อาทิตย์ยามอัสดงเคลื่อนคล้อยต่ำลงจนไปหลบอยู่หลังแนวรั้วคอนกรีต สายลมเย็นโชยพัดผ่านสวนกว้างข้างเรือนพักของดิเรกให้ความรู้สึกหนาวยะเยือก แม้ว่าอากาศรอบกายจะอุ่นขึ้นบ้างแล้ว
เกิดเป็นคน ถ้าไม่รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน ก็ไม่ต่างอะไรไปจากสุนัข
เสียงของพ่อดังก้องขึ้นมาในหัว สุ้มเสียงกังวานที่ปลุกให้เขาลืมตาตื่น
ไม่มีนายจ้างคนไหนเห็นใจคนอกหักหรอก
พ่อพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ประหนึ่งควันไฟอันร้อนรุ่มโชยผ่าน
เรื่องใหญ่ของวันนี้ ถ้าเรายอมปล่อยให้ผ่านไป มันก็จะกลายเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าเรายังดึงดัน ฝืนยึดมั่นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ มันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
วลีอันเปี่ยมไปด้วยชีวิตและจิตวิญญาณของคนเป็นพ่อ ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับชีวิตธรรมดาในวันต่อ ๆ ไป
กันต์จ๊ะ
เสียงหวาน ๆ ของใครคนหนึ่งลอยแผ่วมา เขาค่อย ๆ หันมองไปทางต้นเสียง
คิดอะไรอยู่ ใจลอยเชียว
ร่างแบบบางของนายจ้างสาวกำลังยืนยิ้มกว้างอยู่ไม่ห่างจากตัวเขา ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นเธอ
พี่ริน จู่ ๆ รินรดาก็โผล่มาราวกับภาพมายาในฝัน พี่ริน... กลับมา...ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
หญิงสาวหัวเราะร่ากับอาการตื่นตกใจของลูกจ้างหนุ่ม
ตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วจ้ะ ก่อนวันที่กันต์จะหายหน้าไปนั่นแหละ
ท่าทางสดชื่นของเธอให้ความรู้สึกผิดแปลกอย่างไม่ทราบสาเหตุ แม้จะพยายามมองหาร่องรอยบอบช้ำของหัวใจเธอ แต่ก็ดูเหมือนจะมองไม่เห็นอีก
พี่..พี่รินลงมาตามผมถึงที่นี่ มีอะไรให้ผมทำเหรอครับ
เขาถามเหมือนเพิ่งขึ้นนึกได้ว่า ภาพพจน์ของรินรดาดุจเจ้าหญิงผู้เปราะบางบนหอคอย เธอไม่เคยเดินไกลมาถึงเรือนพักของดิเรก
พี่โทรลงมาตั้งหลายรอบแล้ว แต่ไม่เห็นมารับเสียที มัวแต่ยืนเหม่ออยู่ล่ะสิ
คำต่อว่ากึ่งหยอกเย้าของนายจ้าง ทำให้เขาเพิ่งรู้ตัวว่า สติสัมปชัญญะในวันนี้อยู่ในอาการบกพร่องไม่พร้อมจะปฏิบัติงาน คำเตือนของผู้เป็นบิดากังวานกลับขึ้นมาอีกครา ชีวิตข้างหน้ายังต้องดำเนินอยู่
ครับ ผมขอโทษครับพี่ริน
คนเป็นนายจ้างยิ้มกว้างอย่างใจดี
พี่ตำส้มตำเป็นอาหารเย็น ลองไปทานในครัวกัน
คำกล่าวเชิญชวนของเธอก่อความรู้สึกแปลกแยกยิ่งยวดขึ้นกว่าเดิม วันนี้รินรดาถึงกับลงครัวตำส้มตำ
ป้าสังวาลกับพวกกำลังรับประทานกัน พี่เลยอาสาเดินมาตามกันต์ ไปกันเถอะจ้ะ
คำอธิบายนั้นไม่ช่วยคลายความรู้สึกผิดแปลก แต่ก็ทำได้เพียงเอ่อออไปกับเธอ
พี่อยู่ที่นั่น คิดถึงอาหารไทย เลยลองหัดทำ....
