22/2
นินา... เสียงแหบแห้งจากในห้องร้องเรียกหาสาวใช้ แว่วออกมายังโถงทางเดิน
คาชาลรีบเร่งฝีเท้าไปห้องลูกชายที่ภรรยาเอาแต่เก็บตัว ถึงอย่างนั้นมือซึ่งกำลังจะหมุนลูกบิดกลับชะงักค้าง นึกเกรงปฏิกิริยารุนแรงจากเธอ
นินา...
เขาจะเอาแต่หลบเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว คาชาลปลุกปลอบตัวเอง เขาละทิ้งทุกสิ่งอย่างที่เคยคิดว่ามันสำคัญในชีวิตเพื่อดวงใจดวงเดียวนี้มิใช่หรือ เขาจำเป็นต้องเข้มแข็งในเวลาที่คนรักอ่อนแอ จะมัวมากลัวความรู้สึกต่อต้านจากเธอไม่ได้อีกต่อไป ก่อนที่เธอจะต้านเขาออกจากชีวิตไปได้จริง
ชายหนุ่มตัดใจหมุนลูกบิด หัวอกหวิวโหวงเมื่อสายตาแลพานพบภรรยานั่งกอดเข่าคู้ ซุกตัวข้างตู้เสื้อผ้าซึ่งเปิดอ้าไว้ ข้างในนั้นไม่มีเสื้อผ้าเจ้าของห้องแขวนอยู่ แล้วเขาก็นึกรู้ว่าภรรยาเรียกหาเด็กรับใช้เพราะเหตุใด
ลิลลี่
เขาค่อยเอื้อมมือ หมายอุ้มเธอนั่งบนเตียงดีๆ ทว่าหญิงสาวกลับสะบัดตัวดิ้นหนีอย่างขวัญผวา
ผมเอง ลิลลี่ ลืมตาสิ ผมเอง
ดวงตาแดงก่ำวาววับด้วยหยาดน้ำตาค่อยมองสบ ก่อนความหวาดกลัวในดวงตาคู่งามจะแปรเปลี่ยนเป็นความปวดร้าว เสียดแทงเขาให้เจ็บปวดตาม
ลลิลดาพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม หากเรี่ยวแรงอันน้อยนิดทำให้ไม่เป็นดังใจ
ได้โปรด อย่าเป็นแบบนี้เลยนะลิลลี่ ผมยอมแล้ว ยอมคุณแล้วทุกอย่าง
ลมหายใจอุ่นจัดของเขารินรดกลางฝ่ามือเย็นชืดที่ตนเกาะกุมแนบใบหน้า สายตาเหลือบไปยังตู้เสื้อผ้าว่างเปล่าของบุตรชาย
มันเป็นประเพณีของเราที่ต้องนำข้าวของไว้กับเจ้าของมันตลอดไป ผมรู้ว่ามันยากสำหรับคุณที่จะทำใจ แต่มันก็ยากสำหรับผมไม่น้อยกว่ากัน ผมไม่ได้ตั้งใจทำร้ายจิตใจคุณซ้ำสองเลยนะลิลลี่
ร่างบางสั่นเทิ้ม ดวงตาลึกโหลจ้องสามีขุ่นเขียวทีเดียว เธอขยับริมฝีปากแห้งผาก อยากกรีดร้องใส่คนตรงหน้าให้สาสมกับความใจร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าของเขานัก หากเสียงที่ออกไปกลับดังอยู่แค่ลำคอ
เธอทำกับฉันแบบนี้ได้ไง ทำไมถึงทำกับเราแม่ลูกได้ ทำไม... คาชาล ทำไม
อย่าพูดอย่างนั้น อย่าพูดเหมือนผมไม่รักคุณกับลูก ได้โปรด คุณก็รู้ ลิลลี่
ลมหายใจของเขาขาดห้วงอย่างทนไม่ได้ ก่อนน้ำอุ่นๆ จะหยดลงต้องหลังมือ เมื่อนั้น หยดน้ำซึ่งขังคลอดวงตาแดงก่ำก็ไหลรินตาม
ทำไมต้องเป็นแบบนี้ คาชาล ในหัวฉันมันมีแต่ภาพที่เธอตวาดไล่ลูกเข้านอน ภาพเธอนอนหันหลังให้ฉัน ภาพเราสองคนต่อสู้เอาชีวิตรอด คาชาล ฉันเจ็บ มันเจ็บเหลือเกิน
ชายหนุ่มบีบมือบางแน่น เขารู้ความหมายของเธอดี ลลิลดาคงทนไม่ได้ที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป หรือเขาเองนั่นแหละที่เธอไม่อาจทนพบหน้า คิดมาถึงตรงนี้เขาก็มองเห็นจุดจบชีวิตคู่ของตน
เขารักเธอมาก มากเสียจนถ้าเธอต้องการเช่นนั้นจริง ถ้ามันจะทำให้เธอกลับมายิ้มได้อีกครั้ง เขาคงหมดข้ออ้างรั้งเธอไว้ในกองทุกข์อีกต่อไป
คาชาลค่อยวางร่างภรรยาลงบนเตียง เมื่อเธอหันซุกหน้ากับหมอน เขาจึงต้องถอยตัวเองออกมา
...................................
