Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Love Like Blood - รักรสเลือด - เลือดหยดที่สาม : ทรายในหลุมดำ ฉบับไฟเขียว ติดต่อทีมงาน

เรื่องสั้นชุด Love Like Blood - รักรสเลือด

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12451148/W12451148.html

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12462582/W12462582.html

เลือดหยดที่สอง กลิ่นคาวของความตาย
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12527580/W12527580.html

----------------------------------

Love Like Blood – รักรสเลือด

เรื่องที่ 3

ทรายในหลุมดำ

ห้องนอนมืดมิด เตียงใหญ่นิ่มนอนสบาย แต่ทรายเพิ่งสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย

ผวาลุกนั่ง

เหงื่อออกท่วมตัว

หอบหายใจ

ฝันแบบนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ?

หญิงสาววัยยี่สิบเจ็ด - ผู้เป็นที่อิจฉาของเพื่อนฝูงด้วยการแต่งงานกับนายตำรวจหนุ่มรูปหล่ออนาคตไกลเหวี่ยงขาลงจากเตียง ชุดนอนบางเบาแนบเนื้อเพราะเหงื่อที่เปียกชุ่ม เธอเหลือบตามองนาฬิกา ตีห้าสามสิบห้านาที เธอพ่นลมหายใจหงุดหงิดตัวเอง ยกมือกุมใบหน้า พยายามผ่อนคลายจิตใจลง แต่ก็ต้องรีบลืมตาขึ้นเมื่อศพของผู้หญิงคนนั้นตามมาหลอกหลอนในห้วงคิด

ฝันแบบนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ?

ร้อยยี่สิบหก? ร้อยยี่สิบเก้า? ร้อยสามสิบสาม?

ทรายกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ลุกขึ้น เดินไปรูดม่านที่หน้าต่าง ยืนมองท้องฟ้าขมุกขมัวด้านนอก เหงื่อที่ผุดพราวเริ่มลดน้อยลงเมื่อสัมผัสอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้องนอน ทรายสูดหายใจลึก ลดตาจากท้องฟ้ามองยอดตึกด้านตรงข้ามขณะคำถามเดิมผุดขึ้นในใจ

ฝันแบบนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ?

ภาพของศพที่ติดตาฉายวาบในสมอง ทรายพยายามสลัดห้วงคิด แต่ไม่สำเร็จ ความสะอิดสะเอียนในเศษเนื้อ เลือดและฟันที่เกลื่อนพื้นห้องน้ำหลอกหลอนเธออย่างหนักหน่วง หญิงสาวรู้สึกวิงเวียนและคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอรูดม่านปิด ยกมืออุดปากและวิ่งเข้าห้องน้ำก่อนจะอ้วกน้ำขมๆ ใส่ชักโครกจนหมดไส้หมดพุง

ฝันแบบนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ?

ทรายเอื้อมมือกดปุ่มบนชักโครก สิ่งที่เธอสำรอกออกมาถูกดูดหายลงไปในรูสีดำ หญิงสาวนั่งจ้องมองน้ำที่หมุนวนหายไป อยากให้บนโลกนี้มีหลุมดำสำหรับกลืนกินความทรงจำที่เลวร้ายเหลือเกิน ทรายคิดพลางลุกขึ้นยืน เดินไปที่อ่างล้างหน้า เปิดก๊อกน้ำ สายน้ำพวยพุ่งออกมา เธอจัดการบ้วนปากก่อนยื่นมือเข้าไปรอง ทำความสะอาดมือเรียบร้อยก็โน้มตัวลงวักน้ำล้างหน้าเรียกความสดชื่น สายน้ำกระเซ็นเปรอะชุดนอนบางเบาสีขาว มันแนบเนื้อและโปร่งใสมากขึ้น ทรายปาดน้ำออกจากดวงตา รวบผมไว้ด้านหลัง เหยียดกายยืนตรงและจ้องมองกระจกเหนืออ่างล้างหน้า

หญิงสาวผิวขาว ใบหน้ายาวรี ริมฝีปากแห้งผาก จมูกไม่โด่งมากแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เครื่องหน้าดูกลมกล่อมจ้องตอบกลับมา ทรายยิ้มให้ตัวเอง เธอเคยภูมิใจในใบหน้าของตัวเองมาก เธอใช้มันเป็นใบเบิกทางความสะดวกอะไรหลายๆ อย่างในชีวิต สมัยเรียนเธอเป็นดาวคณะ สมัยทำงานเธอเป็นพนักงานที่ผู้บริหารแอบมาหยอดคำหวานบ่อยที่สุด

แต่ขีดเล็กๆ สองรอยที่ปรากฏขึ้นตรงหางตาในตอนนี้ ทำให้เธอไม่สบายใจเลย

ตีนกา?

มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เหมือนพบฝันร้ายในโลกแห่งความจริง ทรายยื่นหน้าเข้าไปแทบติดกระจก เอียงหน้าไปมาเพื่อสำรวจรอยตีนกาจากดวงตาทั้งสองข้าง ก่อนถอยกลับมา ก้มหน้าลง สองมือบีบจับสำรวจเรือนร่างส่วนอื่นๆ ของตนเอง เริ่มจากใต้คอ รักแร้ ท้องแขน สองเต้า หน้าท้อง...

กลัวว่าจะพบรอยเหี่ยวย่นเหมือนคนแก่ แต่ความเต่งตึงของผิวหนังที่ดีดสะท้อนกลับมาก็ทำให้ทรายโล่งอกในระดับหนึ่ง  เธอถอนหายใจ เงยหน้าจ้องมองกระจกอีกครั้ง ใบหน้าที่เคยฉีกยิ้มตอบกลับเรียบเฉยราวรูปปั้น ทรายพยายามยิ้มให้ตัวเองเหมือนเดิม แต่รอยยิ้มกลับผลักดันให้เธอเห็นตีนกา ทรายหุบยิ้มและหมุนตัวเดินออกจากห้องน้ำทันที

ตีนกา?

มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ตีนกา??

เราเริ่มแก่แล้วหรือ?

ตีนกา???

นี่ใช่มั้ยถึงเป็นเหตุผลให้เขาเปลี่ยนไป?

ปวดหัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ทรายเปลื้องชุดนอนออก ร่างเปลือยถูกสายลมจากเครื่องปรับอากาศชโลมในความมืด เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูมาพันกาย เลือกเสื้อผ้าชุดหนึ่งไปวางไว้บนเตียง เดินกลับเข้าห้องน้ำอีกรอบ หยุดยืนใต้ฝักบัว ปลดผ้าขนหนูออกแขวนไว้ที่ราวบนผนัง ก่อนเอื้อมมือบิดก๊อก เลือกอาบน้ำเย็นมากกว่าใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่น สายน้ำราดรดศีรษะ ทรายเงยหน้ารับน้ำเย็น หลับตาลง จินตนาการว่าตนเองกำลังยืนอยู่ใต้ธารน้ำตก

แต่ภาพแห่งฝันร้ายก็แทรกเข้ามาจนได้

ห้องน้ำห้องหนึ่งปรากฏขึ้นในความมืด ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยเลือด ริมผนังด้านหนึ่งมีร่างผู้ชายนอนนิ่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ ข้างๆ อ่างมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งกอดลูกสาวด้วยเนื้อตัวที่เปรอะเลือด ส่วนด้านตรงข้าม เป็นศพหญิงสาวที่ใบหน้าซีกล่างหายไปเหลือเพียงหนังจากจมูกที่ห้อยร่องแร่ง บนพื้นมีเศษหนัง เศษเนื้อ กระดูกกรามและฟันเกลื่อนกระจาย
ดวงตาของศพนั้นกำลังกลอกมองมาทางเธอ

ทรายอุทานเสียงหลง รีบลืมตาขึ้น สายน้ำที่ไหลเข้าตาทำให้เธอต้องก้มหน้า กระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยดน้ำออกไป ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำ สายน้ำจากฝักบัวขาดหาย แต่ยังหยดติ๋งๆ จากเรือนผมของหญิงสาว

ทรายปรือตาขึ้น ก่อนผงะหนีเงาดำที่ปรากฏบนผนังด้วยความตกใจ แต่เมื่อพบว่ามันเป็นเพียงเงาของตัวเอง ทรายก็ถอนหายใจ สองขมับปวดตุบมากขึ้น เธอรีบคว้าผ้าขนหนูมาพันกาย เดินออกจากห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว

แต่หญิงสาวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่าไฟในห้องนอนเปิดสว่างจ้าทั้งที่ไม่มีใครอยู่

ทรายจำได้ว่าเธอไม่ได้เปิดมันนี่นา

ทันใดนั้น เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลัง

“คนอะไร อาบน้ำไม่ยอมปิดประตู”

ทรายหันขวับกลับไป

ร่างของสามีเธอปรากฏในสายตา

เขาคือร้อยตำรวจเอกเวหา เจ้าของใบหน้าคมสันและหุ่นล่ำบึ้กที่สาวที่ไหนเห็นเป็นต้องวิ่งเข้าใส่

คิ้วเข้มของนายตำรวจหนุ่มกำลังขมวด สองตาจับจ้องเรือนร่างภรรยาที่มีหยดน้ำเกาะพราว แต่นัยน์ตาอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
อิดโรยเกินไปที่จะทำอะไรต่ออะไรที่อยากทำ

หญิงสาวแกล้งทำเสียงดุ ยืนมองเขาเดินไปทรุดนั่งบนขอบเตียง  “คนโรคจิต แอบดูเมียตัวเองอาบน้ำ”

ผู้กองหนุ่มหัวเราะหึๆ “ไม่ได้แอบนะ ตัวเองเปิดอ้าไว้แบบนั้น นึกว่าจะรอให้เค้าเข้าไปอาบด้วยกันเสียอีก”

“ก็ทำไมไม่เข้าล่ะ?” ถามกึ่งกระเซ้ากึ่งยั่วยวนขณะเดินสะบัดผมนวยนาดไปที่เตียง

“ไม่ไหว เหนื่อย นึกว่าจะต้องให้หมู่ต้นขับรถมาส่งด้วยซ้ำ” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ใครฟังก็ต้องหมดอารมณ์ ผู้กองเวหาล้มตัวลงนอนก่อนที่เธอจะเดินไปถึง “ตัวเองตื่นเช้าจังนะ นอนไม่หลับหรอ?”

ทรายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที “ตัวเองก็น่าจะรู้ว่าทำไม”

ผู้กองเวหาเหลือบมองภรรยา “ตัวเองยังไม่ลืมอีกหรอ มันหลายเดือนแล้วนะ”

มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบครึ่งปีแล้ว ขณะนั้นเธอกับเขายังอยู่ที่คอนโดเก่าที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่ตอนแต่งงาน

เรื่องเริ่มขึ้นในค่ำวันหนึ่งเมื่อทรายได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดติดๆ กันที่ห้องพักด้านข้าง เธอและเวหาสนิทสนมกับชายหนุ่มเจ้าของห้องพักพอสมควร ดังนั้น ด้วยความเป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุไม่ดีขึ้น ทรายกับเวหาจึงเดินมาเคาะประตูเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับนอกจากเสียงปืนนัดสุดท้าย เวหาซึ่งในขณะนั้นเพิ่งออกเวรและยังไม่ทันจะได้ถอดเครื่องแบบจึงเดินกลับเข้าไปในห้อง หยิบปืนคู่ใจออกมาและสั่งให้ทรายรออยู่ด้านนอกก่อนที่เขาจะถีบประตูและบุกเข้าไปในห้องพักของชายหนุ่ม

ผู้กองเวหายกปืนขึ้นกราดเล็งไปมา เขาเดินเข้าไปในห้องด้วยฝีเท้าแผ่วเบาทว่าว่องไว สองเข่าย่อลงเล็กน้อยอย่างพร้อมที่จะกลิ้งหลบทุกขณะจิตหากมีกระสุนหรืออาวุธอื่นลอยมา

นายตำรวจหนุ่มเป็นคนที่มีจิตใจห้าวหาญ เขาไม่เคยกลัวอะไรและออกจะเป็นคนบ้าระห่ำด้วยซ้ำ ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ ทำให้ได้ยินเสียงหายใจแผ่วๆ และเสียงร้องไห้ของเด็กหญิงดังมาจากในห้องน้ำ ผู้กองเวหาย่องตรงไปที่นั่น ในขณะที่ทรายก็แอบย่องตามเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็นระคนเป็นห่วงว่าสามีจะได้รับอันตราย

