เฮ้ จะไปไหน เสียงดังมาจากกลุ่มเด็กที่กำลังรุมล้อมของเล่นชนิดใหม่ในมืออวบอ้วนของเด็กชายตุ้ยนุ้ยผู้เป็นเจ้าของ แผ่นกระดานสี่เหลี่ยมที่มองผ่านๆ ก็คล้ายกับหนังสือเล่มหนึ่ง แต่มันเปิดออกอ่านไม่ได้ ด้านหนึ่งเป็นหน้าจอแสดงภาพเคลื่อนไหว ในนั้นเต็มไปด้วย แสง สี เรื่องราว และยังมีเสียงดนตรีแสนเร้าใจดังออกมาด้วย มือของเด็กหลายคนพยายามยื่นเข้าไปเพื่อขอมีส่วนร่วม บนตัวเครื่องจึงเปื้อนเต็มไปด้วยรอยนิ้ว เด็กชายตัวผอม สวมแว่น ที่กำลังก้มหน้าก้มตาเดิน เงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มให้กับคนที่ส่งเสียงเรียกมา อะตอม เองหรือ ฉันจะกลับบ้านแล้ว ถ้างั้นฉันกลับด้วย อะตอมแยกตัวออกมาจากกลุ่ม คว้ากระเป๋านักเรียนใบโตที่วางทิ้งไว้ ก่อนเร่งเดินตามมา เด็กคนอื่นๆ ยังคงไม่ยอมเงยหน้าจากจอ ไม่มีใครสนใจพวกเขาเลย นายไม่อยู่เล่นต่อล่ะ ไม่เอาแล้ว คนตั้งเยอะแยะ แถม มิว ก็หวงของจะตายไป ไม่มีใครได้เล่นจริงจังหรอก นอกจากได้ดู ดู จิ้ม จิ้ม กันคนละนิดละหน่อยเท่านั้นเอง เด็กผู้ชายสองคนที่มีความสูงไล่เลี่ย อายุก็ใกล้เคียงกันอยู่ที่เลขสิบสอง ก้าวเดินไปด้วยกัน ข้างหน้าคือประตูรั้วของ โรงเรียนจินตศึกษา โรงเรียนเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใน หมู่บ้านจินตนคร แห่งนี้ นักเรียนทั้งหมดต่างเป็นลูกหลานของคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ไม่ก็มาจากหมู่บ้านที่อยู่ข้างเคียง แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าทั้งหมดจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ถึงจะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน เพียงแค่อยู่คนละซอย พวกเขาก็อาจจะแทบไม่รู้จักกันเลยก็เป็นได้ นี่คือวิถีชีวิต คือสังคมในปัจจุบัน และแน่นอนที่พวกเขาไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลกอะไร หญิงสาวผมยาว รูปร่างเล็ก หน้าตาดูใจดี ในชุดเครื่องแบบสีฟ้ายืนอยู่ข้างประตูรั้ว ซึ่งแทบจะเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่พวกเขาจำได้ในตอนเช้า ทั้งสองต่างยกมือไหว้ พร้อมกล่าวสวัสดี อะตอม กับ...พอล ใช่ไหม เดินกลับกันดีดีนะ ระวังรถด้วย ไม่ใช่พอลครับ ครูปุ้ม... ครูสาวทำหน้าแปลกใจ แต่เขาดันให้เพื่อนเดินต่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ เขาไม่อยากเสียเวลากับเรื่องที่เคยชินนี้แล้ว ชื่อของเขา มันไม่ใช่ พอล แต่คนส่วนใหญ่มักเรียกอย่างนั้น เพราะพวกเขาคิดว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้น พ่อตั้งชื่อให้เขาว่า พอ ซึ่งไม่มี ลอ ลิง อย่างที่ทุกคนชอบเติมให้แต่อย่างใด ทั้งคู่เดินคุยเล่นกันไป บ้านของทั้งสองอยู่ทางเดียวกัน อยู่ในซอยเดียวกัน ซอยเจ็ด ซึ่งพอมักจะได้ยินพ่อพูดอยู่เสมอว่ามันเป็นตัวเลขมหัศจรรย์ แต่พ่อก็ไม่เคยอธิบายเลยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เขาคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่พ่อคิดขึ้นมาเองทั้งหมดก็เป็นได้ ทั้งเรื่องตัวเลขมหัศจรรย์ กับเรื่องประหลาดอื่นๆ ที่พ่อชอบเล่าให้เขาฟังตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อก่อนมันก็สนุกดี เรื่องที่พ่อเล่ามักไม่เหมือนใคร ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่เมื่อโตขึ้น เขาก็เริ่มรู้สึกว่ามันแปลก แปลกจนเกินไป ดูเหมือนพ่อเองก็พอจะเดาความรู้สึกของเขาออก เดี๋ยวนี้พ่อจึงไม่ค่อยเล่าถึงพวกมันอีกแล้ว หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะระยะหลังมานี้พ่อยุ่งกับงานมากจนเกินไป นายรู้หรือยัง ว่าปีหน้าจะได้ไปเรียนต่อที่ไหน อะตอมเอ่ยถาม เขายังไม่รู้ ทั้งคู่ต่างเรียนอยู่ในชั้นสูงสุดของโรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้ ปีหน้าพวกเขาต้องไปหาที่เรียนใหม่ แต่มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของพวกเขาเลย มันขึ้นกับความพอใจ ความสะดวก และเหตุผลอื่นๆ อีกหลายประการของพ่อแม่ที่พวกเขายังไม่เข้าใจ ถ้าได้ไปเรียนที่เดียวกันก็คงดีนะ อะตอมพูดลอยๆ ขึ้นมา ใช่ ถ้าได้ไปเรียนที่เดียวกันก็คงดี ซอยเจ็ดอยู่ข้างหน้าแล้ว แต่ข้างทางมีอะไรบางอย่างที่แปลกไป และพอพบเห็นมัน เขาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ประตูรั้วถูกเปิดกว้าง พร้อมกับมีป้ายเล็กๆ สะดุดตาห้อยเอาไว้ 'ร้านหนังสือฟูล' ตัวอักษรเป็นสีดำ ยกเว้นตัว ฟอ สระอู และลอลิง มีสีที่ต่างออกไป แดง เหลือง น้ำเงิน แม่สีทั้งสาม ที่สามารถผสมกันให้กลายเป็นสีอื่นๆ ที่ต่างออกไป สีของทุกสี สีแห่งการเริ่มต้น มันน่าจะเป็นร้านหนังสือเก่า หรือบางทีอาจจะเป็นร้านเช่า แต่จากชื่อเขาคิดว่าน่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า อะตอมมองดูบ้านที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นร้านหนังสือนั้นอย่างแปลกใจ ...เมื่อวาน ฉันยังไม่เห็นมันเลย ฉันก็เหมือนกัน บ้านหลังนี้ไม่เคยเปิด ไม่เคยเห็นใครเข้าอยู่มาก่อน พอเห็นด้วย นายจะเข้าไป อะตอมรู้ว่าเพื่อนคนนี้ชอบอ่านหนังสือมากเพียงใด ซึ่งแตกต่างจากเขา เขาชอบเล่นเกมมากกว่า โดยเฉพาะเกมประเภทสวมบทบาท เป็นตัวละครต่างๆ เป็นพระเอกที่เก่งกล้า เป็นผู้ที่ได้รับความชื่นชม แต่เขาไม่ชอบเกมออนไลน์อย่างที่นิยมกันอยู่ในตอนนี้ เขาชอบเล่นโดยมีเพื่อนซึ่งมีตัวตนนั่งอยู่ข้างๆ เพื่อนที่เขารู้จัก หรือไม่ก็เล่นคนเดียวไปเลย พอพยักหน้า หนังสือเก่าลดราคา เป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ บางทีอาจจะมีหนังสือสนุกๆ ซ่อนอยู่ในนั้นก็ได้ ใครจะรู้ หนังสือคือสิ่งพิเศษสำหรับเขา มันบรรจุโลกจากจินตนาการของผู้เขียนเอาไว้ภายใน และวิธีเดียวที่จะรู้ว่าโลกเหล่านั้นเป็นเช่นใด ก็ด้วยการเปิดอ่านมันเท่านั้น จินตนาการจากคนคนหนึ่ง ถูกถ่ายทอดไปสู่ผู้คนอีกมากมาย แต่มันจะไม่เหมือนกัน เป็นโลกเดียวกันที่ไม่มีทางเหมือนกัน จะดีหรือ ฉันว่า...