Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ไืทยต้องรอด ตอนที่ 1(นิยายแนว scifi ภัยพิบัติ (มือใหม่แต่งแนะนำด้วยครับ)) ติดต่อทีมงาน

ตอนที่  1

Prepare 1
ปี 2022
ผมกำลังนั่งอ่านคู่มือ Iphone 18S เมนูภาษาไทย พร้อมฟังก์ชั่นแปลภาษาไทยเป็นอังกฤษ โดยใช้ app คุมรถ อัตโนมัติ  “ติ้งๆ เสียงเรียกเตือน ให้แวะ ปั๊ม fuel cell”  แล้ว โปรแกรม ออโต้ pilot ก็พาผมเข้าปั๊มที่ใกล้ที่สุดทันที

“#$$3@@ พนักงานเติมน้ำมัน พูดแต่กับผม แต่เอพูดภาษาอะไรวะ” ผมถาม เขาชึ้ตัวเองแล้วบอกว่า ผมเป็นคนเผ่าม้ง  ผมยื่น Iphone เปลี่ยน แอฟให้แปลภาษาม้ง แล้วก็มี subtitle ขึ้นทันทีแว่นผม ขณะที่ชายม้งพูดดูแล้วเขาใช้  Samart Smart phone  app แต่เป็นรุ่นฝังชิพเฟมโตชิฟ เข้าไปในจอประสาทตา   ผมมองเห็น subtitle บนตาเขา เห็นแล้วเสียวเพราะผมไม่กล้าฝังชิพเฟมโต เข้าตา ขนาด  Iphone ผมสามารถฝังชิพที่เล็กกว่าเฟมโต ถึงขั้น ยอกโตชิพ  ได้แม้ เจ็บน้อยกว่าก็ตามแต่กลัวเจ็บอยู่ แต่จะอัพเกรดให้แปลภาษาเข้าทางหูเลยก็ดูแล้วแพงเกินไปเราคงไม่ได้ใช้ app นี้บ่อยๆ

“พี่ๆ เติม fuel cell กี่นาที” ชายม้งถาม  ผมบอกเต็ม cell เลยครับ จากนั้นผมก็บอกเขาให้เติม fule cell .ให้ Iphone ด้วยไม่ได้เติมมาหลายเดือนแล้วจำไม่ได้    ผมก็เสียบ Iphone ผมเข้า usb port v28 ทันที ไม่ถึง 5 นาที ก็เต็ม

ผมขับรถออกจากปั๊ม บอกกลับบ้าน รถผมก็ทำตามคำสั่งอัตโนมัติ กลับบ้าน

จาก เขาค้อ เพชรบูรณ์  กลับมา  เมือง พิษณุโลก ใช้เวลา  25 นาที  “พายุสุริยะจะมาอีกแล้วคับพ่อ” บินตังลูกชายคนกลางผม อายุ 16  วิ่งเข้ามาบอก “ทางโทรทัศน์แจ้งข่าวมาว่าจะ เกิดอีกครั้ง อีกไม่กี่วันนี้”
“ไร้สาระ” วันดี ภรรยาผมพูด “แม่เห็นเขาออกข่าวมาเป็น 10ปีแล้วไม่เห็นเป็นอะไรสักที ร้อนจะแย่  เร็วๆไปอาบน้ำเตรียมกินข้าวกัน”

ที่โต๊ะกินข้าว ลูกสาวคนโตอายุ 18  ชื่อ อายู กำลังจัดเตรียมอาหารอยู่ โดยมี คินต้า น้องคนสุดท้อง อายุ 14 จัดเตรียมน้ำดื่มไว้ให้ทุกคน เราทั้ง 5 คนนั่งลงแล้วทานอาหาร
“พ่อฮะแล้วเราเตรียมตัวรับมือพายุสุริยะยังไง” บินตังถาม
“หากเกิดพายุ สุริยะ อุปกรณ์ที่เป็น อิเล็คโทรนิค ทุกอย่างก็จะใช้การไม่ได้  ตัวอย่างเช่น ทีวี ตู้เย็น เราคงไม่มีไฟฟ้าใช้ ไปนาน เพราะระบบทุกอย่างล่ม จะต้องทำการซ่อมแซมกันใหม่ครั้งใหญ่เลยล่ะ” ผมตอบ
“อย่างนี้ ผมก็อดดูรายการหุ่นยนต์ เจ้อายูก็อดดู  The voice of AF star สิคับ” คินต้าพูด
“ใช่แล้ว ไม่มีไฟฟ้าใช้ เพราะกระแสคลื่นแม่เหล็กจะทำให้อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคทั้งหมด เสีย  เราคงต้องร้องเพลงกันเองแล้วแหละ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะ โดยเห็นหน้าลูกๆทั้งสามปิดหูทันทีเมื่อได้ยินว่าผมจะร้องเพลง
“แม่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ป๊าลองเพลงไม่ได้ นี่เป็นวงดุรยางค์มาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ” แฟนผมแซว
“คือ บางคนเกิดมาความชอบกับพรสวรรค์มันไม่ตรงกันนี่  ฮ่าๆ” ผมตอบแบบเขินๆ

จริงอยู่ที่ผมชอบดนตรี แต่กลับร้องเพลงไม่ได้เรื่องเลย แต่ก็รู้ตัวเองเลยมุ่งหน้าเรียนวิศวเครื่องกล จนจบแล้วก็แต่งงานกลับมาอยู่ที่ บ้านเกิดพิษณุโลก ทำงานโรงงานเหล็กขายเหล็กตัดเหล็กทำอะไหล่ รถเกี่ยวข้าวรถไถต่างๆ

