Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ล่องกัลปาลัย บทที่ 31 และ 32 ติดต่อทีมงาน

สวัสดีครับเพื่อนนักอ่านทุกท่าน ล่องกัลปาลัยมาช้าไปหน่อยนะครับ สัปดาห์นี้เลยขอลงพร้อมกัน สองตอนรวดเลยครับ

อย่างไรขอลงตอนที่ 31 ก่อนนะครับ

ตอนที่แล้วครับ

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12647668/W12647668.html

ขอบคุณกิฟต์จากเพื่อนนักอ่านด้วยครับ คุณปุ้ย npuiy, คุณนวลน้ำผึ้ง, คุณ mementototem, น้องทะเลเดือดพันธุ์ร็อค,คุณ mimny, คุณเพชรรุ้งพราย, คุณข้าวคำ, คุณเรียวรุ้ง, อาจารย์จี Psycho man, คุณหวานเย็นผสมโซดา, คุณแก้วกังไส, คุณkdunagin,คุณ wor_lek,คุณ nasa nasa,คุณ จันทร์ไม่ตื่น และคุณมน Setakan

ติดตามต่อได้เลยครับ
บทที่ 32


    ในท่ามกลางอุทยานไม้นานาพันธุ์ของเขตอุทยานหลวง ท่ามกลางการห้อมล้อมของนางพระกำนัลที่ต้องทำหน้าที่คอยดูแลเจ้าหญิงแห่งวิเทหะ มิให้คลาดสายตา เศาร์ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางกลุ่มพุ่มไม้หนาทึบ ชายหนุ่มค่อยๆแหวกกิ่งก้านพงพฤกษ์ออกจากกันและเห็นวรกายเพรียวระหงขององค์มณีเรขา เสด็จประทับยืนอยู่ห่างออกไปยังลานดอกกุหลาบสีขาวด้านหน้า นี่คือบุปผาที่เจ้าหญิงทรงโปรดปรานเป็นพิเศษ จนกระทั่งเขาสั่งให้คนงานที่ทับสนธยาปลูกมันเอาไว้ตลอดลานกว้างด้านหลัง


  ณ ตำแหน่งที่มองลงมาจากยอดหอคอยได้พอดี เพื่อจะทอดทัศนา บุปผาแสนงามเหล่านี้ เป็นตัวแทนของเจ้าหญิงผู้แสนพิสุทธิ์และตรึงตา ในยามมิอาจจรดล


นี่เขาหวนถวิลหา มณีเรขาได้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?


      เศาร์มิอาจตอบตนเองได้ รู้แต่เพียงว่า โลกแห่งจินตภพ แทบจะเลื่อนเข้าครอบคลุมตัวตนของเขาเอาไว้จนหมดสิ้นเสียแล้ว


ยิ่งเมื่อเริ่มรู้วิธี ในการปรากฏกายขึ้นแล้วภายในอาณาจักรแห่งกัลปาลัยเล่มนี้ และข้ามผ่านเส้นแบ่งแห่งกาลเวลามาสู่การสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแห่งกัลปาลัยได้โดยประสาทสัมผัสทั้งห้ายังครบถ้วนบริบูรณ์


        สถานที่ที่เลือกเดินทางมาถึง ก็คือตำแหน่งเดียวกันกับการเดินทางย้อนกลับ ในขณะที่เวลาในโลกแห่งจินตภพและอิสรภพเหลื่อมซ้อนกัน ไม่ว่าจะดั้นด้นจรดลไปยังพื้นที่อื่นใดในขอบเขตของความฝันนั้น แต่ในยามกลับโลกปัจจุบัน เขาต้องกลับมา ณ ตำแหน่งเดิม ของการปรากฏ “ประตู” หรือ “ทวารบถ” จะเปิดออก เมื่อปัจฉิมมนตราถูกสังวัธยายขึ้น มนตราที่เขาเท่านั้นเป็นผู้เปิดผนึกและสดับได้แต่เพียงผู้เดียว...