มันดูแปลกแปลกอยู่นะ อะตอมมองดูร้านหนังสือนั้นอีกครั้ง ซึ่งความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ดูแตกต่างจากบ้านของเขา รวมถึงบ้านหลังอื่นๆ ด้วย เพราะทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาจากแบบเดียวกัน เพื่อให้โครงการทำกำไรได้มากที่สุด แต่ที่เขาหมายถึงคือบรรยากาศที่ล้อมรอบบ้านหลังนี้ มันดูผิดที่ผิดทาง เหมือนกับที่รกร้าง เหมือนบ้านผีสิง เหมือนกับอะไรบางอย่างที่ไม่ควรอยู่บนโลกใบเดียวกันกับที่พวกเขาอาศัยอยู่ มันก็ดูปกติดี พอตอบ นายจะเข้าไปด้วยกันไหม อะตอมลังเล ถึงจะเป็นห่วงเพื่อน แต่เขาก็กลัว 'จะเอาไงดีล่ะ' ถ้าอย่างนั้นก็เจอกันพรุ่งนี้นะ พอกล่าวลาก่อนเดินผ่านแนวรั้วเข้าไป อะตอมมองเห็น หรือคิดว่าตัวเองมองเห็น อากาศสั่นไหว เหมือนกับเป็นผ้าม่านที่ถูกแหวกออก เมื่อร่างของเพื่อนผ่านเข้าไป เขาตัดสินใจ เขาเป็นห่วงเพื่อนมากกว่า เดี๋ยว ฉันเข้าไปด้วย เขาเดินตามเข้าไป สนามหญ้า กับต้นไม้ดูเหมือนจะไม่ได้รับการดูแลสักเท่าไร แต่มันก็ไม่ได้รกอย่างที่คาด ที่สำคัญ มันไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับเมื่อตอนที่มองดูจากภายนอก 'ฉันคงคิดมากไปเอง' เขากวาดตามองต่อไป ก่อนพบเห็นรูปปั้นประดับอีกหลายตัวที่ซุกซ่อนอยู่ตามมุมต่างๆ ตุ๊กตาปั้นรูปสัตว์ที่อาจพบเห็นได้ทั่วไป เต่า กระต่าย หมู หมา แมว นก และสัตว์น่ารักอื่นๆ แม้แต่ที่บ้านของเขาเองก็ยังมีตุ๊กตารูปแมวกวักวางตกแต่งเอาไว้เช่นกัน เพียงแต่พวกนี้ถูกทำให้ดูเหมือนมีชีวิตจริงๆ เขายังพบเห็นตุ๊กตาปั้นรูปสัตว์บางชนิดที่ค่อนข้างแปลก อย่างเช่น จิ้งจอก หมาป่า และยังอาจมีมากกว่านั้นที่เขายังไม่พบเห็น 'ก็แค่รูปปั้นประดับสวนเท่านั้น' สวัสดีครับ พอเปิดประตูบ้าน พร้อมกับส่งเสียงทักทาย ภายในบ้านเปิดไฟไว้สว่าง ทั้งๆ ที่ด้านนอกยังคงมีแสงอยู่พอสมควร เขามองไปรอบๆ และได้พบคำตอบ ห้องชั้นล่างทั้งหมดมีแต่ตู้หนังสือเต็มฝาผนังทุกด้าน พวกมันปิดบังหน้าต่างไปจนหมด นอกจากนั้นก็ยังมีโต๊ะ ชั้นวาง และอื่นๆ แต่ทั้งหมดต่างเหมือนกัน มันเต็มไปด้วยหนังสือ และหนังสือ แม้กระทั่งบนพื้นก็ยังมีตั้งหนังสือวางกระจัดกระจาย ...ว้าว มันเหมือนกับเขาได้ก้าวเข้ามาในคลังสมบัติ สมบัติที่กำลังรอคอยการค้นพบจากเขา เขาวางกระเป๋านักเรียนแอบไว้ ก่อนรีบขยับเข้าไปยังชั้นวางที่ใกล้ที่สุด สุ่มหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา สภาพของมันยังพอดูได้ และ มันเป็นภาษาอะไรสักอย่าง ที่ไม่ใช่ภาษาไทย ไม่ใช่อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี หรือจีน ตัวอักษรพวกนี้ไม่คุ้นตาเขาเลยสักนิด เขาลองหยิบอีกเล่ม คราวนี้เป็นภาษาอังกฤษ และอีกเล่ม ในที่สุดเขาก็เจอกับหนังสือภาษาไทย เขามองไปรอบๆ คิดเอาเองว่าเจ้าของร้านอาจจะยังจัดเรียงพวกมันไม่เรียบร้อย แต่เมื่อลองคิดอีกที เจ้าของอาจจะไม่สามารถจัดหนังสือมากมายพวกนี้ให้เป็นหมวดหมู่ก็เป็นได้ สวัสดีครับ อะตอมส่งเสียงมาจากทางด้านหลัง เขาจึงพึ่งรู้ตัวว่าตั้งแต่ก้าวเข้ามา ยังไม่ได้พบเจอใครเลยสักคน เพื่อนรีบขยับเข้ามายืนใกล้ๆ พร้อมพูดเบาๆ ...