พิษณุโลกหรือที่เราเรียกสั้นๆว่า พิดโลก เมืองที่ราบลุ่ม ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน เมืองที่อุดมสมบรูณ์ทั้ง พืชพันธ์ ธัญญาหาร ที่สำคัญน้ำไม่ท่วมเนื่องจากโมเดลบางระกำ ที่เมื่อก่อนท่วมซ้ำซ้อนจนรัฐบาลทุ่มงบมหาศาลลงไปพร้อมเปลี่ยนชื่อเป็นบางแสนสุขแทน ทำให้น้ำไม่ท่วมเลยแต่ไปท่วมที่อื่นแทน
ผมเชื่อถึงเรื่องวันโลกาวินาศ ที่ ดร. สมิธ  ได้เตือนไว้เมื่อท่านยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีใครฟัง ท่านเตือนไว้ตั้งแต่เหตุการณ์ สึนามิ เหตุการณ์น้ำท่วม กทม เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ที่สมัยนั้น ใครได้ยินก็ขำ แต่ผมเชื่อที่ท่านเตือนไว้เสมอ แต่ก็ยังมี บางเรื่องที่ยังไม่เกิดเช่น พายุสุริยะที่รุนแรง จนทำให้ สนามแม่เหล็กเปลี่ยนขั้ว สตอมเสริสซ์ หรือเรียกว่าเหตุการณ์ที่น้ำทะเล หนุนสูงจากพายุจนทำให้ กทม เป็นเมืองบาดาล เพราะน้ำจะสูงถึง 10 เมตร ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นเราจะทำยังไง ผมจึงได้ มุ่งเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น ทุกรูปแบบ มาตั้งแต่ปี 2011 ปีที่น้ำท่วม กทม

ต๊อกๆ  เสียงคนเคาะประตูบ้านเรา “ หนูไปดูเองค่ะว่าใครมา” อายูอาสา
“หวัดดีคนสวย กำลังกินข้าวกันอยู่หรือเปล่า ลุงมาหาป๊าอ่ะ” ชายคนนั้นตอบ
“ลุงหมู กำลังนำ IPAD infinity ที่ประกาศผลแอดมิชชั่นแบบสดๆมาให้ลุ้นกัน หนูก็สอบด้วยนี่นา” หมูเพือนผมแวะมาหา
“อายู จะได้เป็นหมอแล้วนะ” ลุงหมูพูด
“จริงหรือค่ะ หนูติดแล้วจริงๆหรือค่ะ” อายูตะโกน “พ่อขา หนูสอบได้แล้ว หนูจะเป็นหมอสมใจพ่อแล้ว”
“จริงเหรอลูก ”
“ติดแล้วจริงเหรอลูก” ผมพูดเสียงเบาๆ
อันที่จริงผมผิดเองที่ไปคาดหวังให้ลูกเป็นหมอ เนื่องจากสมัยก่อนแม่ผมเป็นมะเร็งเสียชีวิต จึงอยากให้ลูกผมเรียนหมอเพื่อนหาทางรักษาให้ได้ แต่ปัจจุบันปี 2022 เทคโนโลยีเราก้าวไกลถึงขั้น ยอกโต เทคโนโลยี การส่งหุ่นยนต์ขนาดเล็กเข้าไปในร่างกายเพื่อทำให้เซลมะเร็งไม่ขยายตัวนั้นเป็นเรื่องง่าย  สุดท้ายเซลมะเร็งก็จะฝ่อไปเอง
“แล้วลูกสอบติดที่ไหนล่ะ”ผมถาม
“ศิริราช ค่ะ” อายูตอบ
“หา ศิริราชเหรอ” ผมอุทานตกกะใจเสียงหลง เพราะรู้ว่ามันติดแม่น้ำ
“ หนูรู้ค่ะว่าจะต้องทำยังไงหากเกิดสตอมเสริสซ์ ค่ะพ่อ ไม่ต้องกลัวนะคะ” อายูพูด
อายูเป็นลูกสาวคนเดียวของผม เป็นสาวน้อยแก้มป่องแก้วตาดวงใจ รู้ใจผมไปทุกเรื่อง  ก็แน่หล่ะลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ผมพร่ำสอนถึงวิธีการเตรียมตัวพบกับภัยพิบัตทุกประเภทมาตั้งแต่ อายู 6 ขวบ เป็นสาว ถึงแม้แม่เขาจะไม่เห็นด้วย และมองเป็นเรื่องประสาทของคนสติไม่ดีเท่านั้น
“แล้วลูกจะต้องเข้า กทม ไปรายงานตัววันไหนล่ะ”  ผมถาม
“อีก 1 อีกหนึ่งอาทิตย์ค่ะ” อายูตอบ
เสียงตอบของอายูทำให้ผมใจหายไม่น้อย
“แม่ไปส่งเอง” ภรรยาผมพูด
“ไม่ได้ ให้ผมไปส่ง แม่ว่ายน้ำไม่เป็น” ผมค้านทันที
“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นั้ง รถไฟความเร็วสูงไป กทม แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้นได้ คงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก อย่างมงายกับวันโลกาวินาศมากไป มันไม่มีจริงๆหรอกน่า ถ้ามีก็ตายพร้อมกันหมดนี่แหละ” แฟนผมบ่น
“อย่าเถียงกันเลยคับ โอกาสเกิดมีเพียง 1% เองคับในช่วงนั้นที่ Mensa เขาก็ให้ผมคำนวณความน่าจะเป็นไว้เป็นการบ้านมาเมื่อต้นปี” คินต้าพูด

