๐๐ ... ความเหมือน..ความแตกต่าง..และความดีงามที่แฝงอยู่ .. ๐๐
|
|
.
เรื่องสั้นนี้ตัดมาจากนิยายเรื่อง "สวนสัตว์สนาน" บทที่ 13
น้ามิว (นายโทธวิช) ตัวเดินเรื่องป่วยด้วยอาการเส้นเลือดใต้ตาขาวแตก..
เขาไปโรงพยาบาลครั้งแรกในชีวิต..และเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น..
.
"ความเหมือน..ความแตกต่าง..และความดีงามที่แฝงอยู่"
.
มีผู้คนพลุกพล่าน ทั้งคนไข้ เจ้าหน้าที่และหมอพยาบาล เดินสวนกันไปมา บ้างนั่งคอยรอเรียกเข้ารับการตรวจรักษา ผมเริ่มสับสน จะไปที่ไหนก่อนดี..ยังไม่เคยเข้าโรงพยาบาลสักครั้ง
เดินหาจนพบแผนกประชาสัมพันธ์..ป๊าด!..ที่แท้เป็นห้องเล็กๆ ข้างประตูใหญ่บนลานบันไดด้านหน้านั่นเอง..ผมก็ตาเซ่อซะ..อันที่จริงถามจากเพื่อนคนไข้ที่กำลังต่อคิวหน้าช่องกระจกทำบัตรคนไข้ใหม่ก็ได้..นะ..มีปากไว้ทำไมนายมิว
ทีนี้รู้จักถาม..เพื่อนไข้บอกตำแหน่งให้ไปหยิบใบเอกสารขึ้นทะเบียนคนไข้ใหม่..กรอกเสร็จไปยืนต่อคิวเพื่อนคนนั้น ยื่นใบสมัครแล้วไปนั่งรอรวมกับคนไข้มากมาย
มีคนไข้ทุกเพศทุกวัยนั่งรอเรียกชื่อ ส่วนมากเป็นคนไข้ที่มารับการตรวจรักษา คนชรา ข้าราชการเกษียน คนทำงาน นักเรียนนักศึกษาก็มี ผมมองสำรวจฆ่าเวลา บางครั้งเห็นเจ้าหน้าที่เข็นเตียงคนบาดเจ็บผ่านไปต่อหน้า เลือดสดๆ ตามร่างกาย จมูกครอบหน้ากากออกซิเจน สายยางให้เลือด คุณหมอ ผู้ช่วยและญาติเดินขนาบอย่างรีบเร่ง..บางครั้งคุณหมอสวยๆ หล่อๆ เดินคุยโทรศัพท์ผ่านไป ถ้าไม่เพราะเสื้อกาวน์ขาวที่สวมอยู่ดูแทบไม่ออกว่าคือคุณหมอ
เด็กชายทวิชรับบัตรที่ช่องหมายเลขสามค่ะ เสียงเจ้าหน้าที่เรียกให้รับบัตร
ฮึ!.. กำลังคิดอะไรเพลินๆ ตกใจชื่อที่คล้ายผม..โทธวิช..นายไม่ใช่เด็กชายแล้วนะ..555..เผลอไปอะครับ
เด็กคนหนึ่งในชุดนักเรียน กางเกงโคร่งสีกากี เสื้อหลวม รองเท้าผ้าใบน้ำตาลพร้อมถุงเท้ามอมแมม ถือกระเป๋านักเรียนแบบโบราณลุกขึ้นตุ้มตุ้ยไปที่ช่องกระจก..จะไม่ตุ้มตุ้ยได้ไงก็น้ำหนักประมาณเก้าสิบได้ละมั้ง
เด็กชายทวิชก้มๆ เงยๆ โต้ตอบกับเจ้าหน้าที่สักพักจึงรับแฟ้มประจำตัวและบัตรจากพนักงาน เขาถอยออกมานิดหนึ่งแล้วหยอดเหรียญที่กำไว้ตั้งแต่แรกลงในกล่องค่าเคลือบบัตร..ที่ผมเฝ้ามองเพราะเขาอยู่ก่อนหน้าผมไม่เท่าไหร่ สังเกตวิธีการ และเผอิญเขาชื่อคล้ายผม
ผมมองจนตุ้มตุ้ยนั้นลับตาไปแผนกที่มารับการรักษา..นึกชมที่เด็กชายอายุไม่เกินสิบสี่คนนี้มีความกล้าหาญ กล้าเผชิญโลกที่แปลกใหม่เช่นเดียวกับผม..เขาเก่งกว่าผมมาก มาคนเดียวเหมือนกัน แต่ผมไม่เอาไหนเลยเมื่อเทียบกับเด็กน้อยคนนี้
นายโทธวิช.. สักพักถึงคิวของน้ามิว
ผมตรงไปช่องกระจกที่สาม..เจ้าหน้าที่ซักถามข้อมูลบางอย่างในใบสมัคร บอกตำแหน่งที่ผมจะไปทำการตรวจรักษา ยื่นแฟ้มและบัตรประจำตัวให้..ผมทบทวนสถานที่อีกครั้งและเดินออกมา
ขึ้นบันไดไปชั้นสอง เงอะงะหาป้ายชี้แผนกตา..มีคนไข้มากมายนั่งรอตามทางเดิน ขณะยืนรอรับบัตรคิวผมนึกได้ว่าไม่ได้ชำระค่าเคลือบบัตร ก็เจ้าหน้าที่ไม่ได้บอกอะไรและผมก็มัวแต่พะวงถึงขั้นตอนต่อไป
กระเถิบเลื่อนแถวคิวที่ยังอีกยาว..ผมนึกถึงภาพเด็กอ้วนคนนั้นอีก ตั้งแต่อุ้ยอ้ายไปที่ช่องรับบัตร พูดคุยได้เรื่องกับเจ้าหน้าที่ ถอยออกมาหย่อนเหรียญลงกล่อง และเดินอย่างกล้าหาญจากไป..แต่..เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อน..ผมเห็นกล่องนั้นชัดเจน..เพิ่งสังเกตเห็นในความทรงจำทั้งที่เด็กชายทวิชสังเกตเห็นแล้วตั้งแต่รอเรียกชื่อ
บนกล่องพลาสติกใสนั้นเขียนไว้ว่า เชิญบริจาคเงินค่าเคลือบบัตร อย่างนี้เองเจ้าหน้าที่จึงไม่ได้บอกอะไรกับผม
โอ้!..ทวิข และ โทธวิช แม้จะคล้ายกันแต่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง..เด็กน้อยเอ๋ย..ผู้ใหญ่โง่คนนี้ยิ่งชื่นชมหนูมากขึ้น ไม่ใช่เพียงความกล้าหาญหากความรับผิดชอบต่อสังคมหนูมีอยู่เต็มเปี่ยมจริงๆ ขอให้หนูทวิชเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า เป็นนักประชาธิปไตย เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ..ลืมเรื่องอ้วนไปได้เลย
นายโทธวิชจะจำเด็กชายทวิชคนนี้ไว้ตลอดไป
.
จากคุณ |
:
ดาเรน
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ก.ย. 55 14:00:04
|
|
|
|