ยุพินเบนสายตากลับมามองหาบุตรสาว สายลมอุ่นโชยพัดผ่านเนินหญ้าและแมกไม้ในสวน ลูกสาวคนเดียวของเธอยังนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม
ผู้เป็นมารดาสังเกตมอง ในมือของหญิงสาวมีหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งหลายวันมานี้เธอถือมันไว้เกือบตลอดเวลา ดวงตาคู่เหม่อลอยทอดมองอยู่เพียงหน้ากระดาษที่คล้ายจะว่างเปล่านั้น
สตรีวัยกลางคนย่างเท้าตรงไปอย่างเงียบกริบ ภาพที่เห็นผ่านหลังคอของบุตรสาว คือกุหลาบดอกโรยบนหน้าหนังสือ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้อยู่ที่ก้านแห้ง ๆ และกลีบดอกอันหลุดลุ่ยร่วงโรย
“กลีบมันร่วงเสียหมดแล้ว” ผู้เป็นมารดาตัดสินใจเอ่ยทัก
นริศราผุดขึ้นจากพนักพิงของเก้าอี้เล็กน้อย เมื่อรู้ตัวพลางรีบปิดหน้าหนังสือลง ยุพินพยายามค้นหาความในใจลูกด้วยการชวนคุย
“แม่เก็บดอกใหม่ให้เอาไหม ในสวนหลังบ้านที่ชมปลูกไว้กำลังงามเลย”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากเหมือนจะส่งยิ้มตอบ แต่ก็ทำได้เพียงหลุบตาต่ำลงคล้ายพยักหน้า สองแขนยังคงกุมกระชับหนังสือเล่มนั้นไว้แนบอก
ดอกไม้เป็นตัวแทนของความรัก ผู้แก่ประสบการณ์กว่าทราบดี นริศราคงได้กุหลาบดอกนี้มาจากเพื่อนชายตัวปัญหาของเธอ
“ดอกไม้ที่ช้ำหรือว่าโรยแล้ว เก็บไว้ก็รังแต่จะทำให้ความรู้สึกของเราแย่ตามไปด้วย” ผู้อาวุโสกว่าโน้มน้าวด้วยการพยายามสบตา “เชื่อแม่นะจ๊ะ ทิ้งมันไปเสียเถอะ”
“ไม่ค่ะแม่” ก่อนจะทันตั้งสติ คำปฏิเสธนั้นก็หลุดออกไป
หญิงสาวเบนสายตาหลบ ซ่อนความนัย ความรักคืออารมณ์และความรู้สึกอันเร้นลับเกินกว่าจะเผยออกมา โดยเฉพาะกับมารดาของเธอ
ยุพินจับจ้องดวงหน้าเรียวอันเรียบเฉยของบุตรสาว รู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งศีรษะและแผ่นอก เมื่อความรักอย่างท้วมท้นที่มีต่อบุตรสาวคนเดียวตลอดมา กลับถูกตอบแทนด้วยความเย็นชาไร้ค่าสิ้นดี
“ดอกไม้สวย ๆ มีให้เลือกเต็มสวน” น้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ของผู้อาวุโส บอกให้รู้ถึงความอดกลั้นที่กำลังจะสิ้นสุด “ทำไมถึงได้โง่ไปผูกใจอยู่กับดอกช้ำ ๆ แบบนั้นล่ะนุ่น”
คนถูกตะคอกทำได้แต่เพียงก้มหน้านิ่ง เป็นคำถามซึ่งยังไม่สามารถหาคำตอบ สักวันหนึ่งเธอคงตัดใจจากกุหลาบดอกนี้ไปได้ หญิงสาวได้แต่ภาวนาเช่นนั้น
รถยนต์คันหนึ่งเคลื่อนมาจอดเทียบอยู่ริมรั้ว ช่วยเบนเบี่ยงความสนใจของสองแม่ลูก ยุพินจำต้องกล่ำกลืนความรู้สึก เพ่งสายตามองไปอย่างคลางแคลง ร่างเงาของผู้หญิงที่ก้าวลงจากรถทำให้สีหน้าและแววตาของผู้เยาว์เปลี่ยนไป
“ใครกันนุ่น”
หญิงสาววิ่งตรงไปเปิดประตูรั้วก่อนจะทันตอบคำถาม ผู้เป็นมารดาสังเกตมองตาม พินิจรถยนต์คันงามของผู้มาเยือน เลยไปถึงลักษณะบุคลิกภาพและการแต่งกายของหล่อน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลมีฐานะมั่งมี น่าแปลกที่ลูกมีเพื่อนต่างวัยที่แลคุ้นเคยสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ ครู่หนึ่ง ทั้งสองก็เดินจูงมือกันตรงมา