เมื่อพบกับสภาพภายในห้องน้ำ ผู้กองเวหาก็ยกมืออุดจมูกปิดกลิ่นคาวเลือด แต่ใบหน้าไร้ความเปลี่ยนแปลง เขาชินชาแล้วกับภาพแห่งความสยดสยองเบื้องหน้า สยองกว่านี้เขาก็เคยเจอมาแล้ว แค่นี้ไม่สามารถทำให้เขาผงะได้เลยสักนิด

แต่แน่นอนว่าปฏิกิริยาของทรายย่อมแตกต่างออกไป ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาตำรวจ แต่พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ในบริษัทผลิตเครื่องสแกนนิ้วมืออย่างเธอเป็นผู้หญิงที่เกลียดความสยดสยอง เธอไม่เคยดูหนังผี ไม่เคยดูหนังที่เกี่ยวกับฆาตกรโรคจิต ไม่เคยดูหนังบู๊เลือดท่วมจอ หนังที่เธอชอบดูมักจะเป็นพวกโรแมนติก คอมเมดี้ แฟนตาซีชวนฝันและหนังรักหวานฉ่ำทั้งหลาย

เธอเป็นผู้หญิงที่พระเจ้าไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อให้พบกับภาพในห้องน้ำเบื้องหน้า

ทรายผงะและตกตะลึง

ขณะผู้กองเวหาจะย่างเท้าเข้าไปในห้องน้ำ เขาก็ได้ยินเสียงตุ้บดังขึ้นจากด้านหลัง ผู้กองหนุ่มหันกลับมา พบภรรยาตนเองนั่งกองอยู่กับพื้น แต่สองตายังคงจ้องมองไปที่ดวงตาของศพหญิงสาว ผู้กองเวหารีบเคลื่อนกายมาบดบังสายตาของภรรยา เขาย่อกายลงประคองเธอลุกขึ้นและพาเดินกลับมาที่ห้องพักของตนเองก่อนรีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลเพราะเขาเห็นว่าชายหนุ่มเจ้าของห้องพักที่เกิดเหตุกับหญิงสาวและลูกของเธอยังมีชีวิตอยู่

“ตัวเองคิดว่าเค้าจะลืมได้งั้นหรอ?” ทรายถามออกไป “ถ้ามันลืมกันได้ง่ายๆ เค้าก็คงไม่ต้องลาออกจากงานอย่างนี้หรอก”

“ก็เค้าให้ตัวเองไปหาหมอ แต่ตัวเองไม่ยอมไปนี่นา” ผู้กองหนุ่มพูดเสียงเข้ม ชันศอกลุกขึ้นนั่ง “บางทีพวกหมออาจจะช่วยได้ก็ได้นะ”

หญิงสาวตวัดเสียงใส่เขา “ไปทำไม ทรายไม่ได้บ้าสักหน่อย!”

ผู้กองเวหาเบิกตาโต เขาทราบดีว่าบทภรรยาพูดโดยใช้ชื่อเล่นแทนตัวเองเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่าเธอกำลังโกรธจริงๆ

“เดี๋ยวสิ เค้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลยนา” เขาพูดเสียงอ่อนโยนลง “ตัวเองอย่าคิดมากสิ แก่เร็วไม่รับผิดชอบด้วย”

“ใช่สิ เดี๋ยวนี้ทรายมันเป็นอีแก่คิดมากไปแล้ว” หญิงสาวพูดเสียงกระด้าง ก้มลงหยิบเสื้อผ้าและเดินเข้าไปสวมใส่ในห้องน้ำ

นายตำรวจหนุ่มได้แต่นั่งกระพริบตาอย่างไม่เข้าใจว่าภรรยาหงุดหงิดเรื่องราวใด

ห้านาทีต่อมา ทรายก้าวออกจากห้องน้ำ เดินมาที่เตียง หยิบกระเป๋าสะพายขึ้นและใช้มืออีกข้างถือโน้ตบุ๊ก

“ตัวเองจะไปไหนน่ะ” ผู้กองเวหาถาม ยังไม่หายจากความงุนงง

“ไปข้างนอก” ทรายตอบเสียงห้วน เดินลงส้นไปที่ประตูห้องนอน เปิดประตูออก ก้าวเท้าออกไปและกระแทกประตูปิดดังปัง

