สุดปลายทางหัวใจ -บทที่ 1-
|
|
เมื่อไม่เคยหมายว่าจะรัก เมื่อหัวใจรู้จักแต่ความแค้น แล้วสุดปลายทางหัวใจนั้นจะเป็นเช่นไร...
บทที่ 1
รถโดยสารประจำทางสีส้มครีมวิ่งตัดความมืดเคลื่อนตัวช้าลงจนหยุดสนิทตรงป้ายรอ ประตูเปิดออกปรากฏร่างหญิงสาวซึ่งกำลังก้าวลงอย่างระมัดระวังเพราะรองเท้าส้นสูงสามนิ้วครึ่งที่สวมอยู่ เธอปล่อยราวประตูทันทีเมื่อเท้าแตะพื้นทั้งสองข้างแล้วเรียบร้อย นึกรำคาญใจไม่ใช่น้อยกับชุดราตรีกระโปรงบานฟูฟ่องและรองเท้าส้นสูงเปิดหัวหนังแก้วสีครีมอ่อนคู่งามที่ทำให้ลงรถประจำทางได้อย่างยากลำบากนัก
เนตรนภิสควานหารองเท้าแตะสภาพสมบุกสมบันในกระเป๋าแล้วรีบสลับเปลี่ยนกับรองเท้าส้นสูงทันทีด้วยท่าทางไม่สมหญิงเท่าใด ดวงหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยโทนสีอ่อนหวานชวนให้หลงใหลนั้นกำลังมีสีหน้าไม่รับแขกอย่างแรง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับหญิงสาววัยแรกแย้มทำหน้ายั่วนุ่งน้อยห่มน้อยบนป้ายขนาดใหญ่หน้าสถานบันเทิงที่ผู้ชายหลากหลายวัยจำนวนมากกำลังเดินเข้าเดินออกอย่างคึกคัก
คืนนี้อาบอบนวดหน้าปากซอยบ้านเธอก็มีคนมาใช้บริการเยอะเช่นเคย
หญิงสาวรวบชายกระโปรงพร้อมกระชับเสื้อคลุมแขนยาวไว้ให้มั่นแล้วเร่งฝีเท้าเข้าซอยเล็กที่อยู่ด้านข้าง แม้ว่าจะเคยชินกับสถานบริการครบวงจรแห่งนี้มาตั้งแต่เด็กเพราะเดินผ่านทุกวัน แต่ก็มักจะเลี่ยงไม่กลับในเวลาดึกเนื่องจากรู้ดีว่ากิตติศัพท์ความเถื่อนของย่านนี้เป็นที่ร่ำลือกันมากเพียงใดในหมู่ชาวกรุง
หน้าจอโทรศัพท์แสดงเวลาห้าทุ่มครึ่ง
เนตรนภิสกดล็อคหน้าจอให้ดับลงแล้วมองบรรยากาศสลัวรอบตัวอย่างไม่ไว้ใจ มีเพียงแสงไฟจากเสาต้นถัดไปที่คอยนำทาง เคล้าไปกับเสียงกระหึ่มของเพลงเพื่อชีวิตจากร้านเหล้าที่อยู่ติดๆกับสถานบันเทิง ...ถ้าหากไม่ใช่เพราะคืนนี้เป็นงานแต่งงานเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตอย่างบุณยนุช ไม่มีทางเสียที่เนตรนภิสจะยอมกลับบ้านดึกขนาดนี้ ว่าแล้วก็นึกโทษไปถึงสารถีที่รับปากกับเธอว่าไม่ว่าดึกแค่ไหนก็จะมาส่ง
เฮ้ยยยยยน้อยหน่า เดี๋ยวเราปายส่งหน่ากลับเอง ขออีกแก้วก่อน