Mensa เป็นสถาบันที่ค้นหาและรับเด็กอัจฉริยะเข้า ไว้ด้วยกันและ สร้างหลักสูตรพัฒนาด้านสมอง  และเขาได้รับ คินต้าลูกชายผมไว้ ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ หลังจากที่คินต้า พูดได้ 8 ภาษาและเล่นเปียนโนเพลงโมสาร์ทได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมองโน้ต แต่นั่นเป็นเพลงแค่จุดเริ่มต้น คินต้าสนใจในงานทางด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์แต่ยังเด็ก Mensa ทดสอบไอคิวเขาได้ 159 เทียบเท่ากับ "สตีเฟน ฮอว์คิง" และ "อัลเบิร์ต ไอน์ไตน์"





แต่ถึงยังไงผมก็ยังตักเตือนลูกถึงคำเตือนของคนโบราณที่กล่าวถึงวันสิ้นโลก ที่ยังไงก็จะต้องมาถึงและถ้าวันนั้นมาถึงไฟฟ้าก็คงไม่มีใช้เทคโนโลยีย้อนกลับไปสมัยยุคดึกดำบรรพ์ ความรู้ที่คินต้าสนใจคงช่วยอะไรไม่ได้ ผมพูดเป่าหูทุกวัน จน คินต้าหันมาสนใจเรื่องหุ่นยนต์และพลังงานทดแทน

และนี่คือ แผ่นกระดาษที่ผมคัดลอกจาก webพลังจิต พิมพ์มาแปะไว้ที่บอร์ดหน้าห้องทานข้าวของครอบครัวเราเพื่อระลึกให้ลูกๆได้อ่านเสมอเมื่อเวลาที่เราได้กินข้าร่วมกัน ในวันหนึ่งข้างหน้าเราอาจจะไม่ได้กินข้าวแบบนี้ร่วมกัน หรือแม้กระทั่งไม่มีข้าวจะกิน

“เมื่อถึงกาลเวลาจะมีภัยพิบัติมาเยือนโลกมนุษย์ ในทุกยุคทุกสมัย จะมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก อันเนื่องมาจากการแปรปรวนของธรรมธาตุทั้งหลาย คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความแปรปรวนแห่งจิตใจของมนุษย์ที่มีศีลธรรมน้อยลง จะก่อให้เกิด ไฟสงคราม และจะตามมาด้วยโรคแห่งเวรกรรม ในนามของโรคระบาด ที่ไม่มียารักษา

เมื่อ ประมาณ 6000 ปีที่ผ่านมานี้ พวกเราส่วนหนึ่งได้เคยผ่านเหตุการณ์ภัยพิบัติมาแล้วครั้งนึง สัตว์ใหญ่สมองเล็กล้วนตายแทบหมดสิ้น ส่วนพวกสัตว์เล็กสมองใหญ่ เช่นมนุษย์ จำนวนหนึ่ง มีปัญญาเฉียบแหลม (อาศัยอยู่ในเรือแบบเรือโนว์อา)สามารถดำรงตนสืบทอดชาติพันธ์ของตนเองจนถึง ปัจจุบัน เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติมนุษย์จำนวนหนึ่งก็จะสามารถอยู่รอดได้ก็ด้วยอาศัยการ รู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า จึงมีการเตรียมตัวเพื่อรับภัยพิบัติจึงสามารถทำให้อยู่รอด มีลูกมีหลานมาจนถึงยุคปัจจุบัน

ในยุคภัยพิบัตินี้ หลังจากเกิดภัยพิบัติภายในเวลา 5 ปี ในกลุ่มผู้ที่ไม่มีศีลธรรม จะมีการรบราฆ่าฟันกันอย่างหนัก คนจะล้มตายเป็นจำนวนมาก จากนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองของโลก โดยจะปรากฎองค์พระจักรพรรดิ์ขึ้น มีอำนาจ บุญฤทธิ์และคุณธรรมครบถ้วน สามารถมีอำนาจปกครองเหนือมนุษย์ทุกจำพวกได้”

อีกใบเป็นคำทำนายจากไบเบิล

“หมายกำหนดเวลาตามคัมภีร์ไบเบิล จากศาสนาคริสต์
ตามคำทำนายถึงวันสิ้นยุค ได้กำหนดวันที่บ่งบอกถึงสถานการณ์ที่จะเกิดเหตุการณ์ คือ

- ตั้งแต่ดวงตรา ที่ถูกเปิดผนึกดวงแรกนั้น เริ่มนับจากปี ค.ศ. 1999 - มิ.ย. 2002 ดวงดาวในระบบสุริยะเรียงตัวตรงเป็นแนวเดียวกัน

- ค.ศ.2002 - ม.ค.2006 มีการสู้รบ หรือทำสงคราม เกิดขึ้น เกิดภัยภิบัติทางธรรมชาติบ่อยขึ้น เกิดปัญหาความอดอยากมากขึ้น(สึนามิ, ไฟไหม้ป่าที่ อินโดนีเซีย,น้ำท่วมใหญ่ในหลายประเทศ, แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น, ชาวยิว ชาติพันธุ์ที่พระเจ้าทรงเลือกให้บุตรของพระองค์มาจุติ ถูกขับไล่ออกจากดินแดนของปาเลสไตล์ ฯลฯ)

- ค.ศ. 2007 - 2012 จะเริ่มมีการจับมือกันระหว่างพันธมิตร ของชาติต่างๆ แบ่งเป็นกลุ่ม (ถ้าตอนนี้ก็มี รัสเซียกับจีน ที่ทำการซ้อมรบร่วมกันอยู่) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม ปฏิทินของชนเผ่ามายัน นับถ้อยหลังมาจนเหลือศูนย์ในเดือน ธ.ค. 2012