ผู้กองเวหาจ้องมองประตู ก่อนจะยกมือตบหน้าผากตัวเองและล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนล้าทั้งกายและใจ

++++++++

ร้านส้มตำติดแอร์ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โต๊ะมุมร้าน หญิงสาวสองคนกับหนุ่มใจสาวอีกหนึ่งคนกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

ขณะนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงเช้า

“หูย แก อาการออกทรงนี้ ผู้กองมีกิ๊กชัวร์ ร้อยเปอร์เซ็นต์!” จ๋า - เพื่อนที่สนิทที่สุดของทรายออกความเห็น

“ฉันก็ว่างั้นเหมือนกัน ทีแรกก็กลัวจะคิดไปเอง แต่ได้ยินแกยืนยันแบบนี้ ฉันคงไม่ได้คิดไปเองแล้วล่ะ” ทรายตอบอย่างกลัดกลุ้ม “เมื่อเดือนก่อนยังพอมีเวลาให้กันบ้าง แต่เดือนนี้ไม่เลย เอะอะอะไรก็อ้างว่าติดสืบคดีตลอดๆ เฮ้อ”

จ๋าผู้เป็นเจ้าของสถานที่หัวเราะอย่างฝืดฝืน “แกไม่ได้คิดไปเองแน่ ยัยทราย สันDานผู้ชายก็แบบนี้แหละ ต่อให้เมียสวยเช้งขนาดไหนก็ไม่รู้จักพอร้อก”

“แหม คุณพี่ขา แต่คุณน้องว่าพี่ผู้กองอาจจะติดงานจริงๆ ก็ได้นะคะ” สาวหน้าคมในร่างชายหนุ่มนามมอลลี่แทรกขึ้นหลังตักส้มตำแซลม่อนเข้าปากเคี้ยวตุ้ย “คุณพี่ทรายไม่ลองสืบดูล่ะคะว่าพี่ผู้กองทำคดีอะไรอยู่และทำจริงหรือเปล่า ของแบบนี้ใช้ความรู้สึกตัดสินไม่ได้หรอกค่ะ มันต้องใช้เหตุผลประกอบด้วย”

“ฮื่อ พี่พยายามแล้วนะ แต่ว่าผู้กองไม่ยอมบอกอะไรพี่เลย” ทรายตอบสาวประเภทสองผู้เคยเป็นรุ่นน้องสมัยเรียนมหา’ ลัย “บอกแค่ว่าเป็นคดีฆาตกรรมที่เคยลงหนังสือพิมพ์เมื่อต้นเดือนน่ะ มนต์ชัย”

ผู้ถูกเรียกชื่อจริงในบัตรประชาชนสำลักส้มตำพรวด ไอค่อกๆ “อ้า คุณพี่ขา ได้โปรดอย่าเรียกชื่อนั้นสิคะ มนต์ชัยคืออดีต ส่วนตอนนี้คุณน้องมีชื่อว่ามอลลี่ค่ะ มอลลี่”

เห็นอาการรุ่นน้องชายใจสาวแล้วทรายกับจ๋าก็อดขำไม่ได้

“เออ โทษทีๆ” ทรายพูดกลั้วหัวเราะ ลืมความทุกข์ของตนเองไปชั่วคราว “พี่เห็นแกทีไรชอบนึกไปถึงตอนที่แกยังไม่มีนมทุกที ตอนนั้นถ้าแกไม่บอกว่าเป็นตุ๊ดนะ พี่จะขอเป็นแฟนเลยล่ะ”

“อ๊าย คุณพี่แร๊งส์!” มอลลี่กรีดเสียงสูงอย่างรับไม่ได้ “เดี๋ยวคุณน้องก็แช่งให้พี่ผู้กองมีกิ๊กจริงๆ เลยนี่”

“เดี๋ยวเถอะ” ทรายคว้ากล่องใส่ทิชชู่และแสร้งทำท่าจะเขวี้ยงใส่

“พอๆ ยัยสองคนนี้” จ๋ายกมือปรามทั้งสองฝั่งเหมือนตำรวจจราจร “ว่าแต่เมื่อกี้แกว่าผู้กองกำลังทำคดีอะไรนะ เคยลงหนังสือพิมพ์ด้วยหรอ?”

