เสียงคนในร้านต้นไม้ตะโกนดังลั่นเมื่อรถคันนั้นตรงดิ่งไปที่หญิงสาวทั้งสอง นิลเนตรหันไปมองและเบิกตากว้างในขณะที่พิมมาดายืนตกตะลึงตัวแข็ง ในช่วงคับขันนิลเนตรยังมีสติพอที่จะหันไปผลักเพื่อนให้พ้นทางแต่ก่อนที่รถจะวิ่งเข้าไปถึงตัวเธอต้นประดู่ข้างทางก็เกิดเสียงเปรียะดังลั่น กิ่งขนาดใหญ่ถูกฉีกออกจากลำต้นพุ่งทะลุผ่านกระจกแทงร่างของคนที่อยู่ในรถจนมือเลื่อนหลุดจากพวงมาลัย ถึงจะทำให้มันเบี่ยงออกจากเส้นทางแต่กระนั้นก็ยังเฉี่ยวร่างของนิลเนตรให้ลอยหวือขึ้นไปในอากาศและตกลงมากระแทกกับพื้นห่างจากจุดที่ถูกชนราวห้าเมตร ส่วนรถต้นเหตุเสียหลักพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้ากลางถนนและจอดสิ้นฤทธิ์อยู่ตรงนั้น
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลงพิมมาดาจึงรีบวิ่งไปหานิลเนตร สภาพที่ยับเยินของเพื่อนทำให้สติของหญิงสาวแทบจะแตกกระเจิง เธอโผเข้าไปประคองร่างที่โชกไปด้วยเลือดขึ้นมาพร้อมกับกรีดร้อง
นิล!
ผู้คนที่ทยอยเข้ามามุงเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ พวกที่เข้าไปดูรถกระบะรีบเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นคนขับถูกกิ่งประดู่เสียบทะลุจนหน้ายุบไปทั้งแถบ บางคนบันทึกภาพเหตุกาณ์อย่างเมามันในขณะที่หลายคนรีบโทร.แจ้งตำรวจ พิมมาดาน้ำตาไหลพรากขณะมองนิลเนตรที่กำลังนอนหายใจรวยริน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสักคนที่จะสนใจเข้ามาช่วยเธอจึงเงยหน้าขึ้นและกรีดเสียงตะโกน
ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลที
ผมเรียกแล้ว พวกเขากำลังมาเจ้าของร้านต้นไม้พูดพลางลงมือตรวจนิลเนตรอย่างเร่งรีบผมเคยทำงานอยู่กับพวกมูลนิธิ พอจะรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาบ้าง
เขาออกตัวขณะตรวจชีพจรและบาดแผลบนร่างกายของหญิงสาว พิมมาดามองอย่างมีความหวัง
เป็นยังไงบ้างคะ
ไม่ค่อยดี กระดูกหักหลายแห่งแถมยังเสียเลือดมากเจ้าของร้านต้นไม้พูดอย่างวิตกพลางยืดตัวขึ้นมองการจราจรที่เริ่มติดขัดรถติดแบบนี้มีหวังอีกนานกว่ารถพยาบาลจะมาถึง ให้ตายเถอะทำไมคนถึงชอบชะลอดูเวลาเกิดอุบัติเหตุกันนัก ไม่รู้หรือไงว่ามันกีดขวางการทำงาน
เขาบ่นอย่างหัวเสียและก้มหน้าก้มตาทำบาดแผลให้นิลเนตรเท่าที่สามารถจะทำได้ ผ่านไปเกือบสิบห้านาทีรถพยาบาลก็มาถึง ส่วนพิมมาดาหลังจากให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วจึงรีบตามเพื่อนไปที่โรงพยาบาล
เสียงฝีเท้าที่ก้าวอย่างเร่งร้อนบ่งบอกถึงอารมณ์ของผู้เดินว่าอยู่ในความร้อนใจ หลังจากสอบถามเจ้าหน้าที่จนรู้ว่าห้องฉุกเฉินอยู่ที่ไหนแล้วนายองอาจจึงเดินไปหยุดยืนหน้าห้องและพบกับพิมมาดาที่กำลังนั่งคอตกอยู่ที่นั่น
คุณพิม
เขาเรียกไม่ดังนัก หญิงสาวเงยหน้าขึ้นและยิ้มด้วยความดีใจ
คุณองอาจเธอมองไปข้างหลัง น้ำตาเอ่อเบ้าเมื่อเห็นคนที่ตามมาคุณนวลศรี
หนูนิลเป็นยังไงบ้างคุณนายนวลศรีถามพลางมองผ่านช่องกระจกเข้าไปด้านใน ภาพของแพทย์ที่กำลังเดินกันอย่างวุ่นวายทำให้เธอรู้สึกกังวลจนต้องหันหน้าหนีและมองมาที่พิมมาดาอีกครั้ง
หมอยังไม่ได้บอกอะไรเลยค่ะ หญิงสาวพูดเสียงเครือ นายองอาจถึงกับถอนใจและพูดอย่างเคร่งเครียด
นึกไม่ถึงเลยว่าคมกริชจะตามไปทำร้ายพวกคุณ เขากำมือแน่น คุณนายนวลศรีแตะแขนเขาเบาๆ
ถึงยังไงเขาก็ตายไปแล้ว อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย เฮ้อ แต่จะว่าไปเวรกรรมมันก็ตามทันได้เร็วจริงๆ คิดฆ่าคนอื่นแต่กลับต้องมาตายเสียเอง