- ค.ศ.2012 - 2023 สงครามและกลียุคผ่านพ้น บุตรมนุษย์หรือพระศาสดาองค์ใหม่ถือกำเนิด ซาตาน จะถูกจองจำใต้บาดาลไปนาน 1,000 ปี

ในสมัยสิ้นยุคนั้น เหตุการณ์กลียุคจะเกิดขึ้น มนุษย์จะเห็นแก่ตัว เย่อหยิ่ง ยโส ชอบด่าว่า ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดามารดา ไร้มนุษยธรรม ใส่ร้ายกัน การหลอกลวงกัน เข่นฆ่า ขมขื่น การกักขังหน่วงเหนี่ยวซึ่งกันและกัน และอีกสารพัด ซาตาน เข้าครอบงำมนุษย์แบบเต็มคราบ หรือเต็มรูปแบบ และในไม่ช้า สงครามขั้นแตกหักก็จะเกิดขึ้น สรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกจะถูกกวาดล้างสิ้น จนกว่าบุตรมนุษย์ หรือศาสดาองค์ใหม่จะเสด็จมา เพื่อปราบความทุกข์เข็ญทั้งมวล

เมื่อ ซาตาน ถูกปลดปล่อยอีกครั้งใน 1,000 ปีให้หลัง โลกจะถูกเผาผลาญด้วยไฟแห่งโทสะของมันที่มีมากกว่าเดิม กองทัพของมันจะทำลายทุกสิ่งที่พวกมันจับต้อง พบเห็น แม้แต่เทวดาทั้งหลายก็มิอาจหยุดยั้ง จน พระเจ้าต้องเสด็จมาปราบ ซาตาน ด้วยตัวพระองค์เอง และ ซาตาน ก็จะดับสูญชั่วนิรันดร์

ผู้ที่รอดจะเข้า สู่วัฏจักรแห่งชีวทิพย์อีกครั้ง สวนเอเดน จะกลับคืน และความสงบสุขจะมาเยือนเหล่ามนุษยชาติอีกครั้ง...”

“ อายู ลุงขอตัวกลับบ้านก่อน พรุ่งนี้ลุงต้องขับเครื่องบินไปโคราช ประจำหน่วยทำฝนเทียม” ลุงหมูพูด
“เห็นมั๊ย แล้งจะแย่อยู่แล้วจะเอาอะไรที่ไหนมาท่วม” แฟนผมพูดออกมาด้วยน้ำแสงแดกดัน
“ก็ช่วงนี้เกิด เอลนินโญ่ นี่นาเลยแล้ง แต่หากมันพลิกกลับมาลานินย่า เมื่อไหร่ ก็เตรียมตัวเปียกกันได้เลย” ลุงหมูตอบแทน ผมที่ก้มหน้าไม่อยากทะเลาะกับแฟน
หมูเป็นนักบินที่หน่วยฝนเทียม ขับเครื่องดาโกต้าเครื่องเก่ากึกสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งขับเองทั้งซ่อมเอง บินก็ต้องบินเข้าเมฆฝนเพื่อเข้าไปโปรยสารเคมี ผมคิดว่าหมูเพื่อนผมเปรียบนักบินที่เก่งและทำงานเสี่ยงตายที่สุดในโลก เพราะต้องฝ่าเมฆฝนเข้าไปทำฝน จะเจอฟ้าผ่าเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็สามารถรอดมาได้จนถึง 26 ปีแล้ว เรารู้จักกันตั้งแต่สมัย ม ต้น แต่ด้วยอาชีพทางบ้านที่ต่างกัน เราจึงไม่ได้ไปเรียนในที่เดียวกัน ผมไปเรียนวิศวอยู่บางเขน แต่หมูไปเรียนจ่าอากาศอยู่ดอนเมือง เรากลับมาเจอกันด้วยคำว่าขอตายที่บ้านเกิด เราทั้งคู่เชื่อเรื่องภัยพิบัติ แต่ก็ไม่ถึงขั้นงมงาย ก็แน่ล่ะครับ หากวันโลกกาวินาศมาถึงจริง ผมมั่นใจว่าเพื่อนหมูผมจะพาพวกเราขับขึ้นเครื่องบินไปที่ๆปลอดภัยได้แน่นอน หมูนั้นมีประสบการณ์สึนามิมาแล้วแม้จะไม่เป็นอะไรแต่ก็อยู่ในเหตุการณ์
“ หมู ลองเล่าเรื่องสึนามิให้หลานๆ ฟังหน่อยสิ ใครไม่เจอกับตัวเองคงไม่รู้  ลูกๆลองฟังจากปากลุงหมูเลยละกัน เจอของจริง” ผมพูด
แฟนผมทำหน้าหงิก คงเพราะว่าได้ยินมาหลายรอบแล้ว