ความรู้สึกหนักอึ้งกดทับที่ศีรษะรุนแรงขึ้นเมื่อผู้มาเยือนย่างกายใกล้เข้ามา หล่อนเป็นหญิงสาววัยผู้ใหญ่ ใบหน้าซูบตอบ รูปร่างผ่ายผอมซูบซีด ทว่า กลับมีนัยน์ตาเป็นประกายสดใส แม้จะไม่เคยพบกันมาก่อน แต่ยุพินก็กลับสัมผัสถึงพลังความรู้สึกประหลาดนั้นได้อย่างชัดเจน มันคือความรู้สึกเคียดแค้น ชิงชัง และริษยา
“สวัสดีค่ะคุณยุพิน” สตรีผู้มาเยือนโน้มตัวลงไหว้อย่างนอบน้อม พร้อมเป็นฝ่ายเริ่มแนะนำตัว “ดิฉันนิดาค่ะ คนที่เคยโทรศัพท์มาหาคุณ”
“พี่นิดาไงคะแม่ ลูกสาวอีกคนของคุณพ่อนริศ” นริศราช่วยเสริมด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความยินดี ผิดไปจากท่าทางขรึมเศร้าเมื่อซักครู่
ยุพินเบนมองสีหน้าแจ่มใสของบุตรสาว สลับกับประกายตาสดใสของสตรีผู้ซี่งเพิ่งเคยพบหน้า ความรู้สึกคับแค้นใจอันอัดสุมแน่นอยู่ในดวงจิตมานานพลันปะทุออกมา
...ลูกสาวของนริศ เลือดเนื้อเชื้อไขคนสำคัญที่ส่งผลให้เขาต้องทอดทิ้งเธอ
“คุณนี่เอง ที่เอาเรื่องของคุณนริศไปบอกยัยนุ่น ทั้งที่ฉันไม่ได้อนุญาต คุณกล้าดีมากเลยนะ”
“แม่คะ”
คำกล่าวต้อนรับของผู้เป็นเจ้าของบ้านทำเอาบุตรสาวและแขกผู้มาเยือนอยู่ในอาการพูดไม่ออก ไม่คาดคิดมาก่อนว่า ความเคืองแค้นของมารดาจะมีอิทธิพลเหนือกว่ามารยาทและการแสดงออกด้วยเหตุผลทั้งปวง
นิดาโน้มตัวลงไหว้ขอขมาผู้อาวุโสกว่าอีกรอบ
“ดิฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ ที่ต้องทำในสิ่งที่ขัดกับความต้องการของคุณยุพิน แต่ตอนนั้นดิฉันรู้ว่าคุณพ่อคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน จึงจำเป็นต้องทำความปรารถนาของท่านให้เป็นจริง เพื่อให้ท่านนอนตายตาหลับ คุณยุพินเห็นใจคุณพ่อเถอะนะคะ”
สตรีวัยกลางคนขบริมฝีปาก การตายของนริศมิอาจลบเลือนความเจ็บช้ำเมื่อครั้งอดีต หนำซ้ำก่อนจะสิ้นลมหายใจ เขายังส่งผู้คนเหล่านี้กลับมาทำร้ายเธอ
“เห็นใจเหรอคะ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความชิงชังดาลเดือด “ตอนที่เค้าจะทิ้งดิฉัน ต่อให้ดิฉันตายลงไปในนาทีนั้น เค้าก็คงไม่เห็นใจ”
“แม่คะ” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะยับยั้งมารดาไว้อีกรอบ “คุณพ่อตายไปแล้ว แม่ให้อภัยพ่อเถอะค่ะ และพี่นิดามาวันนี้ เพื่อจะบอกเราเรื่องพินัยกรรมที่คุณพ่อฝากไว้เท่านั้น”
“ใช่ค่ะคุณยุพิน ขอเวลาดิฉันแค่ครู่เดียว” นิดาช่วยเสริม
...พินัยกรรม
คำชี้แจงถึงจุดประสงค์ของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ ก่ออารมณ์เจ็บแค้นพลิกฟื้นเป็นทวี คำสัญญาที่ครั้งหนึ่งนริศเคยให้ไว้ ทรัพย์สินเงินทองและความสุขสบายมั่นคงของชีวิตสำหรับเธอ