นี่คุณรู้แล้วหรือว่าลิลลี่อยากกลับบ้าน รู้แล้วยังเฉยนี่นะ
เจคกลอกตามองคนตรงข้ามอย่างเหลือเชื่อ ท่าทางนิ่งเงียบของอีกฝ่ายราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร หากเขามองออกว่าภายในใจของน้องเขยมิได้สงบนิ่งดังภายนอก
ขนาดตอนลลิลดาบอกความต้องการกับเขา เขายังตกใจ นับประสาอะไรกับชายหนุ่มผู้นี้ที่คงจะใจหายไปทั้งดวง
รู้ไหม ปกติผมไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวใครแบบนี้
ผมเห็นคุณยุ่งเป็นอาชีพ
คนถูกขัดคอเม้มปาก ทำใจเย็นเอ่ยออกไป คุณบอกเธอหรือยังเรื่องงาน
ยัง
หมายความว่าคุณอาจกลับไปรับตำแหน่งอีก หลังเลิกกับเธอ
ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณกระมัง
เจคถอนใจ อีกฝ่ายคงกำลังน้อยใจภรรยาอยู่บ้าง น่าเสียดาย เพราะแม้แต่เขายังมองเห็นความรักที่คนสองคนมีต่อกัน แต่ปัญหาที่เข้ามากลับสร้างความเจ็บปวดจนคนสองคนไม่อาจอยู่ด้วยกัน
พวกคุณจบกันแล้วจริงหรือ ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างรักกันนี่นะ
ผมคงไม่มีความสุข ถ้าคนที่ผมรักต้องทนทุกข์อย่างนี้ ผมเห็นแก่ตัวมาตลอด เป็นฝ่ายรับความรัก ความเสียสละจากเธอฝ่ายเดียว
หมายความว่าจะหย่า...
ผมไม่ได้พูด ไม่ได้หมายความอะไรทั้งนั้น เสียงเอ่ยเข้มขึ้น แต่แล้วก็กลับอ่อนลงจนแทบครางเมื่อนึกได้ หรือลิลลี่บอกคุณว่าเธอต้องการ...หย่า
เปล่า
เจคลุกยืนพร้อมรอยยิ้มมุมปาก เขาพอมองเห็นแล้วล่ะว่าบางทีเรื่องราวอาจไม่ได้จบอย่างเลวร้ายนัก หากมีช่องว่าง ระยะห่างให้ต่างฝ่ายได้ทบทวนความรู้สึกตนเอง เขาขอภาวนา เอาใจช่วยบุรุษผู้น่าสงสาร คนที่ชีวิตพบพานแต่การลาจากสักครั้งหนึ่งแล้วกัน
เขาสวมกอดน้องเขยตามประเพณีชาวทิชกู เมื่อถอนตัวออกมาต่างฝ่ายต่างก็สบตากันด้วยความคาดหวัง เป็นครั้งแรกที่ไม่มีเรื่องงานมาคั่นกลางความเป็นครอบครัว
.......................................