และทุกสิ่งของการเดินทางสู่กัลปาลัย เขามิอาจหวนย้อนคืนสู่เนื้อความก่อนหน้านั้น สุวรรณชตุกา ดำเนินไปแล้วจากบทต้น ไปสู่บทต่อไปที่เขาต้องผ่านเข้าไปสู่และเผชิญกับสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้ว่าจะบังเกิดสิ่งใดต่อไป ทุกอย่างเขามิได้เป็นผู้กำหนดอีกแล้ว


   บัดนี้ เศาร์ก็พบว่าตัวเองปรากฏกายอยู่ กลางอุทยานหลวงแห่งวิเทหนคร ราวกับบทบาทของเขาถูกกำหนดให้ต้องมาพานพบกับนางอันเป็นที่รักกระนั้น


      หากเมื่อยามทอดสายตามอง มณีเรขา ความรู้สึกทั้งรัก ทั้งโหยหา รวมถึงความเศร้ากำสรดก็ปรากฏขึ้นพร้อมกัน รักและโหยหานางผู้ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้า แต่เศร้ากำสรด เมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่จะดำเนินต่อไปจากนั้น อันมิรู้ปลายทาง


  ความรัก ความสิเน่หา จะสมรักนั้นได้ฤาไฉน ในเมื่อทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน?


   ในขณะที่ความจริงนั้น เขายังมีผอบแก้วอยู่เป็นภรรยา แม้จะเป็นเพียงในนามก็ตาม เศาร์รู้ตนเองภายหลังจากงานวิวาห์นั้นผ่านไปได้ชัดเจนมากขึ้น


   เพราะในความเป็นจริงแล้ว ทั้งเขาและผอบแก้ว มิได้มีใจรักใคร่แก่กันและกันเลย ทุกอย่างเป็นความเห็นชอบของผู้ใหญ่ในเรื่องของความเหมาะสม เป็นเพียงความลุ่มหลงชั่วครู่ยามของผอบแก้ว ไม่ต่างกับที่หล่อนชื่นชมที่ได้ควงคู่กับประพจน์ หรือเพื่อนชายที่ร่ำรวย มีหน้ามีหน้าตา เทียบเท่ากับศักดิ์ศรีของหล่อน ในขณะที่เขาเองก็ผิด ที่มิได้เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง


 ใช่! มันคือความรัก... และคิดฝันไปเองว่ารักนั้น คงจะบังเกิดขึ้น ถ้าหากคนสองคนได้อยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยากันไปแล้ว ในวันหนึ่งวันใดข้างหน้า


     แต่รักก็มิใช่ สิ่งที่จักประกาศิต ฤาเสกสร้างขึ้นดังใจปรารถนา มันเกิดขึ้นเอง รู้สึกได้ด้วยตัวเอง ในยามที่รักเกิดขึ้นแล้ว เท่านั้น!

ห้ามหัวใจ มิให้รัก เกินหักจิต
ประกาศิต รักได้ ดังใจฝัน
เมื่อเกิดขึ้น เกินใจ ห้ามได้ทัน
ความไหวหวั่น โจมจู่ เข้าสู่ใจ

มันคือสิ่ง อัศจรรย์ บันดาลโลก
บันดาลโศก บันดาลสุข ทุกสมัย
ให้ร่ำรวย มหาศาล สักปานใด
มิอาจใช้ เงินตรา หาซื้อมัน

 เพราะว่ารัก จักเกิดได้ ด้วยใจรัก
และฟูมฟัก ทะนุถนอม คอยกล่อมขวัญ
รสแห่งรัก จึงจักหวาน ซ่านทรวงครัน
และคงมั่น ตราบสิ้น ชีวินทรีย์!


    ในความคิดครุ่นคำนึงนั้นเอง สายตาของเศาร์ก็เบนสบกับเจ้าหญิงมณีเรขาที่ทรงทอดพระเนตรมาเห็นเข้าในจังหวะนั้นพอดี!!


    พักตร์หวานละมุนแปรเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย มิให้เป็นพิรุธ ในขณะที่บรรดานางสนมกำนัลเหล่านั้นยังมิล่วงรู้ถึงความผิดปกติ ทรงตรัสกับบรรดานางเหล่านั้นเพื่อให้ไปเก็บมวลมาลีตามที่มีพระประสงค์ เพียงมิช้า ภายในบริเวณลานกุหลาบแห่งนั้น


  กุหลาบขาวพราวพร่าง ส่งกลิ่นหอมตรลบไปทั่วบริเวณ กุหลาบที่เขานำมันกลับมาสู่ทับสนธยา และตั้งใจที่จะปลูกมันขึ้นเพื่อหวนระลึกถึงมณีเรขา ในยามมิอาจจรดล...


