Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 14 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12632532/W12632532.html

บทที่ 14

ตรงฉัตรลุกไปเอง เขาเลือกโต๊ะว่างห่างจากโต๊ะเดิมเล็กน้อย ยังไงก็ต้องให้เจ้านายสาวใหญ่อยู่ในสายตา

ตอนเดินทางไปเจรจาด้วยตัวเองที่ไต้หวัน เขาไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกันไป แต่เมื่อฝ่ายโน้นเป็นฝ่ายเดินทางมาที่นี่ จะแสดงกิริยาก้อร่อก้อติกให้เขาเห็นไม่ได้ ณพนาไม่ใช่ขนมหวานให้ผู้ชายขบเคี้ยวเล่น หล่อนคือเจ้าชีวิตของเขาที่เขาหวงแหนที่สุด

"อะไรครับ" เขาถามแล้วก้มมองแก้วกาแฟเย็น

"ฉันซื้อมาให้ ถือเสียว่าแทนคำขอบคุณที่คุณให้โอกาสฉันได้มาคุยธุระสำคัญด้วย"

ปัญปัทม์ยิ้มหวานสั่นคลอนหัวใจหนุ่มเลขา เธอไม่เห็นหรอก เพราะฝ่ายโน้นควบคุมปฏิกิริยาประหลาดไว้ได้เป็นอย่างดี

ตรงฉัตรก็เก่งแบบนี้แหละ พันศิลป์ถึงได้เกลียดเขาเข้ากระดูกดำ เพราะเขาเฉยเกินไป หน้าก็นิ่งยียวนให้กระแทกหมัด ทั้งที่รู้ว่าต่อยไปก็หมัดระบมเปล่าๆ เพราะไม่ว่าเจ็บแค่ไหน ปากสวยๆ ของพ่อหนุ่มเลขาก็จะไม่มีวันเปิดวันคายในสิ่งที่ปรารถนาใคร่รู้

"คุณคงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับการเดินทางอย่างรีบด่วน"

"ถึงด่วนที่สุดด้วยค่ะ" เธอรีบต่อท่อนท้ายด้วยรอยยิ้มหวานอีกตามเคย "นี่ถ้าไม่เกรงใจว่าจะทำให้คุณตรงฉัตรเสียเวลาละก็ ฉันจะอวดหัวไหล่กับต้นแขนให้ดูว่ามันช้ำตั้งหลายรอย พี่คนขับซิ่งสะบัด แต่ก็ถูกใจฉันมากเลย"

เธอยังพูดได้คล่องปรื๋อเหมือนเดิม สีหน้าก็ไม่ได้เผยความหงุดหงิดใดๆ ตรงกันข้าม เวลาฟังเธอพูด มองเธอยิ้ม ยักไหล่ หรี่ตา เม้มปาก ทุกอิริยาบถนั้นมันดูงามและถูกใจตรงฉัตรไปเสียหมด

คงเพราะว่าเธอแสดงมันออกมาจากธรรมชาติข้างใน ไม่เสแสร้งดัดจริตเพื่อเรียกความชื่นชมจากเขาเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่เขาเจอมาเยอะแยะ
 
"เอาล่ะ ขอบคุณสำหรับกาแฟเย็น พูดธุระของคุณได้แล้ว ผมมีเวลา.. "

"ฉันเข้าใจค่ะ เวลาของเลขาเนื้อทองก็คือทอง แล้วทองมันก็ล้ำค่า ราคาสูง หาซื้อลำบาก โดยเฉพาะคนหาเช้า.. "

"คุณปัญปัทม์ครับ เข้าเรื่อง"

"อ้อ ค่ะ" ปัญปัทม์ขยับตัวทะมัดทะแมง ใจก็แอบค่อนขอด 'อะไรกันน่ะ เกริ่นนำให้ปลอดโปร่งยังไม่ชอบอีกหรือ'

"ครับ"

"ฉันรู้แล้วว่าคุณตรงฉัตรเป็นหนุ่มประจวบ" ประกายตาลิงโลดขึ้นแวบหนึ่งเมื่อเห็นหนุ่มเลขาเสียกิริยานิดๆ เขาดูดกาแฟเย็น แต่ว่า 'สำลัก'  

"คุณ.. "

