ภายในความเงียบสงบฉ่ำเย็น กลิ่นอายแห่งความสุขสมยังคงลอยเอื่อยเหนือสองร่างเปล่าเปลือยที่นอนตระกองกอดแนบชิดใต้ผืนผ้าห่มเดียวกัน หลังจากสงครามพิศวาสเพิ่งยุติไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทิ้งไว้เพียงซากของชิ้นส่วนเครื่องนอนที่ตกเกลื่อนพื้น และผ้าปูที่ยับรุ่ยร่าย
แต่จู่ๆเสียงหนึ่งดังกรีดร้องขึ้นมา เรียวคิ้วของราโมน่าย่นเข้าหากันด้วยความรำคาญและพยายามปรือเปลือกตาที่แสนหนักอึ้งขึ้นมาเพื่อหาที่มาของเสียง แต่ระหว่างนั้น ร่างอุ่นที่กอดซ้อนอยู่ข้างหลังยกศีรษะขึ้นและออกคำสั่ง
ปิดเสียง
เจ้าสิ่งที่น่ารำคาญเงียบลงในทันใด และเธอได้ยินเสียงถอนหายใจยาวจากเขา ก่อนริมฝีปากอุ่นจะจูบลงมาที่ไหล่พร้อมพูดงึมงำอย่างเกียจคร้าน
พี่ต้องไปทำงานแล้ว
กล้ามเนื้อท่อนแขนที่เธอหนุนแทนหมอนขยับเกร็งขึ้น เมื่อเขางอแขนเพื่อใช้มือลูบปัดปอยผมยาวอันแสนยุ่งเหยิงของเธอ
อืม..เช้าแล้วหรือคะ
ราโมน่าพึมพำตอบอยู่ในความงัวเงีย พลิกร่างนอนหงายพลางคิดว่า ถึงเวลาที่เธอต้องตื่นขึ้นมาเผชิญความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงของชีวิตแล้วเช่นกัน และในจังหวะเดียวกัน ร่างกายหนาหนักของอนาวินขยับขึ้นทาบทับ และกดสะโพกลงบดเบียดแสดงถึงเจตนารมณ์ที่ต้องการแสวงหาความรักจากเธออีกครั้ง
ครับ..เช้าแล้ว เขาตอบเสียงต่ำอยู่กับซอกคอของเธอ พร้อมมือซุกซนลูบไล้ จับคลำไปทั่ว
ร่างกายปวดระบมจากการเรียกร้องอันแสนทรหดจากเขาเมื่อค่ำคืนทำให้ราโมน่านึกอยากประท้วง แต่การโอ้โลมแสนเว้าวอนของเขาก็สามารถดึงแรงปรารถนาของเธอให้ลุกโชนขึ้นมาอีกจนได้
..พี่ต้องไปทำงานไม่ใช่หรือคะ..
เธอเตือนด้วยซุ่มเสียงเลื่อนลอย และเขาก็เงยหน้าจากผิวเนื้ออ่อนละมุนตอบด้วยร้อยยิ้มกรุ้มกริ่ม
เรายังมีเวลาจ้ะ และขยับเคลื่อนไหว ครอบครองเธอสมใจ
ราโมน่ายืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ ใบหน้าไร้เครื่องสำอาง เส้นผมยาวปล่อยสยายเคลียร์หลังตามธรรมชาติซึ่งดูขัดกับชุดราตรีสีดำหรูหราที่สะท้อนให้เห็นในขณะนี้ เธอหันหยิบกระเป๋าถือใบเล็กมาเปิด ซึ่งภายในมีแค่โทรศัพท์มือถือ กระดาษทิชชู่ห่อเล็กและลิปสติกสีแดงสดกับลิปกรอสเท่านั้น และเธอเลือกที่จะหยิบลิปกรอสสีชมพูเรื่อมาทาบนเรียวปาก พลางปรายสายตามองภาพของอนาวินที่สะท้อนผลุบๆโผล่ๆในกระจกเงายามเขาเดินผ่านไป-มาข้างหลังเธอ ขณะพูดคุยโทรศัพท์กับใครบางคนที่เพิ่งโทรเข้ามา ร่างเพรียวสมบูรณ์แบบของเขาสวมกางเกงผ้าสีน้ำตาลที่ยังไม่ได้รูดซิบ และเสื้อเชิ้ตสีครีมเพิ่งจะถูกหยิบมาสวมลวกๆ เส้นผมดกดำชื้นน้ำยังคงยุ่งเหยิงจากการใช้ผ้าขนหนูขยี้เช็ดและเสยขึ้นให้พ้นจากใบหน้าที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยยามตอบโต้คู่สนทนา