“ ตอนนั้นลุงอายุ 28 ปีกำลังหนุ่มแน่น ได้รับราชการให้ไปช่วยบินตรวจสภาพอากาศที่ ภูเก็ต วันที่  24 ธค 2004  พอดีช่างซ่อมเครื่องบินที่พังงาเขาลาไปฉลองคริสมาสอีฟ กับครอบครัว  ลุงเป็นคนไทยไม่ได้คิดจะไปฉลองกับอะไรกับเขา ประกอบกับเจ้าของเครื่องบินเขาต้องการใช้เครื่องด่วนในวันที่ 25 จึงยื่นขอเสนอพิเศษสุดโดยให้ลุงพาป้าแนนกับลูกสาวลุงพี่อายะ มาพักผ่อนจนถึงปีใหม่ 2005 ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่มีข้อแม้ต้องซ่อมให้เสร็จทันเวลา  ลุงตอบตกลงทันทีแล้วรีบมาซ่อมคืนวันที่  24 คืนเดียวก็ซ่อมเสร็จเรียบร้อย จากนั้นป้ากับพี่อายะก็มาถึงที่พักที่ เขาหลักพังงา  พี่อายะอายุแค่ 4 ขวบตอนนั้น กำลังซนมากๆ พวกเราได้พักในห้องที่ดีที่สุดในโรงแรมชั้น 1  อาหารการกินเครื่องดื่มทางโรงแรมจัดมาแบบครบครัน  วันที่ 25 ตั้งแต่เช้าพวกเรากินๆทั้งวัน ตกกลางคืนป้ากับลุงก็ดื่มฉลองกันจนดึก ป้าขอไปนอนก่อนเพราะอยากไปเดินสูดอากาศยามเช้าชายทะเล แต่ลุงยังดื่มต่อไปเรื่อยๆ ดื่มด่ำบรรยายกาศชายทะเลสุดแสนวิเศษ  ลุงกินเหล้าเมาไม่รู้เรื่องเลย
ตอนเช้าอากาศดีน่าจะประมาณ 8 โมง ป้าเรียกลุงให้ไปเดินเล่นชายหาดกัน ลุงเมาค้างแทบจะลุกไม่ไหวนอนต่อก็คงไม่ดี เลยเดินตามป้าไปเดินเล่นด้วย เดินไปสักพักถ่ายรูปครอบครัวกันไปสักพักใหญ่ก็รู้สึกมึนตามันพร่าแพ้แสง  เลยขอป้าไปเอาแว่นกันแดดมาถ่ายรูปด้วย แต่พอเข้าห้องไปนึกสนุกอยากถ่ายรูปตลกๆ เลยหยิบตีนกบกับหน้ากากดำน้ำ ใส่ชูชีพสีชมพูสดมาด้วย ลุงวิ่งมาป้าพร้อมชุดประหลาด ป้าบอกว่าใส่มาทำไมน่าเกลียด ดูสิน้ำลดเยอะเลย ลุงก็สังเกตเห็นว่าทำไมน้ำมันถึงลดไปเยอะจัง วิ่งเข้าไปใส่ชุดไม่กี่นาที ลุงหันไปมองพี่อายะหัวเราะใหญ่เห็นลุงทำท่าตลกๆ กุ้ง หอย ปู ปลา ค้างเต็มชายหาดช่วงน้ำลด ลุงเลยหยิบเปลือกหอยมาให้ดูแล้วบอกให้พี่อายะฟังเปลือกหอยจะได้ยินเสียงคลื่น พี่อายะก็ลองฟังดูแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจ ส่งเปลือกหอยมาให้ลุงฟัง แล้วลุงก็ได้ยินเสียงแปลกๆ หันหลังไปมองเห็นแนวกำแพงน้ำยกตัวสูงขึ้นด้ายบนกำแพงมีควันสีขาวมาแต่ไกล  ลุงตะโกนคลื่นยักษ์สุดเสียง ลุงอุ้มพี่อายะไว้แล้วบอกให้ป้าวิ่งหนี ทุกคนที่เห็นเราวิ่งก็วิ่งตามมีเพียง ฝรั่งที่คงไม่เข้าภาษาเรา และไม่แปลกใจที่เห็นคลื่นใหญ่ๆขนาดนี้เพราะบ้านเขาน่าจะเห็นกันจนชิน   พวกเราวิ่งไปที่โรงแรมอย่างรวดเร็ว คลื่นชุดแรกมาเร็วมาก ลุงกับป้าวิ่งไปไม่ทันไรก็โดนคลื่นซัดไปข้างหน้า  ป้าบอกไม่เป็นไรเราว่ายน้ำเป็นอย่าตกใจแค่น้ำท่วมเอง แต่คลื่นมันไม่ได้มาอย่างเดียว มันกวาดเศษซากไม่ซากปรักหักพังต่างๆ มาจากทุกแห่งหน  มือข้างนึงลุงอุ้มพี่อายะ อีกมือนึงจับป้าไว้ แต่ป้าสลัดมือลุงออกบอกไม่ต้องห่วงกอดลูกไว้ให้แน่น ป้าคงอยากให้ลุงไม่ต้องห่วงป้าจะได้ดูแลพี่อายะได้ปลอดภัย คลื่นลูกแรกผ่านไป ลุงไม่เป็นไรเพราะลุงมีชูชีพ และชุดสน็อกเกิล  แต่ป้าคงสำลักน้ำไม่ใช้น้อยเพราะคลื่นมันกดหัวพวกเรามิด ลุงใช้วิธีดำน้ำ มือข้างนึงยกพี่อายะไว้ให้สูงที่สุด  คลื่นมันดูดพวกเราลงทะเล ลุงเห็นป้าเริ่มโดนน้ำทะเลดึงออกไปในทะเล ลุงก็ว่ายน้ำเข้าไปช่วยแต่มือของลุงมีพี่อายะอยู่ข้างนึง ลุงว่ายน้ำไปช่วยไม่ทัน น้ำทะเลดูดป้าลงไปอย่างเร็ว ลุงไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะหากปล่อยพี่อายะ พี่อายะคงไม่รอดแน่ ลุงพยายามหาต้นไม้สูงๆ ปีนขึ้นไป เพื่อมัดพี่อายะไว้บนต้นไม้สูงประมาณ 5 เมตรด้วยเสื้อชูชีพ พอรัดพี่อายะเสร็จลุงก็กระโดดลงทะเลพร้อมสน็อกเกิลไปช่วยป้าทันที ลุงว่ายเข้าไปจะถึงป้าแล้ว แต่ป้าตะโกนบอกลุงทั้งน้ำตาว่า  “ไปช่วยลูก” ลุงไม่ฟังรีบว่ายไปหาป้า ทันใดนั้นคลื่นลูกที่สองที่ใหญ่กว่าคลื่นลูกแรก ลุงเห็นป้าดำลงไปพร้อมยกมือโบกลาก่อนที่จะโดนคลื่นซัดด้วยซ้ำ ลุงตะโดนเรียกป้าสุดเสียงก่อนที่ลุงจะโดนคลื่นลูกที่สองอัดกระแทก ลอยไปไกล ลุงรู้สึกโดนกระแทกด้วยเศษไม้ เศษหิน กลิ้งไปมาหลายตลบ ตอนนี้ลุงมองไม่เห็นอะไรแล้ว ลุงพยายามคว้าทุกอย่างที่คว้าได้ สุดท้ายลุงคว้า  จนหมดสติขาหัก น้ำเข้าปอดอักเสบติดเชื้ออยู่ ICU ไม่รู้สึกตัวหลายเดือน เพิ่งจะรู้ว่าลุงคว้าซากเจ๊ทสกีเกาะลอยน้ำมาได้ จึงรอดมาจนวันนี้”