"อ้อ เดี๋ยวค่ะ" เธอยื่นมือออกไปแบบปางห้ามญาติ ก็มันข้องใจเรื่องนี้เหลือเกิน "ฉันสงสัยค่ะ คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่สนามบิน"

"คุณปัญปัทม์ ก็ที่นี่มันสนามบิน เสียงเครื่องบินขึ้นๆ ลงๆ ออกดัง ตอนคุยโทรศัพท์กับผม คุณไม่ได้ยินเสียงพวกนี้แทรกเข้าไปบ้างเลยหรือ"

"อ้อ ได้ยินค่ะ"

ตอบเฉื่อยๆ ออกไปแล้ว ใจก็อยากหยิกปากหยิกแก้มตัวเองจริงๆ สับเพร่าไม่เข้าท่าเลย อ้อ ไม่ใช่สิ แบบนี้เรียกว่าสับเพร่าไม่ได้หรอก ต้องเรียกว่าขาดความละเอียดถี่ถ้วนเสียมากกว่า แล้วตรงฉัตรก็มีมันเยอะเหลือเกิน

"ธุระคุณมีแค่นี้หรือ" เขาย้อนถาม หน้าตาเฉยสนิท ทำราวกับว่าเมื่อนาทีก่อนไม่ได้สำลักอะไรกับธุระของเธอ

"มีเยอะกว่านี้ค่ะ" ปัญปัทม์ยิ้มมุ่งมั่น "คุณเป็นคนประจวบแน่นอน ฉันสืบมาแล้ว ข้อมูลคุณในมือฉัน มันยังมีอีกมาก ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ ถ้าไม่จำเป็น ฉันก็ไม่อยากใช้มันเป็นเครื่องต่อรองนัก แต่คุณดื้อเอง ช่วยไม่ได้"

"ต่อรอง" ตรงฉัตรทวนด้วยเสียงสุขุม "คงหมายถึงให้ผมยอมรับข้อกล่าวหานั่นใช่ไหมครับ"

"เก่งค่ะ"

ตรงฉัตรกระแอมเบาๆ เหลียวกลับไปดูณพนา ก็เห็นว่าพ่อค้าไต้หวันที่นัดเจอมาถึงแล้ว ตอนนี้ก็นั่งคุยกันบ้างแล้ว ณพานายื่นเอกสารไปตรงหน้าเป็นเชิงเร่งให้ปิดภารกิจ เขาก็ควรจบธุระไม่เข้าท่าของปัญปัทม์เสียที

"เอาล่ะ" เขาเหลียวกลับมา แล้วจบความ "ขอบคุณสำหรับกาแฟเย็น แต่รู้แล้วจำด้วยนะคุณปัญปัทม์ มันหวานไป ผมไม่ใช่รสหวาน ขมก็ไม่ชอบ ผมชอบแบบกลมกล่อม จำได้ไหมครับ"

"จำได้ค่ะ"

"ดีครับ ถ้าอย่างนั้นเราก็จบธุระของเราเพียงเท่านี้ อ้อ.. " เขากระดิกนิ้ว แล้วชี้สะกดให้เธออย่าเพิ่งรีบแทรกขัด เพราะเธอกำลังจะทำอย่างนั้น "คุณเก่งมากที่หาข้อมูลผมจนเจอ แต่ผมจะไม่ต่อยอดด้วยการยอมรับหรือปฏิเสธ คุณเข้าใจใช่ไหมครับคุณปัญปัทม์"

"เอ้อ เข้าใจค่ะ"

"เก่งครับ สวัสดีครับ"

"สวัสดีค่ะ"

ปัญปัทม์หน้าแห้งปนหงอยลงทันทีเมื่อเขาลุกขึ้น การเจรจาจบง่ายๆ อีกแล้ว และเธอเป็นฝ่ายโดนต้อนเข้ามุมด้วยข้อมูลโมเมแบบไม่เนียน ขณะเหลือบตาขึ้นมองหน้าเขาอย่างเฉื่อยๆ เธอเห็นหมดว่าในตาขรึมส่องประกายอะไรก็ไม่รู้ออกมา แต่มันสวยมากเลย

