25
นภัสรินทร์แวะเข้าไปบริษัทช่วงบ่าย ดูความคืบหน้าของงานต่าง ๆ ที่กวางรับไว้ให้ช่วงที่ไม่อยู่ ความจริงเธอก็ไม่พร้อมจะทำงาน แต่การอยู่เฉย ๆ จะทำให้ความคิดวิ่งพล่านจนตามจับไม่ทัน ไม่มีใครสงสัยอะไร รอยแดงที่แก้มเพียงแค่ตบแป้งก็เนียนตาไปเอง
หญิงสาวกลับมาถึงที่พักในช่วงค่ำ เพียงก้าวแรกที่เข้าล็อบบี้และเห็นใครบางคนนั่งอยู่ ท้องฟ้าก็มืดหม่นยิ่งกว่าเดิม วีรญาเปรียบได้กับมือที่คอยฉุดลูกโป่งเช่นเธอไม่ให้ลอยเป็นอิสระ นภัสรินทร์ไม่เดินไปขึ้นลิฟท์ในทันที เธอหยุดเพื่อรอว่าผู้มาเยือนจะพูดอะไร หากแต่ก็ไม่สบตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดรุนแรง
“เป็นไง มีความสุขมากใช่ไหม ภาพที่ออกมาถึงได้ดูดีขนาดนั้น”
เธอเตรียมใจไว้แล้ว “ก็แค่ภาพ มันไม่มีอะไรอย่างที่เธอคิดหรอก”
วีรญาลุกพรวด “อย่าลืมว่าฉันรู้จักเธอดี ไอ้ที่ว่าไม่มีอะไรน่ะ ฉันคิดและสาธยายมันออกมาได้นะ จะให้บอกไหมว่าไอ้เด็กนั่นมันทำอะไรเธอ มันกอด...”
“หยุดนะ!”
ทั้งเสียงของวีรญาและนภัสรินทร์ดังจนพนักงานธุรการสะดุ้ง และมองอย่างหวาดระแวงว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงระหว่างผู้หญิงสองคนนี้หรือไม่ “ตกลงว่ายอมรับใช่ไหม”
นภัสรินทร์เห็นว่าร่างอดีตเพื่อนรักสั่นเทิ้ม ในดวงตามีกองเพลิงลุกโชน น่ากลัวว่าจะแผดเผาตนเองซะก่อน
“ขอเตือนครั้งสุดท้ายนะ เลิกยุ่งกับมันซะที ถ้าเธอไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
นภัสรินทร์ก็จ้องตอบไม่ลดละเช่นกัน “เอาสิ อย่าลืมว่าประวัติศาสตร์มันก็เล่นงานเธอได้เหมือนกัน”
วีรญาหน้าแดงจัด “ออกโรงปกป้องแบบนี้ จะเรียกว่าไม่มีอะไรได้อีกเหรอ!”
“เธอจะคิดยังไงก็ช่าง เธอเตือนฉันได้ งั้นเธอก็ควรจำไว้ด้วยเหมือนกัน อย่าแตะต้องปัญวิชช์” ท้ายประโยคนั้นนภัสรินทร์เสียงกร้าว ทำคนฟังนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะเคลื่อนกายออกไป วีรญาหายใจถี่
“มั่นใจนักเหรอ คงคิดว่าไพ่ของเธอที่ถืออยู่แต้มสูงกว่าของฉันแล้วสินะ”
นภัสรินทร์หันกลับมา “แน่นอน ถ้าเธอกล้าวางเดิมพันฉันก็กล้า บอกได้เลยนะว่างานนี้ฉันเอาจริง”
คราวนี้เธอเดินเข้าลิฟท์ไปโดยไม่เหลียวหลัง ปล่อยให้วีรญายืนกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น ถ้อยคำตัดรอนจากผู้เป็นที่รักประหนึ่งคมมีดที่ตัดหัวใจเธอขาดเป็นริ้ว ๆ ไอ้ปัญวิชช์...