         ชายหนุ่มก้าวออกมา ยืนประจันหน้ากับพระธิดาโฉมงามแห่งวิเทหนคร อย่างมิพรั่นพรึงใดๆอีกต่อไป เศาร์เอื้อมเด็ดดอกกุหลาบขาวดอกหนึ่งขึ้นมา แล้วยื่นถวายแด่องค์เจ้าหญิงแห่งวิเทหนคร


        พักตร์นวลละมุนแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เมื่อทรงรับกุพชกาดอกนั้นมาไว้ในอุ้งหัตถ์ก่อนจะจรดปลายนาสิกลงไป

 กุหลาบงาม ผลิบาน กลางลานหญ้า
ช่างสูงค่า เกินฝัน ให้หวั่นไหว
เจ้าดอกไม้ เจ้าเอย เคยหรือไร
จะยอมให้ ภุมริน ถวิลวาย?

   เพียงโชยกลิ่น รินลม ละล่องฟ้า
ชื่นอกข้า ซาบทรวง มิห่วงหาย
ได้รับรู้ รสรัก มิจักคลาย
ถึงตรมตาย ก็พร้อม จะยอมพลี


  “ท่านจะเล่าที่มาของท่านให้เราฟังต่อจากนั้นได้หรือยัง เศาร์?”


“กระหม่อมยินดีเล่าทุกอย่างที่ทรงพระประสงค์ เพียงแต่พระองค์จะทรงเชื่อถือคำกราบทูลหรือไม่เท่านั้น”


   เจ้าหญิงน้อยพยักพระพักตร์รับอย่างเด็ดเดี่ยว ในราตรีนั้นที่มีโอกาสอยู่ร่วมกันเพียงลำพัง เขาก็ได้เล่าเรื่องราวเพียงบางส่วนให้กับองค์มณีเรขาไปบ้างแล้ว และนี่คงจะเป็นโอกาสครั้งที่สอง ที่ได้อยู่ร่วมกันในสถานที่รโหฐานแห่งนี้ โดยปราศจากบุคคลที่สาม


  เวลาผ่านไปเหมือนเพียงชั่วเวลาไม่นาน ตราบจนกระทั่งเสียงพูดคุยระหว่างกันของบรรดานางพระกำนัลดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้น


“ท่านจะกลับไปยังดินแดนฝั่งนั้นแล้วใช่ไหม เศาร์?”


“ข้าพระองค์สัญญา ว่าจะกลับมาอีก...”


         เศาร์หักใจด้วยความอาวรณ์ แล้วรีบผินกายดุ่มเดินย้อนกลับเข้าไปในม่านไม้ที่ผ่านเข้ามา เจ้าหญิงมณีเรขาทรงทอดพระเนตรภาพเบื้องหน้าด้วยความอัศจรรย์พระทัย เป็นครั้งแรกที่ทรงเห็น “การจรดล”จากชายหนุ่มปริศนาผู้นี้ แม้จะมองผ่านม่านพุ่มพฤกษ์ที่กำบังอยู่เพียงรางๆก็ตามที


    ภาพอุทยานที่เศาร์กำลังตรงดิ่งออกไป คล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นจับแยกให้เลื่อนเปิดออกจากกันเป็นเวิ้งมืดแห่งอีกผืนภพ และชายหนุ่มก็ค่อยๆเลื่อนตัวแทรกผ่านเข้าไปอย่างช้าๆ จนกลืนหายเข้าไปในช่องว่างประหลาดนั้น พริบตาเมื่อรอยเปิดแยกกลืนกลับเข้าหากันเป็นผืนอากาศอันเรียบสนิทเฉกเดิม


“ฝ่าบาทเพคะ”