บางทีอยากจะเรียกประกายนั้นว่าความเอ็นดู แต่ก็ไม่มีเหตุผลมารองรับว่าทำไมเขาต้องเอ็นดู บางทีก็อยากเรียกว่าขบขัน อันนี้นี่ น่าจะพอมีเหตุผลที่คู่ควรอยู่บ้าง

ตรงฉัตรหมุนตัวหันหลังแล้วเดินกลับไปสมทบกับณพนา เขาซอยเท้าเร็วขึ้นเมื่อพ่อค้าขี้หลีกุมมือหล่อนด้วยกิริยากรุ้มกริ่ม

ใจวาบหวามและเผลอไผลไปกับแววตาหงอยหน้าเจื่อนของสาวทนายไม่ได้เรื่องเมื่ออึดใจก่อนก็มีอันสั่นคลอนแล้วแตกกระจายหมดเกลี้ยง ที่เหลืออยู่ในตอนนี้น่ะหรือ เขาไม่พอใจแล้วล่ะ




ณพนาตาโตเมื่อเลขาเนื้อทองปรี่มาดึงมือออก เขานั่งฉับลงแล้วพยักพเยิดกับพ่อค้าไต้หวัน สีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก เสียงทุ้มซึ่งปกติก็ขรึมเคร่ง ตอนนี้แกมดุนิดหน่อยด้วย

"ต้องขอโทษด้วย ผมค่อนข้างหวงเจ้านาย อีกอย่าง ผมไม่ชอบให้คนต่างชาติลบหลู่ผู้หญิงไทยด้วยการถึงเนื้อถึงตัวทั้งที่ไม่ได้สนิทสนมกันมากพอ"

"เอ้อ เลขาฉันเอง อย่าถือสาเขานะคะ พ่อนี่น่ะอารมณ์ร้อนเหมือนไฟ ฉันสอนแล้วสอนอีก แต่ก็ดื้อด้านไม่ค่อยยอมเชื่อฟังดีๆ เหมือนว่าเขาชอบทำให้เสียชื่อ เจ้านายใจเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง แต่กลับมีเลขาใจมุทะลุ เอะอะก็ใช้กำลังตัดสิน นี่ฉันก็เบื่อๆ อยู่นะคะ แต่ยังหาเลขาใหม่ไม่ได้ ก็เลยต้องทนๆ ไปก่อน เอ้า เซ็นสัญญากันเถอะค่ะ"

พ่อค้าไต้หวันก็ดูจะเกรงใจแววตาดุนิดๆ ของพ่อหนุ่มเลขาไม่น้อย หน้าเคร่งก็ไม่น่านั่งเสวนาด้วยนาน เอาตามที่สาวใหญ่แสนสวยตัดบทก็แล้วกัน เซ็นสัญญาให้เรียบร้อยจะได้ต่างคนต่างไป

ตัวเขาก็มีนัดกุ๊กกิ๊กกับอีหนูด้วย ไม่อยากไปผิดเวลา ภรรยางอน ง้อไม่ง้อก็หมูในอวย แต่อีหนูปั้นปึ่ง ถ้าไม่ง้อเดี๋ยวไอ้หนุ่มอื่นก็มาคว้าไปฟาดแทน

"เป็นอะไร แค่นี้เอง หึงหรือ"

ณพนาถามขำๆ หลังจากที่การเซ็นสัญญาลุล่วงเรียบร้อย พ่อค้าไต้หวันก็ปลีกตัวไปแล้ว ตอนนี้ก็มีหล่อนกับเขานั่งมองตากันเอง อ้อ แต่หล่อนก็ยังมีแก่ใจเหลียวไปยังโต๊ะข้างหลัง เผื่อว่าจะเจอปัญปัทม์ ซึ่งก็ไม่เจอ

"แม่ทนายคนเก่งของเธอถอดใจเสียแล้วหรือ" หล่อนหันกลับมาแล้วสัพยอกกึ่งดูแคลนขำๆ

"เปลี่ยนเร็วดีจัง ไม่อยากฟังคำตอบแรกหรือ ผมเพิ่งเรียบเรียงเสร็จ"

"อ้อ เอาสิ ตอบเลย พร้อมฟัง"

"ไม่"

"อะไรของนาย"

"ไม่ไง คำตอบน่ะ โอ๊ะ คุยกับคนแก่ก็แบบนี้แหละ ไม่พ้นสองนาทีก็ลืมเสียแล้ว"