ธนาธรยิ้มเผล่ชูแก้วใสที่เต็มไปด้วยของเหลวสีอำพันสูงเหนือหัว เนื่องจากเจ้าบ่าวของบุณยนุชเองก็เป็นรุ่นพี่ที่จบมาจากโรงเรียนมัธยมเดียวกัน บรรยากาศงานแต่งงานในยามดึกๆจึงกลายเป็นงานสังสรรค์แบบคึกๆในหมู่เพื่อนฝูงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ไม่ต้องเลยต้น ก๊งต่อไปเถอะ เราคงต้องกลับละ กลับดึกกว่านี้ไม่ไหวหรอก
หน้าของคนบอกว่าจะไปส่งแดงก่ำอย่างตกอยู่ในฤทธิ์สุรา เนตรนภิสมองแล้วก็เบ้หน้า... เมาขนาดนี้ขับรถทีคงส่ายยิ่งกว่างูเลื้อย
หน่า เดี๋ยวๆ นะ ขออีกนิด เอ้าชน
ชนมันเข้าไปนะต้น ชนแก้วต่อแบบนี้มีหวังได้รถชนแน่ เรากลับเองละ
พอนึกถึงตรงนี้แล้วก็กัดฟันกรอด อุตส่าห์ตั้งท่าเท่แกล้งเดินช้าๆหวังว่าธนาธรจะเดินตามมาด้วยความเป็นห่วง ที่ไหนได้ พอแอบหันไปมองก็กลับยังก๊งต่ออีกยก ทำเอาหญิงสาวถึงหมดความอดทนกุมขมับอย่างปลอบใจตัวเอง เธอน่าจะรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเธอคนนี้ลองได้เมาแล้วรับรองยาวแบบที่ไม่เช้าไม่เลิก จึงจำใจกระโดดขึ้นรถโดยสารประจำทางต่อเดียวถึงบ้านเพราะกลัวการนั่งแท็กซี่ในยามวิกาล
อีกไม่ไกลนักก็จะสุดซอยแล้ว หญิงสาวเร่งฝีเท้าให้พ้นผับที่ติดกับอาบอบนวดโดยเร็ว
โอ๊ย!
เสียงชายร้องตะโกนลั่นอย่างเจ็บปวดดังมาจากเบื้องหน้า เนตรนภิสเพ่งสายตาเห็นร่างที่ค่อยอ่อนยวบลงไปกองที่พื้นพร้อมกับเงาไหวๆของอีกคนที่น่าจะเป็นโจร แม้จะตกใจไม่ใช่น้อยแต่สมองก็ไม่รอช้าคิดหาทางไล่โจรด้วยตัวเองทันที
ตำรวจคะ! ทางนี้ค่ะทางนี้!
ไม่ไปแฮะ...
หญิงสาวหายใจเข้าลึกๆจ้องมองโจรที่หันมามองเธอ สงสัยคงต้องเข้าไปลุยเอง
เฮ้ยออกไปเดี๋ยวนี้!
ว่าแล้วก็รวบกระโปรงวิ่งเข้าหาอย่างไม่กลัวด้วยความที่เรียนทั้งคาราเต้และเทควันโดจนสายดำมาแล้วทั้งคู่ เพราะมารดาของเธอนั้นรู้ดีว่าย่านที่อาศัยอยู่นั้นอันตรายเพียงใดจึงให้ลูกสาวไปเรียนรู้เอาไว้เผื่อวันใดจะได้มีโอกาสใช้เช่นวันนี้ โจรเมื่อเห็นเธอวิ่งเข้ามาก็คว้ามีดพกแล้วแกว่งฉวัดเฉวียนอย่างไร้ทิศทางหมายให้โดนสักแผล แต่คู่ต่อสู้สาวกลับหลบซ้ายขวาอย่างคล่องแคล่วกว่าที่คิด
เนตรนภิสพยายามมองหน้าของคนที่สู้ผ่านแสงสลัวด้วยเผื่อจะเรียกตำรวจให้ตามจับถูกตัว เมื่อได้โอกาสคนร้ายเปิดช่องว่าง หญิงสาวไม่รอช้ากำหมัดต่อยท้องเข้าเต็มแรงจนผู้ร้ายลงทรุดตัวลงไปร้องโอดครวญ
ก็อ่อนนี่หว่า...