ไม่... มันไม่มีอยู่จริง ดังวาจาโกหกพกลมที่เขาเคยบอกไว้ นริศไม่มีทรัพย์สินส่วนตัวใด ๆ เลย แม้กระทั่งเงินจำนวนมหาศาลเพื่อใช้แลกกับความรับผิดชอบที่พึงมี ยังต้องเป็นหน้าที่ของผู้เป็นภรรยา เขาไม่เคยเหลียวหลังกลับมาดูดำดูดีเธอกับลูกอีกเลย ตลอดเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา
“พินัยกรรมของคุณพ่อถึงจะไม่มีค่าอะไรมากมายนัก” ผู้มาเยือนกล่าวราวกับล่วงรู้ความคิดของสตรีอาวุโส “แต่เป็นสิ่งที่คุณพ่ออยากทำเพื่อยัยนุ่นบ้าง”
“ออกไป!” เสียงดังอันเกรี้ยวกราดนั้น ทำเอาหญิงสาวทั้งสองคนต่างนิ่งอึ้ง “คุณออกไปได้แล้ว และอย่ากลับมาที่นี่อีก เลิกมายุ่งเกี่ยวกับยัยนุ่นเสียที ฉันไม่ต้องการสมบัติเหลือเดนอะไรนั่น ออกไป”
ความเจ็บแค้นจากการถูกหลอกหลวงจนชีวิตและอนาคตต้องพังพินาศ ผสานกับอารมณ์ผิดหวังในรักเดือดพล่านอยู่ทั่วทุกอณูขุมขนและกระแสโลหิต เธอไม่ต้องการเห็นหน้าผู้คนเหล่านี้อีก
“แม่คะ ฟังพี่นิดาก่อนก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่คะ”
นริศราขมวดคิ้วมองสีหน้าโมโหโกรธาของผู้ให้กำเนิดอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดมารดาจึงแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดกับบุคคลในครอบครัวของผู้เป็นบิดา ทั้งที่ตนเป็นฝ่ายเลือกดำเนินชีวิตผิดครรลองครองธรรม
“แม่น่าจะให้อภัย และเห็นใจคนที่ไม่เกี่ยวข้องบ้าง พี่นิดาแค่มาตามคำสั่งของคุณพ่อเองนะคะ”
“ยัยนุ่น!” สายตาโกรธเกรี้ยวของยุพินตวัดมองมาที่บุตรสาว ซึ่งไม่มีท่าทีจะเห็นใจเธอ “ลูก.. ลูกคิดว่าแม่เป็นใคร แล้วนังผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ถึงได้ไปเห็นใจมันมากกว่าแม่ หา”
เป็นคำถามที่ค้างคาอยู่ในห้วงอารมณ์และความรู้สึกสุดท้าย ลูกที่เปรียบดังชีวิตและจิตใจของแม่กลับไปยืนอยู่ข้างเดียวกับศัตรู ช่องว่างของความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันจะถมเต็ม
“แม่”
ร่างของสตรีอาวุโสทรุดฮวบลงกับพื้นหญ้า หญิงสาวพุ่งเข้าไปประคองไว้อย่างตื่นตระหนก อาการหมดสติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนของมารดาทำให้เธอถึงกับร้องไห้โฮ
“แม่... แม่เป็นอะไรไปคะ แม่...”
“คุณยุพิน” ผู้มาเยือนอยู่ในอาการตกใจไม่แพ้กันรุดเข้ามาช่วยพยุง ก่อนจะทันเรียกสติคืนมา ตั้งคำถามกับน้องสาว “นุ่น คุณยุพินมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ พี่นิดา” ผู้เยาว์วัยส่ายหน้า “แม่แข็งแรงดี แทบไม่เคยป่วยเป็นอะไรเลย”
นิดาพินิจดวงหน้าแดงชาดของคนป่วยอย่างชั่งใจ
“สงสัยจะไม่ใช่แค่เป็นลมธรรมดา ไปจ้ะนุ่น ไปรถพี่ พาคุณยุพินไปโรงพยาบาลกัน”
ร่างอันอ่อนระทวยของยุพินถูกบุตรสาวและบุคคลที่เธอเรียกว่าเป็นศัตรูประคองขึ้นรถไปอย่างทุลักทุเล นริศราอยู่ในอาการตื่นตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก วิ่งกลับไปปิดประตูบ้านตามคำบอกของพี่สาว ก่อนจะตามขึ้นรถไปอย่างร้อนรน
จากคุณ |
:
วังวน
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ก.ย. 55 15:43:51
|
|
|
|