"ไอ้ตรงบ้า"

ณพนาด่าลอดไรฟัน บังคับเสียงให้แหบๆ หรี่ๆ เพราะเกรงใจคนมากมายใกล้เคียง หล่อนจะทุบต้นขาเพรียวคนปากเสีย แต่เจ้าตัวลุกไปเสียก่อน ก็เลยฟาดเก้าอี้แทน มันยอมไม่ได้จริงๆ ต้องรีบลุกตามมาหยิกเอวให้สำนึกว่าปากเปราะ

"โอ๊ย คุณนา ผมเจ็บ คุณนา ปล่อยสิ โอ๊ย นี่มัน.. "

จะบอกว่า 'นี่มันที่สาธารณะ สนามบินใหญ่ของเมืองกรุงเทพนะ' แต่ก็พูดไม่ออกแล้ว

ดูโน่นสิ เขาเห็นอะไร เป็นภาพเดียวกันกับที่เจ้านายสาวใหญ่เห็นด้วยใช่ไหม หล่อนไม่หยิกแล้ว แต่สองนิ้วที่คีบเนื้อก็ค้างอย่างตกตะลึง เขาสงสารหล่อนจับใจตอนได้ยินเสียงครางแหบพร่าขึ้นว่า 'น้อง'

ใช่ น้องสาวของหล่อน แม่ยอดชู้ที่หล่อนเฝ้าทะนุถนอมและรักดั่งดวงใจ พลิ้วแพรกลับมาเมืองไทยแล้ว มาแบบสายฟ้าแลบ

มิหนำซ้ำ ยังปรากฏโฉมเหยียบย่ำจิตใจพี่สาวอย่างโหดร้ายด้วยการควงแขนพี่เขยมาเฟียอย่างสนิทสนม หน้าสวยเชิดระรื่น ยิ้มกว้างอวดชาวบ้านว่าตนมีความสุขเสียจังที่ได้กลับบ้านเกิดมาซ้ำเติมหัวใจชอกช้ำของคนเป็นพี่

"ตรงฉัตร"

"ครับ คุณนา มาทางนี้ก่อน อย่าให้เขาสองคนเห็นเรา"

สงสารเสียจนน้ำตาเกือบซึม เจ้านายสาวใหญ่มือเย็นมากเลย ตัวหล่อนสั่นนิดๆ ทำหน้าทำปากคล้ายจะร้องไห้ แต่ความผิดหวังแกมหวาดกลัวมันจุกอกจุกคอ น้ำตาก็เลยหาทางออกไม่ได้

"ตรงฉัตร นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมแม่ยอดชู้ของฉัน.. "

"ผมเคยเตือนแล้วเตือนอีก คราวนี้เชื่อผมได้หรือยัง"

"มันอาจจะ.. "

"ไม่มีคำว่าอาจจะหรอกครับ ผมไม่ฉลาดเท่าคุณนา แต่ผมคิดเยอะกว่า ถ้าผมเป็นคุณพันศิลป์ แล้วเป้าหมายของผมก็คือทำยังไงก็ได้ให้คุณนาเจ็บปวดจนอยากหนีไปตายแต่ก็ยังตายไม่ได้ละก็ คุณพลิ้วนี่ล่ะ คือตัวหมากชั้นยอด"  

"ทำไมน้องไม่บอกฉัน เราเพิ่งโทรคุยกันไม่ใช่หรือ ใช่ไหมนายตรง นายก็เพิ่งคุยกับน้อง ทำไมน้องไม่บอกอะไรนายบ้างเลย น้องรักนายนี่ น้องอยากแต่งงานกับนาย"

"หายใจลึกๆ ครับ เรากลับบริษัทไปตั้งหลักกันก่อน ไปครับคุณนา"

ณพนาเสียใจมากจริงๆ แม่ยอดชู้ที่หล่อนคะนึงหาทุกวันคืนนับแต่เดินทางไกลไปเรียนต่อถึงเมืองนอก แต่พอบทจะกลับมา หล่อนกลับไปควงแขนศัตรูใจอุบาทว์เสียได้ ช่างไม่รู้เสียบ้างเลยว่าชายเลวคนนั้นมันก่อกรรมบัดซบไว้กับพี่สาวตนยังไงบ้าง