คำพูดคุยของนายจ้างสาวล่องลอยมาแล้วผ่านหูไปอย่างไร้ความหมาย ชายหนุ่มเพียรเรียกสติให้อยู่กับตัว ขณะก้าวเท้าตามเธอออกไป
ประตูรั้วของบ้านหลังใหญ่เลื่อนปิดลง เมื่อรถยนต์คันงามแล่นผ่าน ความกว้างใหญ่ไพศาลของอาณาบริเวณบ้านที่เคยให้ความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ทว่า ยามนี้กลับแลวังเวงเงียบเหงาอย่างไม่เคยเป็น ชาญกวาดสายตาเหม่อมองไปทั่ว จนไปหยุดอยู่ที่ร่างแบบบางอันแสนคุ้นตา
รินรดาเดินเคียงคู่ลูกจ้างหนุ่มไปทางโรงครัว แม้จะอยู่ในระยะที่ไม่ได้ยินเสียง แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงกระแสความสุขจากท่าทางการพูดของเธอ ขณะที่หนุ่มน้อยข้างกายยังแลสงบเสงี่ยมนอบน้อมเหมือนอย่างเคย
มีบางอย่างเกี่ยวกับรินรดาที่เปลี่ยนไป แม้จะไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เขาก็สัมผัสมันได้อย่างชัดเจนนับแต่วันที่เธอกลับมา
ห้องโถงด้านหน้าของตึกใหญ่เงียบเชียบไร้ผู้คน ชาญกวาดมองบรรยากาศรอบข้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทิ้งกระเป๋าเอกสารลงบนพื้นพรมอย่างสุดเซ็ง
ชาร์ล กลับมาแล้วเหรอคะ
รินรดายืนทอดมองเขาอยู่หน้าตึก พร้อมด้วยอาหารจานเล็ก ๆ ในมือ
กลับมาเร็วดีจังค่ะ เธอกล่าวเหมือนเพียงแค่ทักทาย แล้วเดินขึ้นบ้าน วันนี้รินช่วยป้าสังวาลย์ลงครัว เลยลองตำส้มตำกินกัน ทุกคนกำลังทานกันอยู่อย่างอร่อยเลย ชาร์ลลองชิมฝีมือรินดูหน่อยไหมคะ
ถ้อยคำบอกเล่ากอร์ปกับสีหน้าเริงรื่นของภรรยาโบยตีลงบนความรู้สึกของเขา น่าแปลกที่รินรดาละความพยายามสร้างครอบครัวด้วยการมีบุตรกับเขา หันไปมีความสุขกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างตำส้มตำ
เมื่อกี้ผมเพิ่งขับรถกลับมา เขาบอก เห็นคุณเดินคุยอยู่กับกันต์ไปทางเรือนครัว คุยอะไรกันท่าทางสนุกเชียว
แม้จะเป็นคำถามทักทายอย่างพื้น ๆ แต่น้ำเสียงเข้มที่แปลกหูไปของชาญก็ทำเอาอารมณ์ร่าเริงของหญิงสาวต้องสะดุด
ไม่มีอะไรนี่คะ รินแค่ชวนเค้าไปลองทานส้มตำที่ครัว หญิงสาวตอบไปพลางก้มลงหยิบกระเป๋าเอกสารจากพื้นพรมขึ้นมา แล้วออกเดินนำไปทางห้องทำงาน
คำตอบอย่างตรงไปตรงมาของผู้เป็นภรรยา สร้างความรู้สึกผิดแปลกให้เด่นชัดขึ้น โค้งคิ้วของหนุ่มใหญ่ขมวดมุ่นอย่างขุ่นเคืองใจ
รินลงไปถึงห้องทำงานของดิเรก เพื่อชวนกันต์กินส้มตำนี่นะ เขากล่าวย้ำเหมือนไม่เชื่อหู
รินรดานิ่งอึ้งไป ก่อนจะทันตั้งสติหันมองกลับมา สายตาของชาญกำลังจับจ้องเธอราวกับต้องการค้นหาความจริงบางอย่าง คงเป็นโอกาสและเวลาที่เหมาะสมแล้วสำหรับเรื่องสำคัญของเธอ