“อื้อ ก็คดีที่ลูกชายเจ้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้านครูเดือนบุกไปฆ่าเพื่อนตัวเองที่ห้องพักไง” ทรายตอบ

มอลลี่ทำท่านึกแล้วดีดนิ้วเปราะ “อ๋อ จำได้ละ ที่บอกว่าเพื่อนฉุดแฟนไปเพื่อข่มขืนใช่มั้ยคะ แล้วลูกครูเดือนก็บุกไปช่วย ต่อสู้กันจนพลั้งมือฆ่าเพื่อนอย่างไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่ได้ตั้งใจอะไรกัน ในข่าวบอกเพื่อนที่ตายถูกทุบจนหัวเละเลยนะ” จ๋าโพล่งขึ้น มอลลี่ซึ่งกำลังจะตักลาบเลือดฉบับไฮโซเข้าปากชะงักช้อนกึกและเปลี่ยนมากินไก่ทอดแทน จ๋ายกมือกอดอกและว่าต่อ “คนเดี๋ยวนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้  เมื่อวันก่อนฉันดูข่าว รูมเมทเมายาคว้ามีดมาแทงเพื่อนตัวเองตายคาเตียง น่าสลดมาก”

“แต่ในรายลูกครูเดือนเค้าไปช่วยแฟนเค้านะคะ” มอลลี่พูดเหมือนพยายามแก้ต่างให้ ทั้งที่ไม่รู้จักบุคคลในข่าวเป็นการส่วนตัวเลยสักคน “แล้วเค้าก็บอกว่าเพื่อนคนนั้นพยายามจะรัดคอเค้าก่อนด้วย”

“ก็นั่นแหละ ถ้าจะป้องกันตัวเอาแค่สลบก็ได้ ทุบถึงตายมันก็เกินไป” จ๋ากล่าวอย่างไม่เห็นด้วย ก่อนจะนึกได้ว่าที่กำลังคุยกันอยู่นี้ ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ทรายมาขอคำปรึกษาเลย “เอ้อ สรุปว่าผู้กองของแกรับผิดชอบทำคดีนั้นใช่มั้ย?”

“ประมาณนั้น” ทรายผงกศีรษะ “ก็อย่างที่บอกแหละ ตั้งแต่คบกันมาผู้กองไม่ค่อยเล่าเรื่องงานให้ฉันฟังเท่าไหร่หรอก”

“คดีใหญ่แบบนั้น ผู้กองอาจจะยุ่งจนไม่มีเวลาจริงๆ ก็ได้นี่คะ” มอลลี่ออกความเห็นหลังจัดการน่องไก่ราบคาบ “คดีนี้คนให้ความสนใจพอสมควร คุณน้องจำได้ว่าขนาดเฮียสรยุทธ์ยังเคยเอาครูเดือนไปออกรายการตอนเย็นเลย หรือคุณพี่จ๋าว่าไงคะ?”

ผู้ถูกถามยกมือจับคาง สีหน้าครุ่นคิด “ที่มอลลี่พูดก็น่าคิดเหมือนกันนะยัยทราย บางทีผู้กองอาจจะติดงานสืบคดีจริงๆ ก็ได้”

“อ้าว แกนี่โลเลแฮะ” ทรายอ้าปากหวอ มองเพื่อน “เมื่อกี้ยังมั่นใจว่าผู้กองมีกิ๊กร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่เลย”

“เถอะน่า ฉันรู้แล้วว่าจะพิสูจน์ว่าผู้กองมีกิ๊กหรือติดงานได้ยังไง” จ๋าโน้มตัวเข้ามาใกล้ คล้ายจะกระซิบอะไรบางอย่าง

“ทำไงหรอ?” ทรายโน้มตัวเข้าไป ตาโตด้วยความอยากรู้

“แลกโทรศัพท์กันใช้ไงจ้ะ” จ๋ากระซิบตอบเหมือนมันเป็นความลับระหว่างประเทศ “ใครๆ ก็ทำกันอย่างนี้ ถ้าผู้กองบริสุทธิ์ใจจริง แค่เปลี่ยนโทรศัพท์ไม่ได้หนักหนาเลยนะ”

“แต่ถ้าเค้าไม่ยอมล่ะ” ทรายกระซิบเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นก็ชัวร์” จ๋าผงกศีรษะ “มีกิ๊ก กลัวความแตกแหงๆ”

