21/2
ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อย คาชาล แต่เธอเคยคิดไหมว่าปัจจุบันของเรามันออกจะเกินตัว ฉันไม่รังเกียจหรอกนะถ้าคนที่ฉันรักจะเป็นชาวทิชกู เป็นแค่คนธรรมดา ดูแลปศุสัตว์เล็กๆ ของเขา ตกเย็นก็อยู่พร้อมหน้าในครอบครัว กินอิ่ม นอนหลับ ไม่ต้องแบกโลกไว้ทั้งใบ
ถ้อยความเว้าวอนที่เขาเคยปฏิเสธย้อนกลับมาสะท้อนในใจ ราวกับคนเจ็บบนเตียงกำลังกระซิบบอกต่อหน้าเขาเดี๋ยวนี้ เธอขอให้เขาเป็นแค่ คนธรรมดา คนธรรมดาที่เขาเคยคิดเสมอว่าไม่คู่ควรกับเธอ จนต้องถีบตัวเองให้สูงกว่าหรือทัดเทียม เพื่อเธอจะได้ภูมิใจ
แต่ในความ ไม่ธรรมดา ที่ผู้ชายคนหนึ่งก้าวมาถึงขั้นนี้ได้ด้วยหวังจะมอบความสุขสบายให้แก่คนรัก เขาไม่เคยมองเลยว่าเจ้าหล่อนมีความสุขจริงหรือไม่ กี่ครั้งกันที่ลลิลดาขอให้เขาแบ่งเวลาให้เธอและลูก เธอเพียรโน้มน้าวใจเขาให้หันมาก่อร่างสร้างปศุสัตว์เล็กๆ งานซึ่งเธอย่อมทราบดีว่าเขาถนัด แต่เขากลับรับฟังผ่านๆ เท่านั้น ไม่เคยเก็บมันมาคิดจริงจัง
นี่หรือคือความรักของเขา คาชาลถามตัวเอง หรือแท้จริงแรงผลักดันให้เขาก้าวมาสู่จุดนี้มันคือความแค้นกันแน่ เขาต้องกดเก็บความทุกข์จากการสูญเสียบุคคลที่รักแต่เล็กจนโตจากเหตุทางการเมือง ครั้นเมื่อตนได้รับโอกาสมายืนยังจุดที่ทัดเทียมฆาตกรเหล่านั้นบ้าง ความเจ็บปวดในอดีตจึงค่อยถูกทดแทนด้วยความกระหยิ่มในอำนาจของตน
แล้วเป็นอย่างไร คนที่เขาเคยคิดว่าเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์มันกลับขายเขาให้ศัตรู ความทุ่มเทเพื่อพวกพ้องตลอดมาถูกตอบแทนด้วยการทรยศอย่างแสบสันที่สุด เขาเสื่อมศรัทธาในมิตรภาพ อุดมการณ์ ไม่อยากคิดไกลเลยว่าใครจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้อีกบ้าง
ชายหนุ่มซบหน้ากับมือภรรยา เขาต้องข่มความแค้นในใจเพื่อจะไม่เผลอบีบมือเจ้าหล่อนแรง ลลิลดายังคงหลับใหลเพราะฤทธิ์ยา ชีวิตในวันพรุ่งนี้ของเขาและเธอจะเป็นอย่างไร เมื่อปราศจากโซ่ทองซึ่งร้อยรัดเธอกับเขาไว้ด้วยกัน
ลูกรัก...จากตาย แล้วเมียรักเล่า...
ตะวันขึ้นวันพรุ่งคือสัญญาณบอกว่าถึงเวลาส่งบุตรชายคืนแก่เทพพระอาทิตย์ เทพผู้เป็นเจ้าชีวิตชายชาวทิชกูทุกคน หวังแต่เพียงว่าเมื่อตะวันตกดิน เทพีจันทราจะไม่พรากบุตรีของท่านจากไปเช่นกัน
คาชาลลุกไปรูดม่านให้แสงนวลสาดส่องเข้ามา หัวใจพร่ำขอความเมตตาต่อเทพีตรงหน้าและเทพีบนฟ้า ได้โปรดให้โอกาสเขาได้เป็นฝ่ายรักและตอบแทนความรักของเธอ ให้สาสมกับความรักที่เธอมอบให้เขาเสมอมา
.......................................
