค. 55 10:03:27
|
|
|
|