สายตาของราโมน่ายังติดตรึงอยู่กับอิริยาบถอันเป็นธรรมชาติของเขาที่เธอไม่เคยคิดฝันว่าจะมีโอกาสได้เห็น ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้เธอรู้สึกอิ่มเอมพร้อมๆกับความทุกข์ตรมในผลกระทบจากการที่เธอปล่อยใจให้หลงระเริงไปตามความต้องการโดยไร้การควบคุม..เรียวปากอิ่มที่เริ่มมีสีสันคลี่ยิ้มในดวงหน้าดั่งยอมรับชะตากรรมพลางก้มลงอีกครั้งเพื่อเก็บลิปสติกคืนกระเป๋าอย่างไม่เร่งรีบ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพบว่าร่างของอนาวินนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วและมาหยุดยืนซ้อนอยู่ด้านหลังไม่ห่างจากตัวเธอสะท้อนอยู่ในกระจกเงา สายตาสีเข้มกำลังจับจ้องมาจากด้านหลัง หญิงสาวมองสบชั่วครู่จึงหันไปหาเขา ยื่นมือไปติดกระดุมเสื้อให้
สายตาตกกระทบกับแผ่นอกกว้างสีแทนดึงความทรงจำอันแสนหวานให้ลอยกรุ่นในความนึกคิดอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างเขาขยับเข้าใกล้จนเธอได้กลิ่นกายหอมสะอาดของเขาชัดเจน ซึ่งขณะนี้เป็นกลิ่นเดียวกับที่ติดอยู่บนผิวของเธอ และเมื่อเขายกมือมาไล้หลังมือเลื่อนขึ้นไปตามเรียวแขนก่อนปลายนิ้วพันเกี่ยวเล่นเบาๆกับปอยผมของเธอ ราโมน่ารู้สึกถึงความอุ่นซ่านไปทั่วร่างกายและส่วนหนึ่งคลอคลองร้อนผ่าวอยู่ที่กระบอกตา เมื่อจิตใต้สำนึกไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ในห้วงอารมณ์นี้เธอหวงแหนเขามากแค่ไหน และมันคงจะสร้างความปวดร้าวให้เธอได้มากมายยามที่ต้องทนดูเขาเคียงข้างผู้หญิงคนอื่น และแม้ว่าจะทำใจยอมรับว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอนั้นตั้งอยู่บนความไม่แน่นอนและพร้อมจะยุติลงได้ทุกเมื่อ แต่ลึกๆภายในใจ เธอก็อดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่า ตัวเธอนั้นมีความสำคัญสำหรับเขาแค่ไหน หรือมีค่าเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไปเท่านั้น..
กระดุมแต่ละเม็ดที่เธอบรรจงติดให้เต็มไปด้วยความกังขาและครุ่นคิด จนกระทั่งกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จสิ้นลง มือของอนาวินยกขึ้นมากุมมือของเธอก่อนที่จะผละจากเขา
คิดอะไรเหรอครับ
โม้นาแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเองค่ะ เธอแค่นยิ้มและตั้งท่าจะหันกลับ แต่ฝ่ามือของเขายังคงยื้อไว้แน่นพร้อมพูดเสียงเคร่งเครียด ถ้าเป็นเรื่องของเรา พี่ก็อยากรู้นะว่าโม้นาคิดอะไร กังวลเรื่องอะไร
ราโมน่ามองสบเขา ก่อนจะตอบไปตามตรง ..ค่ะ..โม้นากำลังคิดเรื่องของเราและก็กังวลด้วย..แต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น เพราะอีกไม่นานเรื่องของเราก็คงจบลงแล้ว..ใช่มั้ยคะ พี่จิล
