Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชิงสุกก่อนห่าม ติดต่อทีมงาน

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์มือถือของพีรยาดังขึ้นทำลายความเงียบในขณะที่เธอเพิ่งงีบหลับได้ไม่นานหลังจากที่ให้ลูกน้อยวัย 2 เดือนได้ดูดนมจากอกแล้วเคลิ้มหลับไป
“ฮัลโหล”
“พี เราเอง นาท ไง”
“หือ นาทเหรอ ว่าไงมีไรเหรอ”
“ได้ข่าวว่าคลอดลูก เป็นไงบ้าง ผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ผู้ชายจ่ะ แล้วนาทเป็นไง ลูก 3 คนคงโตกันหมดแล้วสิ”
“ก็โตหมดแล้วล่ะ ลูกชายคนโตตอนนี้ก็ 7 ขวบ คนกลาง 5 ขวบ คนเล็ก 4 ขวบ แล้วแฟนพีเป็นไงบ้าง ช่วยเลี้ยงลูกหรือเปล่า”
“ขานั่นเหรอ เห่อลูกมากเลย เขาช่วยทุกอย่างแหละ ตั้งแต่เปลี่ยนผ้าอ้อม ซักผ้าอ้อม หาข้าวให้เรากิน นี่ดีหน่อยนะ ที่เราไม่ต้องคอยชงนม เพราะลูกกินนมเราตลอด หน้าที่นี้เลยไม่ต้องทำ”
พีรยากล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ดีจังนะ ไม่เหมือนเรา”
นารทลดากล่าวแสดงความยินดีกับเพื่อน แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความทุกข์ เมื่อหวนคิดถึงเรื่องของตัวเอง
“มีอะไรเหรอ นารท”
พีรยาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
สิ้นคำของพีรยา นารทลดาจึงกล่าวกับเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอร่ำไห้ออกมาด้วยความทุกข์ระทม ร่ำร้องนึกถึงความหลังแต่เก่าก่อน หากว่าย้อนเวลาได้เธอคงไม่ตัดสินใจเช่นนี้

...

เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
นารทลดาเรียนอยู่ที่มหาลัยเอกชนชื่อดังที่ค่าหน่วยกิตแพงหูฉี่ ชนิดที่ค่าเรียนที่นี่วิชาเดียวสามารถจ่ายค่าเทอมของมหาวิทยาลัยรัฐได้ทั้งเทอมเลยทีเดียว
นารทลดาเรียนคณะบริหาร เธอสนิทกับพีรยา และ หนูนา มากที่สุด
“เฮ้อ...วิชานี้น่าเบื่อจริงๆ” พีรยาทอดถอนใจ เมื่อกลุ่มของเธอเดินมานั่งที่โต๊ะประจำ
“อย่าเบื่อไปเลย อีกปีกว่าๆ ก็จบแล้ว ทนๆ ไปเถอะ” หนูนาพูด
“ใครจะเรียนเก่งเหมือนหนูนาล่ะ วิชาอะไรก็ได้คะแนนท้อปตลอด อย่างนี้รอเกียรตินิยมได้เลย” พีรยาพูด
“ช่าย อย่างหนูนาไม่ต้องห่วง ได้เกียรตินิยมอยู่แล้ว” นารถลดาเสริม
“เมื่อไหร่จะเรียนจบซะทีน้า อยากทำงานเร็วๆ จัง สิ่งแรกที่เราจะทำทันทีที่เรียนจบเลยก็คือ .... เราจะต้องหาแฟนให้ได้ โฮะ โฮะ โฮะ”
พีรยาประกาศต่อหน้าเพื่อนๆ อย่างหมายมั่นตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ ทำเอาเพื่อนๆ อดหัวเราะไม่ได้
บรรยากาศในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นไปด้วยความสนุกสนานตามประสาวัยใส ที่มีเพียงเรียน ทำกิจกรรม และสรวลเสเฮฮากันในหมู่เพื่อน
นารทลดา เมื่อครั้งเรียนในมหาวิทยาลัย เธอเป็นเด็กที่มีความประพฤติดี และเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี มีเพื่อนฝูงมากมาย จนกระทั่งปี 3 เทอม 2
“หนูนา ได้ติดต่อนารทบ้างไหม” พีรยาถาม
“โทรไปหาแล้ว ติดต่อไม่ได้ เหมือนจะปิดมือถือเลย” หนูนาตอบ
“เหมือนกันเลย เราโทรไปก็เจอแบบนั้นเหมือนกัน นารทเขาเป็นอะไรนะ หายไปเป็นอาทิตย์แล้ว และนี่ก็ใกล้จะสอบแล้วด้วย ไม่เห็นติดต่อมาบ้างเลย ถามใครก็ไม่มีใครรู้”
พีรยาพูดกับหนูนาด้วยความเป็นห่วงเพื่อน

เช้าวันรุ่งขึ้นหนูนาวิ่งกระหืดกระหอบมาหาพีรยาแต่เช้า
“พี พี เราได้ข่าวนารถแล้วล่ะ เมื่อวานนารทโทรหาเรา นารทเขาบอกว่า เขาจะแต่งงาน เขาไม่มาเรียนแล้ว” หนูนาพูดโดยไม่เว้นจังหวะให้พีรยาพูดบ้าง
“ห๊า!! ไม่เรียนแล้ว จะไปแต่งงาน ไหงเป็นอย่างนี้ล่ะ อีกแค่ปีเดียวจะจบแล้วนะ ทำไมต้องรีบแต่งด้วยล่ะ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นนารถเขาจะมีแฟนที่ไหนนี่หน่า” พีรยาประหลาดใจมาก
“ก็เห็นนารทเขาว่างั้น เขาบอกว่าพ่อแม่เขาให้แต่ง”
“เหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราพูดอะไรก็คงทำอะไรไม่ได้ แล้วนี่นารทจะเชิญพวกเราไปงานแต่งเขาหรือเปล่าเนี่ย จะได้ไปกินฟรี” พีรยายังอดห่วงกินไม่ได้
“บ้าน่า คงไม่ได้ไปมั้ง นารทไม่ได้บอกว่าจะแต่งเมื่อไหร่ เห็นบอกแต่ว่าจัดแค่ภายในครอบครัว”
“อ่าว เหรอ แหม อดกิน เอ้ย อดแสดงความยินดีด้วยเลย”