“และคุณพี่อย่าลืมแอบดูเบอร์แปลกปลอมในโทรศัพท์พี่ผู้กองด้วยนะคะ” มอลลี่แนะนำเพิ่มเติม “ถ้าเจอก็โทรไป และถ้าใช่ คุณพี่ก็เฉ่งเลยเจ้าค่ะ ของๆ เราอย่าให้ใครเอาไปสิคะ โบราณถึงว่า เสียทองท่วมหัว อย่ายอมเสียผะอั๋วให้ครายไงค้า อ๊าย พูดแล้วอยากมีฝาละมีให้คอยนอกใจจริงอะไรจริงสักคนนิ”

++++++++

ห้องนอนมืดมิด เตียงใหญ่นิ่มนอนสบาย และทรายกำลังจะหลับ

‘ยานอนหลับ’ กำลังออกฤทธิ์

ทรายหลับตา ยานอนหลับชนิดนี้ออกฤทธิ์เร็วมาก เธอได้มันมาจากคนรู้จักแถวที่ทำงานเก่า เขาบอกว่ามันคือยาคลายเครียดชนิดใหม่ที่ไม่ส่งผลเสียใดต่อร่างกาย ทรายเริ่มใช้มันตั้งแต่ลาออกจากงานเพราะจิตใจไม่พร้อมที่จะพบปะผู้คนมากๆ เวหาไม่เคยรู้ว่าเธอใช้ยานี้ แต่พูดก็พูดเถอะ เขาจะรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอบ้างล่ะ วันๆ ก็เอาแต่บ้างานอย่างนั้น

แม้ทรายจะตระหนักดีว่าเธอไม่ควรใช้ยาพวกนี้ในระยะยาว แต่เธอหยุดตัวเองไม่ได้ ยอมเป็นโรคติดยานอนหลับ อย่างไรก็ดีกว่าเป็นคนฟุ้งซ่านที่ไม่สามารถข่มตานอนได้ก็แล้วกัน  

เธอคงนอนไม่ได้หากไม่มีมัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์ที่ร้อนระอุเช่นนี้

“ตัวเองไม่เชื่อใจเค้าหรือไง วิธีแลกโทรศัพท์แบบนี้ มันหมายถึงว่าตัวเองคิดว่าเค้ามีคนอื่นนะ” คำตอบของสามีลอยวนอยู่ในอากาศเมื่อทรายนอนนึกถึงตอนที่ตนเองเดินเข้าไปขอแลกโทรศัพท์กับเขาเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา

ทรายแว่วเสียงตนเองตอบสามี “อย่างนั้นตัวเองก็แลกโทรศัพท์กับเค้าสิ แค่นี้จะเป็นจะตายหรือไง?”

“ไม่ตายหรอก แต่ว่ามันยุ่ง ไหนจะลูกน้องเค้าล่ะ ตอนนี้เค้าต้องติดต่อลูกน้องนะ  เอ้า ถ้าตัวเองไม่สบายใจ เค้าให้ตัวเองเอาไปกดเช็กดูก็ได้ว่ามีเบอร์แปลกปลอมหรือเปล่า”

“แต่แค่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เอง ตัวเองโทรไปบอกลูกน้องก่อนก็ได้นี่” ทรายว่า รับโทรศัพท์มากดเช็กดูตามคำท้าทาย และเธอไม่พบอะไรที่ผิดปกติ

“ไอ้ลูกน้องน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่พวกผู้ใหญ่ที่โรงพักสิ พวกท่านฝากความหวังไว้กับเค้ามากนะ ถ้าเกิดพวกท่านติดต่อมา จะทำยังไง?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงของผู้กำชัยชนะขณะคว้าโทรศัพท์กลับคืน

“ไม่ต้องเอาผู้หลักผู้ใหญ่มาอ้างเลยนะ สรุปสั้นๆ ว่าตัวเองจะไม่ยอมแลกโทรศัพท์กับเค้า ว่างั้นเถอะ?” ทรายยังไม่ยอมแพ้

“ตัวเองอย่าโกรธเค้าเลยนะ เพื่อความสะดวกของทางราชการ ตอนนี้เค้าแลกไม่ได้จริงๆ”