แม้ว่าคำพูดของเธอจะออกมาพร้อมรอยยิ้ม แต่อนาวินกลับเห็นความร้าวรานที่ซุกซ่อนหลังดวงตาคู่สวย พี่มั่นใจว่า เรื่องของเรามันไม่จบลงง่ายๆอย่างที่โม้นากำลังคิดหรอก เพียงแต่พี่ไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างเรามันจะไปไกลได้แค่ไหนเท่านั้น และพี่เองก็ให้คำสัญญาอะไรไม่ได้ นอกจากคำยืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันมาจากความรู้สึกดีๆที่เรามีร่วมกัน ไม่ใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบของพี่หรือของโม้นาเท่านั้น สองมือของเขาเลื่อนมาโอบกุมใบหน้าของเธอให้มองสบเขาเต็มตาและยิ้มอย่างเชื่อมั่น แต่ตอนนี้พี่สามารถให้คำสัญญาโม้นาได้อย่างหนึ่งว่า นับจากนี้ พี่จะมีแค่โม้นาคนเดียว เหมือนๆกับที่โม้นาเองก็มีพี่คนเดียวเช่นกัน..พี่ให้คำสัญญาแบบนี้ พอจะช่วยให้ความกังวลของโม้นาหายไปมั้ยครับ
มีแววล้อเลียนเจือปนมากับประโยคท้าย ราโมน่าอมยิ้ม เมื่อหัวใจของเธอตอบรับและเชื่อถือในคำสัญญาที่ได้ยินอย่างไม่มีข้อแม้ ก่อนจะยืดตัวขึ้นจูบปลายคางแกร่ง โอเคค่ะ
แต่อนาวินนิ่วหน้า ก่อนโคลงหัวไม่พอใจ อะ..แบบนี้ไม่โอเคล่ะ
คนฟังนิ่วหน้าสงสัยบ้าง ทำไมคะ
เขาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ ถ้าโอเค มันต้องแบบนี้ พลางรวบร่างเธอมากอดแน่นพร้อมทาบริมฝีปากดื่มด่ำกับเรียวปากของเธอ และทำท่าจะเลยเถิดเมื่อได้รับการตอบสนองอันดีเยี่ยม จนหญิงสาวต้องออกแรงผลักร่างเขาให้ออกห่างเพื่อเตือนสติ
โม้นาว่า พี่คงไม่เหลือเวลาแล้วนะคะ
อนาวินทำหน้าสุดเซ็ง ก่อนดึงเธอมากอดรัดแรงๆเพียงอึดใจเดียวก็ผ่อนแรงพร้อมซบใบหน้าลงกับไหล่ของเธอ ทำไมวันนี้ไม่ใช่วันหยุดน้า พี่จะได้กอดโม้นาทั้งวันเลย..
หญิงสาวหัวเราะคิกกับเสียงคร่ำครวญ สองแขนโอบกอดร่างของเด็กชายตัวโตด้วยความสุขล้น ถึงจะเป็นวันหยุด พี่จิลก็กอดโม้นาทั้งวันไม่ได้หรอก เพราะโม้นามีอีเว้นช่วงบ่ายค่ะ
เธอได้ยินเสียงถอนใจเฮือก ก่อนร่างจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ และเขาก็พูดประชดประชันโชคชะตา โอเค..ชีวิตต้องทำงาน งาน แล้วก็งาน
ค่ะ งาน งาน แล้วก็งาน เพราะฉะนั้น ตอนนี้พี่ก็ควรรีบแต่งตัวไปทำงานได้แล้วนะคะ..โม้นาจะออกไปคอยข้างนอก ว่าพลางก็หันไปหยิบกระเป๋าถือใบเล็กของตน แต่ก่อนจะเดินผ่านเขาออกไปทางประตูห้องนอน เธอก็พูดยั่วเย้าส่งท้าย เร็วๆนะคะท่านประธาน เดี๋ยวจะไปทำงานสายให้พวกลูกน้องเก็บไปนินทา และขยิบตาล้อเลียน จึงถูกเขาตอบโต้ด้วยการตบบั้นท้ายงอนแน่นหนั่นอย่างมันเขี้ยวด้วยน้ำหนักมือที่ทำให้เจ้าของร่างถึงกับส่งสายตาค้อนขวัก ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง อนาวินจึงหันมาจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย พลางฮึ่มฮั่มในความคิด..ถ้าหากไม่ติดในภาระหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ รับรองว่า ราโมน่าจะไม่มีวันได้เดินลอยนวลออกไปจากห้องนอนของเขา อย่างน้อยก็สักสาม-สี่วันนั่นล่ะ!
ต่อค่ะ
จากคุณ |
:
ระรินใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.ย. 55 14:34:12
|
|
|
|