วันต่อมา ปัญวิชช์แวะไปหานภัสรินทร์ที่ทำงาน กวางได้คำตอบว่าให้เขาเข้าไปพบได้เลย เลขาสาวไม่แปลกใจว่าทำไมเจ้านายของเธอกลับมาเป็นมิตรกับสส.หนุ่มอีก เพราะเธอก็เห็นข่าวเช่นกัน แต่คิดล่วงหน้าไปทางเอกสิทธิ์ว่า นักธุรกิจหนุ่มคู่ค้าคนนั้นจะว่ายังไงบ้าง แต่ก็ไม่มีเวลาสงสัยมากมายเมื่อได้ของฝากและทำหน้าที่ลูกน้องที่ดีคือ ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้านายไปดีกว่า
ปัญวิชช์เดินเข้ามา เจ้าของห้องกำลังค้นหาเอกสารในตู้ เธอหันมาเหลือบมองพร้อมรอยยิ้มแล้วพลิกเอกสารในมือ ชายหนุ่มสืบเท้าเข้าไปใกล้แต่แม่บ้านยกน้ำกับกาแฟมาเสิร์ฟจึงหยุด
แต่พอประตูปิดลง เขาก็โอบแขนกอดเธอ
“อุ้ย”
นภัสรินทร์อ้าปากจะห้ามแต่ไม่ทัน เขาประทับจมูกบนแก้มนวลแล้ว
“วิช อย่าทำรุ่มร่ามในที่ทำงานนะ”
“ก็คิดถึง”
“โอเค รู้แล้ว ปล่อย” ปัญวิชช์ย่นคิ้ว “ท่านสส.คะ”
เขายอมคลายอ้อมกอด แต่ยังจับแขนเธอไว้ นภัสรินทร์เงยหน้าสบตาเขาแล้วนิ่ง
“เปลี่ยนน้ำหอมเหรอ”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างปลาบปลื้ม “แค่เปลี่ยนน้ำหอมรินยังรู้ ต่อไป ถ้าเสื้อวิชเปื้อนรอยลิปสติกมา รินจะฆ่าวิชหรือเปล่า”
“ไม่ฆ่าหรอก เพราะ...”
“เพราะรินรู้ว่าวิชรักรินคนเดียวไม่มีทางทำแบบนั้นใช่ไหม”
เธอส่ายหน้า “ไม่ฆ่าหรอก ถ้าวิชจะมีคนอื่นก็เรื่องของวิช”
ปัญวิชช์ยิ่งถูกใจ รอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า เขาชอบอารมณ์แบบนี้ของผู้หญิง “ไปกินข้าวกันเถอะ”
นภัสรินทร์ดูเวลาแล้วบอกว่ายังไม่เที่ยง แต่ชายหนุ่มต่อรอง “แต่ผมหิวแล้ว เหลืออีกแค่ยี่สิบนาทีเอง นะ”
หญิงสาวผ่อนลมหายใจ จำต้องยอมไม่งั้นเขาคงจะตื้อและไม่ปล่อยเธอแน่ บอกสั้น ๆ ว่าขอห้านาทีเคลียร์เอกสารก่อน
หลังมื้อกลางวันที่เต็มไปด้วยความสุข นภัสรินทร์พยายามไม่คิดถึงคำขู่ของวีรญา ไม่อยากให้ความกังวลแสดงออกแม้แต่ทางแววตา เพราะไม่ต้องการให้ปัญวิชช์สังเกตเห็น เธอเรียกความเชื่อมั่นว่า การที่มีเขาอยู่ตรงหน้าเช่นนี้คือหลักที่มั่นคงของชีวิตแล้ว จะต้องไม่หวั่นไหว ออกจากร้านอาหาร ทั้งคู่เดินผ่านร้านตัดชุดแต่งงาน นภัสรินทร์นั้นไม่ได้สังเกต แต่ปัญวิชช์กระตุกมือเธอให้มอง
“สวยไหมริน คิดไว้แล้วหรือยังว่าจะใส่ชุดแบบไหน”
แก้มหญิงสาวแตะสีระเรื่อ ส่ายหน้า “คิดได้แล้วนะ เดี๋ยววิชไปบอกแม่แป๊บเดียวเท่านั้นแหล่ะ รินจะได้มีเวลาเลือกให้ถูกใจที่สุด” เขาพูดต่อ “ขอสักสองสามวันนะ วิชจะให้แม่มาคุย ใจจริงอยากจะให้คุยวันนี้เลย แต่งานรออยู่กองเบ้อเริ่ม ช่วงนี้คงไม่ได้กลับห้าโมงแน่”
“ช่วยไม่ได้ อยากโดดงานเองนี่นา” นภัสรินทร์ว่ายิ้ม ๆ
“อย่าซ้ำเติมกันสิ” ปัญวิชช์คล้องมือที่เอวหญิงสาว “งั้นเดี๋ยวไปเขตกันเลยดีกว่า”
“ทำไม”
“ไปจดทะเบียนไง”
“บ้า” นภัสรินทร์แก้มแดง
“ไม่บ้านะ ก็บอกแล้วว่าวิชไม่อยากเหมือนใคร ไปเลยไหม ถ้าต้องใช้เอกสารอะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวให้กวางแฟ็กซ์ไปให้ ดีไหม”