"พลิ้วนะพลิ้ว ทำไมทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาพี่แบบนี้"

"ผมไม่ได้ซ้ำเติมนะ แต่อยากบอกว่าคุณพลิ้วทำแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่"

"ไอ้ตรงฉัตร ไอ้บ้า" หล่อนทุบแขนเตะน่องอย่างฉุนเฉียว "ถ้ามันตั้งใจเสียขนาดนี้ นายไม่ต้องออกตัวก่อนก็ได้นะ ฉันฉลาด แล้วก็ฟังออกด้วย ไอ้เด็กบ้า"

ตรงฉัตรห่อปาก เจ็บลำตัวนิดหน่อยตอนหล่อนกระชากประตูรถมากระแทกดังตึก แหม จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นจนได้ใช่ไหม ความหวังดีของเขานี่น่ะ

ถ้าเขาไม่พูดแบบนี้ ป่านนี้หน้าแห้งตาเศร้าก็คงไม่ยอมจากไปหรอก ดูตอนนี้สิ เจ้าชีวิตกระแทกนั่งเสียเบาะยุบ ถลึงตาปั้นหน้ายักษ์เร่งยิกๆ ทำนองว่า 'เร็วสิยะ มาขับรถ ยืนทำหล่ออยู่นั่นแหละ ทุเรศ'




แล้วความจริงที่ปะหน้าเมื่อเข้ามาในห้องทำงาน มันยิ่งกว่าความทุเรศไหนๆ มารวมกันเสียอีก ตรงฉัตรกลืนน้ำลายอึดอัด พลิ้วแพรโผมากอดรัดไม่อายสายตาใครเลย

หล่อนรำพันอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ลิ้นรัวจนฟังไม่ออกเป็นคำๆ ไหนจะหัวเราะแทรกปนตลอดเวลาอีก แต่ก็ช่างเถอะ ทั้งหมดนั้นเขารับได้ และไม่ค่อยเต็มกลืนเท่ากับโดนหล่อนหอมแก้มซ้ายขวาอย่างถือสิทธิ์

พันศิลป์ยืนพิงโต๊ะทำงานของภรรยาคู่แค้นด้วยอิริยาบถยียวน เขากอดอกหลวมๆ เหยียดยิ้มดูแคลนสาวใสใจแตก ที่แม้จะผ่านวันคืนช่วงวัยรุ่นมาแล้ว แต่วันนี้ก็ยังไม่วายอวดความใจแตกไม่มีสมองให้เขาสังเวช อืม สังเวชแทนแม่พี่สาวที่ยืนหน้าแห้งด้วย

"ฝีมือแกละสิ" ณพนาย้ายฝีเท้ามาใกล้ศัตรู เหยียดปากถามลอดไรฟันกลั้วกับแสงตาเกลียดๆ แค้นๆ

"โอ๊ะ แหม พอน้องสาวกลับบ้านเข้าหน่อย ก็ฉลาดน้อยขึ้นมาเชียวนะที่รัก"

"เก็บไอ้คำอุบาทว์นั่นไปใช้กับนังผู้หญิงของแกเถอะ ถ้ามันได้ยินแกมาสำรอกกับฉัน ระวังมันจะแท้งเอาง่ายๆ นะ"

ยิ้มยียวนที่เหยียดอยู่นานค่อยหุบฉับ อิริยาบถเฉื่อยชาปลอดโปร่งก็เปลี่ยนไป พันศิลป์ยืนตัวตรงปุบปับ ซ้ำยังจ้องหน้ายโสแกมท้าทายของภรรยาคู่แค้นอย่างเหลือเชื่อ

นี่หล่อนรู้หรือ โอ้ ตายล่ะ หรือว่าเขาเดินเกมพลาดไปจุดหนึ่ง อย่างน้อย ความจริงที่เขาเจอรักแท้ก็ไม่ควรเล็ดลอดออกมา แต่ดูท่าว่าตอนนี้มันลอยเข้าหูสาวแกร่งคนนี้เข้าเสียแล้ว บัดซบจริง