       เสียงเรียกดังขึ้นนั้นเอง ทำให้เจ้าหญิงแห่งวิเทหะไม่อาจทอดพระเนตรจนเห็นขั้นตอนสุดท้ายของการจรดลนั้นได้ ทรงรีบหันพักตร์กลับแล้วสาวพระบาทอ้อมกลับไปดักกลุ่มนางพระกำนัลเหล่านั้นทันที


         โดยมิได้ทันสังเกตว่า ยังมีใครอีกผู้หนึ่งที่ลอบสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังพุ่มไม้ ในตำแหน่งสำคัญที่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ระหว่างพระองค์กับ “ไอ้วณิพก” แดนไกลผู้นั้นจนหมดสิ้นทุกขั้นตอนของการก้าวข้ามเส้นแบ่งแห่งจินตนาการ


   มันผู้นั้นยิ้มแสยะด้วยความมุ่งร้าย อำมหิตอันมีมากเหนือไปกว่าความมหัศจรรย์ใจ มือทั้งสองกำแน่นเข้าหากันเพื่อข่มกลั้นอารมณ์โทสะอันเป็นเจ้าเรือน


    และบัดนี้ มันก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด รวมถึงการหายตัวไปอย่างลึกลับของ ศลภมาณพ ตามคำให้การของเหล่าทหารหุ่นพยนต์ ในกาลก่อนนั้นด้วย


“มีบุรุษผู้หนึ่งเข้ามาช่วยเหลือศลภมาณพให้หนีออกไปได้”


“ใคร?”


         หุ่นพวกนั้นมิอาจตอบได้


 “พวกมันหนีผ่านเข้าไปในอีกดินแดนหนึ่ง ที่ข้าไม่อาจล่วงรู้”


  ดินแดนใด? คำตอบนั้นปรากฏขึ้นแล้วในบัดนี้โดยไม่มีข้อกังขาใดๆอีก


  สิงหเมฆินทร์ ทอดมองภาพที่ปรากฏเมื่อรอยแยกมหัศจรรย์นั้นแผ่กว้างออกจากกัน และเห็นร่างของไอ้เศาร์เคลื่อนผ่านออกไปด้วยอาการหมายมาด...


        น่าแปลก ในขณะที่ใครๆไม่ได้สำเหนียกถึง “เสียง”ที่ดังแผ่วเบาออกมาจากไอ้มาณพหนุ่มผู้นั้น สิงหเมฆินทร์กลับสดับน้ำเสียงของมันได้ชัดเจน


         นี่กระมังคือมนตราสำหรับเปิดทวารแห่งอีกฟากภพ? มันแสยะยิ้มด้วยความปิติปราโมทย์ เหลือเพียงอย่างเดียว... มันจะต้องรู้ให้ได้ว่า “โลก”ที่อยู่นอกเหนือจากวิเทหนครและโรมพิสัยออกไปราวกับแดนสรวงสวรรค์เบื้องนอกนั้นคือสถานที่อันใด


และเพียงชั่วแวบเดียว ระหว่างที่ช่องว่างมหัศจรรย์เปิดกว้างออกจากกันเชื่องช้านั้นเอง เมื่อมันได้เห็นใครอีกคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ ณ ตำแหน่งปลายทางนั้น


      ผู้หญิงที่มันไม่เคยพบเห็นมาก่อน...


             *************************


          ผอบแก้วลืมสิ้นในข้อตกลงที่เคยรับปากกับผู้เป็นสามี บัดนี้หล่อนก้าวล่วงขึ้นมาสู่ห้องบนยอดหอคอยแห่งนั้น ที่ไม่เคยย่างเหยียบขึ้นมาก่อน


โดยเฉพาะเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าราวกับเป็นฝันร้าย


   มันเริ่มต้นตั้งแต่หล่อนและขุนพิพิธลอบเข้ามาถึงห้องทำงานของคุณหลวงอนุรักษ์ และถือวิสาสะล่วงล้ำเข้าไปในห้องแห่งนั้น ไม่นึกว่าสภาพของมันจะถูกตระเตรียมเอาไว้พร้อมสรรพ ไม่ต่างกับสถานที่ทำงาน และใช้ชีวิตทุกอย่างของเขาให้อยู่บนนี้


แต่ไม่ใช่กับหล่อน!