พิธีศพของคิรินดำเนินไปอย่างเรียบง่ายตามธรรมเนียมทิชกู คาชาลไม่ฟังคำทัดทานจากผู้หลักผู้ใหญ่ให้เก็บร่างหนูน้อยไว้รอผลชันสูตรหาฆาตกร ก็สามคนนั้นอย่างไร พวกมันรวมหัวกันคิดร้าย ทำร้าย ยังต้องพิสูจน์สิ่งใดอีกหรือ
เขาลงมือขุดหลุมตรงจุดเกิดเหตุ หันหน้าไปทางทิศตะวันออกตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นแตะขอบฟ้าจึงถึงพิธีการส่งมอบร่างบุตรแห่งเทพพระอาทิตย์กลับคืน
สายลมพัดพาน้ำค้างบนใบหญ้าอวลกลิ่นหอมเย็น ราวกับสัญญาณนำพาดวงวิญญาณน้อยไปสู่ทิพย์วิมาน ผู้เป็นพ่อวางร่างไร้วิญญาณของลูกลงในหลุมซึ่งปูรองด้วยผ้าผืนแรกที่ลลิลดาเป็นผู้ทอ รับขวัญแกยามออกมาลืมตาดูโลก เขาได้รับรู้เดี๋ยวนั้นเองว่าบุตรชายตนเป็นที่รักของทุกคนในบ้านเพียงใด เมื่อคนงานทุกคนมารวมตัวกันร่ำไห้เงียบๆ ตลอดพิธี
แขกคนนอกสองคนที่มาร่วมงานคือเจคคนหนึ่ง แต่อีกคนซึ่งเขาไม่คาดคิดกลับเป็นรุ่นพี่ซึ่งห่างหายกันไปนาน คาชาลรู้สึกว่าอ้อมกอดของวิคเตอร์ยามนี้แนบแน่นกว่าปกติ ไม่มีการกระเซ้าเย้าแหย่ดังเดิม และเขาก็สวมกอดอีกฝ่ายแนบแน่นเท่ากัน
แกจะทำอย่างไรต่อไป ไม่น่าเชื่อว่าไอ้ยูซุตมันเป็นไปได้ หัวหน้ามันว่าไงบ้าง เพื่อนรุ่นพี่ถามขึ้นเมื่ออยู่กันลำพัง เจคเพิ่งออกไปทำงาน
ชายหนุ่มสั่นศีรษะ ไม่มีใครว่าอย่างไร ไม่มีใครติดต่อมาทั้งนั้น ราวกับจงใจละเลยเหมือนเป็นเพียงปัญหาระหว่างคนสองคน สองมือของเขากำเกร็งกันอยู่บนโต๊ะด้วยความคับข้อง คั่งแค้น จนเส้นเลือดปูดโปน
คาชาล แกต้องมีสติ อย่าวู่วาม คิดถึงมิสให้มากๆ เข้าไว้
ข้ารู้... ข้ารู้... เขาทวนคำกับตัวเอง
มือหนายกลูบใบหน้าอย่างเรียกสติ ร่องรอยความอ่อนล้า ตึงเครียดตลอดวันคืนที่ผ่านมาฉายชัดผ่านแววตา เขาแทบไม่ได้นอนนอกจากคิดมากจนเผลอหลับไป แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายตลอดคืน
แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานหรือ วิคเตอร์อดถามคนบ้างานไม่ได้
ฉันส่งจดหมายลาออกไปแล้ว
จริงน่ะ
คาชาลผงกศีรษะ แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อร่างท้วมผุดลุกยืนก่อนยื่นมือมาตรงหน้า เขาเลิกคิ้วมองอย่างงุนงง
แกจะมีความสุขเสียที น้องข้า แกทำอะไรเพื่อคนอื่นมามาก แต่นี้ไปจงใช้ชีวิตเพื่อตัวเองและคนที่แกรักเสียที
ผู้หันหลังให้การเมืองแล้วจับมืออีกฝ่ายเขย่า ชายหนุ่มฝืนยิ้มแกนๆ เขาอยากให้คำพูดของวิคเตอร์เป็นจริงที่สุด โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย แต่ก็นึกหวาดกลัวอนาคตหากคนที่สลบไสลเพราะฤทธิ์ยาในห้องติดกันนี้ฟื้นขึ้นมารับรู้ความจริง เขากลัวใจเจ้าหล่อนเหลือเกิน เมื่อเขาทำให้เธอต้องเจ็บช้ำน้ำใจ เมื่อไร้โซ่ทองร้อยรัดไว้แล้ว ก็ไม่เหลือสิ่งใดมีค่าพอผูกใจเธอไว้กับเขาได้อีก แค่คิดก็เย็นเยือกไปทั้งกาย
..................................