พลเมืองดีในชุดราตรีแอบคิดในใจก่อนเหลือบมองคนเจ็บที่นอนกองตรงพื้น แสงไฟสลัวจากเสาไฟที่ห่างไปสาดสว่างให้เห็นตีนกาและรอยย่นบนใบหน้าสูงวัยที่บัดนี้ดูไร้สติสัมปชัญญะ แว่นกรอบสีทองทรงโบราณตกอยู่ใกล้ๆ สภาพโดยรวมไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออกแม้จะมีรอยช้ำบนใบหน้าบ้าง
เธอก้มลงหวังจะประคองชายแก่ผู้นี้ขึ้นมาเพื่อช่วยพาออกจากที่นี่โดยเร็ว หากแต่โจรบ้าที่เธอนึกดูถูกนักหน้ากลับคว้ามีดออกมาอีกครั้งอย่างไม่ทันคาดคิดแล้วฟันเข้าให้ เนตรนภิสมองทันพอดีก็หลบโดยเร็วแต่ก็ยังไม่ทันเมื่อปลายมีดคมบาดเนื้อแขนซ้ายเป็นทางยาว เธอไม่เสียเวลาตกใจกับบาดแผลรีบกระโดดถีบยอดหน้าคนร้ายเมื่อเห็นจังหวะเหมาะ พอโดนเข้าไปจังๆขนาดนี้ชายผู้ไม่หวังดีก็รู้แล้วว่าแม้แต่อาวุธก็ไม่สามารถทำร้ายหญิงสาวได้จึงรีบแจ้นหนีไปทันที ในขณะที่เธอก้มลงมองดูเหยื่ออีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
คุณลุงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ
ชายเคราะห์ร้ายกระพริบตาอย่างสติเลอะเลือน ส่ายหน้าให้อย่างอ่อนแรงแล้วคอพับลงไป เนตรนภิสคว้าโทรศัพท์ตัวเองเตรียมโทรเรียกรถพยาบาล หากแต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าหน้าอกของชายผู้ไม่ได้สติเสียก่อนจึงล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาโดยไม่ขออนุญาตแล้วรับทันทีหวังว่าคนโทรมาจะเป็นลูกหลานหรือญาติของชายผู้นี้
พ่อ! พ่ออยู่ที่ไหนครับ
น้ำเสียงทุ้มปลายสายแสดงความร้อนใจจนเนตรนภิสรีบตอบกลับไปโดยเร็วอย่างเข้าใจทันทีว่าคู่สนทนาคงกำลังเป็นห่วงพ่อตนอย่างมาก
เอ่อ คุณพ่อของคุณตอนนี้ท่านสลบอยู่ที่ข้างๆอาบอบนวดกาแล็คซี่ค่ะ
คุณเป็นใคร? แล้วทำไมพ่อของผมถึงไปสลบอยู่ข้างอาบอาบนวดได้?
คำถามหลังของคู่สนทนาฉายน้ำเสียงโกรธเคืองอย่างชัดเจน เนตรนภิสกระพริบตาปริบๆ... เขาพูดราวกับว่าเป็นความผิดของคนรับโทรศัพท์อย่างเธอที่ทำให้ชายผู้นี้สลบอย่างไรอย่างนั้น
รีบๆมาเถอะค่ะ ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอก ฉันจะโทรเรียกรถพยาบาลด้วยละกันจะได้ช่วยคุณพ่อคุณได้เร็วๆ
ไม่ต้อง ตอนนี้ผมอยู่ในซอยข้างๆแล้ว
แสงไฟจากหน้ารถยุโรปคันหรูค่อยๆสาดส่องสว่างจ้าเข้ามาในซอยจนเนตรนภิสต้องหรี่ตาปรับแสงแทบไม่ทัน ก่อนร่างสูงจะเปิดประตูรถวิ่งตรงมาที่เธอที่ประคองชายชราอยู่
พ่อ! พ่อครับ
ชายหนุ่มผู้เป็นลูกรีบฉวยพ่อตนที่สลบอยู่ไปจากเธอทันที เนตรนภิสนึกไม่ชอบใจในความไร้มารยาทของคนตรงหน้าแต่พยายามพูดอย่างใจเย็น
แค่สลบไปน่ะค่ะ
คำตอบของเธอทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาโตมีเสน่ห์ใต้คิ้วหน้าเข้มนั้นสบเข้าให้แล้วฉายแววโกรธมายังเธอจนรู้สึกได้ชัดเจน ก่อนที่ปากได้รูปเข้ากับจมูกโด่งจะพูดเสียงดังจนเกือบตะคอก
ทำอีท่าไหนทำไมพ่อผมถึงเป็นแบบนี้!