  และที่สำคัญก็คือสิ่งซึ่งปรากฏอยู่บนโต๊ะทำงานตัวนั้นนั่นเอง ประกายสีทองเจิดจรัสแจ่มแสงเรืองรองราวกับมันสามารถเปล่งประกายออกมาได้


    หนังสือเล่มนั้นเปิดกว้างค้างเอาไว้ โดยปราศจากผู้ใดสักคนอยู่ภายในห้องแห่งนั้น หล่อนไม่ทันสังเกตสายตาเป็นประกายวาววับด้วยความโลภของขุนพิพิธอารัญ ระหว่างจ้องมองข้าวของเครื่องใช้อันล้ำค่าหลายชิ้นที่ประดับประดาอยู่ภายในห้องส่วนตัวของสหายคู่แค้น โดยเฉพาะทองคำ!


     วัตถุหลายชิ้นที่วางประดับประดาในตู้กระจกแก้วใส ล้วนเป็นทองคำที่มีรูปทรงละม้ายสิ่งของวัสดุจากธรรมชาติที่สลักเสลาขึ้นอย่างสมจริงเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ ดอกไม้ หรือแม้แต่แมลงบางชนิด


  นี่เองที่ทำให้หลวงอนุรักษ์ร่ำรวยขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา และข้าวของเหล่านั้นก็ยิ่งกระตุ้นความโลภให้บังเกิดขึ้นจนเกินระงับใจ ขุนพิพิธเดินสังเกตรอบบริเวณห้องโดยไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป ในขณะที่ผอบแก้วกลับเดินตรงดิ่งมายังโต๊ะกึ่งกลางห้อง ราวกับต้องมนต์สะกด


     มันอาจจะเป็นลางสังหรณ์ หรือสัญชาตญาณเร้นลับของความเป็นหญิง หนังสือเล่มนั้นมีพลังอำนาจดึงดูดใจอย่างประหลาด จนทำให้หล่อนต้องก้าวตรงเข้าไปใกล้มันเรื่อยๆ และหยุดนิ่งในระยะห่างที่พอจะมองลงไปเห็นหน้าสมุดแผ่นสุดท้ายที่เปิดกว้างออกจากกัน


   ผอบแก้วเกินจะหักห้ามใจ เมื่อเบนสายตามองดิ่งลงไปยังแผ่นกระดาษหน้าที่เปิดค้างอยู่โดยอัตโนมัติ...


  บนแผ่นกระดาษสีขาวสะอาดตา บังเกิดตัวอักษราสีเหลืองสุกปลั่งดุจทองคำ ผุดพ้นขึ้นมาจากผืนกระดาษทีละตัว ทีละอักษร เกิดเป็นระลอกแล้วระลอกเล่าที่ต่อเนื่องต่อกัน ราวกับฟองคลื่นในมหาสมุทร พร้อมละไอสีทองระเหยกรุ่นบางเบา ก่อให้เกิดละอองระยิบระยับจับตาแต่แรกเห็นนั่นเอง

  โอ้อาลัย มิ่งมณี ของพี่เอ๋ย
ต้องร้างเลย ลาแล้ว นะแก้วขวัญ
อย่าขุ่นเคือง โศกา เฝ้าจาบัลย์
เพราะใจนั้น ฝากไว้ ให้เจ้าครอง

อันหญิงอื่น ดื่นไป ไม่ขอรัก
มุ่งสมัคร เคียงคู่ ได้สู่สอง
มิ่งมณี เรขา ข้าฯหวังปอง
เพียงหนึ่งน้อง นุชนี้ นิจนิรันดร์...

     น่าแปลก หัวใจของผอบแก้วกลับวูบไหวอย่างประหลาด เมื่อสดับทุกตัวอักษรที่ปรากฏขึ้นนั้น ราวกับสามารถสื่อได้กับสารที่ส่งผ่านออกมาจากตัวหนังสือ หากหญิงสาวก็ตระหนักรู้ ว่าประโยคถ้อยอันอ่อนหวาน ที่ “ใครคนหนึ่ง”ใน เนื้อเรื่องของหนังสือเล่มนั้น เอ่ยเอื้อนวจีออกมา มิได้หมายถึงตัวของหล่อนเลย...