“แล้วพี่อายะ ล่ะคับ” คินต้าถาม
“สาปสูญ ไม่มีใครพบอายะ” ผมตอบแทนหมู
“อายะคงไม่รอด คลื่นสูงเกือบสิบเมตร คงไม่มีหวังแล้วล่ะเพื่อน  เรื่องพบศพยิ่งยากเพราะช่วงนั้นทุกอย่างมั่วสับสนไปหมด  หากอายะยังมีชีวิตอยู่ก็คงเป็นสาวอายุ 21” หมูตอบน้ำตาซึม
“หากเราไม่สิ้นศรัทธา ก็ยังมีความหวัง”  ผมรีบตอบ
“ขอบใจมาก แต่มันผ่านมานานแล้วล่ะ  บางทีเรายังอยากตามลูกเมียไปอยู่ที่เดียวกัน ที่ๆเราเรียกว่าครอบครัว น่ะ ขอตัวก่อนนะดึกแล้ว” หมูกล่าวลาพวกเรา
ผมรู้ว่าหมูเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้มันจะผ่านไปนานหลายปี เขายังคงไปที่เขาหลักทุกปีแล้วอยู่ที่นั้นถึง ปีใหม่ของทุกปี ผมไม่รู้ว่าเขาไปทำไมที่นั้น ผมเคยถามเขาแล้วว่าไปทำไม เขาตอบผมว่าเขาไปรอ  ไม่มีใครรู้ว่าหมูรออะไร เพื่อนบางคนบอกผมว่ามันไปรออายะลูกสาว แต่ผมยังคิดว่าเขาไปรอคลื่นสึนามิเพื่อที่จะตามครอบครัวไป  เพราะเมื่อไรที่เกิดสึนามิที่ไหนก็ตามในโลกนี้ หมูจะอาสาไปช่วยทันทีโดยไม่คิดค่าใช่จ่ายใดๆเลย

“เอาล่ะลูกๆ ได้เวลาอาบน้ำนอนกันแล้ว วันนี้ได้ฟังประสบการณ์ สึนามิ จากลุงหมูแล้ว วันหน้าลุงคงจะมาเล่าเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นให้ฟัง ช่วงเหตุการณ์ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดอ่ะ” ผมบอกลูก
“ทำไม่ไม่มีใครคิด ทำโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบ ฟิวชั่นอ่ะคับ จะได้ปลอดภัย” คินต้าพูด
“ ฟิวชั่น แบบดวงอาทิตย์น่ะเหรอลูก ป๊าว่าเขาคงพยายามคิดกันอยู่ แต่คงอยากเพราะมีดวงอาทิตย์ทำได้อย่างเดียว” ผมตอบพร้อมคิดในใจว่าหากเราไม่เรียนสายวิทย์มาคงไม่มีทางเข้าใจเด็ก 14 คนนี้พูด
“คับ ผมจะเลือกเลยปริญญาเอกใบที่สองในสาขา ฟิสิกส์ควอนตัมเน้นพลังงานสเคลาร์ แล้วจะศึกษาเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นไปด้วยคับ ก็แค่ควบคุมไอโซโทปของไฮโดรเจนให้ได้ แล้วก็ให้ทำปฎิกริยาอย่างสมบูรณ์ เริ่มที่  ไฮโดรเจน 72% ฮีเลียม 26% และธาตุหนักอื่น ๆ (คาร์บอน,ไนโตรเจน,ออกซิเจน, ...) รวม 2%” คินต้าตอบยาวเหยียด
“โอเคลูก ป๊าไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมตัดบทก่อนที่คินต้าจะคิดอะไรออกมากไปกว่านี้แล้วเขาก็จะเขียนสมการให้ พวกเรางง
คืนนี้เราพักผ่อนก่อนที่จะเตรียมพร้อมกับวันให่มพรุ่งนี้