หญิงสาวที่มั่นใจว่าตนเองเป็นพลเมืองดีชักเริ่มมีน้ำโห ถึงจะหล่อขนาดไหนแต่พูดจาสั่วๆขนาดนี้เธอก็คงต้องชี้แจงกันหน่อย
ตอนฉันมาถึงพ่อของคุณก็สลบอยู่แล้ว พ่อของคุณโดนโจรจี้ทำร้าย
แล้วไหนล่ะโจร
เนตรนภิสเบ้ปาก อยากจะตอกใส่หน้าว่าแล้วไอ้โจรที่ว่ามันจะอยู่ให้โดนจับไหมล่ะ
หนีไปแล้วค่ะ
คุณดูพ่อผมยังไงฮะ ทำไมปล่อยให้พ่อโดนแบบนี้ โจรมันน่าจะเอาตัวคุณไปด้วยนะ
นี่คุณ... ฉันว่าคุณคงจะเข้าใจอะไรผิดไปนะคะ ฉันเพิ่งมาถึงก็เจอพ่อของคุณโดนทำร้ายอยู่ ฉันก็เลยเข้ามาไล่
คราวนี้ชายหนุ่มเหยียดเยาะ ก่อนจะปรามาสเธอคำโต
โกหก คุณจะอ้างว่าไม่รู้จักกับพ่อผมเพราะกลัวผมเอาเรื่องน่ะสิ
แล้วทำไมคุณต้องเอาเรื่องฉัน ฉันทำอะไรผิด นี่ฉันเข้ามาช่วยพ่อคุณนะคะ
หยุดได้แล้ว! ผมไม่อยากฟังเมียน้อยอย่างคุณแก้ตัว
สิ้นเสียงชายหนุ่ม เนตรนภิสอ้าปากค้างไปด้วยความงง...
เมียน้อย?
ยังไม่ทันที่จะได้ตอบกลับอะไรไป กระดาษสีขาวใบเล็กๆก็ถูกยื่นมาตรงหน้าก่อนที่มือของเธอจะถูกคนตรงหน้าดึงไปแล้วยัดนามบัตรใส่อย่างถือวิสาสะ
สำหรับฐานะอย่างคุณ... เท่านั้นคงพอประทังชีพนะ
เนตรนภิสยังอึ้งค้างเมื่อจ้องมองกระดาษตรงหน้า เช็คใบนี้เว้นชื่อผู้รับเอาไว้พร้อมระบุเงินจำนวนหนึ่งแสนบาท
แล้วก็ถ้าอยากเกาะนักก็ไปเกาะเสี่ยคนอื่นซะ อย่ามาเกาะพ่อผมกิน
เขาปล่อยเช็คลงทันทีอย่างไม่สนว่าคนรับจับไว้แล้วหรือยัง พร้อมกับรีบลุกขึ้นพยุงพ่อตนเดินไปที่รถหรูโดยเร็ว เนตรนภิสรีบคว้ามันไว้ด้วยมือขวาแล้ววิ่งตามหมายจะมอบคืน
เดี๋ยวคุณ! เดี๋ยวก่อนค่ะ
หากแต่รถนั้นเข้าเกียร์หลังค่อยๆถอยออกไปจากซอยเปลี่ยวนี้ แล้วเลี้ยวเข้าซอยถัดไปที่เชื่อมกันโดยเร็ว เนตรนภิสวิ่งตามไปเต็มฝีเท้าหากแต่กำลังขาก็ไม่สามารถสู้กำลังเครื่องยนต์ หญิงสาวทิ้งความพยายามเมื่อเห็นว่ารถออกสู่ถนนใหญ่ไปแล้วพลางหวังว่าคุณลุงคนที่เธอช่วยเอาไว้จะถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย ก่อนที่จะเหลียวกลับมาดูรอยขาดของแขนเสื้อสีดำที่เปิดเผยให้เห็นแผลยาวขนาดกลางจากการพลาดถูกมีดฟันเอาเมื่อครู่นี้
นี่เขาคงไม่เห็นเลือดที่กำลังไหลรินลงมาพ้นชายแขนเสื้อของเธอ...
เนตรนภิสส่ายหน้าพร้อมก้มลงมองเช็คในมือ จะเป็นจะตายเช่นไรเธอก็ต้องนำไปคืนเขาพร้อมกับแก้ความเข้าใจผิดนั้นให้จงได้
บัดนี้แขนของเสื้อนอกสีดำนั้นชุ่มไปด้วยเลือดแดง หญิงสาวกลั้นใจกุมแผลไว้รีบวิ่งกลับบ้านโดยเร็ว สายตานั้นเหลือบไปเห็นชื่อบนนามบัตรที่เพิ่งได้รับ
เจนภพ พิทักษ์ภักดี
ผนังเวิ้งว้างสีขาวสว่างจ้าเบลอหมุนเอนไปมาก่อนจะค่อยๆชัดขึ้นและหยุดนิ่งลงเมื่อดวงตากระพริบปรับโฟกัส ชายวัยเลยหกสิบพยายามยกแขนหนักอึ้งควานหาแว่นตากรอบทองคู่ใจบริเวณหัวเตียงอันเป็นที่วางประจำ หูได้ยินเสียงฝีเท้ามาหยุดอยู่ตรงข้างเตียงก่อนที่มือจะยื่นสิ่งที่ต้องการอยู่
ที่นี่...