นี่เป็นเหตุการณ์ที่พีรยารู้เมื่อตอนที่นารทลดาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อไปแต่งงาน และไม่นานเธอก็ให้กำเนิดลูกชาย พีรยายังเคยไปเยี่ยมลูกชายของนารทลดา เมื่อครั้งที่เรียนอยู่ปี 4 เด็กชายน้อยน่ารักน่าชังนอนหลับตาพริ้มอยู่ในเปล ทำให้พีรยาหมั่นเขี้ยว จนต้องปลุกเด็กน้อยขึ้นมานั่งเล่นด้วย
เสียงของนารทลดายังคงสะอื้นอย่างไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี
“แฟนชั้นเขามีผู้หญิงอื่น ฮือ ฮือ พี ถึงขนาดจะให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้าน เงินทองก็ไม่ค่อยให้เราใช้ ตอนนี้เรามีสภาพไม่ต่างอะไรกับคนใช้ ให้ใช้แค่วันละร้อย ทั้งแม่ทั้งลูก ลำพังเราคนเดียว เราทนหิวได้ แต่เราสงสารลูก บางครั้งเราไปรับลูกที่โรงเรียน ลูกก็ร้องอยากกินขนม เราก็ไม่มีเงินซื้อขนมให้ลูกกิน บางทีเราก็ยอมอด แล้วเก็บตังค์ไว้ซื้อขนมให้ลูก เราเห็นลูกแล้วเราสงสาร ทีกับผู้หญิงคนนั้น พอเขาอ้อนอยากเปิดร้านกาแฟ ก็จะทุ้มเงินออกทุนให้เขา แต่พอเราจะทำบ้าง ก็ไม่ให้ ฮือ ฮืฮ ” ในที่สุดเธอก็โพล่งออกมา
“แล้วนารทจะทำยังไงต่อไป”
“เราอยากจะหนี หนีไปให้พ้นๆ ถ้าอยู่เราก็ต้องลำบากอดมื้อกินมื้อ เรากะว่าจะออกไปอยู่บ้านพ่อแม่สักพัก แต่พอคิดไปคิดมาก็สงสารลูก ว่าลูกจะอยู่กับใคร ถ้าเอาลูกมาด้วย เราก็คิดว่าเราไม่มีปัญญาหาเงินเลี้ยงลูกได้แน่ ลูกตั้ง 3 คน”
“ก็ทำงานไงนารททำงานหาเงินเลี้ยงลูก สมัยนี้เรื่องค่าเล่าเรียนก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ตอนนี้เด็กๆ เขาเรียนฟรี ตรงนี้ก็ไม่ต้องใช้เงินมาก”
“แล้วเราจะไปทำอะไรได้ล่ะ เรียนก็ไม่จบ วุฒิอะไรก็ไม่มี ไปสมัครงาน ก็ต้องเป็นงานโรงงาน ได้เดือนละ 6-7 พัน สู้หาเงินลงทุนค้าขายดีกว่า ...อ๊ะ พี พี แค่นี้ก่อนนะ แฟนเรามาแล้ว”
นารทลดาพูดยังไม่ทันจบก็ต้องรีบวางหู

หลายเดือนต่อมาพีรยาโทรไปหานารทลดาบ้าง
“ฮัลโหล เป็นไงนารท”
“พีเหรอ เราก็งั้นงั้น ตอนนี้ย้ายมาอยู่บ้านพ่อแม่แฟน เขามีที่ทางให้ทำสวนผลไม้ ก็เลยมาทำกับเขา เฮ้อ เหนื่อยสายตัวแทบขาด”
“ก็ดีแล้วนี่ เหนื่อยหน่อย เดี๋ยวก็ได้เงินแล้ว ขยัน ขยัน จะได้ได้เงินเยอะๆ”
“มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ เราทำงานหนัก แต่เงินก็เข้ากงสี เราได้ไม่เท่าไหร่หรอก ก็แค่พออยู่ได้ ทุกวันนี้ต้องทนทนทำไป คิดซะว่าทำเพื่อลูก นึก นึก แล้วเสียดายอย่างเดียว ว่าหากมีใบปริญญา มีความรู้ติดตัวบ้าง เราก็จะได้หางานทำและไปเริ่มชีวิตใหม่กับลูก จะได้ไม่ต้องลำบากอย่างทุกวันนี้”
พูดจบนารทลดาก็วางหูโทรศัพท์ ทอดถอนใจ เธอยกถังน้ำยาฉีดฆ่าแมลงขึ้นสะพายหลัง สายตามองไปที่สวนส้มยาวสุดลูกหูลูกตา เธอไม่มีเวลาคุยมากนัก เพราะต้องรีบฉีดยาให้เสร็จ จากนั้นก็ต้องรดน้ำ พรวนดิน และจากนั้นก็ต้องเตรียมอาหารให้สามีและลูก เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน

เขียนโดย กันต์นัทธ์

จากคุณ : กันต์นัทธ์
เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:05:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com