"หายกันนะ แกทำให้ฉันตกใจที่ควงน้องกลับมา ส่วนฉันก็ทำให้แกใจหายวาบทีหลัง" ณพนาเค้นเสียงถากถาง พอจบความ ยิ้มดุปนดูแคลนก็จางหาย เหลือเพียงวงหน้าเคร่งกับแค้น "แกฟังเอาไว้ไอ้สารเลว ลูกไม้ของแกมันไม่ได้วิเศษมากเกินกว่าที่ฉันจะเตะเล่นได้ เรายังต้องฉะกันอีกนาน"

"ไม่น่าจะเกินสามเดือน" พันศิลป์ย้อนแล้วยักไหล่

"ด้วยฝีมือนังทนายอ่อนหัดที่ปะทะกับตรงฉัตรของฉันทีไรก็หน้าแตกแล้วแตกอีกน่ะหรือ เชอะ จะอ้วก"

ในร่างกายมันเกิดคลื่นคลั่งสาดซัดเข้ามา ยามที่แรงกระแทกมันถาโถมหัวใจ พันศิลป์มาเฟียก็ร้อนอบอ้าวอยากตบหน้าสวยของศัตรูคู่แค้นให้เต็มฝ่ามือ

ฆ่าณพนามันทำไม่ยาก แต่เพราะมันง่ายนี่ล่ะ มันถึงไม่สาแก่ใจพยาบาท หล่อนทำเขาเจ็บแสบ หล่อนก็ต้องได้รับโทษที่แสบสันยิ่งกว่า อยากตายหรือ อย่าฝันเลยว่าเขาจะมอบโอกาสนั้นให้

ชั่วชีวิตของหล่อน จะต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน หรือถ้าใจเสาะนัก ก็มาล้มตัวนอนตายชิดปลายรองเท้าของเขานี่เถอะ ถึงตอนนั้น เขาอาจจะพอทำใจอโหสิ และเลิกแล้วเวรกรรมที่ก่อต่อกัน

"อย่าเลยณพนา เก็บแรงอ้วกไว้กระอักเลือดตายแทบเท้าฉันดีกว่า เธอต้องมีวันนั้นแน่ๆ ถ้าในสามเดือนที่ฉันกำหนด เธอยังดื้อด้านไม่เจียมตัว อ้อ ไม่ใช่สิ ไม่ซาบซึ้งในความปรานีที่ฉันเสนอ"

"ไอ้เลว" สาวแกร่งเค้นด่าลอดไรฟันตามเคย สะอิดสะเอียนกับเสียงเสแสร้งทำทีว่าเมตตาอุบาทว์นัก

"ผู้ชายเลวมันเป็นเรื่องปกติออก แต่ผู้หญิงกากีมีชู้นี่สิ มันน่าประณาม น่ารังเกียจ ยิ่งเธอซึ่งเป็นลูกหลานผู้ดีมีเกียรติมีชื่อเสียงด้วยแล้ว ก็ยิ่งถูกมองอย่างเหยียบย่ำยิ่งกว่านังโสเภณีโสโครกน้ำกามเสียอีก"

"ไอ้.. "

"อย่าสำรอกความน่าสะอิดสะเอียนของเธอออกมาให้น้องสาวรับรู้เลย จะรีบให้ฉันสังเวชความพ่ายแพ้ของเธอเร็วเกินไปไหม"

"ไอ้พัน.. "

"ไม่ต้องใจร้อนหรอก ยังไงเธอก็ต้องเจอกับมันอยู่แล้ว ยกเว้นไอ้ชู้หน้ายียวนกวนส้นรองเท้าฉันแล้ว ฉันจะทำให้เธอไม่เหลือใครเลยแม้แต่แม่ยอดชู้"

ศัตรูยิ้มกระหยิ่มท้าทาย หลิ่วตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม เชยคางซ้ำเติม แล้วทำท่าจูบให้นึกสะอิดสะเอียน ณพนากัดปากกลั้นน้ำตา สองมือกำเกร็ง ตัวหล่อนสั่นรุนแรง รู้สึกตะครั่นตะครอทั่วร่างกายที่โดนแผดเผาด้วยไฟแค้น ไหล่ร้อนเพราะชายเลวจงใจเดินชนไปหาเป้าหมาย

