22/1
ความอบอุ่นจากฟืนไม้ในเตาผิงแผ่กระจายปกคลุมทั่วทั้งห้องรับแขก แสงสีส้มของไฟรับกับเก้าอี้หนังและพรมสีน้ำตาลกลางห้อง แลดูสวยงามอย่างมีรสนิยม
แขกหนุ่มที่เพิ่งมาถึงถูกผายมือเชิญให้นั่งยังเก้าอี้เดี่ยวตรงข้าม เขาไม่ได้ถอดเสื้อโค้ตตัวยาวแขวนกับราวเหล็กด้วยความคุ้นเคยอย่างเคย นอกจากก้มศีรษะทำความเคารพผู้สูงวัย
ดร. อูราลพิศมองร่างสูงของผู้ช่วยเลขานุการซึ่งกลับไปซูบเซียวเหมือนวันแรกที่พบกัน เขาเคยถูกชะตากับชายหนุ่ม น้องชายอดีตแกนนำขบวนการปลดปล่อยชาวทิชกู ครั้นได้ร่วมงานกันก็นึกชื่นชมในความขยัน ไม่คิดเลยว่าเรื่องร้ายจะมาเกิดกับบุรุษผู้นี้อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น เออนะ ก็คงเหมือนกับชะตากรรมของประเทศนี้ที่อยู่ในเงื้อมมือใครคนหนึ่งกุมไว้นานผ่านระบบราชการ แม้แต่คนที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดในประเทศเช่นเขายังเผลอทดท้อบ่อยครั้ง ชายชราดันแว่นซึ่งตกลงมาปลายจมูกอันเป็นกิริยาเริ่มต้นบทสนทนา
ฉันได้รับจดหมายลาออกของเธอแล้ว คาชาล คิดดีแล้วหรือ
ครับ
ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจเธอได้แล้วใช่ไหม ฉันเสียดายเธอจริงๆ นะ คาชาล เธอเป็นคนขยัน น่าเสียดายที่ประเทศนี้มีคนอย่างเธอน้อยเกินไป
คาชาลไม่ตอบนอกจากก้มมองมือตนเอง ความดี ความขยันที่เขาทำเพื่อผู้อื่น แต่กลับละเลยคนสำคัญที่สุดที่คอยอยู่เคียงข้างตน มันไม่ใช่ความภาคภูมิใจเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกผิด รู้สึกบกพร่องในหน้าที่มากขึ้นเท่านั้น
อันที่จริงฉันไม่มีสิทธิมารั้งเธอให้ทำงานหรอก เธอสองคนพี่น้องลำบากเพราะฉันมามากกว่าใครๆ โดยที่ประธานาธิบดีอย่างฉันกลับไม่อาจช่วยเหลือลูกน้องตนได้สมความตั้งใจ เสียงแหบทว่ามีกังวานเอ่ยกลั้วหัวเราะแกนๆ ก่อนจะกลับมาเอ่ยเสียงจริงจังในประโยคถัดไป เธออย่าดูแคลนว่าฉันโง่เลย ฉันรู้ดีไม่น้อยกว่าใครว่าทำไมถึงจับผู้ต้องหาฆ่านิโก้ไม่ได้ ฉันรู้ดี รู้แต่ก็ต้องใจเย็นไม่ผลักเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาลับๆ ไปยืนยังฝั่งตรงข้าม
ในชั่วชีวิตนี้ฉันอาจถูกตำหนิว่าเป็นคนไม่เด็ดขาดที่ตามจับนายพลวายู้คไม่ได้ แต่ฉันจะไม่ยอมเผาบ้านเพื่อหนูตัวเดียว คาชาล เธอคิดเหมือนฉันไหมว่าเราสูญเสียประชากรของเรามามากแล้ว การแก้แค้นรังแต่จะเพิ่มความสูญเสียยิ่งขึ้นไป
ปมแห่งความคับข้องใจที่ใครบางคนพยายามผูกมันขึ้นมาในความคิดเขา บัดนี้ได้คลี่คลายลงเพราะความในใจที่ดร. อูราลเปิดเผย คาชาลจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความนับถือ ชื่นชมลึกซึ้ง สมแล้วที่เขาเคยเคารพรักท่าน และบุรุษสูงวัยผู้นี้ก็มิได้ทำให้ผิดหวังเลย
ฉันเป็นหนี้ชีวิตพี่ของเธอ ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องเป็นหนี้ใคร แต่ก็เป็นไปแล้ว และจะไม่ขอเป็นหนี้ชีวิตใครอีก มือเหี่ยวย่นยกดันกรอบแว่นสายตา แต่นี้ไปฉันอาจขาดเพื่อนร่วมงานที่ดี แต่อย่างน้อยก็เชื่อได้ว่าฉันจะไม่สูญเสียเขาไปตลอดกาล
รอยยับย่นบริเวณมุมปากแย้มยิ้ม ชายชรายกแก้วชาขึ้นจิบ แว่นสายตาฝ้าฟางไปด้วยไอร้อนจากน้ำชา
คาชาลยกน้ำชาขึ้นจิบเงียบๆ เช่นกัน เป็นความเงียบที่ต่างฝ่ายต่างเก็บซ่อนความอาทรไว้ในใจ และแทนที่ความรู้สึกนั้นด้วยการให้เกียรติ เคารพการตัดสินใจ
.....................................