พวกเรากลับออกไปก่อนดีไหม เขามองไปรอบๆ สัมผัสกับความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ หนังสือแต่ละเล่ม จินตนาการแต่ละเรื่องราวที่ถูกทำให้กลายเป็นตัวอักษร เข้มข้นยิ่งขึ้นเมื่อผ่านการอ่าน ผ่านจินตนาการของผู้คนที่อ่านมัน หนังสือเก่า ยิ่งเก่าก็หมายถึงยิ่งผ่านการอ่าน ผ่านการครอบครองจากนักอ่านคนหนึ่ง ไปสู่อีกคนหนึ่ง หรือไม่ก็หมายถึงการถูกทอดทิ้งให้เดียวดายอยู่ในมุมมืดของตู้ ชั้น กล่อง หรือในห้องเก็บของ ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุใด เมื่อจินตนาการที่ผ่านประสบการณ์ต่างๆ เหล่านั้นถูกนำมารวมไว้ในที่เดียวกัน มันอาจก่อให้เกิดบรรยากาศแปลกๆ ความรู้สึกไม่มั่นคง ให้กับสถานที่แห่งนั้นได้ มันแปลกสำหรับอะตอม แต่กับพอนั้นต่างออกไป เขาเคยเข้าไปในร้านหนังสือเก่า ร้านเช่าหนังสือ พวกมันต่างเต็มไปด้วยบรรยากาศแบบนี้ เพียงแต่ไม่รุนแรงเท่า เจ้าของร้านอาจจะอยู่ข้างบน เขาอาจจะเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวก็คงลงมาเอง สายตาของพอมองไปทั่วๆ ก่อนขยับเข้าไปที่ตู้หนังสือใบหนึ่ง ดูเหมือนความสนใจของเขาจะถูกสถานที่แห่งนี้ดึงดูดไปจนหมด ผิดกับเพื่อนที่ตอนนี้รู้สึกอยากออกไปให้พ้นโดยเร็ว ...ถ้างั้น ถ้างั้น ฉันกลับก่อนนะ อือ ฉันไปจริงนะ อะตอมตัดใจยอมทิ้งเพื่อนในที่สุด เมื่อเขาก้าวออกจากประตู ก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าท้องฟ้าภายนอกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งที่มั่นใจว่าพวกเขาพึ่งเข้าไปในบ้านได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แสงสว่างหดหายไป เมฆดำลอยมารวมตัวกัน ไฟทางยังคงไม่ถึงเวลาเปิด มันจึงดูมืดมิด มืดกว่าที่ควรจะเป็น เขารู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมา เขาเดินจากประตูไปที่รั้วพร้อมกับมองไปรอบๆ ไม่มีใคร ไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น 'นอกจาก' นอกจากตุ๊กตาสัตว์พวกนั้น รูปปั้นที่เลียนแบบทุกอย่างมานอกจากชีวิต แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ใครจะกล้ามั่นใจกับเรื่องนั้นได้ 'พวกมันยังอยู่ที่เดิมกันใช่ไหม' เขาไม่แน่ใจ และพยายามไม่มองหาตัวที่ไม่น่ารักอย่าง จิ้งจอก หรือสุนัขป่า เขาบังคับตัวเองให้มองเพียงแค่ทางเดินข้างหน้า สุดท้ายก็ไม่มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น เขาก้าวพ้นออกมานอกประตูรั้ว ก่อนหันมองกลับไป ความคิดบ้าๆ กับความกลัวที่ผ่านมาดูเหมือนเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดไปเองทั้งสิ้น แต่ถ้าจะให้กลับเข้าไปในบ้านหลังนี้อีกครั้ง 'ฉันก็ไม่อยากเข้าไปแล้ว' เขายืนอยู่ริมถนน