“ฮึ เพื่อความสะดวกของราชการ หรือเพื่อความสะดวกของประชาชนสาวๆ บางคนกันแน่” ทรายกระแทกเสียง ยืนกอดอก ขึงตามองสามีที่ยืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“เค้าไม่ได้มีใครจริงๆ ไม่เชื่อเดี๋ยวเค้าต่อโทรศัพท์ให้ตัวเองถามหมู่ต้นก็ได้”

“ไม่ต้องมาพูด  พวกผู้ชายน่ะ ยังไงๆ ก็ต้องเข้าข้างพวกเดียวกันเองอยู่แล้ว” หญิงสาวยกมือปาดน้ำตาที่ซึมออกมา “พักหลังตัวเองเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ คงไปเจอใครที่มันสดมันใหม่กว่าเค้าใช่มั้ยล่ะ?”

“คือ...เค้าว่าตัวเองใจเย็นๆ แล้วฟังเค้าก่อนนะ - ” ผู้กองหนุ่มพยายามอธิบาย

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องพูด – ”

“ – เค้าไม่ได้เปลี่ยนเรื่องพูด แต่อยากให้ตัวเองฟังก่อนว่าที่เค้าไม่มีเวลา ไม่ใช่เค้าไปติดสาวที่ไหน แต่ว่าเค้าติดคดีจริงๆ ถ้าตัวเองไม่อยากอยู่คนเดียว ให้คุณแม่มาอยู่ด้วย หรือจะไปอยู่บ้านคุณแม่ก่อนชั่วคราวก็ได้ เพราะตอนนี้เค้ายังไม่มีเวลาดูแล - ”

“ - อ๋อ นี่เดี๋ยวนี้ถึงกับไล่กันแล้วสินะ”

“เฮ่ย ไม่ได้ไล่จ้ะ ตัวเองใจเย็นๆ ก่อนสิ มานั่งคุยกันดีๆ นะ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์”

“ไล่กันแบบนี้ไม่ต้องคุยแล้วล่ะ”

“เค้าบอกแล้วว่าไม่ได้ไล่”

บังเกิดเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

นายตำรวจหนุ่มละสายตาจากภรรยาที่ยืนปาดน้ำตาป้อยๆ เขาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาและกดรับ “ว่าไงหมู่....รู้แล้ว กำลังจะไป...หือ...ออกมาแล้ว...อื้อ...ได้....จะรีบไปเดี๋ยวนี้”

กดปุ่มวางสาย ยัดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋ากางเกง ผู้กองเวหาหันกลับมาทางภรรยา แต่พบความว่างเปล่าเพราะขณะนั้นทรายเดินหนีเข้ามาในห้องนอน ปิดประตูล็อคและไม่ยอมพูดคุยกับเขาอีกต่อไป

เขาเดินมาเคาะประตูเรียกเธอเพียงสองสามครั้ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ ก็ตัดสินใจออกไปทำงาน

ทำงานจริงหรือเปล่าเถอะ

ในความมืดที่โอบล้อมรอบกายขณะนี้ ทรายลืมตาขึ้น จ้องมองความมืดและครุ่นคิดอย่างสงสัยว่าสามีกำลังทำอะไรอยู่?

จ้องมองความมืด

ยานอนหลับกำลังออกฤทธิ์

จ้องมองความมืดมิด

ยานอนหลับกำลังออกฤทธิ์ต่อสมองของเธอ

ทรายเริ่มมึนศีรษะ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตนเองกำลังลืมตาหรือหลับตา ความมืดรอบกายทำให้เธอรู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางความเวิ้งว้างของอวกาศนอกโลก ทรายรู้สึกเหมือนตัวเองบินได้ เป็นระยะเวลาสั้นๆ ที่เธอลอยตัวอยู่เหนือปัญหาทั้งมวล มันเป็นวินาทีแห่งความว่างเปล่า วินาทีแห่งความปลอดโปร่ง วินาทีแห่งความสุขความสบาย

ทุกสิ่งทุกอย่างถูกดูดเข้าไปในหลุมดำ ปัญหาทุกอย่างถูกดูดเข้าไปในหลุมดำ

ตัวเธอถูกดูดเข้าไปในหลุมดำ

หายวับไปในพริบตา

++++++++

จากคุณ : ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 15:34:42




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com