ภาพหญิงสาวนั่งชันเข่า กอดกรอบรูปลูกน้อยอยู่บนเตียงเรียกความเวทนาแก่คนมองยิ่งนัก เจคพยายามมองโลกในแง่ดีว่าอย่างน้อยวันนี้น้องก็ยังยอมลุกจากเตียง แม้จะออกจากห้องเธอมาขังตัวในห้องบุตรชายก็ตาม
ลลิลดาหันมองผู้ที่ก้าวเข้ามาในห้อง ริมฝีปากแห้งแตกฝืนยิ้มนิดหนึ่ง ขณะชายหนุ่มทรุดนั่งบนเตียงเดียวกัน เธอรู้ว่าพี่เป็นห่วงและมาเยี่ยมทุกวัน แต่ก็แกล้งหลับตาเสียเมื่อมีใครอีกคนอยู่ร่วมห้องเดียวกัน ไม่รู้ทำไมเธอจึงไม่อาจมองหน้าคาชาลได้ ทุกครั้งที่เห็นหรือนึกถึงเขา ภาพบุรุษผู้หยิ่งทะนงก็พลันฉายซ้อนขึ้นมา เสียงเขาต่อว่าลูกน้อยที่ออดอ้อน แล้วยังนอนหันหลังให้เธออย่างเย็นชา ภาพเหล่านั้นคอยตอกย้ำว่าเขาปฏิเสธครอบครัว ปฏิเสธความรักของพวกเธอ
เธอลุกจากเตียงได้วันนี้ก็เพราะคนร่วมห้องที่คอยเฝ้า คอยกุมมือเธอแทบไม่หนีห่างออกไปทำงาน เออหนอ เขาคงเบื่อดูแลคนเจ็บแล้ว และกลับไปบ้างานดังเดิม เธอได้แต่เก็บความน้อยใจ ห้องใหญ่ช่างว่างเปล่าเมื่อต้องอยู่ลำพัง ไร้เงาคนคอยอยู่เคียงข้างหรือเดินไปมาดังตลอดสองวันที่ผ่านมา
ค่อยยังชั่วแล้วหรือถึงลุกได้
เจคพิศมองรอยช้ำตามร่างกายน้องสาวแล้วก็เห็นว่าซีดจางลง คงเหลือแต่บาดแผลในใจกระมัง
พี่บอกแม่ของเธอแล้วนะลิลลี่ ท่านเป็นห่วงมาก จะรีบมาเร็วที่สุด
โธ่ แม่...
แม่ยังไม่ทันได้อุ้มหลาน หลานก็มาด่วนจากไปเสียแล้ว ลลิลดาเจ็บใจตนเองนัก มารดาพร่ำชวนให้พาหลานไปหาบ่อยครั้ง แต่เธอกลับไม่เคยพาลูกไปให้ยายรับขวัญเสียที หญิงสาวเชื่อมั่นว่าแม่เป็นเพียงคนเดียวที่เสียใจไม่น้อยไปกว่าเธอ
แล้วนี่กินอะไรหรือยัง อยากออกไปข้างนอกไหมฮึ
คำชวนนั้นส่งผลให้มือบางกำกรอบรูปแน่นขึ้นอีกราวกลัวจะถูกพรากไป ไม่ล่ะค่ะ
ลิลลี่ เธอจะเอาแต่เก็บตัวแบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะ ถ้าไม่นึกถึงตัวเองก็นึกถึงคนที่ห่วงเธอบ้าง ทั้งอานตี้เรณู แล้วก็คาชาล
ดวงตาขุ่นเขียวตวัดมองทันทีที่ได้ยินชื่อหลัง ทำไมฉันต้องนึกถึงเขา ทำไมต้องเป็นฉันฝ่ายเดียวที่ทำเพื่อเขาเสมอมา
เพราะเธอรักเขาไง น้องรัก เพราะพวกเธอรักกัน
เขารักงานต่างหาก เจค วันนี้เขาก็ไปทำงาน กระแสเสียงหญิงสาวเจือแววน้อยใจ
พี่ชายนิ่วหน้า ข่าวที่เขาได้รับรู้จากบุรุษผู้นั้นไม่ใช่แบบนี้ แต่ก็เลือกที่จะนิ่งเสีย บางทีคาชาลควรบอกความตั้งใจแก่ภรรยาด้วยตนเอง ถึงตอนนั้นลลิลดาจะตัดสินใจอนาคตอย่างไรก็เป็นเรื่องระหว่างคนสองคน
สองพี่น้องไม่อาจทราบได้เลยว่าบุคคลที่กำลังเอ่ยถึงนั้นยืนนิ่งฟังอยู่หลังบานประตู คาชาลได้ยินได้ฟังความคับข้องใจของภรรยาจนหมดสิ้น แล้วก็ให้โกรธเกลียดตนเองที่หลงลืมเอาใจใส่เจ้าหล่อนให้สมกับความรักที่เธอมอบให้เขาเสมอมา
ลลิลดาไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากเขา ไม่เคยปริปากถึงความทุกข์ใจใดๆ หรือแท้จริงแล้วเป็นเขาที่ปฏิเสธรับฟังมัน ยิ่งทบทวน เขาก็ยิ่งนึกได้แต่พฤติกรรมแย่ๆ ของตนเอง หากแม้แต่เขายังไม่อยากให้อภัยตนเอง แล้วเธอเล่า จะให้อภัยเขาหรือไร
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตนถูกผลักเข้าไปยังห้องมืดอีกครา ห้องเล็กคับแคบที่ไม่มีแสงสว่าง บีบคั้นจิตใจผู้ถูกจองจำให้นึกถึงแต่ปีศาจร้ายที่แฝงกายในความมืด มองไม่เห็นอนาคต ไม่มีความสุขอีกเลย
.........................................