ถ้าเทียบกับประเทศอื่นแล้ว สนามบินแห่งชาติของคาซาเนียมีผู้คนบางตากว่ามาก ผู้คนส่วนใหญ่เป็นพลเมืองในประเทศ คนมีความรู้ความสามารถที่ต้องเดินทางไปติดต่องานการ น้อยคนนักจะเดินทางเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ในสภาพที่ประเทศกำลังฟื้นฟู และผู้คนไม่น้อยยังมีชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างล้าหลัง
ยกเว้นเธอที่กำลังจะเดินทางไปพักผ่อน กลับสู่อ้อมกอดของแม่โดยทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ทั้งความสุข ความทุกข์ มีเพียงความมั่นคง ปลอดภัยที่แม่คนเดียวให้เธอได้เสมอมา
ลลิลดาเหม่อมองพี่ชายที่เป็นธุระจัดการให้ ได้เห็นน้ำใจของเขาในยามสิ้นไร้แรงกายแรงใจ เจคยังอาสาจะไปส่งเธอต่อเครื่องบินยังอีกประเทศหนึ่ง ก่อนที่มารดาจะรอรับ ณ จุดหมายปลายทาง เธอเชื่อเหลือเกินว่าหากเป็นไปได้ ไม่มีใครต้องการให้เธอคลาดสายตาสักคน คิดดังนี้ จิตใจซึ่งห่อเหี่ยวจึงค่อยมีแรงกระตุ้นให้กลับมาใส่ใจตนเองอีกครั้ง ไม่อยากให้ใครต้องทุกข์ กังวลใจเพราะเธอ
ทว่าหญิงสาวลืมนึกถึงบุรุษคนหนึ่ง คนที่เธอกดเก็บไว้ก้นบึ้งหัวใจแล้วแสร้งละเลย ไม่สนใจ จนบางครั้งมันก็คอยประท้วง เหมือนเช่นตอนนี้ที่เธอเห็นเขาคนนั้นยืนอยู่ข้างเสาไกลๆ
ร่างสูงยืนนิ่งแม้บัดนี้ตนได้ตกเป็นเป้าสายตา ดวงตาคมกล้ามองสบกลับมาแฝงไว้ด้วยแวววิงวอน ลลิลดารีบถอนสายตากลับมามองฝ่ามือบนตัก ก้อนเนื้อในอกเต้นเร่าด้วยความเจ็บปวด
เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดเชียว
คนน้องสั่นศีรษะดิก พลางลุกสมทบกับพี่ชาย
เสร็จแล้วเหรอ ไปเถอะ
เธอเกี่ยวแขนล่ำสัน ลากออกมาให้พ้นระยะสายตาของคนที่ซ้อนทับระหว่างความจริงกับจิตใต้สำนึก โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายยืนคอตก แทบล้มพับหมดแรงติดตามอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นท่าทีรังเกียจ เกลียดชังของเธอ
เฮ้! มีอะไรกันแน่
ครั้นชายหนุ่มหยุดเดินเอาดื้อๆ ร่างบางหรือจะลากไหว
ฉันเห็น...เขา เธอพึมพำตอบสายตาคาดคั้น
เจคโอบไหล่น้องสาวเข้ามาแนบชิด เข้าใจในความสับสนของเธอ
ไม่อยากบอกลาเขาหน่อยหรือ
ลลิลดาเม้มปากอย่างที่ชอบทำยามขบคิด น่าแปลก ไม่เคยมีสักเสี้ยวใจที่จะคิดบอกลา รู้แต่เพียงว่าต้องถอยออกมา ถอยออกมาให้ห่างจากความเจ็บปวดเท่านั้น
ยังหรอก เจค ยังไม่ใช่ตอนนี้
จนกว่าเธอจะพร้อมเผชิญหน้าเขา เมื่อนั้นบทสรุปของมันจะเป็นอย่างไรก็ตาม
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ก.ย. 55 11:56:49
|
|
|
|