เจษฎาเอ่ยถามด้วยความอ่อนแรงทันที พลางจ้องมองสายน้ำเกลือที่ไล่ยาวเหนือหัวขึ้นไป รู้ทันทีก่อนที่จะได้รับคำตอบจากลูกชาย
โรงพยาบาลครับพ่อ
เจนภพตอบอย่างโล่งใจที่เห็นพ่อฟื้นขึ้นมา นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ยังคงระทึกไม่หาย นี่ถ้าหากว่าพ่อของเขาไม่เผลอลืมยาระงับอาการโรคหัวใจก่อนออกไปเที่ยวอาบอบนวดตามวิสัย เขาคงไม่ได้ออกมาตามหาพ่อและส่งโรงพยาบาลจนปลอดภัยแบบนี้
หมอบอกว่าเป็นเพราะเจษฎามีร่างกายอ่อนแออยู่แล้วเมื่อโดนทำร้ายนิดหน่อยก็สลบได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เจนภพแอบนึกสังเวชในใจ... พ่อก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นแบบนี้ยังมีหน้าไปเที่ยวอาบอบนวด เกิดวันดีคืนดีหัวใจวายคาอกสาวข้างอ่าง วันนั้นเขาคงทั้งเสียใจและทั้งงามหน้าในเวลาเดียวกัน
กี่โมงแล้ว
เที่ยง
กลับไปทำงานก่อนก็ได้มั้ง พ่ออยู่ในมือหมอแล้ว
เจนภพพินิจใบหน้าซีดของพ่อ... ใจนึกเป็นห่วงไม่น้อยแต่ก็มีคำถามที่ต้องการจะคุยด้วย
เจษฎา พิทักษ์ภักดี สำหรับคนทั่วไปต่างก็รู้จักเขาในฐานะกรรมการผู้จัดการของอภิทักษ์ บริษัทผลิตน้ำมันปาล์มและถั่วเหลืองเพื่อประกอบอาหารระดับแนวหน้าของไทย ความสามารถในฐานะผู้บริหารของเจษฎานั้นเก่งกาจจนเป็นที่ยอมรับนับถือในวงการธุรกิจอย่างมาก หากแต่สำหรับเจนภพ เจษฎาคือบิดาบังเกิดเกล้าที่เจนภพไม่นึกอยากจะเสวนาด้วยเท่าไรนักด้วยสาเหตุที่ความสัมพันธ์พ่อลูกดำเนินไปอย่างกระท่อนกระแท่นมาตลอดเวลาหลังจากที่ภรรยาเสียไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ เจษฎาผู้ซึ่งเป็นมนุษย์บ้างานมาตั้งแต่เริ่มก็ตั้งบริษัทก็กลายยิ่งทุ่มแต่งานหนักขึ้นไปจนลืมเหลียวแลบุตรในอกอย่างที่ควรจะเป็น
ผู้หญิงคนนั้น... เมียใหม่ของพ่อเหรอ
เจนภพเปรยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน คนป่วยที่หน้าซีดอยู่ถามย้อนโดยเร็ว
คนไหน
ใบหน้าสวยหวานท่ามกลางความสลัวของซอยเปลี่ยวลอยเด่นชัดขึ้นมาในความคิด เธอคงเป็นเด็กรายล่าสุดของเจษฎาอย่างไม่ผิดตัว ก็ในเมื่อก่อนหน้านี้เขาเพิ่งได้รับรายงานจากนักสืบที่เขาจ้างวานถึงลักษณะเมียน้อยคนใหม่ของพ่อว่าเป็นหญิงสาวตาโตท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู สูงประมาณร้อยหกสิบ ผมสีน้ำตาลเข้ม อายุประมาณเบญจเพส... อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าสักปีสองปี แถมมีต้นสังกัดคืออาบอบนวดกาแล็กซี่ที่เขาไปตามพ่อเมื่อคืนนี้อีกต่างหาก
แม้จะมั่นใจว่าไม่ผิดแน่ แต่คนเป็นลูกก็อดยั่วไม่ได้ตามความเคยชิน
มีหลายคนจนจำไม่ได้เหรอ
เจน!