เช้าวันต่อมา ผมปลุกอายูให้ออกมาวิ่งออกกำลังกาย  เช่นเคยปลุกคินต้าตื่นไม่ไหว  คาดว่าจะคิดคำนวณสมการนิวเคลียร์ จนดึก แฟนผมก็ลุกมาทำอาหาร พร้อมกับน้ำข้าวก้นหม้อของเมื่อวานมาเตรียมตากแห้งถึงแม้เธอจะมองว่าการเตรียมพร้อมภัยพิบัติเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เธอก็ยังคงทำอาหารแห้งที่เก็บได้นานเพราะความเสียดาย ส่วนบินตังลูกชายคนโตของผมออกวิ่งล่วงหน้าไปตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่

บินตังนั้นเป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาหล่อมาก  ชอบออกกำลังกายและท่องเทียวเป็นกิจวัตร บินตังนั้นบ้าพลังมาก วิ่งขึ้นภูกระดึงใช้เวลาชั่วโมงครึ่งถึงจุดกางเต้นยอดดอย บินตังไปเที่ยวเกาะเสม็ดแทนที่จะนั่งเรือข้ามฝากไม่นั่งว่าน้ำข้ามไปบอกใกล้ๆเอง พาไปเที่ยวเมืองจีนที่เหอเป่ยชาวจีนว่ายน้ำแข็งกัน บินตังก็โดดไปว่ายกับเขาด้วย ผมรู้สึกว่าลูกผมนั้นพลังล้นเหลือตั้งแต่เด็กบินตังเป็นเด็กที่ซนมาก แต่การเรียนอยู่ในระดับปานกลางแต่ก็ยังคงได้เฉลี่ย 3 กว่าๆตลอด ถึงแม้ผมจะเป็นพ่อของบินตังแต่คนที่บินตังสนิทที่สุดกลับกลายเป็นลุงหมู เพราะหลังจากที่บินตังรู้ว่าลุงหมูจบหลังสูตรนักทำลายใต้น้ำของกองทัพเรือหรือที่เราเรียกสั้นว่า”มนุษย์กบ”  บินตังก็ไปคลุกคลีออกกำลังฝึกการต่อสู้ต่างๆกับลุงหมู ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะหมูนั้นเป็นเพื่อนสนิทผมคงไม่สอนอะไรพิเรนๆให้  แต่หากมองไปที่ฝาบ้านผมนั้นจะมีเหรียญทองเต็มผนังนับไม่หมด
กีฬาที่บินตังถนัดที่สุดคงเป็น ไตรกีฬา วิ่งว่ายน้ำ จักรยานส่วนโค้ชนั้นก็คือลุงหมูนั่นเอง โดยมีผมคอยขี่จักรยานไปเป็นเพื่อน
หมูเพื่อนผมหลังจากเสียครอบครัวไปก็หันไปออกกำลังกายอย่างหนักเรียกว่าออกกำลังกายได้จนร่างกายเสียพลังงานสูงสุดเนื่องจากเป็นโรคนอนไม่หลับแล้วเขาก็ไม่ดื่มของมึนเมาตลอดชีวิตเพราะเขาโทษตัวเองว่าหากวันนั้นเขาไม่เมาข้างเขาคงมีสติมากพ่อที่จะช่วยใครสักคนได้ ไปเป็นฝึกมนุษย์กบโดยรุ่นหมูนั้นมีคนเสียชีวิตระหว่างฝึก 2 คน หมูหวังจะเป็นคนที่เสียชีวิตแต่กลับไม่เป็นไรผ่านมาได้ด้วยคะแนนยอดเยี่ยมจนมีนักการเมืองระดับสูงจองตัวไปเป็นบอดี้การ์ด หมูได้ทดลองไปเป็นบอดีการ์ดอยู่ไม่นาน จึงพบว่านักการเมืองผู้นั้นมีชื่อเสียงไม่ดีเท่าไหร่หมูจึงออกมาเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งกับพวกแบบนั้น จึงหันหลังให้วงการ หันกลับมาเป็นนักบินทำฝนหลวงที่บ้านเกิดโดยมีครอบครัวผมเป็นเพื่อนแก้เหงา  ลูกชายผมทั้งสองก็สนิทกับลุงหมูมาก ถึงขั้นไปเที่ยวเยี่ยมเยียนลุงหมู บางครั้งในวันอากาศดีเหมาะแก่การตรวจสภาพอากาศลุงหมูก็จะพาลูกๆผมขึ้นบินด้วย หากเป็นเที่ยวบินที่อันตรายเขาก็จะไปเอง แต่ผมก็คิดว่าส่วนหนึ่งที่หมูไม่เคยเกิดอันตรายระหว่างบินแม้จะใช้เครื่องรุ่นเก่าสมัยสงครามโลกก็เพราะเจ้าคินต้าคงเป็นตัวการทำอัพเกรดระบบหลบหลีกฟ้าผ่าให้ และคงช่วยทำระบบต่างๆอีกหลายระบบจนทำให้ฝูงบินลุงหมูได้รับการไว้วางใจให้ทำฝนเทียมทั่วประเทศ

หลังจากออกกำลังกายเสร็จทุกเช้า ผมจะทำการให้ลูกทำการอ่านสิ่งที่ผมคัดลอกมาไว้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
ผมคัดลอกมาจาก หนังสือพระโอวาทแห่งองค์จิตจักรวาล  

ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

1. เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
2. พายุถล่ม
3. แผ่นดินแยก และแผ่นดินไหว
4. ภูเขาไฟระเบิด
(จังหวัดทางภาคกลาง 2 ลูก, ภาคเหนือตอนล่าง 3 ลูก, อีกทั้งที่จังหวัดราชบุรี / น่าน / แพร่ / อ.ร้องกวาง )
5. คลื่นยักษ์จากทะเล
6. โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา ได้แก่ , อหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ ผู้ได้รับเชื้อจะเสียชีวิตทันที ภายใน 6 วัน
7. คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตจะไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนั้นมาก่อน
8. อดอยากขาดแคลนอาหาร


การเตรียมตัว เตรียมปัจจัยเพื่อตนเองและสมาชิกในครอบครัว

1. เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้านอย่างน้อย 3 - 6 เดือน
2. เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย
ได้แก่เสื้อผ้า กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าห่ม ฯลฯ เพราะในช่วงเวลานั้นอากาศจะหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ
3. เครื่องใช้ที่จำเป็น
4. ที่อยู่อาศัย
5. ยารักษาโรค
6. ด่างทับทิมและคาราไมล์ (จำเป็นมาก)
ห้ามกินอาหารที่ไม่ได้ล้างด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรคและสารกัมมันตรังสี
ส่วนคาราไมล์ จะมีไว้รักษาโรคทางผิวหนังที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษา แต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะหายได้อย่างน่าอัศจรรย์
7. ยานพาหนะ เช่น เรือ เสื้อชูชีพ
8. เครื่องช่วยชีวิต
9. แสงสว่าง เช่นเทียน ตะเกียงพายุ (เวลานั้น ท้องฟ้าจะมืดมิด 7 วัน เท่ากับ 1 ราตรี และจะมืดมิดรวม 7 ราตรี หรือ 49 วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)
10. เตรียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

การดูแลตัวเองในช่วงเวลาวิกฤติ

1. ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้ามเปิด ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นญาติสนิท หรือคนที่เรารู้จักก็ตาม
2. ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรค สารเคมีที่มนุษย์สร้าง
3. ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องใช้ด่างทับทิมล้างทุกครั้ง
4. ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น เพราะช่วงเวลานั้น ประตูมิติของโลกทั้ง 3 ภพจะถูกเปิดเป็นครั้งแรก ผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง จิตวิญญาณก็จะได้เห็น คนที่มาเยือน อาจเป็นผีเปรต ผีโขมด ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราจำแลงมาก็เป็นได้ และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดยเด็ดขาด
5. ห้ามกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด
6. ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม
7. ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย
8. ระวังอากาศที่หนาวเย็น
9. ระวังสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษ เช่น งูพิษ จระเข้
10. ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 3 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 3 ชั้น จะพังทลายราบเป็นหน้ากลอง

การเตรียมทางจิตวิญญาณ

1. ชำระกรรมให้เบาบาง ทำได้โดย
1.1 หยุดโลภ โกรธ หลง
1.2 ทำจิตให้สงบ เบิกบาน เพราะวันนั้นจะมีผู้ที่เส้นโลหิตในสมองแตก เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพราะเสียงที่ดังกึกก้องไปกระตุ้นเส้นเลือดในสมองให้แตก ดังนั้นต้องปล่อยวาง ทำจิตให้เป็นบวก จะช่วยได้มาก
2. มีสำนึกทางจิตวิญญาณ
3. ฝึกการละวาง
4. มีสติรู้ตัวตลอดเวลา
5. ฝึกการทำโมฆกรรม ขออภัยต่อเจ้ากรรมนายเวร หรือผู้ที่เราล่วงละเมิด

การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย

1. ได้ยินเสียงใด ให้ละวางเสียงนั้น / รู้เห็นสิ่งใด ให้ละวางสิ่งนั้น
ต้องไม่รับรู้ ไม่รับเห็น ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงคนข้างบ้านร้องเพราะกำลังจะตาย หรือได้ยินเสียงใดที่น่าหวาดกลัว ต้องได้ยินแล้วผ่านเลยไป
ถ้าหากละวางไม่ได้ จะเกิดอาการ “ตายก่อนตาย” (รู้ว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆ หรือการตายทั้งเป็น)
2. ยอมรับให้ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีสติตลอดเวลา
3. อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้เกิดความกลัวมากขึ้น ควรหากิจกรรมทำ เช่น อ่านหนังสือธรรมะ เพื่อให้จิตเป็นบวก เกิดความอิ่มเอิบ
4. สังเกตธรรมชาติก่อนนาทีวิกฤติจะเกิดขึ้น

ก่อนเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ (ระยะ 2 ) จะมีลางบอกเหตุดังนี้

1. ท้องฟ้ามืดมิดผิดปกติ
2. ใบไม้จะพลิกคว่ำพลิกหงายแลดูหดหู่
3. สัตว์ทั้งหลายจะไม่ออกมาปรากฏกายให้เห็น แต่ถ้ามีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านจะแลเห็นมันวิ่งลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หรือบางตัวจะนอนนิ่งมีน้ำตาซึม

ทั้งหมดนี้ ผมท่องทุกวันจนจำได้แล้วก็ทำตามที่ผมคัดลอกมาเพื่อเตรียมตัว แต่ก็ยังคงใช้ชีวิตตามปรกติไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
หากเกิดจริง 7 ราตรีผมต้องพาครอบครัวผมรอดให้ได้นี่คือสิ่งที่ผมต้องทำในฐานะหัวหน้าครอบครัว ผมก็ไม่รู้หรอกว่าจะเกิดจริงหรือไม่ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่าง สึนามิ นั้นก็ได้เกิดมาแล้วเราควรเตรียมตัว

จากคุณ : ศรัทธาชาวสวน
เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 55 08:53:05




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com