“พอ ๆ เข้าใจแล้วว่าคิดยังไง” เธอทำเสียงดุ ขณะที่ในใจเต้นระรัวด้วยความยินดี ปัญวิชช์ยังพูดเรื่องนี้อยู่หลายหน เหตุผลคืออยากให้รู้ว่าเขาจริงจัง แต่นภัสรินทร์ทำตัวไม่ถูก ที่มาลงเอยกันแบบนี้ก็ก็กะทันหันพอแรง ดังนั้นเรื่องจดทะเบียนสมรสเธอจึงไม่ทันได้คิดมาก่อน เวลานั้นเธอได้แต่ยิ้ม ปล่อยให้ชายหนุ่มเจื้อยแจ้วไปอย่างมีความสุขโดยไม่ขัดจังหวะ
เมื่อวานเจอกับปัญวิชช์ เช้าวันนี้นภัสรินทร์มีนัดเอกสิทธิ์ที่ร้านกาแฟหน้าบริษัท เพราะเขาโทรมาบอกก่อนว่าจะเอาของฝากมาให้ ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกใจสำหรับเธอ แต่ที่ติดกังวลอยู่เล็กน้อยในใจคือ หากการพบเจอมีหัวข้อในข่าวเธอจะต้องตอบเขาอย่างบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น
ชายหนุ่มนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาส่งยิ้มให้เมื่อเธอสั่งกาแฟ ทักทายกันพอเป็นพิธี พอนภัสรินทร์ได้กาแฟก็ลากเก้าอี้มานั่ง
“ท่านจรัสเป็นยังไงบ้าง”
นภัสรินทร์ผิดคาดเล็กน้อยที่คำถามนี้ไม่ใช่เรื่องข่าวของเธอกับปัญวิชช์ ก่อนมาก็ตั้งใจแล้วว่าจะไม่เป็นฝ่ายพูดก่อน แต่ถ้าหากเขาถามขึ้นมาเธอก็พร้อมจะตอบ และก็คิดว่าเอกสิทธิ์คงรู้แน่และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องกลับก่อนกำหนด
“ก็ดูแข็งแรงดีค่ะ”
“อยู่ทางเหนืออากาศดี อาการคงดีขึ้น รินไปถึงบ้านท่านเลยไหม”
นภัสรินทร์พยักหน้า เพราะแรกที่ติดต่อขอไปพบท่านจรัสอยู่โรงพยาบาล แต่ญาติติดต่อกลับมาว่าท่านย้ายมาพักที่บ้านแล้วทำให้เธอได้มีโอกาสเห็นไร่ชานั่น
“ค่ะ โชคดีที่ไม่ต้องขับรถไกล”
“ได้ยินว่าบ้านท่านสวย”
“สวยมากค่ะ เป็นไม้สักทั้งหลังอยู่บนเนิน ล้อมด้วยไร่ชา มองเห็นฟ้ากว้าง ๆ ยอดชาเขียว ๆ สวยที่สุดเลยค่ะ” เธอเผลอตัวเคลิ้มไปวูบหนึ่งก่อนจะนึกได้ว่าสายตาเอกสิทธิ์ยังจับจ้องอยู่ จึงดึงตัวเองกลับมา
“เอาไว้พี่จะไปเยี่ยมท่านบ้าง รินไปด้วยกันนะคะ”
เธอนิ่งเล็กน้อยก่อน พยักหน้า เอกสิทธิ์เห็นแววตาที่เคลือบเงาบาง ๆ ดูเหมือนหมอกบนดอยนั้นจะติดตัวเธอมา มันฉายเป็นภาพสส.ปัญวิชช์ที่ยืนเคียงข้าง เขาเห็นข่าวนั้นแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ช่วงเวลานี้เพื่อจะพูดถึงมัน จังหวะนี้ยังไม่ได้เป็นของเขา อาจจะต้องรอ
ในที่สุดชายหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่อง หยิบถุงกระดาษอาบมันใบใหญ่มาวางบนโต๊ะ เลื่อนให้
“ของฝากครับ”
นภัสรินทร์ตาโต ยกคิ้วถามกลับว่าเป็นของเธอทั้งหมดนี้เลยอย่างนั้นหรือ เขาพยักหน้า
“พี่ไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าจะซื้ออะไร เห็นมันน่ากินน่าใช้ก็หยิบเลย ขอโทษด้วยนะ ถ้าไม่ถูกใจ”
หญิงสาวค้อนเล็กน้อยขณะเปิดปากถุง เห็นขนมหน้าตาน่ารักรวมอยู่กับของใช้จำพวกโลชั่น