บนเส้นทางที่คุ้นเคย แสงไฟทางเริ่มสว่าง มีรถขับผ่านมา ทุกอย่างเป็นปกติ เจอกันพรุ่งนี้นะ เขาพูดเบาๆ กับตัวเอง แต่เขาหมายถึงเพื่อนที่ยังคงอยู่ข้างใน ก่อนเดินจากไป พอมองหาหนังสือที่เขาต้องการไปตามตู้ต่างๆ หนังสือภาษาไทยที่เป็นเรื่องราวในจินตนาการ การผจญภัยที่น่าตื่นเต้น และจะให้ดีควรเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยรู้จัก เรื่องที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน นั่นคือขุมทรัพย์ที่ถูกซุกซ่อนอยู่อย่างแท้จริง เขาพึ่งพบว่าที่มุมห้องด้านหนึ่ง มีโต๊ะทำงาน กับเก้าอี้วางอยู่ มันคงเป็นที่นั่งของเจ้าของร้านหนังสือแห่งนี้ และบนนั้นมีหนังสือเล่มหนึ่งเปิดกางทิ้งเอาไว้ 'หนังสืออะไรกัน' เขารู้สึกสนใจอยากรู้จึงเดินเข้าไปดู หนังสือเล่มดังกล่าาวควรจะเป็นภาษาไทย เพราะเขาอ่านได้ แต่กลับรู้สึกไม่แน่ใจ เขากำลังอ่านมัน หรือเขาเพียงแค่เข้าใจสิ่งที่เขียนอยู่ในนั้นขึ้นมาได้เองกันแน่ 'นิทาน' ใช่ มันเป็นหนังสือนิทานธรรมดา นิทานที่ถูกเล่าขานไปทั่วโลก นิทานที่สัตว์ต่างๆ พูดได้ และมีพฤติกรรมเลียนแบบมนุษย์ สัตว์แต่ละชนิดถูกทำให้เป็นตัวแทนนิสัยต่างๆ ของคน ผ่านยุคแล้วยุคเล่า ผ่านความขัดแย้ง ความเปลี่ยนแปลง สงคราม โดยไม่ข้องเกี่ยวกับเชื้อชาติ วัฒนธรรม หรือความแตกต่างใดๆ ทั้งสิ้น มันทำแบบนั้นได้อย่างไร อาจเป็นเพราะมันบอกเล่าถึงเรื่องราวอันเป็นพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ ที่ไม่แตกต่าง และไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา 'นายต้วมเตี้ยมขาสั้น สู้ฉันไม่ได้หรอก' กระต่ายขาว ตาสีแดงร้องท้า เต่ากระดองหนามองกลับมาอย่างท้าทาย 'ถ้านายว่าอย่างนั้น เรามาวิ่งแข่งกันไหม' กระต่ายหัวเราะ (สัตว์ไม่รู้จักเรื่องตลก เขานึก) จนร่างส่ายโงนเงน 'วิ่งแข่งกับนาย ฉันก็ชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้ว' 'นายกล้าหรือเปล่าล่ะ' เต่าพูดอย่างฮึกเหิม 'กล้าหรือเปล่า...นาย นายกล้าท้าฉันเชียวหรือ ได้ เรามาแข่งกัน' เขารู้ดีอยู่แล้วว่ามันจะจบลงเช่นไร มันเป็นนิทานที่เด็กเกือบทุกคนต้องเคยได้ยิน กระต่ายกับเต่า การแข่งขันที่ไม่มีวันเป็นไปได้ แต่ความประมาทจะทำให้กระต่ายแอบงีบหลับในระหว่างทาง และความมานะพยายามจะทำให้เต่าก้าวเดินไปไม่ยอมหยุด จนในที่สุดการแข่งขันก็ได้ผู้ชนะที่คาดไม่ถึง ...เจอเล่มที่ชอบบ้างหรือยัง เขาตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลังโดยไม่คาดหมาย ก่อนค่อยๆ หันกลับไปช้าๆ 'หมาป่า' หรือว่าจะเป็น 'จิ้งจอก' ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงคิดเช่นนั้น ทำไมเขาจึงคิดว่าเจ้าของร้านหนังสือเก่าจะต้องเป็นตัวแทนของความ ขี้โกง หรือ เจ้าเล่ห์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เขาเห็นคือชายวัยกลางคน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ยกเว้นเพียงอย่างเดียว เขาไว้ผมยาว แต่รวบมัดเอาไว้อย่างเรียบร้อย 'นั่นมันเหมือนกับหางเลย' ว่าอย่างไรครับ คุณลูกค้าตัวน้อย เจออะไรที่ชอบหรือยัง เอ่อ...