ใช่ เป้าหมายที่ตรงฉัตรเตือนแล้วเตือนอีก เขาบอกว่าพลิ้วแพรคือหมากตัวสำคัญในเกม พันศิลป์เป็นคนกุมหมากตัวนี้ไว้ในมือ ส่วนหล่อนก็เป็นฝ่ายรอว่าเมื่อไหร่ศัตรูจะเริ่ม 'เดินหมาก'

"ที่รักจ๋า หวานกันพอหรือยัง พี่มีนัดเจอลูกค้ารายสำคัญ ถ้าน้องไม่เหนื่อยเกินไป หรืออยากอยู่คุยกับพี่นาก่อน ไปกับพี่ไหม อยากให้รู้จักกันไว้ เขาใหญ่โตใช้ได้ทีเดียว ต่อไปวันหน้า เราอาจต้องพึ่งพาเส้นสายของเขา อย่างเช่นว่าฝากน้องเข้าทำงานในบริษัทหรูๆ ที่ไม่ใช่ที่นี่น่ะ"

"จริงหรือคะพี่พันศิลป์ โอ้โฮ ฟังแล้วน่าสนใจดีจัง นั่นสิคะ ที่นี่มันดูต๊อกต๋อยกว่าหลายปีก่อนยังไงก็ไม่รู้ พี่นาบริหารไม่เก่งเท่าพ่อเลย เหมือนที่พี่พันศิลป์เล่าให้ฟังทางโทรศัพท์เลยค่ะ"

ตรงฉัตรไม่อยากฟังว่าสาวปัญญาอ่อนจะพล่ามอะไร เขาโล่งใจขึ้นที่ไม่ต้องเปลืองตัวให้ผู้หญิงใจแตกแทะโลม คุยไปลูบไป น่าไม่อายจริงๆ พลิ้วแพรไม่น่าเกิดมาเป็นน้องสาวของสาวแกร่งใจกล้าอย่างณพนาเลย

ดูสิ เจ้าชีวิตของเขาเข้มแข็งแค่ไหน หน้าซีดเผือดจะตาย แต่ยังฉายรอยยิ้มพิมพ์ใจประสานสู้กับแสงเยาะหยันถากถางของสามีมาเฟีย หล่อนทอดส่งไปให้น้องสาว แต่น้องสาวกลับไม่เหลือบแลมากไปกว่าโผเข้าควงแขนพี่เขยชั่ว แล้วหันมากระดิกนิ้วดัดจริต ก่อนจะบอกว่า

"ถ้าอย่างนั้น เราก็เจอกันที่บ้านตอนค่ำเลยทีเดียวก็แล้วกันนะคะพี่นา อ้อ พี่ตรง ถึงตอนนั้น เราต้องเจรจาจริงจังและเปิดอกด้วย หมดเวลาต่อรองแล้วค่ะ ไปนะคะหนุ่มสาว ไปค่ะพี่เขยรูปหล่อ"

"ไปครับ แล้วไว้เจอกันที่บ้านคืนนี้นะครับที่รักสุดสวย ช่วยเตรียมอาหารเผื่อด้วย ยังจำได้ไหมว่าสามีชอบอะไรเกลียดอะไร"

"อุ๊ย ไม่ต้องไปกวนพี่นาเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ แม่บ้านแม่เรือนเสียที่ไหน เดี๋ยวพลิ้วโทรสั่งแม่บ้านให้เอง พลิ้วจำได้ว่าพี่พันศิลป์ชอบกินอะไร และไม่ชอบกินอะไร"

สาวนักเรียนนอกจบเสียงใส แล้วหันไปเร่งพี่เขยรูปหล่อ ชักชวนกันออกจากห้องไปทันที แต่ก่อนจะพ้นช่องประตู พันศิลป์ก็ไม่วายชายตาเกลียดชังมาเชือดเฉือนตรงฉัตร ซึ่งอีกฝ่ายก็วางหน้าเรียบเฉยต้อนรับอย่างไม่สะทกสะท้าน

รอยยิ้มเหยียดของมาเฟียร้อยเล่ห์คล้ายจะหยันในที หรือไม่ก็เตือนพ่อเลขาเนื้อทองกรายๆ ว่า 'ยโสให้พอเถอะ ใกล้จะหมดวาสนาลักกินขโมยกินแล้ว'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 09:44:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com