    แต่เป็น “ใคร”คนที่เศาร์ เป่าขลุ่ยรำพึงถึงด้วยความหวนหา ในยามอำลาจาก...


อันหญิงอื่นดื่นไปไม่ขอรัก!!


         ประโยคนั้นเล่า กลับยิ่งสร้างความยอกแสยงให้กับหัวใจที่เคยคิดว่าแกร่งกร้าวไม่หวั่นไหวต่อสรรพสิ่งใดๆรวมถึงตัวของเขาด้วย ก่อให้เกิดความผิดหวังเกินคณนา

        ความหนักหน่วงบีบรัดในทรวง จนเกือบจะถลันเข้าไปคว้าหนังสือเล่มนั้นแล้วปิดกลับลงไปเสียแล้ว ถ้าหากว่า ละอองสีทองอร่ามกลับลอยตัวทวีความหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แล้วพุ่งผ่านจากหน้าสมุดเล่มนั้นขึ้นมาเสียก่อน


  ในเวลานั้นเอง หญิงสาวจึงมองเห็นภาพอีกภาพหนึ่งซ้อนทับลงไปในหน้าสมุดสีขาว เหมือนกับภายใต้รอยแหว่งวิ่นของกระดาษ กลับมีบางสิ่งซุกซ่อนเอาไว้เบื้องหลัง


   มันเป็นภาพของอาคารบ้านเรือนประหลาดตา แนวพุ่มพฤกษ์ลดามาลย์ และใครอีกคนหนึ่งที่กำลังจ้องขึ้นมาจากภายใต้หนังสือเล่มนั้น


    สายตาที่ทำให้ผอบแก้วเย็นยะเยือกจากศีรษะจรดปลายเท้า... นี่เป็นสายตาของบุรุษที่ทำให้หล่อนรู้สึกถึงการสยบอยู่ใต้อำนาจ และความเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ อย่างที่ผอบแก้วไม่เคยเผชิญมาก่อนในชีวิต


  ไม่เคยมีบุรุษใดที่ทำให้หล่อนรู้สึกทั้งหวาดกลัว ครั่นเนื้อตัวจนหนาวยะเยือกเข้าไปถึงหัวใจได้ถึงเพียงนี้ ในขณะที่เดียวกันมันก็ปลุกสัญชาตญาณบางอย่างในตัวตนของหล่อนออกมาพร้อมกันด้วย เป็นสิ่งประหลาดที่แม้แต่คุณหลวงอนุรักษ์ ผู้เป็นสามี ก็ยังไม่เคยทำให้ผอบแก้วรู้สึกเช่นนี้


   “มะ-ไม่ม์ม์ม์...”


    หญิงสาวรีบผินหน้าแล้ววิ่งเตลิดออกไปจากห้องนั้นโดยไม่ทันได้เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามมา ในขณะที่ขุนพิพิธที่มัวแต่หลงตื่นตะลึงกับข้าวของภายในห้อง ก็หันกลับมาเห็นเข้าพอดีเมื่อได้ยินเสียงหวีดร้อง ชายหนุ่มตะโกนเรียก แล้วรีบตามออกไป แม้จะรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่ได้เข้ามาเห็นภายในห้องส่วนตัวของหลวงอนุรักษ์วนาดร




            และบานประตูที่เปิดค้างนั้นเอง ทำให้คุณหลวงหนุ่มผู้จรดลผ่านกลับออกมาจากกัลปาลัย ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ในสภาวะอันเหลื่อมซ้อนแห่งมหามนตรา ทำให้เขาไม่อาจสังเกตถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งโลกปัจจุบันก่อนหน้า


    นอกจากท้ายของเสียงหวีดร้องที่ทอดยาวหายลงไปยังเบื้องล่าง และจดจำได้ว่าเป็นน้ำเสียงจากผู้เป็นภรรยาของเขานั่นเอง


  ผอบแก้ว??


           ************************


  ผอบแก้วจัดกระเป๋าเดินทางพร้อมสัมภาระทุกอย่างเอาไว้อย่างเรียบร้อยตั้งแต่คืนนั้น หล่อนรอคอยให้เขาลงมาจากห้องทำงานด้วยใบหน้าที่ซ่อนความหวาดหวั่นเอาไว้ไม่มิด


         “คุณอบจะไปไหนหรือ?”