“นึกว่าคิดเอาไว้ก่อนแล้วซะอีก” เธอล้อ เอกสิทธิ์พ่นลมหายใจ แต่ก็ไม่เล่าสาเหตุ นภัสรินทร์คิดเอาเองว่าบางทีมันอาจจะเกี่ยวกับวีรญา เอกสิทธ์บอกเพิ่มเติมว่า เขามีของให้พ่อเลี้ยงของเธอด้วย แต่เดี๋ยวจะเอาไปฝากในโอกาสต่อไป
“ขอบคุณค่ะ แต่รินไม่มีของฝากอะไรมาให้พี่เอกเลย”
เขายิ้มระบาย “ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องได้ของจากรินหรอก อีกอย่างเชียงใหม่เชียงรายนี่พี่ก็เดินจนทั่ว มีของเยอะไปหมดแล้ว”
คำพูดนั้นทำให้นภัสรินทร์รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย เธอดื่มกาแฟ ไตร่ตรองก่อนจะเอ่ยคำถาม
“วีเป็นยังไงบ้างคะ”
เอกสิทธิ์โคลงศีรษะ “ก็ไม่มีอะไร ไปทำงานตามปกติ ตั้งแต่กลับมานี่ขยันเชียว ทำงานยังกับเป็นมนุษย์เงินเดือนเร่งสร้างครอบครัว” เขาพูดถึงน้องสาวเชิงประชด และไม่ติดใจว่าทำไมเธอจึงถามถึง
ที่ถามก็เพราะนภัสรินทร์คิดว่าอย่างน้อยก็ควรจะรู้ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเอาไว้บ้าง ได้ยินเช่นนี้ก็คาดว่าวีรญาคงทุ่มเทให้กับงานจริง คำที่เธอกล่าวไว้อย่างเด็ดขาดอาจทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าเสี่ยงก็เป็นได้ โชคดีที่ความลับนั้นยังพอมีน้ำหนัก เธอคลี่ยิ้ม ผ่อนคลายบทสนทนา
“ตกลงว่าจะไม่ติดใจเรื่องของฝากจากรินจริง ๆ นะคะ”
“ไม่หรอก” เขาเอียงคอ “เอาแบบนี้แล้วกัน พี่ขอนัดรินไปกินข้าวสักมื้อแทน ถือเป็นของฝากที่รินไม่ได้ซื้อมาให้ดีไหม”
หญิงสาวฉีกยิ้มน่ารัก “ได้สิคะ รินไปแต่ตัว พี่เอกจ่ายนะคะ”
เอกสิทธิ์หัวเราะ “ได้เลย”
ชายหนุ่มจิบกาแฟพลาง ประมวลท่าทีของนภัสรินทร์ เท่าที่เห็น ประกายตาเธอสดใส แต่ขณะเดียวกันก็ดูคล้ายมีม่านบาง ๆ กั้นอยู่ การมาคุยวันนี้นอกจากเรื่องของฝากแล้ว ก็เป็นเพราะเขาอยากรู้ปฏิกิริยาหลังจากเป็นข่าวของเธอด้วย
ที่หญิงสาวไม่พูดเลย เป็นเพราะจงใจ หรือเพราะมันอาจไม่มีอะไรจริง ๆ ก็ได้ ถึงอย่างไรคนอย่างเขาไม่เคยถือสาเรื่องแบบนี้ นภัสรินทร์ควงกับผู้ชายเสมอ ไม่เฉพาะกับปัญวิชช์ อีกประการหนึ่งภาพที่เห็นไม่ได้ดูตั้งใจจะถ่ายให้เห็นความสนิทสนมหรือหวานฉ่ำของคู่รัก ดูคล้ายว่าสส.เด็กนั่นจะล่วงเกินหญิงสาวมากกว่า ไม่แน่ว่า หลังจากจังหวะนี้หมอนั่นคงโดนนภัสรินทร์โกรธไปแล้ว พิจารณาจากการตามตื้อแล้ว ปัญวิชช์คงจะสืบมาจนรู้ว่านภัสรินทร์ไปเชียงราย แล้วก็แอบตามไป สรุปได้ว่า นายคนนี้ก็แค่คนมาจีบหนึ่งในคู่แข่งหลาย ๆ คนของเขาเท่านั้นเอง
‘รินไปแต่ตัว...’
ตอนนี้เธอพูดแบบนี้ได้ แต่เขาเชื่อว่า ต้องทำให้ได้ใจเธอสักวัน ทั้งคู่พูดคุยกันอีกไม่กี่คำก็แยกย้ายไปทำงาน เอกสิทธิ์เดินเข้าไปบริเวณลานจอดรถ มีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งแล่นสวนมา ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจ
....
จากคุณ |
:
อุธิยา (BabyRed)
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.ย. 55 10:55:08
|
|
|
|