ยิ่งเห็นพ่อดูไม่พอใจมากเท่าใด เจนภพก็ยิ่งยิ้มกระหยิ่มมากเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้แม้ดูผิดจริตของพ่อที่ปกติชอบแต่แบบเนื้อนมไข่ไปหน่อย แต่บางทีท่านก็คงอาจอยากจะเปลี่ยนแนวบ้างอะไรบ้างก็เป็นได้
เขามาช่วยพ่อไว้หรอก เมียน้อยอะไรกัน
ผมไม่เชื่อ พ่อก็พูดอย่างนี้ไปเสียทุกราย
เจนภพว่าแล้วก็ละจากข้างเตียงไปยังริมระเบียงห้องพิเศษผู้ป่วยแห่งนี้อย่างไม่นึกอยากจะฟังข้อแก้ตัวอื่นใดต่อ แม้คำพูดคำจาของเขาจะแย่แต่เจนภพก็ไม่เห็นว่าเขาควรที่จะพูดจาถนอมน้ำใจบิดาบังเกิดเกล้า... พลางนึกย้อนไปถึงตอนที่มารดาผู้เป็นที่รักที่สุดในโลกจากไป... ตอนนั้นโลกเหมือนจะสลายไปตรงหน้า เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดที่เคยมีรอยยิ้มสดใสตลอดเวลาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความเย็นเยียบและอารมณ์ร้ายกาจที่มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อจากการที่พ่อนั้นไปมีภรรยาน้อยมากมายหลังจากแม่เสียไปพักใหญ่ได้อย่างรวดเร็วจนเกือบจะเรียกได้ว่าน่าเกลียด สิ่งเดียวที่จะทำให้ชายหนุ่มลืมความขมขื่นของชีวิตก็คือการตั้งใจเรียน หมายลืมปมที่พ่อของเขาเป็นคนผูกขึ้นมาในใจอย่างยากจะแก้ไข
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกเจนภพจากภวังค์ หน้าจอปรากฏชื่อเลขานุการสาวผู้รู้งานเป็นอย่างดี
มีผู้หญิงต้องการจะพบด่วนค่ะคุณเจน
วันนี้ผมไม่มีนัดกับใครเป็นพิเศษนี่ มีแค่นัดเจรจากับลูกค้า?
ใช่ค่ะ แต่เธอบอกว่ายังไงวันนี้ก็ต้องเจอคุณให้ได้ค่ะ เสียงปลายสายกระซิบเบาจนเจนภพต้องแนบหูกับโทรศัพท์มากขึ้น
ชื่ออะไร ถามหรือยัง
คุณเนตรนภิสค่ะ
เขาเป็นใคร
คุณเนตรนภิสบอกว่าเธอเป็นคนที่ช่วยคุณพ่อของคุณเอาไว้เมื่อคืนค่ะ
ทุกอย่างนิ่งไม่ไหวติงเมื่อเจนภพได้ยินคำนั้น ก่อนที่จะกรอกคำตอบโดยเร็ว
บอกให้รอที่นั่น ผมจะไปด่วน
ชายหนุ่มหันหลังกลับมาทางห้องทำให้ม่านมันเงาสีครีมอ่อนพริ้วไหวตามการพลิกตัว ใบหน้าหล่อที่ดูเย็นเยียบไร้ความรู้สึกเปรยกับบิดาที่ส่งสายตาเป็นคำถามมาทางเขา
ผู้หญิงคนที่ว่ามาแล้ว ผมจะไปเคลียร์กับเขาหน่อย คราวหน้าจะยุ่งกับใครก็เลือกที่จะไม่ทำให้พ่อต้องเจ็บตัวแบบนี้อีกละกัน
มันไม่ใช่อย่างที่เจนคิด!
แต่เสียงนั้นก็ตามไม่ทันลูกชายที่ก้าวเท้าฉับๆเปิดประตูห้องออกไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 55 22:18:52
จากคุณ |
:
Chanuikarn
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ย. 55 22:30:55
|
|
|
|