เอาเถอะ ไม่ไปข้างนอกก็ได้ แต่ออกไปกินอะไรเป็นเพื่อนพี่หน่อยแล้วกัน
ลลิลดานิ่งตรอง ก่อนผงกศีรษะรับเมื่อเห็นว่าพี่เอาใจใส่ตนเพียงไร สายใยบางเบาของความรักฉันพี่น้องปรากฏชัดคราวนี้เอง
ทว่าคนที่ยืนแอบอยู่หลังประตูตั้งตัวไม่ทัน คาชาลรู้สึกเหมือนร่างกายตนขยายใหญ่ เกะกะเก้งก้างจนไม่รู้จะหลบมุมไหน กระทั่งประตูเปิดออกมาพร้อมร่างบางของภรรยา ใบหน้าเจ้าหล่อนซีดขาวทันทีที่เห็นเขาจนคนมองใจหายวาบ
เป็นหญิงสาวที่ตั้งสติได้ก่อน เธอรีบถอยเท้ากลับพลางดึงประตูปิด โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายยืนคอตกด้วยความรวดร้าวเท่าๆ กัน
เจคมองน้องเขยด้วยความเห็นใจ มื้อกลางวันวันนี้ท่าจะเป็นหมันเสียแล้ว ด้วยเจ้าของบ้านทั้งสองคงไม่พร้อมรับแขก
คุณยังไม่ได้บอกความตั้งใจของคุณกับลิลลี่หรอกหรือ เขาถามขณะออกเดินตามระเบียงมาด้วยกัน
ยัง ผมยังไม่มีโอกาส ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรให้เธอไม่เสียใจ
ไม่เสียใจน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก คุณเข้าไปพูดจากับลิลลี่ให้รู้เรื่องเถอะ ผมเชื่อว่าน้องผมเข้มแข็งพอที่จะรับฟัง ที่ผ่านมาคุณไม่คิดว่าเธอเข้มแข็งหรอกหรือ
ใช่ ลลิลดาเข้มแข็งเสมอ เขาเคยนึกชื่นชมสตรีชาวต่างชาติที่กล้าท่องเที่ยว พักค้างอ้างแรมกับคนแปลกหน้าตามลำพัง แล้วความชื่นชมนั้นก็กลายเป็นความประทับใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นความรักลึกซึ้งเมื่อเธอยอมแต่งงานกับคนในประเทศล้าหลังเช่นเขา โดยไม่สนใจสายตาผู้คนทัดเทียมกับเธอที่มองมาอย่างข้องใจ
กลับเป็นเขาเองต่างหากที่อ่อนแอ ให้ความเจ็บแค้นในอดีตทั้งหลายมาครอบงำจนมองไม่เห็นความหวังดี ความรัก ความเสียสละจากคู่ชีวิต อ่อนแอจนไม่กล้ายอมรับความจริงถึงความแตกต่างระหว่างเธอและเขา จนต้องหาทางถีบตัวเองขึ้นมา ทว่าแรงส่งนั้นกลับยิ่งทำให้เขาและเธอห่างกันออกไป
ถึงเวลาหรือยังที่เขาควรกลับมาเป็นชาวทิชกูผู้รักสงบคนเดิม ร่วมก่อร่างสร้างฝันเดียวกับคนรัก มิใช่ทิ้งหญิงสาวให้แหงนมองความสำเร็จอย่างโดดเดี่ยวเบื้องหลัง
คาชาลนึกถึงถ้อยความเปี่ยมด้วยความกรุณาของดร. อูราลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ท่านยกบ้านชานกรุงมอสโคว์ของท่านให้เขา ราวกับรับรู้ว่าลูกน้องท่านต้องการหนีห่างจากความวุ่นวาย ความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าให้ไกล
ชายหนุ่มนึกถึงประเทศที่ทำให้เขาได้เห็นความรักจริงของคนรัก คงจะดีไม่น้อยหากบรรยากาศของที่นั่นจะช่วยหมุนคืนวันเก่าๆ กลับคืนมา
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ก.ย. 55 17:44:25
|
|
|
|