ยังเลยครับ ชายคนนี้เดินอ้อมไปปิดหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ท่าทางการเดินของเขาก็แปลก เพียงแค่เดินผ่านพอก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังโดนไล่ต้อน เหมือนกับตัวเองเป็นสัตว์เล็กๆ ที่กำลังโดนไล่ล่า นี่คงเด็กเกินไปแล้วสำหรับเธอ พอถอยออกมา ดูไม่ออกว่าชายคนนี้กำลังคิดอะไร เขาไม่พอใจที่ถูกแอบดูหนังสือที่อ่านค้างอยู่หรือไม่ ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นยิ่งไม่ช่วยทำให้เขารู้สึกวางใจได้เลย เธอชอบอ่านหนังสือแบบไหน ฉันจะลองแนะนำให้เอาไหม... เขามองสำรวจดูเด็กชาย ...ฉันว่า น่าจะเป็นเรื่องราวการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นใช่ไหม เขาได้แต่พยักหน้า ดวงตาคู่นั้น เหมือนกับมันกำลังดึงดูดทุกสิ่งจากตัวเขาเข้าไป ว่าแต่ เธอชื่ออะไรหรือ ...พอ...ครับ เขางงไปครู่หนึ่ง ก่อนความเข้าใจจะเกิดขึ้น พอ เป็นชื่อของเธอใช่ไหม ในช่วงเวลานั้นดูเหมือนพลังจากดวงตาที่จ้องมองมาจะหดหายไป 'ต้องรีบออกไปก่อน' ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เขารู้สึกไม่ดี ชายคนนี้มีอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ เอ่อ ผมต้องกลับแล้วครับ เดี๋ยว...เดี๋ยวคุณพ่อจะเป็นห่วง ความจริงแล้วพ่อของเขาคงยังกลับไม่ถึงบ้าน ชายคนนี้ฉีกยิ้มอีก และเขารู้สึกแปลกใจที่ในรอยยิ้มนั้นขาดหายไปสิ่งหนึ่ง 'มันควรจะมีเขี้ยวด้วย' เขาขยับถอยห่างออกมา ก่อนหันหลังแล้วรีบเดินอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวสิ... อะไรบางอย่างในเสียงนั้นหยุดขาของเข้าไว้ทั้งๆ ที่ไม่ได้ต้องการที่จะหยุด ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ฉันชื่อ ฟูล ชื่อเดียวกับร้านหนังสือนี้นั่นแหละ ครับ เขาตอบรับพร้อมกับรีบเดินต่อ ...ไว้แวะมาอีกนะ บางทีฉันอาจจะมีหนังสือที่เธอต้องการก็เป็นได้ เด็กชายแว่นเดินหายออกไปจากร้าน ฟูลขยับนั่งลงที่โต๊ะทำงาน 'เด็กคนนี้มีอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่าง' แต่คงไม่ใช่ 'ไม่น่าใช่คนที่ฉันกำลังตามหา' เขายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ หนังสือยังต้องถูกจัดให้เข้าที่ 'ก็เท่าที่จะพอทำได้' แต่ที่สำคัญคือเขาต้องแน่ใจ แน่ใจในที่อยู่ของหนังสือบางเล่ม เขาเปิดหนังสือ ไม่ว่าจะกี่ครั้งมันก็ยังให้ความรู้สึกที่น่าประหลาดอยู่เช่นเดิม จากตัวอักษร พวกมันค่อยๆ รวมตัวกันเข้า ขยายออก เติบโตขึ้นภายในความคิด ในจินตนาการ จนกลายเป็นโลกที่แตกต่างออกไป เขากระพริบตา เต่ากับกระต่ายที่เขาอ่านค้างไว้หายไปแล้ว เขาปิดหนังสือ 'หรือว่าจะเป็นเด็กคนนี้'
จากคุณ |
:
zoi
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ก.ย. 55 19:12:56
|
|
|
|