แสงจ้าสาดส่องผ่านม่านตาซึ่งปิดสนิท รบกวนห้วงนิทราคนหลับใหลจนต้องหยีตาแน่นขึ้นอีก ลำคอแห้งผากราวกลืนฝุ่นทรายลงไป เธอพยายามพลิกแขนขาขยับ หากร่างกายปวดร้าวไปทุกส่วนสัดทีเดียว
อา... เสียงครางแผ่วเบาแทบไม่พ้นลำคอ
ทว่าคนที่เพิ่งลุกไปเปิดม่านหันขวับมาทันที ร่างสูงก้าวยาวไปทรุดนั่งข้างเตียง เขากุมมือซึ่งพยายามขยับยก แว่วเสียงครางจากคนเจ็บมาอีก
ลิลลี่
สติสัมปชัญญะลลิลดาค่อยหวนกลับคืน น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกชื่อเธอคุ้นหูนัก เธออยากลืมตามอง แต่สมองยังปวดร้าวไปหมด รับรู้ได้จากประสาทสัมผัสว่าตนกำลังนอนอยู่บนเตียง กลิ่นหอมอันคุ้นเคยของเครื่องนอนช่วยให้อุ่นใจ
ความรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดจากภยันอันตรายทั้งหลายเกือบทำให้ผล็อยหลับไปอีก หากส่วนหนึ่งของความคิดคำนึงไม่ประหวัดถึงลูกน้อยเสียก่อน ลูกจะตื่น จะหิวหรือยัง คิดได้ดังนั้นก็แทบผุดลุกนั่งทันที แต่ยังไม่ทันได้ทำดังใจคิดก็ให้ปวดจุกในท้องจนต้องนอนคู้เสียก่อน
ลิลลี่ คราวนี้เสียงทุ้มเจือแววตื่นตระหนก
ลลิลดารู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเธอให้ผ่อนคลาย อาการเกร็งอย่างหวาดระแวงแต่แรกจึงบรรเทาลง กระทั่งยอมให้เขาจับขาเธอเหยียดออกไปตามเดิม
กินน้ำหน่อยนะครับ
หลอดพลาสติกยื่นมาแตะริมฝีปากแห้งผาก คนเจ็บจิบอึกใหญ่ด้วยความกระหาย ลำคอแห้งผากราวกลืนเม็ดทรายเมื่อกี้ค่อยชุ่มชื้นขึ้นมา พร้อมกับสมองเริ่มตื่นตัวรับรู้รางๆ เธอฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นมองก็เห็นใบหน้าคมสันคุ้นตากำลังมองมาอย่างห่วงใย แล้วก็ให้ประหวัดนึกถึงใบหน้าประพิมพ์ประพายคล้ายกันนี้ของบุตรชาย หญิงสาวพยายามทบทวนความทรงจำสุดท้าย เนื้อตัวซึ่งปวดหนึบตอกย้ำเหตุการณ์ร้ายก่อนเธอหมดสติไป
ลูก...ลูกล่ะ คาชาล
พลังมหาศาลจากไหนไม่รู้ส่งให้ผู้เป็นแม่กลับมามีแรงอีกครั้ง เธอจะกระถดตัวขึ้นนั่ง แต่มือแข็งแรงของสามีกลับกดให้นอนลงตามเดิม
อย่าเพิ่งลุกเลยนะ คุณยังเจ็บอยู่ ผมกำลังให้หมอมาดูอีกที เขาบอกโดยไม่สบตา
คนเพิ่งฟื้นจากการบาดเจ็บไม่อาจต้านทานแรงได้ กระนั้นคำถามต่อไปก็ทำให้มือหนาสั่นน้อยๆ ขึ้นมา
คิรินล่ะ มันจับลูกเราไป คาชาล
ผมรู้ ผมรู้
ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน เธอต้องช่วยลูกเรานะ มันจับคิรินไป
ชายหนุ่มบีบมือภรรยาแน่น ความเก็บกด ฟุ้งซ่านที่พยายามเก็บซ่อนอย่างดีค่อยแสดงตัว โดยเฉพาะเมื่อฤทธิ์ยากดประสาทเสื่อมลง
ลลิลดาเพ่งมองสามีใจไม่ดี มือเย็นชืดทว่าชื้นเหงื่อบีบมือเธอแน่นขึ้น ร่างสูงสั่นเทิ้ม ก่อนเขาจะซบหน้ากับหลังมือเธอ
ผมขอโทษ ผมขอโทษ
คาชาล... เธอเบิกตามองผู้พูดอย่างตื่นตะลึง แต่เสียงที่เปล่งออกไปติดอยู่แค่ลำคอ
ผมพยายามแล้ว ผมไปแล้ว ลิลลี่ ผมขอโทษ ผมขอโทษ เขาย้ำคำไปมา
เรี่ยวแรงวิเศษเมื่อครู่นี้เลือนหายไปสิ้น ขณะความจริงอันโหดร้ายค่อยคืบคลานสู่การรับรู้ ราวหมอกทึบในยามเช้าทอดปกคลุมยอดหญ้า ให้มองไม่เห็นทาง ไม่เห็นอนาคตข้างหน้าอีกต่อไป เธอนอนแผ่ ทิ้งแขนข้างที่มีสายน้ำเกลือลงข้างตัว ไม่อนาทรร้อนใจกับสิ่งรอบตัวใดๆ แม้แต่เสียงพร่ำคำขอโทษของสามี
เธอสูญเสียลูกไปแล้ว เสียงร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวของแกยังดังก้องในหู โดยคนเป็นแม่อย่างเธอไม่อาจปกป้องเลือดในอกได้ ภาพใบหน้าตื่นตระหนกของลูกรักยังติดตา แม้ยามหลับตาภาพนั้นก็มิได้เลือนหายไป
ลลิลดารู้สึกถึงมือเหี่ยวย่นไม่คุ้นเคยมากดชีพจรเธอ หากหญิงสาวยังปิดเปลือกตา เสียงสนทนาระหว่างคนสองคนผ่านหูไปอย่างไม่สนใจ เมื่อปราศจากชีวิตน้อยๆ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาบนโลกใบนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าตนจะมีความสุขได้อย่างไร
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
5 ก.ย. 55 11:29:36
|
|
|
|