“วันนี้คุณชาร์ลก็มาทำงานแต่เช้าเลยนะครับ” เขาเอ่ยทักขึ้นมาบ้าง
“อื่ม..” หนุ่มใหญ่รับคำพลางส่ายศีรษะไปมาอย่างอ่อนเพลีย “ช่วงนี้เป็นไรไม่รู้ นอนไม่ค่อยหลับ”
ว่าแล้วก็เดินตรงไปยังโต๊ะทำงาน
“คิดถึงพี่รินหรือเปล่าครับ” เป็นคำถามอย่างไม่ทันยั้งคิดในชั่วขณะจิตนั้น ประหนึ่งสัมผัสได้ถึงพลังความรู้สึกอันแรงกล้าของอีกฝ่าย
หนุ่มใหญ่หมุนเก้าอี้จับจ้องกลับมา
“นายนี่แน่มาเลยนะ” เขาว่ากลั่วเสียงหัวเราะเบา ๆ “เดี๋ยวนี้กล้าแซวฉัน”
ชายหนุ่มเดินตามไปนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานเบื้องหน้านายจ้าง ดวงตาทั้งคู่หลุบลงเล็กน้อย
“เปล่าครับ ผม่ไม่มีเจตนาจะแซวคุณชาร์ล ผมแค่...” เขาบอกพลางสังเกตมองคู่สนทนา “ผมแค่รู้สึกระลึกถึงพี่รินจากใจจริงเท่านั้น”
สีหน้าของผู้อาวุโสแลขรึมลงเล็กน้อย เขาตัดสินใจเอ่ยปากถาม
“คุณชาร์ลไม่ไปตามพี่รินกลับมาเหรอครับ”
ชาญเม้มริมฝีปากเข้าหากันครุ่นคิดทบทวน นั่นเป็นคำถามเดียวกับที่เขาเฝ้าถามตัวเองมาตลอดหลายวัน
“ฉันเองก็ยังไม่รู้จะเอายังไงดีกับเรื่องนี้” เขาบอกไปตามตรง
แม้รู้ซึ้งดีว่า หากงอนง้อขอให้เธอกลับมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอีกครั้ง นั่นจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาต้องรักษาคำมั่นไม่ประพฤติตัวนอกใจเธอ หากเพียงว่าชาญไม่เคยเชื่อมั่นตัวเองกับเรื่องนี้เลย
“นายเชื่อไหมว่า” เขาเงยหน้าทอดมองชายหนุ่ม เขาคงไม่เด็กเกินไปที่จะสามารถเปิดใจพูดคุยกันตามภาษาลูกผู้ชาย “ฉันมีเซ็กซ์กับเมียตัวเองในรอบเดือน น้อยกว่าผู้หญิงนอกบ้านทั้งหมดรวมกัน แต่พอรินจากไป ฉันกลับคิดถึงเค้าจนไม่มีหัวจิตหัวใจจะคิดถึงใครได้อีก”
ชายหนุ่มรู้สึกสะอึกไปกับคำบอกเล่าอย่างตรงไปตรงมาของนายจ้าง คงด้วยเหตุของความมากรักนี้เอง รินรดาจึงไม่สามารถอดทนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขา
“อาจจะเป็นเพราะว่า ความสุขทางจิตใจมีอิทธิพลกับเรามากกว่าความสุขทางร่างกายมั้งครับ” เขาให้ความเห็น พยายามปรับน้ำเสียงให้ฟังเป็นธรรมชาติที่สุด
ผู้อาวุโสกว่าพยักหน้าคล้อยตาม
“ว่าแต่นายเถอะ เมื่อวานที่ให้เป็นตัวแทนฉันเอาดอกไม้ไป แล้วเป็นไงบ้าง”
วงหน้าของชายหนุ่มสลดลง เมื่อเป็นฝ่ายถูกซัก รู้สึกลำบากใจหากจะสารภาพตามจริง
“ครับ ก็ดีครับ”
ชาญนิ่วหน้า สีหน้าหมองบอกให้รู้ถึงสถานการณ์ที่ไม่สู้จะดี
“เอ่อ...ที่ผมบอกไว้เมื่อวาน เรื่องจะขอลางานน่ะครับ” ผู้เยาว์วัยกว่ารีบเปลี่ยนเรื่อง “คือ..ผมจะเดินทางไปขึ้นรถที่หมอชิตเย็นวันนี้ และขอลาหยุดพรุ่งนี้วันเดียวครับ จะกลับมาทำงานให้ทันในเช้าวันจันทร์”
ผู้เป็นนายจ้างพยักหน้าเห็นคล้อยตาม
“ตามใจนาย”
สีหน้าของผู้เยาว์สดชื่นขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเหมือนว่าจะยิ้มตอบ แต่ก็ไม่เชิงนัก
“คือว่าผม...”
กันต์ธีร์ทอดมองคู่สนทนาอย่างเต็มตาอีกครั้ง จะว่าไปแล้วชาญก็เปรียบดั่งบุพการีที่ช่วยให้ชีวิตใหม่ พร้อมข้อแนะนำในการใช้ชีวิตแก่เขา
“ผมกับพี่ชายปรับความเข้าใจกับพ่อได้แล้ว ผมต้องขอขอบคุณคุณชาร์ลมากครับที่ช่วยชี้แนะอะไรหลาย ๆ อย่าง”
ผู้อาวุโสกว่าหัวเราะหึ ๆ กับวาจาอันแสนซาบซึ้งนั้น
“ฉันยังไม่ทันจะทำอะไรให้นายเลย” เขาว่าไปพลางสังเกตมองหนุ่มน้อย “แสดงว่าที่ผ่านมา นายคงไม่เข้าใจกันกับพ่อสินะ...”
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมีบุคลิกลักษณะที่แปลกแตกต่างจากหนุ่ม ๆ คนอื่น
“เรื่องมันยาวครับ” ผู้อ่อนวัยกว่ายอมรับ รู้สึกหนักใจหากจำต้องอธิบาย “ผมคงไม่สามารถเล่าให้คุณชาร์ลฟังได้ เพราะตัวผมเองก็ยังงง ๆ อยู่”
หนุ่มใหญ่หัวเราะร่ากับวาจาอันสับสนไปมาของเขา
“นายนี่ตลกดีชะมัด” เขาว่ากลั่วอารมณ์ขบขัน พลางพินิจพิจารณาหนุ่มน้อย “คงเป็นเรื่องนี้สินะ ที่นายบอกว่าจะไปถามแม่ เอาล่ะ เอาเป็นว่าฉันเข้าใจนายล่ะกัน”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้แทนคำกล่าวขอบคุณ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ไปทำหน้าที่ของตนเอง
ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศอยู่ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีนั้น ช่วงเวลาแห่งการครุ่นคิดทบทวนเรื่องของตัวเอง และอาจกำลังเกี่ยวพันโยงใยถึงลูกจ้างหนุ่ม สำหรับเขาแล้ว ความรักที่มีต่อรินรดามากมายเกินกว่าจะยอมทำใจให้เธอกลับมาเจ็บช้ำเพราะเขาได้อีก
ในห้วงนึก วงหน้าของภรรยาสุดที่รักยามนี้ ถูกซ้อนทับไว้ด้วยดวงหน้าสวยหวานของหญิงสาวอีกคน
จากคุณ |
:
วังวน
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.ย. 55 13:32:03
|
|
|
|