   “ดิฉันจะกลับพระนคร”


       หล่อนพยายามข่มอาการทั้งปวงให้อยู่ในอิริยาบถเรียบนิ่งเหมือนเช่นเดิม ไม่มีประโยชน์จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายรับฟัง ความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีแปรเปลี่ยนไปแล้วโดยสิ้นเชิง แม้จะยังหวนอาลัยต่อทรัพย์สินมีค่าต่างๆที่เขาสร้างขึ้นในเคหาสน์ “ทับสนธยา” แห่งนี้สักเพียงใดก็ตาม


            แต่ใครคนนั้น ผู้ที่อยู่ภายใต้หนังสือวิปริตพิสดารเล่มนั้น ก็ไม่อาจทำให้หล่อนนิ่งเฉยอยู่ได้ แค่นึกขึ้นมาขุมขนก็ลุกกรูเกรียวด้วยความหวาดผวา พลังอำนาจที่แผ่ผ่านออกมาจากนัยน์ตาคมกล้าและหรี่เล็กลงเมื่อประสานสายตากับหล่อน ผอบแก้วรู้สึกไม่ต่างกับนัยน์ตางูพิษที่กำลังเพ่งสะกดเหยื่อก่อนการสังหาร!


“ดิฉันอยากจะกลับไปดูแลคุณแม่ ที่ศิริราช”


           หล่อนพยายามหาสาเหตุมาตอบกับหลวงอนุรักษ์ แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่เชื่อคำพูดนั้นเลยสักนิดเดียว


  “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็คงไม่ขัดคุณอบ แต่ขอให้รอสักครู่ ให้ฉันขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วจะพาแม่อบไปส่งให้ถึงพระนคร”


  “ไม่ต้องเอื้อเฟื้อดิฉันถึงเพียงนั้นหรอกค่ะคุณหลวง พอดีว่าดิฉันแจ้งให้คุณชำนาญมารับแล้ว อีกสักครู่ก็คงจะมา”


     คำตอบอย่างไร้เยื่อไยเช่นนั้น ทำให้ชายหนุ่มถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ในขณะที่เสียงรถแล่นเข้ามาในเขตของทับสนธยาพอดี หญิงสาวลุกขึ้นพร้อมกับกระเป๋าถือส่วนตัว ตั้งใจว่าจะเรียกให้บ่าวคนอื่นเข้ามาช่วยขนออกไปพอดี


หากขุนพิพิธอารัญก็เป็นฝ่ายผลักประตูเข้ามาก่อน ไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทายหลวงอนุรักษ์ผู้เป็นเจ้าของบ้านเสียด้วยซ้ำ ในมือของชายหนุ่มมีซองโทรเลขที่ส่งมาจากพระนคร แล้วยื่นออกมาให้กับหญิงสาว


“โทรเลขด่วนครับคุณอบ”


          ผอบแก้ว มองหน้าชายหนุ่มด้วยความพิศวงแล้วแกะซองออกเปิดอ่านในทันที ประโยคที่ได้รับมาทำให้หล่อนถึงกับกรีดร้องออกมาสุดเสียง แล้วโดยไม่มีใครคาดคิด ร่างอรชรก็ล้มคว่ำลงกับพื้น โดยที่หลวงอนุรักษ์เป็นฝ่ายถลันพรวดเข้าไปช้อนร่างผู้เป็นภรรยาเอาไว้ได้ทัน


    กระดาษแผ่นนั้นหลุดร่วงจากกำมือขาวซีด และข้อความก็ปรากฏชัดเจน มันถูกส่งมาจากหญิงแม่บ้านของพระยาพิทักษ์พนาลัยนั่นเอง


  ข้อความนั้น บอกแต่เพียงว่าคุณหลวงและคุณหญิงพิทักษ์พนาลัยถึงแก่อนิจกรรมแล้วทั้งคู่ ภายในเวลาไล่เลี่ยกัน!!

           ****************************

เดี๋ยวตอนเย็นมาลงต่อนะครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ

จากคุณ : สามปอยหลวง
เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:00:00




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com