พูดพลางส่ายศีรษะอย่างนึกเวทนา พิมมาดาซึ่งเสียใจจนพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยืนสะอื้น เธอหันไปมองภูธราที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักพร้อมกับพูดพึมพำ
ทำไมถึงไม่ช่วยให้เร็วกว่านี้
น้ำตาไหลพรากลงมาเป็นทาง คุณนายนวลศรีเห็นดังนั้นจึงบีบมือเธอและพูดปลอบ
ทำใจดีๆเอาไว้ หนูนิลต้องไม่เป็นอะไรแน่จ้ะ
พิมมาดาได้แต่พยักหน้ารับ เธอหันไปมองภูตหนุ่มด้วยแววตาแทบจะทำให้เขาต้องคุกเข่าและพร่ำกล่าวคำขอโทษที่ไม่อาจปกป้องเธอได้สมดังวาจา แต่สิ่งที่ภูธราทำได้ในเวลานี้ก็คือยืนมองหญิงสาวด้วยสำนึกแห่งความเสียใจ
ตลอดทั้งวันพิมมาดายืนรอจนกระทั่งนิลเนตรพ้นขีดอันตรายและแพทย์ได้ย้ายเธอไปยังห้องพักผู้ป่วยซึ่งนายองอาจระบุว่าให้เป็นห้องพิเศษและมีพยาบาลคอยเฝ้าดูแลตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นข้อดีเพราะญาติสามารถเฝ้าคนไข้ได้ เมื่อรู้ดังนั้นพิมมาดาจึงรีบกลับบ้านเพื่อจัดเตรียมสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการนอนค้างในโรงพยาบาล
เจ้าเองก็ยังไม่หายดี น่าจะนอนพักอยู่กับบ้าน
ภูธราพูดขณะมองหญิงสาวยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าถือใบย่อม เธอจึงตอบทั้งที่ไม่มองหน้า
ฉันไม่ได้เป็นอะไร
แต่เจ้าบาดเจ็บ ภูตหนุ่มพูด อีกฝ่ายจึงชะงักมือที่กำลังจัดของและหันไปจ้องหน้าเขม็ง
แผลฉันมันเทียบไม่ได้กับของยายนิล ว่ากันตามจริงแล้ววันนี้คนที่เจ็บมันควรจะเป็นฉันมากกว่า
ประโยคท้ายเธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ไม่สิ ความจริงแล้วเราสองคนไม่ควรมีใครเป็นอะไร น้ำใสๆปริ่มอยู่ขอบตาขณะที่มองภูตหนุ่มทำไมนายไม่ช่วยให้เร็วกว่านี้ภูธรา
ภูธราถึงกับพูดไม่ออก เขาได้แต่ก้มหน้าลงหลบสายตาของหญิงสาวอย่างสำนึกผิด ส่วนพิมมาดาเมื่อเห็นภูตหนุ่มไม่พูดอะไรเธอจึงหันกลับไปจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าจนเสร็จ ตอนที่กำลังจะออกจากบ้านหญิงสาวจึงพูดขึ้น
อย่าตามมานะ
ภูตหนุ่มหยุดยืนนิ่ง ความจริงแล้วเขาตั้งใจจะบอกพิมมาดาว่าคืนนี้จำต้องเดินทางกลับป่าอีกครั้งแต่เมื่อเธอยังมีอารมณ์โกรธอยู่เช่นนี้คงไม่สนใจที่จะรับฟัง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตามหญิงสาวไปจนถึงโรงพยาบาล เมื่อแน่ใจว่าพิมมาดาอยู่ในสถานที่ปลอดภัยแล้วภูธราจึงเลื่อนตัวออกไปยืนบนดาดฟ้าของอาคารและเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์กลมโตที่กำลังส่องแสงนวลสว่างอยู่กลางเวหาด้วยความกังวล ความเป็นห่วงทำให้เขาไม่อยากละสายตาไปจากหญิงสาวแต่จิตสำนึกของป่าที่กำลังวิ่งพล่านอยู่ในกายกับเสียงพร่ำเรียกของชนภูตครามที่แว่วมาตามลมทำให้ภูธรารู้ดีว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ได้ ร่างของภูตหนุ่มลอยเลื่อนไปหยุดอยู่กลางอากาศ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองพิมมาดาอย่างห่วงใย เขาดึงกลิ่นดอกไม้ยามราตรีขึ้นมาไว้ในฝ่ามือและส่งไปหาหญิงสาวพร้อมกับสายลม เสร็จแล้วภูตหนุ่มจึงไหววูบไปตามกระแสลมผ่านต้นไม้ตรงไปยังไพรทึบอันเป็นที่สถิตย์ของเหล่าภูตคราม */*/*/*/*/*
มาต่อเร็วๆนะคะ.
จากคุณ : คุณนายชั้น 4 - มาแล้วค่า ^^
ท่าทางจบเร็วกว่าที่คิดไว้ครับ^^
จากคุณ : Psycho man - ค่ะ เรื่องนี้ค่อนข้างสั้น อีกไม่กี่บทก็จบแล้วค่ะ ^___^
ช่วงนี้อากาศชื้นแถมมีฝนอีกต่างหาก รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของมูนนี่ค่ะ
จากคุณ |
:
moony (Moony_Lupin)
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ก.ย. 55 13:45:02
|
|
|
|