ค่ะชาร์ล รินแค่... อยากทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนในบ้าน เอาไว้ระลึกถึงเวลาที่ไม่ได้เจอหน้ากัน พวกเค้าทุกคนก็เหมือนครอบครัวของริน
น้ำเสียงของหญิงสาวเข้มแข็งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนเขาไม่อาจละสายตาไปจากเธอ
ความจริง รินตั้งใจจะพูดกับชาร์ลเลยตั้งแต่วันแรกที่กลับมา แต่เห็นว่าชาร์ลยังยุ่ง ๆ กับงานอยู่ แต่ในเมื่อชาร์ลถามมาแบบนี้ ก็คงถึงเวลาที่เราต้องคุยกันตรง ๆ เสียที
หมายความว่ายังไง เขาถามเสียงแผ่ว
หญิงสาวสบมองสามีด้วยความพรั่งพร้อมที่จะเผชิญหน้า เขาควรดีใจที่กำลังจะเป็นอิสระจากเธอ
รินตัดสินใจแล้วค่ะว่าจะไปอยู่ประจำที่สวิส ใช้ชีวิตบั้นปลายเงียบ ๆ ที่นั่นคนเดียว
โลกทั้งใบของหนุ่มใหญ่หยุดหมุน รู้สึกอื้ออึงมึนงงไปชั่วขณะ
คุณจะเลิกกับผม... เขาถามเสียงเบาวิว รู้สึกราวกับกำลังหลงทางเข้าไปอยู่ในความฝัน ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นไปได้
นัยน์ตาคู่สีดำสนิทไม่มีร่องรอยความลังเลหลงเหลือ หญิงสาวเจรจาต่อไปด้วยสุ้มเสียงนุ่มนวลสุขุม
ยังหรอกค่ะ แค่แยกกันอยู่เฉย ๆ จนกว่าชาร์ลจะมีโอกาสได้พบเจอกับใครที่พร้อมกว่า คนที่เค้าจะมอบความสุขของชีวิตคู่กับชาร์ลได้เต็มที่ ผู้หญิงที่จะสามารถเป็นแม่ของลูกชาร์ลได้ ถ้าถึงวันนั้นแล้ว เราค่อยตัดสินใจหย่ากัน
ไม่ ไม่นะจ๊ะที่รัก เขาเรียกสติคืนมาได้ โน้มตัวไปกุมมือทั้งสองข้างของเธอ แม้ยังไม่อาจทำใจให้เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน รินพูดแบบนี้เพราะน้อยใจผมใช่ไหม รินน้อยใจที่ผมมีเวลาอยู่กับคุณน้อยไป
หนุ่มใหญ่ปลอบประโลม ไปพร้อมกับประคองภรรยาให้นั่งลงเคียงข้างกันอย่างเอาใจ
ผู้หญิงอื่น ก็แค่ความสุขชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ไม่มีความหมายอะไรสำหรับผมเลย รินอย่าใส่ใจเลยนะจ๊ะ
เขายังคงควบคุมสถานการณ์ด้วยสติ และการแสดงออกอย่างเยือกเย็นได้ดีเหมือนทุกครั้ง แม้รินรดาจะเคยขุ่นเคืองกับพฤติกรรมในเรื่องผู้หญิงของเขาอยู่นับครั้งไม่ถ้วน หากก็ต้องใจอ่อนกับวาทศิลป์และการแสดงออกเช่นนี้เสมอ
แววตาของหญิงสาวแลอ่อนโยนลงทันทีกับสุ้มเสียงหวาน ๆ ของสามี
เอาเป็นว่า ผมขอโทษละกัน เขาว่าต่อไปเมื่อเธอยังเงียบ แลเห็นสายใยแห่งความรักที่ยังเต็มเปี่ยมในดวงตา สัญญานะว่าต่อไป ผมจะไม่มีใครอีกแล้ว ผมจะรักคุณ ให้เวลาคุณให้มากกว่าเดิม นะจ๊ะ
รินรดากลั้นใจ สบดวงตาคู่เว้าวอนของสามี วงหน้าคมขาวสะอ้านกับร่างสูงกำยำสง่างาม อันเป็นที่หมายปองของหญิงสาวอีกหลาย ๆ คน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นคงมีใครซักคนที่สามารถมอบความสุขทั้งกายและใจให้กับเขาได้มากพอ จนไม่จำเป็นต้องออกไปหาความสุขสำราญนอกบ้านอีก
ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะชาร์ล หญิงสาวทอดเสียงอ่อน รินใช้เวลาเกือบเดือนที่ผ่านมาทบทวนเรื่องเก่า ๆ ดู จนตระหนักได้ว่า ปัญหาชีวิตคู่ทั้งหมดของเราเป็นเพราะรินเป็นต้นเหตุ
เธออธิบายต่อไปกับสายตาประหลาดใจของเขา
ถ้าตอนนั้นรินไม่เอาตัวเองเข้าไปแทรก บังคับให้ชาร์ลยึดติดกับคำสัญญาที่ให้ไว้กับริน ป่านนี้ชาร์ลกับคุณปรียาคงได้มีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และมีทายาทด้วยกันไปแล้ว รินเห็นแก่ตัวเกินไปที่ยึดมั่นกับความรักที่มีต่อชาร์ลจนกลายเป็นการจับจอง
การให้เหตุผลด้วยการกล่าวโทษตัวเอง โน้มนำความต้องการของเธอให้ฟังดูมีน้ำหนักขึ้น หญิงสาวกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้
คงยังไม่สายเกินไปใช่ไหมคะชาร์ล ถ้ารินจะปล่อยชาร์ลไป เพื่อจะมีโอกาสได้พบเจอกับคนดี ๆ เหมือนอย่างคุณปรียาอีก
ชาญนิ่งอึ้งไปกับเหตุผลอันแท้จริงจากปากของภรรยา ยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาของความสับสนใจอย่างที่สุด ที่ต้องเลือกระหว่างเธอกับปรียา หากไม่เคยรู้เลยว่ารินรดาจะรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น
ทำไมพูดแบบนี้ ผมแต่งงานกับคุณ เพราะผมรักคุณ ไม่ใช่เค้า เขาย้ำคำบอกนั้นด้วยแรงบีบของฝ่ามือ
หญิงสาวสบสายตาอาวรณ์ของสามีด้วยความอาลัยรัก รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างที่สุดที่ต้องตัดใจจากไป ในเมื่อเขาคนนี้เคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ
ความรัก นานไปก็จืดจางค่ะชาร์ล หญิงสาวซ่อนความอ่อนแอด้วยการซบหน้ากับอกของสามี เพราะความไม่พร้อมของริน ทำให้เราต้องมีชีวิตคู่ร่วมกันอย่างทุลักทุเล รินต่างหากค่ะที่ไม่ดีพอสำหรับคุณ
ชาญส่ายหน้า โอบร่างภรรยาไว้ในอ้อมกอด อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจจากการกระทำของเขาคงโน้มนำเธอให้ต่อต้านด้วยการแสดงออกอย่างที่เป็นอยู่ หนุ่มใหญ่ยังพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง
ไม่ใช่หรอกจ้ะ ไม่จริง เขากระซิบ แม้จะเชื่อมั่นในพลังความรักที่เธอมีให้ ทว่า ครานี้กลับรู้สึกหวาดหวั่นใจอย่างไม่เคยเป็น อย่าพูดอย่างงั้น เรารักกันมากนะริน มากจนเกินกว่าจะคำนึงถึงเหตุผลอะไรทั้งนั้น
รินรดาโอบกระชับร่างของสามี ชาญจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอรักและคงอยู่ในหัวใจดวงนี้ของเธอตลอดไป
จากคุณ |
:
วังวน
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ก.ย. 55 16:35:04
|
|
|
|